|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชอบเครื่องสำอางสัญชาติไหนมากกว่ากัน
มาถึงออฟฟิตแต่ไม่มีกระจิตจะทำงาน ฟุ้งซ่าน 555+ เลยเขียนบล๊อกก่อนแป๊ปนึงดีกว่า แก้เซ็ง สาวๆ หลายคนที่ชอบเครื่องสำิอางเป็นชีวิต คงมีแบรนด์ที่ถูกใจตัวเองอยู่ไม่มากก็น้อย แต่วันนี้อยากถามว่า ชอบเครื่องสำอางสัญชาติไหนมากกว่ากันดีกว่า วันนี้ไม่มีรูปประกอบนะคะ อิอิ
สำหรับเราเอง ตั้งแต่เริ่มบ้าสกินแคร์และเมคอัพสีๆ แล้วเนี่ยก็ได้ทดลอง มั่วซั่วด้วยตัวเอง ไม่ก็ค้นหาว่าทำไมตัวนั้นถึงดี ตัวนี้ถึงไม่ดีมาพอสมควรเหมือนกัน
เริ่มที่สกินแคร์ก่อน เพราะด้วยพื้นฐานเป็นคนที่เป็นสิวง่าย หน้าแห้งเป็นจุดๆ ก็เพิ่งจะมาเริ่มใช้สกินแคร์อย่างจริงๆจังก็เมื่อสัก 4-5 ปีที่ผ่านมานี่เอง ลองมาแล้วหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะ Sisley, SK-II, La Mer, Darphinและอื่นๆ นับไม่ถ้วน เท่าที่ลองมาหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่่าจะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์, ระดับปานกลาง หรือแม้กระทั่งแบรนด์ที่ขายตามร้านขายยา ไม่ว่าจะ ฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมัน และิอื่นๆ
โดยสรุป ถ้าเป็นสกินแคร์แล้วหละก็ เราจะพรีเฟอร์ แบรนด์ที่มาจากอเมริกา หรือทางยุโรปมากกว่า ที่มาจากทางเอเซีย ถ้าถามว่าทำไม ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเราอยู่ที่เมกา ด้วยสภาพอากาศที่แห้ง ผิวเราคงปรับสภาพด้วยส่วนนึง เลยทำให้รู้สึกว่า แบรนด์ที่มาจากทางยุโรป หรืออเมริกาจะถูกกับผิวเราซะมากกว่า แล้วอีกอย่างคือแบรนด์ของฝรั่งมักจะไม่ใส่แอลกอฮอลล์ในสกินแคร์ แต่แบรนด์จากทางเอเซีย ส่วนใหญ่สกินแคร์จะผสมแอลกอฮอลล์ ซึ่งถ้าอยู่ในสภาพอากาศแห้งๆ เนี่ยแอลกอฮอลล์ก็คงจะไม่เหมาะกับผิวเท่าไหร่นัก
สำหรับสกินแคร์ที่้ใช้หลักๆ ตอนนี้เลยก็มี Darphin และ Kate Somerville ใช้สลับกันไปมาอยู่สองยี่ห้อนี้ ชอบ Darphin เพราะว่ากลิ่นหอม แล้วก็ชอบพวกน้ำมันหอมระเหยอยู่เป็นทุน แล้วส่วนใหญ่ครีมของ Darphin ใช้แล้วถึงจะไม่ได้เห็นผลทันตาเหมือยาผีบอกแต่ก็นับว่า ใช้ได้เลยทีเดียว ชุ่มชื้นดีมากเนื้อครีมไม่หนัก เหมาะสำหรับผิวผสมแบบเรา แต่ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน
ส่วน Kate Somerville นี่ได้ยินกิตติศัพท์มาพอสมควร ว่าเซเลปแถวฮอลลีวูดชอบไป แรกๆ ก็ไม่ได้นึกว่ามันจะเวิร์คหรอก แต่ได้ทดลองใช้แล้วรู้สึก เออชอบแหะ มันถูกกับผิวเราดี
ถ้าพูดถึงแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นนี่ SK-II เราได้ลองใช้เกือบทั้งเซทเมื่อ 3-4 ปีก่อน ได้ยินกระแสมานานแต่พอใช้แล้วไม่ว่าจะเป็น มิราเคิลวอเทอร์ หรือครีมต่างๆ ผิวเราไม่ได้ดีขึ้น หรือเลวลง แต่เฉยมาก แต่ก็ยังได้ยินสาวๆ พูดถึงตัว มิราเคิลวอเทอร์ว่า มันเยี่ยมมากจริง ขนาดถึงไปสอยขวดที่สองมาลอง แต่ก็มิได้บังเกิดผลใดๆ กับผิวอีฉันเลย ก็เลยเอวังกับ สกินแคร์ญี่ปุ่นไปเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ที่ใช้ของญี่ปุ่นจริงๆ คือ ตัวออยล้างหน้าของ RMK เท่านั้นเอง ถูกใจมากที่สุด ต้องซื้อตุนทุกปี ปีละ 2 ขวด
ในทางกลับกัน เรากลับชอบเมคอัพสีๆ หรือ Point Makeup สัญชาติญี่ปุ่นมากกว่า เพราะด้วยทั้ง แพคเกจจิ้ง ที่น่ารัก เจอทีไรทำเอาใจหาย แถมเงินในกระเป๋าก็หายตามไปด้วย แล้วก็ความแวววาว ของอายชาโดวสีสันน่ารักใช้ง่าย โดยเฉพาะเวลาจัดมาเป็นพาเลท แต่เนื่องจากที่อเมริกา หาเครื่องสำอางญี่ปุ่นยาก ก็เลยต้องพึ่งอินเตอร์เนทในการหามาเป็นเจ้าของทำให้ค่อนข้างวุ่นวาย แถมจ่ายแพงกว่าชาวบ้าน แต่ก็ยอมเพราะถูกใจมากกว่าพ้อยเมคอัพของฝรั่งนินา
อายชาโดวที่โปรดปรานสำหรับเรามาจากค่าย Kanebo ไม่ว่าจะเป็น Coffret D'or หรืิอ Lunasol เป็นแบรนด์โปรดเลยก็ว่าได้นะ และที่สำคัญ เราว่าญี่ปุ่นจัดคู่สีสวย เหมาะกับสาวเอเชียดี พกพาได้ไม่อายถ้าต้องแต่งหน้าท่ามกลางประชาชี เพราะแพคเกจสวยน่ารัก สังเกตว่า แพคเกจของฝรั่งส่วนมากมันออกแนวแก่ๆ ไม่เตะตาเท่าไหร่เลย ขนาดพยายามทำออกมาให้ดูน่ารัก มันก็ยังไม่น่ารักหรือถูกใจเท่าของญี่ปุ่น เอ๊ะเราใจร้ายไปป่าวเนี่ย แต่ไม่ใช่ว่าของฝรั่งจะไม่ดีเอาซะเลยนะคะ แบรนด์ที่ชอบก็มี แต่น้อย เช่น Giorgio Armani ตอนนี้ชอบมาก โดยเฉพาะบลัช แต่อายชาโดวสำหรับเรายังเฉยๆ นะ กับรองพื้นตอนนี้ใช้ทุกวัน คือ Hydra Glow ได้ข่าวแว่วๆ ว่าอาจจะไม่ทำต่อสำหรับรองพื้นรุ่นนี้ ก็เลยแอบกระซิบถาม BA ว่าถ้าเค้าเลิกทำ อีช้านจะเอาไรทา เค้าบอกสูตรมาคะ ง่ายๆ คือ เอา LMS (Luminous Silk Foundation) 2 ปั๊ม ผสม Fluid Sheer #2 1ปั๊มคะ ก็จะได้ Hydra Glow จ้า ใครมีรองพื้นอาม่าก็ลองทดลองกันดูได้นะคะ
สัจธรรมอีกอย่างนึงที่ได้มาตั้งแต่เริ่มบ้า cosmetics คือ ไม่มีอะไรที่จะเป็น Holy Grail ตลอดกาล ฮ่าๆๆ เพราะมันจะมีของเล่นใหม่ๆ ออกมาให้เราเล่นกันเรื่อยๆ และด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยี มันก็จะมีของทีดีกว่าออกมาอยู่เสมอ
อันนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับสาวๆมือใหม่ ที่กำลังบ้าเครื่องสำอาง คือจะซื้ออะไรควรจะทำการบ้านสักนิดนึง อย่าตามกระแสมากนัก เพราะผิวคนเรามันไม่เหมือนกันคะ ลองสังเกตผิวของตัวเองว่า เราถูกกับอะไร ไม่ถูกกับอะไร เวลาเลือกซื้อสินค้าก็จะได้มีข้อมูลพื้นฐานสำหรับผิวเราด้วย จะได้ไม่ต้องมาเจอแบบแพ้ผื่นขึ้น สิวขึ้นให้ปวดขมองหาทางรักษากัน
Create Date : 23 ตุลาคม 2551 |
|
17 comments |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 2:16:43 น. |
Counter : 2381 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: dhas 23 ตุลาคม 2551 1:10:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: SomGui 23 ตุลาคม 2551 4:10:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: โกะ IP: 125.27.235.176 23 ตุลาคม 2551 11:12:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Perth IP: 124.121.49.62 23 ตุลาคม 2551 11:18:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลูกชิ้น IP: 76.197.169.37 23 ตุลาคม 2551 13:41:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: makeup IP: 220.255.7.232 23 ตุลาคม 2551 15:07:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
San Jose, CA United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]
|
สาวไม่น้อยเพราะอายุเลย 30 ไปแล้ว ตอน นี้บ้ากับลูกแมวน้อยที่รักสองตัว Soda & Pepper รักกันสุดๆ แต่ยังบ้าช๊อปปิ้งเหมือนเดิม แถม ยังชอบแต่งหน้าตามประสาเหมือนเดิมจ้า
สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำ ส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่และโดยอ้างอิง โดย ไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูก ดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
*********************************
เนื่องจากว่าบล๊อกข้าพเจ้ามีหลายหน้า บางที เขียนแล้วไม่ได้ย้อนกลับไปดูหรืออ่าน ถ้ามีข้อ สงสัยอะไร ถามคำถามทิ้งไว้ได้ใน ChatBox ด้านล่างขวามือนะจ๊ะ แล้วจะมาตอบค้าบ
*********************************
My Skin Profile
Skin Tone Color : Impress BE-C, SUQQU #15 Lunasol YO-03, Cle de Peau O30 Skin Type: Combination Acne Prone Skin
|
|
|
|
|
|
|
ลองใช้ของ Nude ดูซิคะ organic,หอม,และสบายผิวมากเลยค่ะ
ส่วน cosmetics ชอบ lipstick ของ Cle de peau มากที่สุด เร็วๆนี้ได้ลอง Exceptional mascara ของ Chanel ติดใจมากค่ะ