Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
21 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
ღღ...ดอกไม้บานที่สวนลุมไนท์บาซาร์...ปีที่2..ღღ








ดอกไม้บานที่สวนลุมไนท์บาซาร์...ปีที่ 2 ...



LeAdeR Shop' 2546


++++เข้ามาเริ่มเรียนรู้เรื่องการค้าที่สวนลุมไนท์ตั้งแต่เดือน กุมภา ปี 44 ..ตอนแรกตั้งใจแค่มาลองทำเล่นๆ แค่อยากเล่นขายของเท่านั้น ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับการค้าเลย ... แต่..เริ่มมาจริงจังหลังจากที่ พี่สะใภ้เริ่มนำเรื่องราวของการต่อสู้ทางการค้า...สอนให้เราได้รู้จักการแข่งขันทางธุรกิจ...ฉันโดนทุกรูปแบบของระบบนายทุน..คนมีเงินหนาย่อมได้เปรียบ..++++

++++ฉันสู้ไม่ได้ในเรื่องของเงินทุน...แรกๆฉันทนไม่ได้ เรื่องของการนำสินค้ามาเหมือนฉันทุกอย่างแล้วตัดราคา ... ทุกวันๆต้องกลับไปร้องไห้ที่บ้านอาม่า..หลังจากระบายให้ผู้ใหญ่ฟังหมดแล้ว...ต้องเช็ดน้ำตาแล้วเดินกลับไปที่ร้าน...อย่าทำให้เค้ารู้ว่าเราร้องไห้...กลับไปร้านแล้วต้องยิ้ม..เก็บความโกรธไว้ในใจทุกครั้ง..++++




...ที่มาของชื่อร้าน LeAder...



++++แต่ผ่านไป1ปี...สิ่งดีๆที่ฉันได้รับกับเหตุการณ์เหล่านี้..คือ..ฉันกลายเป็นคนเข้มแข็งขึ้น และมีความอดทนมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ...อยู่ๆฉันก็ไม่รู้สึกโกรธหรือเดินกลับบ้านร้องไห้เหมือนที่โดนใหม่ๆอีกแล้ว..ฉันเริ่มคิดที่จะแก้ปัญหา และพยายามหาสินค้าให้แตกต่างจากข้างร้านมากขึ้น...และฉันกลับภูมิใจตัวเอง...คนที่เพิ่งเริ่มทำการค้าสามารถทำให้คนที่ค้าขายมากว่า 20 ปี ทำตามได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะการจัดร้าน รวมทั้งสินค้าทุกชนิดในร้าน..พวกเราเลยตั้งชื่อร้านอย่างภูมิใจว่า ร้าน"LeAder"++++




1ปีผ่านไปกับชีวิตทุกข์มากกว่าสุขนะคะ....ตั้งแต่มีศัตรูทางการค้าทำให้จิตใจฉันแย่ลงๆ....แถมศัตรูที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นเลย กลายเป็นพี่สะใภ้ของตัวเอง....ฉันเสียใจนะคะเสียใจมากที่เราเคยดีต่อกันมาตลอด ฉันนับถือพี่เค้ามากๆ ...อาจจะเป็นเพราะมีคนกลางพูดไปพูดมา ทำให้เข้าใจผิดกัน จนเกิดความไม่พอใจกัน...

เอาเถอะค่ะ ในที่สุดฉันก็ฝ่าฟันอุปสรรคหลายๆเรื่องใน1ปีที่ผ่านมาได้.....

เรื่องร้าน...สินค้าเราลงตัวมาขึ้น เราเริ่มมีลูกค้าติดมากขึ้น...สินค้าก็เปลี่ยนอยู่ตลอด...ถึงแม้ว่าคนข้างร้านก็ยังพยายามตามสินค้าของฉันไม่เลิกก็ตาม....แต่ฉันยอมรับแล้วยอมรับเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า....ฉันก็เริ่มสู้ตายเหมือนกันค่ะ.....

อย่าคิดว่าจะทำเราได้ฝ่ายเดียวนะคะ...ถ้าฉันไม่ผิดฉันสู้ตายค่ะ...อย่าคิดว่าจะมาระรานฉันได้ตลอดเวลา....เพียงแต่ถ้าฉันหลีกเลี่ยงที่จะสู้กันต่อหน้าได้ ฉันก็จะทำ....

อย่างปีที่สองนี้....ฉันเปิดร้านใหม่อีกร้าน...เรียกว่าเป้นร้านLeAder สาขาที่สองก็ว่าได้ค่ะ.....

ร้านใหม่อยู่อยุธยาซอย5 ค่ะ อยู่ในซอย ถัดจากร้านยัยมืด 4 ห้องเท่านั้น....สินค้าที่ฉันลงจะเป็นงานเพ้นท์ทั้งหมด...ส่วนใหญ่จะเป็นพี่เนเพ้นท์ค่ะ....ส่วนแบบเสื้อฉันจะเป็นคนไปหาทีจัตุจักร ส่วนใหญ่จะสั่งทำค่ะ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับใคร....

ร้านนี้เราทำการตกแต่งใหม่หมด ทาสีใหม่ ทำพื้นใหม่หมดไปหลายบาทอยู่เหมือนกัน..แต่เพื่อความสวยงามของร้านแล้ว เราสู้ตายค่ะ ถึงไหนถึงกัน..ลงทุนสุดๆ

พอมีร้านที่สอง เราเริ่มมีงานมากขึ้น...ปีที่สองเราเลยตัดสินใจจ้างลูกจ้าง....แต่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะจ้างนะคะ พอดีน้องแถวนั้นเพิ่งถูกเลิกจ้างกระทันหัน เค้าเลยมาขอทำที่ร้านฉัน....เป็นนักศึกษาอยู่ม.กรุงเทพค่ะ....เราก็เห็นว่าเคยเห็นหน้ากัน เคยทักทายก็ก็ตกลงให้น้องเค้ามาช่วยงาน เพราะสงสารด้วย ค่าเล่าเรียนน้องเค้าหาเรียนเองค่ะ ไม่ได้รบกวนพ่อกับแม่เค้า...ฉันสนับสนุนเด็กแบบนี้ รู้จักรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่ยังเรียนอยู่....เลยตัดสินใจรับไว้ทำงาน....และที่สำคัญ น้องเค้าขอยืมเงินค่าเล่าเรียน1เทอมด้วย.....พี่เนกับฉันก็ตัดสินใจให้น้องเค้ายืมเงินก้อนหนึ่งไปจ่ายค่าเล่าเรียนก่อน มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน หรือจะทยอยหักค่าทำงานเดือนละไม่กี่ร้อยก็ได้...แล้วแต่น้องเค้าจะมีให้อ่ะค่ะ.....

ทำดีใจก็เป็นสุข...อย่างน้อยฉันถือว่า เราได้ช่วยเหลือ1ชีวิตที่ต้องการความช่วยเหลือ...ถ้าฉันกับพี่เนช่วยได้ ไม่ว่าใครมาขอความช่วยเหลือ เราสองคนยินดีช่วยทุกคนค่ะ....

ก่อนหน้านี้ พี่หลิว พี่ไก่ ก็มีปัญหา ขายของไม่ดี ฉันก็ยกสินค้าที่ร้านฉันขายดีให้พี่สองคนนี้ไปขาย ฉันไม่ขายก็ได้ เพราะฉันคิดว่าไม่ว่าฉันจะเอาสินค้าตัวไหนมาฉันก็ขายได้...เราช่วยคนอีก2คนเพื่อความสบายใจของเราเองดีกว่า....ฉันให้เสื้อที่ขายดีที่สุดในร้านยกให้พี่ไก่กับพี่หลิวไปขายในร้านเค้าเอง....แต่...เค้าก็ยังขายไม่ดีอยู่ดี เพราะร้านเค้าทำเลไม่ดีค่ะ อยู่ในซอย คนไม่ค่อยจะเข้าไป....ฉันก็หาทางช่วยอีก คราวนี้หาราวที่ร้านฉีนเองให้พี่เค้า ยกให้1ราว แต่ข้อแม้ มาขายเองนะจ๊ะ....และหลังจากนั้น ฉันก็เริ่มจะแบ่งพื้นที่ร้านของฉันให้กับพี่ๆในซอยแทบทุกร้านที่รู้จัก...เพราะร้านของแต่ละคนแทบขายกันไม่ได้จริงๆ สวนลุมเปิดใหม่ๆคนเดินน้อย แทบร้านที่อยู่ข้างในลำบากมากๆ ในฐานะที่ร้านฉันทำเลดีทีสุด ...และตัวฉันเองก็ตั้งใจมาที่นี่เพื่อให้เพื่อน ไม่ได้คิดจะทำการค้าเท่าไหร่..เอาสนุกเข้าว่า....จนในที่สุดร้านฉันเองมีสินค้าของร้านแถวนั้นรวมแล้ว 8 ร้านค่ะ...ทีนี้สนุกละซิคะ...ร้านเล็กร้านเดียวแต่คนขายเยอะมาก เพราะต่างคนต่างมาขายสินค้าของตัวเองที่ร้านฉัน....ฉันก็สนุกอ่ะซิคะ....ชอบคนเยอะๆชอบมากๆค่ะ.....

แต่พอขึ้นปีที่สอง ต่างคนต่างจริงจังกับการค้ามากขึ้น เพราะลูกค้าเริ่มมาเดินกันมากขึ้นแล้ว...หลังจากที่ฉันขยายร้าน ร้านแรกเลยปล่อยให้น้องนักศึกษาดูแลเอง ไม่ค่อยไปจู้จี้จุกจิกน้องเค้าหรอกค่ะ...น้องเค้าขอมาเปิดร้านช้าเพราะติดเรียน เราก็ยอม..ขอกลับ5ทุ่ม หรือวันไหนขอกลับไปอ่านหนังสือสอบเร็ว เราก็ยอม....ขอหยุดวันไหนเราก็ยอม เรายอมหมดทุกอย่าง เพราะฉันเห็นว่าการเรียนสำคัญที่สุด.....

ผลเป็นยังไงไว้ค่อยเล่านะคะ.....

พูดถึงปีที่สองก่อน....ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ร้านที่สองก็เริ่มจ้างพี่ไก่มาช่วยดูเฉพาะตอนเปิดร้าน 4โมง พอค่ำๆเราก็มาดูแลร้านกันเอง....แต่อย่างว่าอ่ะนะคะ เราคงใจดีเกินไป ไม่กล้าที่จะจู้จี้จุกจิกใครเลยปล่อยให้พี่ไก่ดูแลร้านเอง ผลออกมาคือ พี่ไก่ชอบแอบไปนั่งเล่นไพ่ที่ซอย6ทุกวัน ไม่ได้สนใจมาขายของที่ร้านเล๊ยย.....ครบ1ปี พวกเราตัดสินใจเซ้งร้านนี้ดีกว่าค่ะ...เพราะไม่มีเวลามาดูแลถึง2ร้าน...ร้านแรกยังสู้กับร้านยัยมืดอยู่ตลอดทุกวัน....เราปล่อยร้านที่สองจะดีกว่า เพราะยังไงแล้วร้านนี้ก็ไม่ได้ทำกำไรให้เรามากนัก.....

1ปีสำหรับร้านที่สอง ไม่ได้กำไรแต่ก็ไม่ขาดทุน เสมอตัวน่ะค่ะ.....เราหาหนทางอื่นดีกว่า ...เพราะยังไงซะร้านสองร้านนี้ก็อยู่ใกล้กับร้านยัยมืดอยู่ดี...ใจก็ไม่เป็นสุขอยู่ดี เพราะยัยมืดจะหาโอกาสเดินมาดูสินค้าร้านฉันอยู่ตลอด ทำให้พวกเราสุขภาพจิตเสียเปล่าๆ ต้องคอยหนีสินค้าที่เค้าตามเรื่อยๆ ....ในที่สุด ปีที่สองก็ผ่านไปได้ ด้วยการเพิ่มร้าน และยุบร้านค่า......





สิ่งดีๆที่ได้รับจากการเข้ามาศึกษาการค้าในรั้วสวนลุมไนท์ฯ ..ภายใน 2 ปีแรกค่ะ...

++++ทำการค้าที่นี่แต่ละปี...ฉันได้เรียนรู้หลายเรื่อง...เช่น ทำอย่างไรถึงจะขายสินค้ากับชาวต่างชาติได้ ..ถ้าคนเคยค้าขายน่าจะเข้าใจนะคะว่า..ขายของให้ชาวต่างชาตินี่ยากมากๆ...หลายประเทศ หลายภาษา หลายวัฒนธรรม..คนขายต้องมีความอดทนที่เผชิญกับการต่อรองของแต่ละชนชาติ โดยเฉพาะชาวจีน และคนอินเดีย ... หลายคนถูกปลูกฝังไว้ว่า "ถ้ามาเมืองไทยให้ต่อสินค้า 50-80% ...ซึ่ง....ในความเป็นจริงแล้วร้านค้าส่วนใหญ่ในสวนลุมไนท์ฯ ไม่สามารถตั้งราคาให้สูงเพื่อเผื่อต่อได้ขนาดนั้น...มีบ้างสำหรับร้านค้าที่เห็นแก่ตัว...แต่สำหรับร้านฉัน ไม่สามารถลดให้ได้ถึง 50% แบบนั้น...คำแรกที่มักจะได้ยินบ่อยที่สุดจากปากของชาวต่างชาติคือ "แพง" ไม่รู้คนบ้าที่ไหนไปสอนให้พวกเค้าพูดภาษษไทยคำนี้....++++

++++แรกๆ ไม่เพียงแต่ฉันและพี่เนเท่านั้น พวกพี่ๆแถวร้านด้วย...จะรู้สึกไม่พอใจ และไม่ชอบเลยคำว่า "แพง"กับ "Expencive" ...เมื่อก่อนฉันเคืองนะคะ ไม่ขายแล้ว จะเดินออกจากร้านไปเลยถ้าเจอลูกค้าพูดว่าแพงมากๆ ไม่ขายแล้วมาว่าของฉันแพง...++++

++++ตอนหลังมาคิดใหม่ เดินออกจากร้านแบบนี้ก็ไม่ได้ขายน่ะซิคะ ..หามาตรการใหม่ดีกว่า ...ช่วงที่เจอลูกค้าต่อมากๆ ต้องระงับความโกรธและโมโหให้เร็วที่สุด...ต้องใจเย็นที่สุด และคิดว่าเราควรจะบอกพวกเค้าว่า "ฉันไม่สามารถลดสินค้าให้คุณได้ถึง 50 % ...ถ้าคุณอยู่ที่ประเทศจีนคุณสามารถต่อได้50-80% แต่ที่นี่ประเทศไทย สินค้าประเภทเสื้อผ้า เราลดให้คุณได้นิดเดียวเท่านั้น...แต่ถ้าเป็นสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่เสื้อผ้า คุณอาจจะทดลองต่อมากๆได้....แต่มีเพียงบางร้านเท่านั้นที่ตั้งราคาสูงจนคุณสามารถต่อได้ถึง 50 % ..เพราะฉะนั้นสินค้าร้านฉันสามารถลดให้คุณได้เพียงแค่นี้ค่ะ"...++++

++++อีกอย่าง...ถ้าลูกค้าชาวต่างชาติของลองเสื้อผ้า..ฉันจะบอกก่อนว่า "ต่อราคาก่อนนะคะ...ถ้าได้ราคาที่คุณพอใจที่จะซื้อแล้ว คุณลองได้ค่ะ...ถ้าไม่ชอบไม่เป็นไร..ไม่ต้องซื้อก็ได้..แต่ต้องตกลงราคากันก่อนค่ะ" เพราะหลายๆครั้งที่คนลองสินค้าโดยไม่รู้ราคาพอลองเสร็จ พอรู้ว่ามันแพงก็เบะปาก พูดว่าแพงบ้าง ...ลองแล้วพอรู้ราคาก็ทำท่าไม่พอใจ...ฉันต้องใช้วิธีการนี้..และก็ประสบความสำเร็จทุกรายค่ะ...++++

++++และแล้ว คำพูดของฉัน ทำให้ฉันสามารถขายสินค้าที่ร้านตัวเองได้แทบทุกครั้ง...ผิดจากเมื่อก่อน ที่เคยโกรธ และเคืองที่ต่อกันมากเหลือเกิน ....แต่หลังจากนี้ฉันได้อะไรมากมายไม่โกรธไม่เคืองชาวต่างชาติต่อไปแล้ว ฉันสามารถรับเงินจากชาวต่างชาติได้มากมาย...เพราะหลายคนชอบคำพูดของฉัน...ส่วนใหญ่จะยิ้มชอบใจที่ฉันพูดและอธิบาย....นี่ก็ถือว่าฉันประสบความสำเร็จอีกระดับหนึ่งแล้วละคะ..++++

++++ส่วนค้าขายกับคนไทยนั้น...ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ...พูดจาดี พูดเพราะ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส...ทักทายอย่างสุภาพ..แค่นี้เราก็ได้รอยยิ้มจากลูกค้าได้ก่อนอันดับหนึ่งแล้วละค่ะ...ต่อไปก็present สินค้าของตัวเอง...ตอนแรกฉันไม่ชอบพูดมากหรือpresent กับใคร แต่ลูกค้าหลายคนชอบให้ฉันดูให้ว่าเสื้อตัวไหนเหมาะกับตัวเอง...ฉันก็ดูให้นะคะ ถ้าดูแล้วเค้าใส่ไม่สวย ก็จะบอกไปเลยค่ะ "ไม่สวยจริงๆค่ะลองตัวอื่นดีกว่าค่ะ" ความจริงเท่านั้นที่ครองโลก รึป่าวไม่รู้นะคะ?? ถ้าไม่สวยแล้วบอกว่าสวยเนี่ย มันบาปอ่ะค่ะ....ไม่ทำดีกว่า....++++




++++และก็ยังได้รับสิ่งดีๆจากคนรอบข้าง...จากคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติ น้ำใจแรกเลยที่ฉันได้รับ จาก..

"พี่ชัช" ไงคะ พี่สาวที่น่ารักที่สุด ปีใหม่ทุกปี เรานำของขวัญปีใหม่ไปให้พี่ชัช..จริงๆแล้วเราไม่ได้เอาสินค้าร้านพี่ชัชมาขายแล้ว เพราะเราต้องเปลี่ยนสินค้าตลอดเวลา... พี่ชัชดีใจมากที่เจอพวกเรา และพี่ชัชชอบพูดว่า "พี่ภูมิใจที่เห็นน้องๆของพี่สามารถก้าวไปไกลได้ขนาดนี้ พี่ดีใจจริงๆ" พวกเราก็ดีใจที่ได้รู้จักพี่สาวคนนี้ค่ะ...++++

"พี่บี๋" เป็นหลานของเพื่อนแม่ค่ะ...พี่บี๋เป็นที่ปรึกษาของแนนทุกเรื่อง...ถ้ารู้สึกไม่สบายใจทีไรจะนึกถึงพี่บี๋เป็นคนแรก...ร้านแนนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็เพราะพี่บี๋....ทั้งๆที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่เมื่อไหร่ที่แนนมีปัญหา..พี่บี๋จะสละเวลาให้แนนทุกครั้ง...แนนซาบซึ้งในน้ำใจพี่บี๋จริงๆค่ะ..ทั้งๆที่เราไม่ใช่ญาติกัน แต่ทำไมถึงรู้สึกผูกพันกันมานาน...เอ๊ะ!!หรือชาติก่อนเราเคยเป็นญาติสนิทกันคะ??....++++

"แอน" เพื่อนที่เพิ่งรู้จักในสวนลุมไนท์..แอนเปิดร้านวาดรูปที่นี่ ไม่รู้ทำไม อยู่ๆวันหนึ่งฉันเดินเข้าไปหาแอน ทั้งๆที่ไม่รู้จัก...เข้าไปคุยกับเค้าเฉยเลย...เข้าไปดูแอนวาดภาพ....ในที่สุดแอนก็เข้ามาช่วยเหลือฉันในเรื่องของการเพ้นท์รูปลงเสื้อ...และยังแนะนำน้องที่เรียนสถาปัตย์ด้วยกันที่มีฝีมือถือว่าอันดับหนึ่งเลยก็ได้ค่ะ...ให้ฉันได้รู้จัก ในที่สุดร้านฉันก็เริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องของการเพ้นท์...ฉันได้ออเดอร์จากต่างชาติหลายชาติ...นี่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้รับในปีแรก....++++

"น้อง" เป็นลูกค้าค่ะ ...แรกเลยน้องไม่กล้าเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้านฉันได้แต่มองและเดินผ่านไป เพราะคิดว่าสินค้าร้านฉันต้องแพงแน่ๆ...แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้มองทุกวันเวลาเดินผ่านเลยตัดสินใจเข้ามาถามราคา...ต่อมา น้องก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยเหลือพวกเราเรื่องการค้า แนะนำเรื่องผ้า และการสกรีน ....และก็มาช่วยพวกเราขายของอยู่พักหนึ่งค่ะก่อนที่เค้าจะกลับต่างจังหวัด...(ช่วยแบบไม่มีค่าตอบแทนนะคะ อยู่ๆเค้าก็ช่วยด้วยน้ำใจที่เค้ามี)นี่ละค่ะ มิตรใหม่ที่ได้รับจากคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง++++

"ซูซาน" ลูกค้ารายใหญ่ชาวอินโดนีเซีย...จากลูกค้ากลายเป็นเพื่อนสนิท..ซูซานมารับเสื้อดอกไม้ที่ร้านฉันไปขายที่อินโดค่ะ..ออเดอร์ของซูซานแต่ละครั้ง ฉันสุดแสนจะดีใจที่สุด...ตอนนี้เราเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วค่ะ คุยกันทางเมลล์ประจำ....พวกเราเคยพาครอบครัวเค้าไปร้านที่ร้านอาหารด้วย เพราะเค้าบอกว่าอยากทางS&Pน่ะค่ะ..เราเลยอาสามาพาลูกค้ารายใหญ่ไปเลี้ยงซะเลย...."

"พี่โอ๋"..คนที่ผลิตเสื้อดอกไม้ที่ช่วงนั้นกำลังฮิตสุดๆ...ไม่น่าเชื่อฉันได้เจอพี่โอ๋โดยบังเอิญ...หลังจากสนิทกับพี่โอ๋แล้ว...ฉันเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับร้านและเรื่องราวของแม่มดให้พี่โอ๋ฟัง...เพราะแม่มดกับยัยมืดเอาเสื้อดอกไม้มาตามฉัน และยังวางขายในตำแหน่งเดียวกันของร้านอีก...แต่เค้าหารู้ไม่ว่า...ฉันได้สินค้าตัวนี้จากคนทำโดยตรง...จากโรงงานโดยตรง...ส่วนแม่มดรับมาจากประตูน้ำอีกที...เค้าไม่รู้เอาซะเล๊ย..ว่าราคาที่เค้ารับมาแพงกว่าฉัน...แต่ดันเอามาตัดราคาฉัน...ถึงฉันจะลดราคาให้เท่ากับเค้า..ฉันก็ยังคงขายได้กำไรมากกว่าเค้าอยู่ดี..."พี่โอ๋"เป็นคนยกร้านที่จตุจักรให้กับฉันค่ะ...พี่โอ๋บอกว่า..."มีคนจะขอเช่าร้านพี่หลายคน แต่แฟนพี่ไม่ให้ใครเลย เลยปิดร้านไป3เดือน...แต่ถ้าน้องแนนอยากทำการค้าที่นี่...พี่กับแฟนพี่คุยกันแล้วว่า จะให้น้องแนนคนเดียวเช่าร้านนี้" หลังจากนั้นพี่โอ๋แนะนำเรื่องการทำสินค้าด้วยตัวเองให้ฉันได้เรียนรู้...ฉันได้รับความรู้จากพี่โอ๋มากมายจริงๆค่ะ..++++

ตอนนั้นแทบไม่น่าเชื่อ...ฉันกับพี่เนเดินหาร้านที่จัตุจักรเพื่อจะเช่าหาหลายเดือนมากๆ...เพราะเราอยากขยายร้านค่ะ...ฉันโชคดีอีกแล้วค่ะ...ไม่ต้องมีมัดจำ..ไม่ต้องมีสัญญา..และระยะเวลาที่จะทำ ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น...ไม่อยากทำเมื่อไหร่ก็บอกพี่โอ๋ได้เลย....++++

"ป้าสดุดี"ป้าที่อยู่ถัดจากร้านฉันไป 2 ห้องค่ะ ป้าสดุดีคือศิราณีของฉัน...เป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ ก็มีเรื่องเดียวน่ะค่ะ" พี่Baddog" ไงคะ...ป้ารับฟังความทุกข์ของฉันตลอด....และหลายครั้งฉันมักจะซื้อสินค้าร้านป้าเพราะ ช่วงแรกๆคนเดินที่นี่น้อยมาก ร้านป้าอยู่ข้างใน ขายของไม่ดีเอาซะเลย..อาทิตย์หนึ่งป้าแกจะขายได้เพียงชิ้นสองชิ้นเท่านั้น...ฉันเองก็พยายามช่วย เอาสินค้าร้านป้ามาขายที่ร้านฉันบ้าง แต่แกไม่ค่อยยอมค่ะ ขี้เกรงใจมากๆ..ฉันเองแหละที่ทนไม่ได้ สงสารป้ามากๆ ซื้อของร้านป้าเองก็ได้ค่ะ..จริงๆซื้อมาแล้วก็ใส่ไม่ได้หรอกค่ะ เพียงแค่อยากให้ป้ามีกำลังใจบ้าง...แต่ในที่สุดป้าก็ถอดใจจนได้...ทนมาได้เกือบ 2 ปี ป้าให้ฉันช่วยหาคนเซ้งร้าน..บังเอิญฉันเจอเพื่อนสมัยประถมเดินเข้ามาถามว่ามีใครจะเซ้งร้านมั๊ย..แต่สงสัยหน้าฉันจะไม่เปลี่ยน ไม่เจอกันเกือบ20ปี ดันจำฉันได้...เพื่อนคนนี้ละค่ะที่เซ้งร้านป้าสดุดีต่อ...ดีใจค่ะที่เจอเพื่อนเก๊าเก่ามากๆ เดี๋ยวนี้เลยคลุกอยู่แต่ร้านเพื่อนซะเลย มีทีวีดูด้วยค่ะ....ร้านตัวเองไม่ชอบอยู่ซะแล้วซิ >..++++

"เบิร์ด" เด็กขายพวงมาลัยที่สวนลุมไนท์ แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็น"พระเบิร์ด"ไปแล้วล่ะค่ะ เบิร์ดเป็นเด็กที่จริงใจ น้องเค้าประกาศว่า " พี่แนนพี่เนเป็นพี่สาวเบิร์ด...ต่อไปนี้พี่สาวข้าใครห้ามแตะ แม้กระทั่งแฟนเบิร์ด...แฟนเบิร์ดจะต้องเคารพพวกพี่เหมือนที่เบิร์ดเคารพ...แน่นอนค่ะใครมารังแกพี่สาวคนนี้ไม่ได้จริงๆ เบิร์ดจะมานั่งเฝ้าพี่แนนที่ร้านทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม..ฉันมีน้องชายเพิ่มอีกหนึ่งคนที่นี่ค่ะ..++++

น้องๆที่ร้านกาแฟดอยตุงทุกคน...เนื่องจากน้องกล้วยน้องหญิงน้องปุ๊ก ได้ทำการติดสอบห้อยตามพี่แนนไปทำงานที่สวนลุมไนท์ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆพี่แนน น้องๆเลยไปสมัครงานที่มูลนิธิสมเด็จย่า ..โดยทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟดอยตุง...เลยทำให้ฉันสนิทกับน้องคนอื่นๆที่นี่ทุกคน...ขอบอกฉันได้อภิสิทธิ์ลดราคาเครื่องดื่มมากกว่าคนที่มีบัตรสมาชิกอีกนะค๊ะ..บางวันน้องๆที่ร้านกาแฟนี่ก็เอากาแฟเย็นมาฝากพี่แนนที่ร้าน น่ารักมากๆจริงๆทุกคนเลยค่ะ..++++

ความโชคดีอีกเรื่องคือ...พี่หลายๆคนแถวร้านพูดว่า..น้อยคนที่หยิบจับอะไรแล้วขายได้หมด...ฉันเป็นคนหนึ่งที่เอาสินค้าตัวไหนมาขายที่ร้าน จะสามารถขายได้เกือบหมดทุกชิ้น แทบจะไม่มีของเหลือ เพราะฉันค่อนข้างจะพิจารณานานกว่าจะตัดสินใจซื้อเพื่อเอามาขายอีกที...มีคนพูดว่า..."มิน่าละทำไมแม่มดถึงเอาสินค้ามาตามแนน ..เพราะเค้าไม่ต้องคิดอะไรเลย คอยดูแนนอย่างเดียว"..เพราะฉันเอาอะไรมาก็ขายได้หมดน่ะซิคะ...เค้าถึงตามไม่เลิกแบบนี้..++++




++++ในรั้วสวนลุมไนท์นี้...ฉันเจอเรื่องร้ายๆเกี่ยวกับคนหลายประเภท...แต่ฉันก็ได้รับความอบอุ่นจากคนดีๆหลายคนรอบข้าง..เจอทั้งเรื่องดีและร้ายปนกันไป...อย่างน้อยมันก็คือรสชาติของชีวิต...ถึงแม้ปีแรกจะเจออุปสรรคมากมาย..เกิดเรื่องราวมากมาย..แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้...++++



.++++ส่วนปีที่สอง ไม่ค่อยเจอเรื่องร้ายอะไรนัก เพราะเริ่มทำใจได้แล้ว อุปสรรคทางเศรษฐกิจก็มีนะคะ ปีแรกเจอเรื่องโรคซาร์ระบาด...ลูกค้าชาวต่างชาติหายไปอยู่ช่วงหนึ่ง..ปีที่สองเจอเรื่องไข้หวัดนก...ชาวต่างชาติหายไปอีก...ปีที่สาม..สึนามิ...ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเราถูกกำหนดให้แก้ปัญหา...ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า...แทบจะไม่มีอะไรที่ฉันแก้ไม่ได้...ไม่มีอะไรที่ร้ายแรง..มันอยู่ที่ใจตัวเอง...มันอยู่ที่จิตของเรา ว่าเราจะให้มันเป็นทุกข์หรือเป็นสุข....วันนี้ขายไม่ดีไม่เป็นไร..เริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้...++++

++++ตอนนี้ฉันขอเลือกที่จะมีความสุขค่ะ..อะไรที่ทำให้เราเครียด ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ปล่อยวาง...ฉันได้หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับไอ้คุณหน้าโง่...เหตุการณ์จะผ่านไปเป็นปี..เราก็ไม่คุยไม่มองหน้ากันอีกเลย ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงถ้าเค้าไม่ต้องการเป็นมิตรกับเรา....++++

++++เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเพียงสองปีแรกเท่านั้น....ปัญหาที่ต้องเจอและหาทางแก้ไขในปีที่สามกำลังจะตามมาค่ะ...++++



















.





Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2551 22:56:05 น. 6 comments
Counter : 998 Pageviews.

 
...สวัสดีค่ะพี่แนน คุณแม่มือใหม่แวะมาเยี่ยมทักทายค่ะ ขอโทษทีน่ะคะ ที่เจนนี่หายไปนาน ไม่ได้แวะมาเยี่ยมเลย เจนนี่หายไปทำหน้าที่ของคุณแม่มือใหม่มานะคะ ว่างๆก็อย่าลืมแวะไปชมรูปประสบการณ์ที่บล็อคเจนนี่น่ะคะ...

...แวะไปรายงานตัวด้วยจ้า ไว้เจนนี่จะแวะมาทักทายอีกน่ะคะ คิดถึงพี่แนนเสมอค่ะ...


โดย: jenny (สาวอิตาลี ) วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:9:28:42 น.  

 

ปัญหาบางอย่าง
การคิดหาวิธีแก้ไข...ไม่ใช่ทางออกที่ดีค่ะ

ปล่อยให้เวลาผ่านไป
สงบนิ่ง...รับผลของปัญหาให้ได้
อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด

รอบคอบ นะคะ

คิดถึง

พี่เอ


โดย: Big Spender วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:13:33:20 น.  

 
เรียบเรียงใหม่เสียยาวเชียวนะครับ ว่างๆจะมาอ่านอย่างละเอียดอีกทีนะครับ ฝากทำลิงค์ทางด่วนมาบ้านแพนด้าให้หน่อยสิครับ ฮิฮิ

วันนี้มีคุณ noi เขามาสอบถามเรื่องอยากซื้อสินค้าขายส่ง พวกแหวนการ์ตูน แฟนซีอะไรพวกนี้ ไม่รู้คุณแนน ทราบบ้างหรือเปล่า เค้าอยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ


โดย: Job IP: 202.57.132.197 วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:02:47 น.  

 
คุณจ๊อบคะ ...คุณจ๊อบต้องอ่านตรงที่born to try(ไดอารี่ค่า) อันนั้นเป็นไดอารี่ประจำวันค่า...ส่วนอันนี้เป็นเล่าเรื่องการค้าเอามาเรียบเรียงใหม่น่ะค่ะ...ส่วนLink เดี๋ยวหาวิธีทำก่อนนะคะ..จะทำอะไรแต่ละอย่าง แนนต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนานหน่อยน่ะค่ะ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับคอมทำเท่าไหร่...กว่าจะได้บล็อกนี้มาใช้เวลานานมากเลยค่ะ.....ไม่มีคนสอนด้วยนะคะ สร้างบล็อกแต่งเองหมดเลยนะคะเนี่ย......เก่งเนอะคนอารายก็ไม่รู้...........ยังไงก็แสดงความยินดีกับคุณพ่อคุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ...


โดย: ซ่อนทรายแก้ว (ซ่อนทรายแก้ว ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:43:24 น.  

 
//www.icygang.com/jukebox/asx_file/Bakery_Y2Gether-home.asx


โดย: เพลง home (max_pressure ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:01:49 น.  

 
ยังไงก็สู้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะคะพี่แนน... จะคอยเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ...

อย่างน้อยรัตน์็้เชื่อว่า... เวลาค่ะ จะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวทุกอย่างเอง... เพียงแต่เราต้องเข้มแข็ง อดทน มีสติสักนิด...

สักวันอะไร ๆ ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ... พระเจ้าไม่ทอดทิ้งึนดีหรอกค่ะ... จริงไม๊คะพี่แนนคนสวยยยยย
...............................

....ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายไปนาน พอดีงานยุ่ง ชีวิตก็ยุ่งเหยิงค่ะ... แต่ยังไงก็คิดถึงพี่แนนซำเหมออออออออออนะคะ...

ฝันดีค่ะ ... รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: largeface วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:12:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ซ่อนทรายแก้ว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
















สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา...ก้อคือชีวิตเรา
สิ่งที่ มีค่าที่สุดในหัวใจเรา...ก้อคือหัวใจเรา
อย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ ใคร
อย่าเอาใจทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว
อย่ายกสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา ไปให้ใครดูแล
เพราะไม่มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเอง
อย่าปิด กั้นความรู้สึกของหัวใจ
อย่าบอกว่าเราเกิดมาเพื่อจะรักคน ๆ เดียว
คนใจ แคบเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อที่จะรักคนได้คนเดียว
เราสามารถที่จะรักใครได้มากมาย
ขอเพียงให้รู้จักหน้าที่ของความรัก
หน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารัก
รัก ต่างแบบ...ปฏิบัติในหน้าที่ต่างกัน
แล้วเมื่อวันใดวันหนึ่งคนบางคนไม่แยแสกับ ความรักที่เรามีให้
เราก็ยังคงเหลือใครต่อใครอีกมากมาย
และไม่เห็นจะต้องเจ็บเจียนตาย
ถ้าเรามั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้กับรักนั้นสมบูรณ์และเต็มที่แล้ว
ถ้าอากาศร้อนอบอ้าว...ลองออกมายืนคุยกับแสงแดด
อากาศหนาวแทบขาดใจ...ลองออกมาหาไออุ่นลมหนาว
เราจะรู้ว่าร้อนหรือหนาวก็ต่อเมื่อเราได้ไป สัมผัสกับมัน
ก็เหมือนกับความรัก ....
ถ้าอยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างไรก็ต้อง ไปสัมผัสกับมัน
แต่อย่าทรมานตัวเองโดยการออกไปยืนตากแดดนาน ๆ
หรือยืนต้านทานลมหนาว ถ้ารู้ว่าร้อนนักก็หลบหาที่ร่ม
ถ้ารู้ว่าหนาวก็ก่อเตาผิง
ความรักจะ ไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง
...ถ้าคุณรู้จักรัก..
แสงแดดจะทำให้คุณอบอุ่น
ลมหนาวก็จะทำให้คุณหลับสบาย...















Color Codes ป้ามด



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


ธรรมะไทย



ผู้ชมทั้งหมด คน
Friends' blogs
[Add ซ่อนทรายแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.