อย่างที่เคยเล่าแนะนำครอบครัวแสนรักของเรา และเกริ่นเรื่องราวของลูกชายคนเดียว "ส้มฉุน" วันนี้อยากมาเจาะในรายละเอียดของของเจ้าส้มฉุนในภาคของ "สมาธิสั้น" และ LD (Learning Disabilities) นึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะเริ่มยอมรับถึงความผิดปกติของเค้า เราท้งพ่อ-แม่เฝ้าศึกษาถึงเรื่องสมาธิสั้น, LD ลามไปถึงเรื่องออทิสติก เราเริ่มเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเค้าในทุกๆวินาทีที่อยู่ด้วยกัน แน่นอนเค้ามีสัญญาณเด่นชัดว่าเค้าไม่ปกติ เช่น อยู่ไม่สุข นั่งไม่ติดที่ ชอบวิ่งเดินไม่เป็น พูดไม่หยุด เล่นเสียงดัง ตื่นเต้นง่าย รอคอยไม่เป็น ชอบขัดจังหวะ แต่เราก็ยังไม่มั่นใจและเฝ้าถามตัวเองว่าเราคิดมากไปรึเปล่า?? สำคัญที่สุดเรากำลังทำร้ายลูกรึเปล่า??? เรา, พ่อแม่ ทั้งอ่าน ทั้งคิด รวมทั้งไปเข้าฟังการสัมมนาของคุณหมอ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิชาการ เราใช้เวลานานพอสมควรและในที่สุดเราตัดสินใจที่จะพาเค้าไปพบคุณหมอ เราเลือกโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เพราะอยู่ใกล้บ้านและเพื่อพบคุณหมอชาญวิทย์ พรนภดล คุณหมอเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น แห่ง รพ.ศิริราช อาจารย์ได้ตรวจเช็คประวัติอย่างละเอียดโดยมีแบบสอบถามสำหรับพ่อ-แม่ รวมทั้งมีแบบทดสอบของส้มฉุนด้วย มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตรวจระบบประสาท ทดสอบเชาวน์ปัญญา และที่สำคัญการสังเกตพฤติกรรมของเค้า ฯลฯ สารภาพตามตรงว่าเรารอฟังผลในการนัดครั้งหน้าอย่างใจจดจ่อ ภาวนา สวดมนต์ ว่าขออย่าให้คำวินิจฉัยของคุณหมอเป็นอย่างที่เราคิด ขอให้เป็นเพียงความวิตกจริตของเรา และในที่สุดเราก็รู้ว่าไม่ได้วิตกจริต เราไม่ได้โอเวอร์เราไม่ได้คิดมากเกินไป เค้ามีอาการสมาธิสั้นหรือตามหลักวิชาการเรียกว่า Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) จากวันนั้นถึงวันนี้นับระยะเวลาได้ 7 ปี เรายอมรับ "ส้มฉุน" ว่าเค้าไม่ปกติ แต่ความไม่ปกติของเค้าไม่ได้ทำให้เราคิดแม้แต่น้อยนิดว่าเค้าคือตัวปัญหา หากแต่เค้าคือ "ของขวัญจากท้องฟ้า" ที่มีความหมายสำหรับเรา เค้าคือของขวัญที่มีชีวิต และเค้าเกิดมาเพื่อพิสูจน์คำว่า "ความรักบริสุทธ์ของพ่อแม่ เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข และรักอย่างไม่ต้องการสิ่งใดๆมาตอบแทน"
|
อยากให้คุณเล่าถึงวิธีทางแก้ หรือการดูแลลูก