|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
วิทยฐานะเกณฑ์ใหม่ ใช้ 1 ต.ค.2552
หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ โดยให้มีผลยื่นคำขอหลักเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่นี้ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป คุณสมบัติของผู้เข้ารับการประเมิน ครูชำนาญการ ดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ ปี ๔ ปี ๒ ปี สำหรับวุฒิปริญญาตรี โท และเอกตามลำดับ และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ครูชำนาญการพิเศษ ดำรงตำแหน่งครูชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ครูเชี่ยวชาญ ดำรงตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี หรือครูชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ ดำรงตำแหน่งครูเชี่ยวชาญมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ องค์ประกอบในการประเมิน ด้านที่ ๑ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ พิจารณาจากข้อมูลของบุคคลและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกสารหลักฐาน คือ ก.พ.๗, คำรับรองของผู้บังคับบัญชาและกรรมการสถานศึกษา และเอกสารหลักฐานที่แสดงการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านที่ ๒ ด้านความรู้ความสามารถ พิจารณาจากเอกสารหลักฐานในการพัฒนาตนเองและงานในหน้าที่ ๒ ส่วน คือ ๑) เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในสาขาหรือกลุ่มสาระที่รับผิดชอบหรือในงานที่รับผิดชอบ เช่น วุฒิบัตร เกียรติบัตร หรือใบรับรองการผ่านทดสอบความรู้จากสถาบันวิชาการที่ ก.ค.ศ.รับรอง เป็นต้น ๒) เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน เช่น แผนการสอน สื่อการสอน แฟ้มสะสมผลงาน เป็นต้น ด้านที่ ๓ ด้านผลการปฏิบัติงาน - ชำนาญการ พิจารณาผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้ - ชำนาญการพิเศษ มี ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้ ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๑ รายการ - เชี่ยวชาญ มี ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้ ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๒ รายการ ซึ่งต้องเป็นงานวิจัยอย่างน้อย ๑ รายการ - เชี่ยวชาญพิเศษ มี ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้ ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๒ รายการ ซึ่งต้องเป็นงานวิจัยและพัฒนาอย่างน้อย ๑ รายการ การปรับปรุงผลงาน กรณีที่ ก.ค.ศ. เห็นสมควรให้ปรับปรุงผลงานทางวิชาการ ให้ปรับปรุงได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ ไม่เกิน ๖ เดือน ครั้งที่ ๒ ไม่เกิน ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ สพท.ได้รับหนังสือแจ้งมติจากสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยส่งให้คณะกรรมการชุดเดิมพิจารณา หากไม่ส่งภายในกำหนดถือว่าสละสิทธิ์ เกณฑ์การตัดสิน ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ต้องได้คะแนนแต่ละด้าน ดังนี้ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษ ด้าน ๑ ต้องได้คะแนน แต่ละด้านจากกรรมการ ทั้งสามคน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ๖๕% ๗๐% ๗๕% ๘๐% ด้าน ๒ ๗๐% ๗๕% ๘๐% ด้าน ๓ ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๖๕% ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๗๐% ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๗๕% ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๖๕% ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๗๐% ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๗๕% คะแนนรวมทั้งสองส่วน ไม่ต่ำกว่า ๗๐% คะแนนรวมทั้งสองส่วน ไม่ต่ำกว่า ๗๕% คะแนนรวมทั้งสองส่วน ไม่ต่ำกว่า ๘๐% ต้องผ่านเกณฑ์เป็นเอกฉันท์ทั้ง ๓ ส่วน วิธีการ ให้ยื่นคำขอได้ปีละ ๑ ครั้ง ช่วงเวลาใดก็ได้ เพราะความพร้อมของครูต่างกัน กรณี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาไม่อนุมัติ มีสิทธิ์ส่งคำขอใหม่ในปีถัดไป กรณีเกษียณอายุราชการให้ยื่นคำขอก่อนเกษียณฯ ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน คณะกรรมการประเมิน - ชำนาญการ ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะกรรมการประเมินจำนวน ๓ คน ประกอบด้วย ผอ. สถานศึกษาของผู้ขอรับการประเมิน ผู้ทรงคุณวุฒินอกสถานศึกษา และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการ ประเมินทั้ง ๓ ด้าน - ชำนาญการพิเศษ ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะกรรมการประเมินจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.เห็นชอบจำนวน ๓ คน ตามสัดส่วนที่ ก.ค.ศ.กำหนด ประเมินทั้ง ๓ ด้าน - เชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ ให้ ก.ค.ศ. ตั้งคณะกรรมการประเมิน จำนวน ๓ คน ประเมินทั้ง ๓ ด้าน ขอข้ามวิทยฐานะ (Fast Track) จากชำนาญการ เป็นเชี่ยวชาญได้
<*a href ="//www.kroobannok.com/19506">เกณฑ์วิทยฐานะใหม่ ออกแล้ว ดูที่นี่<*/a>
Create Date : 08 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 11:17:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 938 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|