ความสุขและความทุกข์ของเราเกิดจากความคิดของตัวเองทั้งสิ้น หยุดคิดก็หยุดทุกข์
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ฆราวาสธรรม... ธรรมสำหรับเราๆ ท่านๆ

ฆราวาสธรรม ชื่อก็ตรงๆ ตัวคือ ธรรมสำหรับผู้ครองเรือน ไม่ได้หมายความตรงตัวเป๊ะ ว่าต้องเฉพาะคนมีบ้านมีเรือนให้ครองเท่านั้นหรอกนะคะ แต่หมายถึงชาวบ้าน ไม่ใช่นักบวช

ชาวบ้านเราๆ นั้น ควรมีหลักประจำใจเอาไว้ยึดถือบ้าง ซึ่งหลักเหล่านี้เหมาะสมกับทุกคน ไม่มีการแยกชนชั้น วรรณะ สีผิว เผ่าพันธ์ อาชีพ วัย เพศ อะไรทั้งสิ้น

เรามาดูกันว่า ฆราวาสธรรม เนี่ยมีอะไรบ้าง แล้ววิเศษยังไง

1 สัจจะ คำว่า สัจจะ แปลว่า จริง ตรง แท้ ก็สุดแล้วแต่ว่าในเรื่องใด ควรจะแปลว่าอะไร ถึงจะเหมาะสม เพราะสัจจะนี้มีอยู่ 5 สถานหรือเรื่องได้แก่

การงาน ก็หมายถึงการทำกิจวัตรอะไรต่างๆ ที่ต้องทำ เช่น อาบน้ำ กินข้าว ฯลฯ การมีสัจจะกับการงาน ก็หมายถึงว่า งานที่เราทำนั้น เราทำเพื่อต้องการให้ผลมันเป็นเช่นไร ก็ต้องทำให้เกิดผลตามนั้นจริงๆ ไม่ใช่สักแต่ว่า ทำๆ ไปให้ได้ชื่อว่า ได้ทำแล้ว แต่ผลไม่สำเร็จตามที่ควร อย่างเช่น อาบน้ำ ก็เพื่อให้ร่างกายสะอาด ไม่ใช่กระโดดเข้าไปใต้ฝักบัวให้ตัวเปียกๆ ไม่ได้ขัดไม่ได้ถูอะไร แล้วบอกว่าอาบน้ำแล้ว เป็นต้น

หน้าที่ อันนี้ก็ตรงๆ คือ เรามีหน้าที่อะไร ก็ทำให้มันตรงกับหน้าที่ของตน ทำจริงๆ อย่างเช่น ตำรวจมีหน้าที่จับคนร้าย คนทำผิดกฏหมาย แต่พอเมียตัวเองทำผิด ก็ไม่จับ ไม่ปรับ

บุคคล ก็คือ มีความจริงใจ ซื่อตรงกับบุคคลอื่น ไม่ใช่หน้ายิ้มแต่มือถือมีดซ่อนอยู่ข้างหลัง อย่าเผลอนะ อย่าเผลอ..

คำพูด อันนี้คงเข้าใจนะว่า สัจจะในคำพูดเป็นเช่นไร หือ ว่าไงนะ ไม่เข้าใจเหรอ ก็คือพูดว่าจะทำอะไร สัญญาว่าจะทำอะไร ก็ต้องทำตามที่พูดไง ดังนั้น ก่อนจะพูดจึงต้องแน่ใจแล้วว่าทำได้จริงๆ อย่าให้ลมบนกับลมล่างมีค่าเท่ากัน เข้าใจ๋

ธรรมหรือความดี ก็คือยึดมั่นในความดี

หากใครก็ตามยึดถือสัจจะแล้ว เราก็พอมองออกนะว่า ผลดีจะเป็นเช่นไร คนที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ลูบหน้าปะจมูก ไม่สองมาตรฐาน พูดคำไหนเป็นคำนั้น รักษาคำพูด มีความจริงใจไม่ใช่คบแบบพันธมิตร คือเป็นมิตรเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ขัดกันวันไหน เอ็งตาย

คนมีสัจจะ ใครๆ ก็ยอมรับนับถือว่า เป็นผู้เชื่อถือได้ จะทำกิจการงานอะไรก็รุ่งเรือง ไปกู้ใคร เขาก็ยอมให้กู้เพราะรู้ว่าได้คืน เป็นต้น

2 ทมะ แปลได้ 3 ความหมายคือ การฝึก การหยุด และการข่ม

การฝึก คนเราไม่ได้เกิดมาปุ๊บ ก็ทำอะไรๆ ได้ทันที มันต้องมีการฝึกฝนด้วยกันทั้งสิ้น การจะประกอบอาชีพอะไร ก็ต้องฝึกฝนให้เป็นถึงจะทำงานนั้นได้
ซึ่งก็รวมทั้งการฝึกในทางโลกและธรรมด้วย นิสัยดีๆ อะไรที่เราไม่เคยมี ไม่เคยเป็น ก็ต้องฝึกให้เกิดในตัว

การหยุด เหตุที่เราเกิดมาก็เพราะเรามีกิเลสอยู่ เจ้าตัวนี้ทำให้ความคิดและการกระทำต่างๆ ของเราย่ำแย่ เมื่อเรารู้ตัวว่า เรามีนิสัยไม่ดีอะไรในตัว ก็ต้องรู้จักหยุดมัน หยุดมันได้บ่อยๆ มันก็จะฝ่อไปเอง

การข่ม ข่มในที่นี้คือข่มตนนะ ไม่ใชไปเที่ยวข่มคนอื่น คนเรามีความอยากกันทั้งนั้น ความอยากของคนเราก็วนเวียนอยุ่ในกามคุณ 5 ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์นะ กามคุณ 5 หมายถึงสิ่งที่ทำให้เราเพลิดเพลินใจด้วยการเห็น การฟัง ได้กลิ่น ทางสัมผัส ลิ้มรส

การข่มไม่ใช่ให้เลิกหาความสุขจากสิ่งเหล่านี้ แต่ให้ข่มความอยากของเราลงให้มันพอดีกับฐานะความเป็นอยู่ของตน อย่าให้มันอยากในสิ่งที่สุดมือสอย เพราะมันจะเป็นทุกข์ ซึ่งอันนี้คนรวยย่อมได้เปรียบกว่า เพราะอยากอะไรก็ได้เกือบหมด ทำไงได้ล่ะ อยากรวยก็ต้องขยันนะโยม

3 ขันติ ความอดทน อดกลั้น บางคนอาจเข้าใจขันติสลับกับทมะ อย่างเช่น เห็นคนเพื่อนกำลังโกรธอยู่ ก็บอกให้เพื่อนมีขันติ ซึ่งจริงๆ จะตรงกับทมะ คือความหยุด
ความอดทนแบบขันตินั้น เหมือนกำลังใจให้เราสู้กับความยากลำบากต่างๆ ทั้งทางกาย ทางใจ เพื่อพัฒนาตนเอง เพื่อทำหน้าที่ของตน
เช่น เราทำงาน เราเหนื่อย เราท้อ ตรงนี้ล่ะที่ต้องใช้ขันติเข้ามาช่วย คือ บอกกับตัวเองว่าเราจะพยายามสู้กับมัน การพยายามก็เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง
ขันติเป็นตัวช่วย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการยึดมั่นอยู่ในความดี แต่มีอุปสรรค ยกตัวอย่าง เจ้านายใช้ให้เราทุจริต แต่เราไม่ต้องการทำชั่ว หากเราตั้งใจว่าจะไม่ยอมทำตามที่นายต้องการ เราก็ต้องพร้อมยอมรับผลที่จะตามมาด้วยว่า นายจะต้องแกล้งเรา อาจไล่ออก หรืออะไรก็ตาม เราก็จะอดทน ไม่ท้อ ไม่ยอมให้กับความชั่ว แกล้งได้แกล้งไป เราก็ทำงานของเราไปด้วยใจที่นิ่ง ไม่ท้อ ไม่โกรธ แต่ยอมรับว่ามันต้องเป็นเช่นนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อิ่มเอิบใจว่า เรายังสามารถตั้งมั่นอยู่ในความดีได้

4 จาคะ ความเสียสละ มีทั้งการสละในสิ่งที่ไม่ดี และในสิ่งที่ดี
การเสียสละในสิ่งที่ไม่ดี ได้แก่ การสละอารมณ์ต่างๆ ที่มันทำร้ายจิตใจเรา เช่น อารมณ์โกรธ อาฆาต เคียดแค้นผู้อื่น รวมทั้งอารมณ์ที่ยังยึดติดอยู่ในสิ่งต่างๆ
ส่วนการสละสิ่งที่ดีนั้น มุ่งสละเพื่อให้กับคนอื่น มีทั้งการสละวัตถุ เงินทองให้กับผู้อื่น เพื่อช่วยเหลือค้ำจุนเขา
ในแง่ของการเสียสละที่เกี่ยวกับตนเองนั้น ก็มีด้วย โดยมีลำดับของการเสียสละ ดังนี้คือ
ยอมสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
ยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาความดี
เพราะบางคนยอมสละชีวิตตนเอง เพื่อรักษาทรัพย์ไว้ ก็จะเห็นว่ามันขัดกันอยู่ที่จะเอาสิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่เรามี ไปแลกกับสิ่งที่ควรสละออกไปได้ก่อนเป็นอันดับแรก

ก็หวังว่า คงพอเป็นประโยชน์กับท่านที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ


Create Date : 07 มีนาคม 2554
Last Update : 9 มีนาคม 2554 10:36:54 น. 4 comments
Counter : 806 Pageviews.

 
งานนี้สงสัยแหม่มต้องอ่านสองรอบแหงเลยค่ะคุณหนม..

เข้าใจง่ายนะ แต่ที่ต้องอ่านสองรอบเพราะบางข้อนี่ต้องเตือนสติตัวเองให้ทำตามให้มาก ๆ อ่ะ

ดูหนังเรื่องไรเหรอ เค้าเพิ่งกลับถึงบ้านอ่ะ วันนี้ตะลอน ๆ ไปจนทั่วมาอีกแล้ว


โดย: i'm not superman วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:16:50:33 น.  

 
อ้อ..ลืม โหวตดั้ววันนี้


โดย: i'm not superman วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:16:50:45 น.  

 
สาธุ ถ้าทำได้ ดีมากๆ เลยคะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:20:37:06 น.  

 
วิ่งมาแปะความคิดถึงไว้ก่อน ตอนนี้สมาธิแตกกระสานซ่านเซ็น ไม่ซึมซับใด ๆ เล้ย..

เอางานมาถมหัวใจไว้ก่อนไม่งั้นแย่แน่ ๆ วันนี้..

........

เฮ้ออออออ...


โดย: i'm not superman วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:8:54:46 น.  

good thinking
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add good thinking's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.