“ราคาตลาดของเซ็กซ์” SEX
“ข้อเท็จจริงที่เป็นสากลที่สุดข้อหนึ่งเกี่ยวกับเซ็กซ์ก็คือมันเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเพราะหากคุณมองดูมันอย่างละเอียดแล้ว คุณก็จะเห็นว่ามนุษย์ทุกคนล้วนติดป้ายราคาให้กับสิ่งที่เรียกว่าเซ็กซ์ เราแต่ละคนได้ถือครองบางสิ่งบางอย่างไว้ และเปลี่ยนมันกับผู้อื่นเมื่อเราอยากได้บางสิ่งบางอย่างจากคนผู้นั้น”


การวิจัยลำดับต่อๆ มาของเรกเนรัสเผยให้เห็นว่า ทุกวันนี้กฎเกณฑ์ความสัมพันธ์ยุคใหม่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ชายเป็นอย่างมาก ในขณะที่ผู้หญิงที่ “ยังต้องการแต่งงาน” จะเป็นกลุ่มที่เสียเปรียบที่สุด (โดยเฉพาะพวกที่อยากรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนถึงวันนั้น) หากลองนึกเปรียบเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ เราคงไม่สามารถตั้งราคาคอนโดไว้ที่ 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ถ้าห้องอื่นๆ ในชั้นเดียวกันกับเราเขาเคาะราคากันที่ 7-8หมื่นบาท แถมมีโปรโมชั่นดาวน์ตํ่า อยู่ฟรีครึ่งปี ผ่อนสองปี ไม่มีดอกเบี้ยฯลฯ นี่คือปรากฏการณ์ที่โลกยุคนิยมตะวันตก (Westernized) ต้องยอมรับว่า “ราคาตลาดของเซ็กซ์” ที่ผู้หญิงเคยถือครองนั้นได้เดินมาถึงจุดที่“ต่ำสุดๆ” แล้ว



ในอดีตชายและหญิงในแต่ละสังคม “อยู่ด้วยกัน” เพื่อบทบาททางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ผู้หญิงมีหน้าที่หุงหาอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ดูแลบ้านและมีลูก ในขณะที่ผู้ชายต้องออกไปนอกบ้านเพื่อล่าสัตว์และทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองลูกเมียจากภยันตรายต่างๆ แต่ในสังคมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เศรษฐศาสตร์ของเซ็กซ์ก็สลับซับซ้อนขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ในวัฒนธรรมที่เจริญแล้วส่วนใหญ่ เมื่อผู้ชายจะร้องขอเซ็กซ์จากผู้หญิงคนหนึ่งเขาจะต้องนำบางสิ่งบางอย่างที่มี “คุณค่าสูงๆ” มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนยกตัวอย่างเช่น การแต่งงาน สาเหตุที่ผู้ชายสมัยโบราณต้องยอมผูกมัดตัวเองขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขารักเดียวใจเดียวหรือเป็นสุภาพบุรุษแต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือเซ็กซ์ของผู้หญิงดีๆ สมัยนั้น “มีค่ามากในสายตาผู้ชาย”สังคมในยุคนั้นเชื่อว่าการจะหา “ภรรยา” มาประดับบารมี และมีเซ็กซ์กับเธอได้บ่อยๆ นั้น ถือเป็นภาระที่หนักหน่วงมากสำหรับผู้หญิง(ในยุคที่การแพทย์ยังไม่เจริญ เพศสัมพันธ์อาจหมายถึงการตั้งครรภ์ ซึ่งนำไปสู่การคลอดและการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมากของผู้หญิง)และนี่คือที่มาว่าทำไมการแต่งงานที่ปรากฏในหลายๆ วัฒนธรรมจึงต้องมีเงินทอง ทรัพย์สมบัติ หรือที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะสิ่งเหล่านี้ก็คือ“เงินดาวน์” หรือ “ค่าตัวเจ้าสาว” ที่ฝ่ายชายต้อง “ขอซื้อ” มานั่นเองอย่างไรก็ดี กระบวนทัศน์ข้างต้นได้เปลี่ยนไปแบบพลิกฝ่ามือเมื่อโลกเราค้นพบนวัตกรรมที่มีชื่อว่า “ยาคุมกำเนิด” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนไปอย่างชัดเจน เมื่อยาคุมสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด ความสัมพันธ์ชายหญิงก็ถูกตัดขาดห่างจากคำว่าการแต่งงานไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มสังคมระดับบน เช่น ในมหาวิทยาลัยหรือตามเมืองใหญ่ของโลกที่มักจะมีประชากรเพศหญิงมากกว่าเพศชาย




กฎเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่ว่าด้วยอุปสงค์และอุปทานนี้ ได้ส่งผลให้ผู้ชายในเมืองกลายเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าในเรื่องเซ็กซ์และความสัมพันธ์แม้ชีวิตด้านอื่นจะแย่แค่ไหน แต่พวกเขาก็มีโอกาส “เลือกได้” ว่าจะยอมจ่ายที่เท่าไหร่เพื่อให้ได้มาซึ่ง “เซ็กซ์ที่ต้องการ” ภาวะนี้นำไปสู่เทรนด์พฤติกรรมของผู้ชายที่นิยมเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดถึงข้อผูกมัดในขณะที่ผู้ชายกำลังก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง “ได้เปรียบ” ในตลาดเซ็กซ์ผู้หญิงยุคใหม่กลับมีค่านิยมที่ “ไม่แคร์” กับ “อัตราแลกเปลี่ยนสมัยใหม่”ที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย หลายต่อหลายคนยังอยากที่จะสำรวจตลาดกันให้หนำใจก่อนที่ก้าวไปสู่ตลาดของการแต่งงาน พวกเธอลืมไปเสียสนิทว่าทัศนคติและพฤติกรรมเช่นนี้จะนำมาซึ่งสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ“ความโสด” ในระยะที่ยาวขึ้นด้วยเช่นกัน

....................Creative Thailand




Create Date : 25 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 กรกฎาคม 2557 23:57:05 น.
Counter : 774 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sound MD
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ว่ายน้ำเป็น ค่อยๆ ว่ายๆ มันก็ไปไกล
[status single]
[สูงสุดสู่สามัญ@ Japan]
มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30