Group Blog All Blog
|
สู่นรกภูมิ ( Inferno ).........Dan Brown โปรยปก สถานที่อันมืดมนที่สุดในนรก สงวนไว้สำหรับผู้ที่ธำรงความเป็นกลางในโมงยามแห่งวิกฤตทางศีลธรรม 'โรเบิร์ต แลงดอน' ศาสตราจารย์วิชาสัญลักษณ์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตื่นขึ้นในโรงพยาบาลตอนกลางดึก ในสภาพสับสนงุนงงและได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสามสิบหกชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้เลย รวมทั้งเรื่องที่ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...หรือที่มาของวัตถุประหลาดน่ากลัวที่แพทย์พบซ่อนอยู่ท่ามกลางข้าวของของเขา จากนั้นโลกของแลงดอนแปรเปลี่ยนเป็นความสับสนอลหม่านอย่างรวดเร็ว เขาต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดในฟลอเรนซ์กับหญิงสาวผู้เข้มแข็งนาม 'เซียนนา บรูคส์' ซึ่งช่วยชีวิตเขาไว้ได้อย่างชาญฉลาด ในเวลาไม่นานแลงดอนก็ตระหนักว่าเขาครอบครองรหัสชุดหนึ่ง ที่สร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่หมกมุ่นกับเรื่องจุดจบของโลกพอๆ กับคลั่งไคล้วรรณกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการเขียนขึ้นมา นั่นคือ "อินเฟร์โน" ภาคหนึ่งของ "เดอะดิไวน์คอเมดี้" ของ ดันเต อาลกีเอรี แลงดอนต้องเดินทางไปทั่วฟลอเรนซ์ เวนิส และท้ายสุดไปยังนครอันเป็นที่บรรจบของโลกตะวันออกกับตะวันตก เพื่อพยายามกอบกู้โลกให้พ้นจากหายนภัยฝีมือนักวิทยาศาสตร์ผู้นั้น ก่อนที่จะสายเกินไป... หลังอ่าน อ่านไป Google ไป!... ( ดีนะที่มี app นี้ใน Smart phone ) ผู้เขียนนำเอา ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และเทคโนโลยี ขยำรวมกันบอกเล่าผ่านภารกิจของโรเบิร์ต แลงดอน ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกับอีกสามเล่มที่ผ่านมา เริ่มต้นเรื่องก็สนุกแล้วค่ะ ว่าอีตาโรเบิร์ตแกไปทำอะไรไว้นะ ถึงได้ถูกไล่ล่าจนตัวเองความจำเสื่อม แถมยังมีนิมิตแปลก ๆ อีก การดำเนินเรื่องก็เป็นไปในสไตล์ของผู้เขียนละค่ะ ถ้าคนชอบศิลปะอยู่แล้ว ก็จะอ่านได้สนุก แต่ถ้าไม่ชอบก็อาจมีเอือมกันบ้างไรบ้าง ช่วงกลางเรื่องที่แลงดอน กับเชียนน่าพากันหลบนี้ผู้ไล่ล่า ดูยืด ๆ ไปหน่อย แต่ผู้เขียนก็พยายามหยอดความพลิกผันให้เราตามติด อยากรู้จนวางไม่ลง แล้วค่อยหักมุมหลอกกัน ตามสไตล์ในช่วงสุดท้าย ( อันนี้ยังคงหลอกได้เนียนค่ะ จขบ.ตะหงิด ๆ อยู่แต่ก็เดาผิด ) ประเด็นของผู้เขียนที่ส่งผ่านเรื่องนี้มา สำหรับการเพิ่มของประชากรที่สูงขึ้นจนเป็นกราฟแนวดิ่ง ก็จัดว่าเป็นประเด็นที่แรงนะคะเพราะสำหรับคาทอลิกแล้ว มันผิดหลักศาสนาเต็ม ๆ แถมยังทิ้งตอนจบไว้แบบนั้นซะด้วยสิ อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นได้จริง สำหรับเชื้อไวรัสตัวนั้น เราจะเห็นด้วยหรือคัดค้านดีนะ เรื่องนี้ถือว่าเป็นการกลับมาสร้างความประทับใจใหม่ หลังจากที่คนอ่านเนือยไปกับ The lost symbol ค่ะ ปล. "แท่งเก็บความจำ" ....ใช้ทับศัพท์ไปเลยดีกว่าไหมคะ ไหน ๆ ก็ทับศัพท์ ทั้งอังกฤษทั้งอิตาลีมาเยอะแล้ว จะเพิ่มอีกหนึ่งคำคงไม่มากเกินหรอก ( จะ เมมโมรี่ไดฟว์ / เฟลชไดฟว์ / แฮนดี้ไดฟว์ ก็ได้ทั้งนั้นค่ะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เหมือน ๆ กับที่เรา ๆ เรียกกันในชีวิตประจำวัน ) แถมภาพ inferno ของ Botticelli ค่ะ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เรื่องนี้ ตอบโจทย์บิงโก : นามปากกาไม่ไทย ตั้งใจว่าจะอ่านแดน บราวน์ตั้งแต่เล่มแรกเลยครับ (ไม่เคยอ่านมาก่อน ไม่รู้ตัวเองไปอยู่เขาไหนมา 555)
โดย: PZOBRIAN วันที่: 23 มิถุนายน 2558 เวลา:10:48:29 น.
มาฮาแท่งเก็บความทรงจำ
แดน บราวน์ยังไม่เคยอ่านเลยค่ะ ได้ยินแต่เสียงเล่าลือ และเมียงมองอยู่ไกลๆ โดย: ออโอ วันที่: 23 มิถุนายน 2558 เวลา:20:59:48 น.
แดน บราวน์ เคยอ่านไป 3 เล่ม Angels & Demons , Deception Point , The Da Vinci Code คิดว่าพลอตมันอลังการงานสร้างที่มักจะรู้สึกว่ามันอ่านยาก แต่ถ้ามีโอกาสได้ลองก็สนุกดี อยากอ่านเล่มอื่น ซึ่งรวมถึงเล่มนี้ด้วย แต่ความที่รูปเล่มใหญ่และหนา จึงมักจะหันไปสอยเล่มอื่นแทนซะทุกที
เล่มนี้คุณ Severlus บอกว่าประทับใจ ก็แอบสนอยู่ค่ะ โดย: prysang วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:1:40:43 น.
เคยอ่านไปเล่มเดียว Da Vinci Code ส่วนเล่มนี้น้องสาวยืมไปเป็นปีแล้ว เห็นเรามีลิสต์อ่านยาวเฟื้อยมั้งครับ ไม่ยอมคืนซักที 55
ถ้าชอบ Dan Brown ลอง James Rollins ดูบ้างไหม สนุกไม่แพ้กัน ผมชอบมากกว่าอีก ของ สนพ.นานมีนะครับ เผื่อเค้าจะได้แปลเล่มใหม่ๆออกมาอีก โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:17:12:42 น.
คุณPZOBRIAN...........ลองอ่านไหมคะ
คุณโอ.........เค้าจะเน้นความรู้ใส่มาเยอะหน่อยนะ แต่อ่านแล้วอยากซื้อตั๋วไปตามรอยเลยค่ะ (เสียแต่ตั๋วมันแพง ) คุณprysang.........สำหรับเรามันสนุกน้อยกว่า เทวากับซาตาน และดาวินชี่โค้ด แต่ดีกว่า สาส์นลับที่สาบสูญเยอะค่ะ คุณleehua..........อ่ะ ของ James Rollins ยังไม่เคยอ่านค่ะ เดี๋ยวจะลองหาดูบ้าง แนะนำเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมคะ โดย: Serverlus วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:22:02:32 น.
|
Serverlus
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?] |