เขเรือ แลนก แลบัว ที่เลน้อยพัทลุง
เก็บกระเป๋าเดินทางล่องใต้กันอีกครั้ง และคราวนี้ก็เลือกที่จะไปเที่ยวจังหวัดพัทลุง และเมื่อเอ๋ยถึงจังหวัดพัทลุง สถานที่ที่ทำให้นึกถึงจังหวัดพัทลุงนั่นก็คือ "อุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย" และที่นี่ก็คือจุดหมายปลายทางของการล่องใต้ในครั้งนี้เช่นกัน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ บวกกับฝนตกรถติดกว่าจะหลุดออกจากพระรามสองมาได้ก็กินเวลามากโขอยู่ ทำให้มาถึงที่ทะเลน้อยแห่งนี้ช้ากว่ากำหนดไปพอสมควร อีกครั้งเมื่อเช็คอินเข้าที่พักฝนก็เทกระหน่ำลงมาเสียอีก กลายเป็นว่า ช่วงเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ ของวันที่เดินทางมาถึงแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกนั่งดูฝน พอฝนหยุดเลยได้เดินเก็บภาพบรรยากาศริมฝั่งทะเลน้อยมานิดๆ หน่อยๆ อุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย เป็นทะเลน้ำจืด อยู่ติดกับทะเลสาปสงขลาทะเลน้อยเป็นแหล่งอาศัยของนกนา ๆ ชนิด มากกว่า 150 ชนิด นกที่พบเห็นมากที่สุด เห็นจะเป็น นกยางขาว นกเป็ดน้ำ นกนางนวล นกกาน้ำ นกกระสา นกกระทุ่ม เป็นต้น นอกจากจะเป็นแหล่งอาศัยของนกต่าง ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีพืชน้ำจืดอีกหลายชนิดเช่นกัน อย่างเช่น กระจูดหนู บัวสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่นี่ยังมีควาย ที่มีวิถีชีวิตไม่เหมือนควายที่อื่น ๆ ให้ดูกันอีกด้วย ที่ว่าไม่เหมือนที่อื่น ๆ เพราะควายของที่นี่มักจะลงไปหาอาหารกินในน้ำ เสียส่วนใหญ่จึงทำให้หลาย ๆ คนเรียกว่าควายน้ำ สะพานเฉลิมพระเกียรติ เป็นสะพานที่ถือว่ายาวที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากมีความยาวถึง 5.8 กิโลเมตร เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างอำเภอควนขนุนของจังหวัดพัทลุงกับอำเภอระโหนดของจังหวังสงขลา ที่ทะเลน้อยแห่งนี้สามารถจะล่องเรือไปดูนก และดูเหล่าดอกบัวต่าง ๆ ได้อัตราค่าเช่าเรือตกลำละ 450 บาท นั่งได้ 5-6 คน น้ำบางจุดค่อนข้างตื้น จึงทำให้รับผู้โดยสารเพียง 5-6 คนเพื่อสะดวกในการเดินเรือระยะเวลาในการล่องเรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือ 2 ชั่วโมง เพราะระยะทางในการนั่งเรือของที่นี่ค่อนข้างไกล ไปกลับ ประมาณ 28 กิโลเมตรช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องเรือคือช่วงเวลาประมาณ 6.00-9.00 น. จะได้ไม่ร้อนจนเกินไป และอีกอย่างเป็นช่วงเวลา ที่ดอกบัวกำลังบานรับแสงอรุณ ทำให้ได้เห็นความสวยงามของดอกบัวเต็มที่ อีกครั้งเหล่าบรรดานกต่าง ๆ ต่างก็กำลังออกมาหาอาหารกิน ทำให้ได้เห็นนกหลายชนิดน่าเสียดายที่การล่องเรือในครั้งนี้ไม่ได้เอาเลนส์เทเลไปด้วย เลยทำให้ไม่สามารถจะถ่ายภาพนกมาได้เลย เพราะเลนส์ช่วงสั้น จังหวะที่พอจะถ่ายภาพได้ นกก็บินหนีไปหมดแล้ว นอกจากดอกบัวแดงที่มีให้เห็นกันเต็มทุ่งแล้ว ที่นี่ยังมีเหล่าดอกบัวหลวงให้ดูด้วยเช่นกัน ทั้งบัวหลวงสีขาวและสีชมพูดอกบัวของที่นี่เป็นดอกบัวที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มีบางจุดที่ดอกบัวแก่ตายไป ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำบัวมาปลูกเสริมบ้างห่างจากทะเลน้อยออกมาประมาณสิบกว่ากิโลเมตร ยังมีหมู่บ้านหนึ่งที่เรียกว่า บ้านปากประ ทำอาชีพประมงด้วยการยกยอยักษ์เลยถือโอกาสนั่งเรือออกไปดูวิถีประมงของชาวบ้านแถวนี้อัตราค่าเช่าเรือตกลำละ 500 บทะเลปากประ เป็นที่ที่หนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมอาทิตย์ขึ้นจากน้ำที่สวยงาม ที่หนึ่งของเมืองไทยมาปากประทั้งทีก็ไม่พลาดที่จะตื่นมาดูอาทิตย์ขึ้นกับเขาด้วยแต่วันนี้ท้องฟ้าไม่เต็มใจ เลยไม่มีโอกาสได้เห็นอาทิตย์โผล่จากน้ำเลยเก็บภาพการยกยอในบรรยากาศยามเช้ามาแทนน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นอาทิตย์ขึ้นจากน้ำ เพราะไม่รู้อีกเมื่อไหร่กว่าจะได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง แต่ถึงจะไม่ได้เห็นอาทิตย์ แต่บรรยากาศที่นี่ก็สวยงามคุ้มค่ากับการตื่นตั้งแต่เช้า ปิดท้ายด้วยภาพบรรยากาศยามเย็นที่บริเวณจุดชมวิวของที่นี่แล้วกันนะ จริง ๆ ชอบบรรยากาศยามเย็นของที่นี่มาก ๆ มีโอกาสได้เห็นแมลงปอบินว่อนไปซะหมด เจ้าของ blog ไม่มีโอกาสได้เห็นบรรยากาศแบบนี้นานมากแล้ว ทำให้รู้สึกคิดถึงวันวานเก่า ๆ ที่เคยได้อยู่กับบรรยากาศเช่นนี้
Create Date : 24 มิถุนายน 2556 |
|
2 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2556 22:19:36 น. |
Counter : 2905 Pageviews. |
|
|
|