Save's world
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
เที่ยวโตเกียวและสิงคโปร์ วันหยุดสุดท้ายของปีนี้

ก่อนอื่นต้องบอกว่ายังไม่มีรูปนะครับ เนื่องจากลงไม่ค่อยเป็น 555 ถ้ามีเวลาและมีแรงบันดาลใจก็จะมาโพสรูปให้ดูกันอีกครั้ง

ทริปนี้เริ่มตั้งแต่โรเตชั่นออกว่าจะได้ opd/vacation เดือน ก.ค. ช่วง 18-31 ก.ค. 2558 
 ผมนี่ก็จัดเลยครับ ทริป โตเกียว-สิงคโปร์ เนื่องจากเพื่อนไปสิงคโปร์อยู่แล้ว ส่วนตัวเองก็ตั้งใจจะไปญี่ปุ่น เพราะไปง่ายไม่ต้องขอวีซ่า 
ไปมันทั้งๆที่ร้อนเนี่ยแหละ :((  
ปิ๊ง โปรโมชั่นสิงคโปร์แอร์ไลน์มาเลยครับ ไปกลับโตเกียว 15,000 บินอ้อมนิดหน่อยแต่ได้แวะเที่ยวสิงคโปร์พร้อมเพื่อน ผมนี่จัดเลยครับ กดไปอย่างไม่คิดชีวิต แล้วพ่อก็บอกให้พาน้องไปด้วย ให้น้องได้เปิดหูเปิดตากับเค้าบ้าง 

18/7/58 
เริ่มด้วยความเกรียนเลยครับ ให้พ่อมารับที่ชลบุรี 
ก็แหมกระเป๋าใบใหญ่เบอเร่อ จะให้นั่งรถตู้ไปสุวรรณภูมิเนี่ยนะ ไม่เอ๊าไม่เอา 
ก็นั่งรถพ่อจากชลบุรีไปสุวรรณภูมิ เนื่องจากไปเร็วเกิน รอเช็คอิน รอขึ้นเครื่องน้านนาน 
เล้าเลิ้วอะไรไม่ได้เข้ากับเค้า เพราะว่าไม่ได้บินกับการบินไทย ไม่มีบัตรแพลตินั่มอัลไลกับเค้า 
ขึ้นเครื่องบิน a330 ของสิงคโปร์ไปสนามบินชางงี แล้วก็ไปเดินเล่น ทรานสิทสองชั่วโมงเองครับ นอกจากเดินเล่นก็กินเบอร์เก้อคิงในสนามบิน (อย่างก๊ะในเครื่องบินกินข้าวไม่อิ่ม) 
จากนั้นก็ขึ้นเครื่องยักษ์ a380 นังปลาวาฬไปโตเกียว นาริตะ นอนๆเมื่อยๆบนอีโคโนมี่คลาสอยู่ 7 ชั่วโมงกว่าจะถึงโตเกียว พอไปถึงก็แปดโมงเช้าพอดีเป๊ะ เก๋มะ


19/7/58 
แปดโมงที่โตเกียว 31 องศา สดใสฝุดๆ เฮ้อ อยากมาญี่ปุ่นหน้าร้อนเอง 
พอถึงโตเกียวก็ต้องมาเข้าแถวซื้อ JR kanto area pass คำนวณเวลา nex ว่าจะได้เข้าเมืองไปรอบไหนดีน้า สรุปครับ ก็ขึ้นรอบซื้อตั๋วเสร็จพอดีเนี่ยแหละ 
แบกกระเป๋ายักษ์วิ่งตั้งแต่วันแรกเลยครัช >''< 
จากนั้นก็วางแผนกันในรถไฟเนี่ยแหละว่าจะเอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน เพราะเค้ายังไม่ยอมให้เช็คอินหรอกแค่เที่ยงเอง ปรากฏว่าโรงแรมใจดีครับ ueno touganeya hotel ได้เข้าห้องพักไปตั้งแต่เที่ยงตรง ประทับใจมาก 

ที่ห้องเข้าไปดูก็พบว่าเล็กไปหน่อย แต่ก็ตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น
เสร็จแล้วเราก็นั่งรถไฟไปคามาคุระกันเลยครับ 

นั่งสายอะไรจำไม่เคยได้ แต่เป็น local เพราะว่า JR kanto area pass นี้ไม่ยอมให้ใช้ tokaido shinkansen 
แหมเค้าอยากจะนั่งไปชินโยโกฮาม่าสะหน่อย ไปถึงคามาคุระคับ 
ตอนแรกแพลนก็มีว่าจะไปวัดพระใหญ่ ไดบุทสึ กับเกาะเอโนชิมะ แต่ไปถึงก็บ่ายสองครึ่งแล้ว แดดร้อนมาก เลยจำใจตัดเอโนชิมะทิ้ง ทั้งๆที่ไม่เคยไป 
เมื่อถึงสถานี JR kamakura ก็พบกับมวลมหาประชาชนชาวญี่ปุ่นที่มาพักผ่อนหย่อนใจกันมากมาย เบียดเสียดแย่งยื้อกันขึ้นรถไฟ enoden อันนี้ไม่รวมใน kanto pass นะครับ 
นั่งรถไฟ enoden ย่อมาจากอะไรไม่แน่ใจ น่าจะ enoshima + dentetsu (สายรถไฟ) ไปลงสถานีที่สองที่สาม ขึ้นต้นด้วยตัว H ผมละก็จำไม่ได้แล้วครัช เสร็จแล้วก็ลงไป 
เจอป้าย เฮ้ย มีชายหาดด้วยเว้ย ลองไปดูกันหน่อย สรุปว่าเป็นชายหาด Y ผมจำชื่อไม่ได้แล้วละครับ  ก็พบกับมวลมหาประชาชนชาวญี่ปุ่น ทั้งแซ่บและไม่แซ่บ 
ในส่วนของชายหาดนั้น ....​ทรายดำ น้ำทะเลก็บางแสน 
เราชาวชลบุรี ผู้มาจากบางแสน มาพบบางแสนของแจแปนนีส ก็ไม่มีอะไรจะบรรยายครับ 
หลังจากส่องและถ่ายรูปจนพึงพอใจแล้ว ก็เดินไปวัดพระใหญ่ครับ 
จริงๆก็เหมือนเดิม เคยมาแล้ว ไปไหว้พระใหญ่ ถ่ายรูป แล้วก็กลับ 
ส่วนขากลับนั่งรถเมล์กลับสถานีคามาคุระ 

เนื่องจากอยากให้น้องได้เที่ยวเยอะๆเลยพาไปโยโกฮาม่า 
จริงๆก็เคยไปแล้ว แต่ก็ต้องพาน้องที่ไม่เคยไปไปใช่มั้ยล่ะครับ ตอนแรกไปลงสถานีโยโกฮาม่าเพราะว่าจำผิด ปรากฏว่าที่เดินริมทะเลโยโกฮาม่าคือ sakuragicho 
เดินเล่นชิวๆ แป๊บนึงแล้วบอกน้อง เราไปโอไดบะกันต่อเถอะ
ทัวร์ฉาบฉวยมาก 

เราก็นั่งรถไปลงชิมบะชิ แล้วก็นั่งรถ yurigamome line ไปถ่ายรูปกับกันดั้ม เดินห้าง ชมสวน ตอนนั้นก็ประมาณทุ่มนึงครับ เนื่องจากไม่ค่อยอินกับห้างเท่าไร แต่อยากให้น้องได้ประสบการณ์ของออนเซ็นมากกว่า (ตัวเองอยากไปก็ไม่ยอมรับ 555) เลยไปโอไดบะ ออนเซ็น โมโนกาตาริ 
ผิดครับ... โอเอโดะ ออนเซ็น โมโนกาตาริ ...​

ได้ไปทำการกูเกิ้ลมา 
oedo = ยุคเอโดะ ก็คือยุคที่โตเกียวเป็นเมืองหลวง
onsen = บ่อน้ำพุร้อน
monogatari = ตำนาน 
ก็เข้าไปทั้งๆที่ร้อนๆเนี่ยแหละครับ 5555

พอเข้าไปถึงก็ถอดรองเท้า รับสายรัดข้อมือสำหรับตึ๊ดจ่ายเงินทุกกิจกรรม 
ก็พบกับมวลมหาประชาชนชาวญี่ปุ่น ชาวจีน ชาวเกาหลี ชาวมากมาย ผมไม่แน่ใจว่ามีคนไทยด้วยหรือเปล่า แต่คนไทยก็คงไม่ค่อยมากันมั้งครับร้อนจะตาย 

เข้าไปเสร็จ ก็ให้เลือกยูกาตะกับโอบิมาก่อน เลือกๆแล้วก็เข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยน ห้องนี้คือยังไม่ต้องโป๊ครับ ใส่กางเกงในไว้ข้างในยูกาตะกันนะ แล้วก็เดินเล่นข้างในโซนครับ

จะประกอบด้วยที่แช่เท้า ที่เล่นเกมต่างๆ เหมือนงานเทศกาล ตลาดนัดในฤดูร้อนยุคเอโดะ มีของกินอะไรเงี้ยครับ ด้วยความงกของเราก็เลยไม่ได้เล่นอะไรเลยยยย แล้วก็ตรงเข้าไปอาบน้ำร้อนเลยครับ 555555 

ทางเข้าก็จะเป็นม่านตามสี ผู้ชายเป็นตัวคันจิว่าโอโตโกะ ผู้หญิงจะเป็นสีแดงเขียนคันจิว่าอนนะ 
พอเปิดม่านประเพณีสีน้ำเงินเข้าไป 
ในห้องแต่งตัวก็จะพบกับเจี๊ยวมากมายยยยยย 
เพราะคนแม่งเยอะจิงๆ มีทั้งคนจีน คนญี่ปุ่น คนเกาหลี 
ทำใจแล้วก็แก้ผ้าเลย เอาของให้ตู้ล็อกเกอร์แล้วก็ได้กุญแจมาอีกอัน 
สรุปตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัว 1 ผืน กับสายรัดข้อมือ (กุญแจล็อกเกอร์ 2 อันครับ)

เข้าไปมันก็จะมีที่ให้อาบน้ำแบบนั่งๆ ซึ่งแบบเบียดเสียดไปด้วยชายฉกรรจ์กำลังอาบน้ำล้างหรรม แล้วก็บ่อในร่ม ซึ่งมีผู้คนมากมาย พอเดินออกจากในร่มก็จะมีบ่อกลางแจ้ง..... ในบ่อนั้นก็เต็มไปด้วยมนุษย์แก้ผ้า  

ต้องบอกเลยครับว่าาา คนญี่ปุ่นไม่เล็ก 55555555 

ผ่านจากออนเซ็นแล้วรีบกลับไปที่พักแถวอุเอโนะโดยนั่งยูริกาโมเมะไปชิมบะชิ จากนั้นก็นั่งรถ JR ไม่แน่ใจว่า keihin tohoku line หรือ yamanote line เพราะมันไปได้ทั้งคู่ ที่ไม่เลือกนั่งใต้ดินเพราะว่าเราถือ JR kanto area pass อยู่ครับ 

ไปถึงอุเอโนะ ผมนี่เข้าซุปเปอร์ก่อนเลย ซื้อช็อกโกแลต พุดดิ้ง นม มากินเล่นก่อนนอน หลังจากนั้นก็เข้าลอสันซื้อนมอีก 5555
เด็กกำลังโตนี่เนอะ 

20/7/58 
ก่อนนอนเมื่อวานเราก็ดูตารางรถไฟ ซึ่งไม่ยากครับ ป้อนต้นทางกับปลายทางที่จะไปใน  www.hyperdia.com/en กดก็จะได้ผลลัพท์ที่ต้องการขึ้นมา แต่ต้องบอกก่อนว่าบางทีผลลัพท์ที่ขึ้นมาอาจจะไม่ใช่ผลที่ถูกจริตของแต่ละคนมากที่สุด เพราะว่ามีทั้งแบบ รถไฟเร็วแต่แพง รถไฟช้าแต่ถูก รถไฟช้าแต่ไม่ต้องเปลี่ยนสายหลายครั้ง รถไฟเร็วมากแต่ต้องเปลี่ยนหลายชานชาลา 

วันที่สองเราก็ไปคาวาคุชิโกกันครับ ที่ยอดฮิตยอดนิยมของคนไทย 
นั่งรถไฟจาก ueno ไปอีกด้านนึงของโตเกียวก็คือ shinjuku แล้วขึ้นรถด่วนไปลง otsuki คนเยอะมากก สรุปว่ายืนตลอดสายเลย.... ทั้งๆที่เป็นรถด่วนนะครับ ที่คนเยอะมากคงเพราะเป็นวันหยุดของญี่ปุ่น วันแห่งทะเลอะไรของเขาเนี่ยแหละ

จากนั้นที่สถานี้ otsuki ก็ไปขึ้นรถไฟสาย fujikyu ไปลงคาวากุชิโก ทีนี้เรารีบวิ่งไปขึ้นรถไฟเลยยย กลัวไม่ได้นั่ง 
ก็ได้นั่งสมใจเลยครับ แต่เลือกผิดฝั่งไปหน่อยดันเลือกฝั่งที่ไม่เห็นภูเขาไฟฟูจิ นั่งแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงคาวาคุชิโกแล้ว

พอถึงก็หิวข้าว ไปกินข้าวร้านเดิมที่เคยกินเมื่อปีก่อน เพราะไม่รู้จักร้านอื่น รสชาติพอประมาณ ราคาพอสมควร เจอคุณป้า คุณลุงและคุณลูกคนเดิม 
แล้วก็ไปขึ้น retro bus ซึ่งปัจจุบันนี้มันเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรสักอย่างแต่สรุปว่ามันมีสองสาย สายที่ไปทะเลสาบอื่น กับสายที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากุชิโก ... 

พอขึ้นไปแล้วว ว พบว่า เชี่ยย ปัญหาเกิดขึ้นแล้วววว ทั้งตัวมีแต่แบ๊งหมื่น
ส่วนเหรียญย่อยมีแค่ 300 เยน ขึ้นไปสองคนทำไงดี 
ผมนี่กังวลมาตลอดทางเลยยย ค่าโดยสารก็ขึ้นอัพไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ 150 150 150 .... เชี่ย อยู่ก็วาร์ปมาเป็น 260 ได้ไงวะะะะ แล้วสุดสายที่ 480 หอยหลอดดด ผมนี่เอาแบ๊งหมื่นโชว์ให้คนขับดูบอกว่าา า กูไม่มีจริงๆน้าาาา สรุปเค้าใจดีปล่อยด้วยความจำใจ 

ตอนแรกก็คิดว่าควรจะหาแลกหรือจัดการเอาไปจ่ายคนขับให้เรียบร้อย
พอเราได้แบ๊งย่อย เหรียญย่อยมา รถคันนี้ก็ออกไปซะแล้วว

เศร้าใจจังเลยครับ รู้สึกเหมือนโกงเขา 
แต่ไม่เป็นไรลงมาแล้วว 5555 
เดินชมสวนดอกไม้ขำๆ ถ้าแม่มา ก็คงกรี๊ดชอบ อยากถ่ายรูป
ส่วนตัวเรากับน้องนั้นเฉยๆสิ้นดีกับความงามตามธรรมชาติ 

ภูเขาไฟฟูจิก็ ไม่เห็นครับ เมฆหนาทึบเว่อออ 
แต่ไม่เป็นไร เราเห็นแล้วในรถไฟ ....​
เป็นภูเขาหัวโล้นๆไม่มีหิมะปกคลุม สวยก็สวยอะนะ แต่ว่า 
นี่คือฟูจิปลอมมมมม 

หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกลับมาสถานีคาวาคุชิโกเลยครับ เพราะว่ามีเมฆมาก พอมีเมฆก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขึ้นกระเช้าขึ้นไปบนเขาหรือว่าล่องเรือทะเลสาบเพื่อชมภูเขาไฟฟูจิ 

นั่งรถกลับมาถึงโตเกียว ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี แต่ร้อนมากขอกลับไปอาบน้ำนอนก่อน เลือกที่ๆรถไฟ JR ผ่านละกัน เลยลง shibuya ก่อน พาน้องมาดูห้าแยกฮาจิโกะ แล้วก็เดินห้าง ช็อปปิ้ง ชอบห้าง tokyu hands มากเลย ซื้อเค้ก pablo มากิน รสชาติก็ อร่อยแบบงั้นๆแหละ 555 

กลับมาถึงที่พักก็นอนเลยครับเหนื่อยมาก ตื่นเช้าอีกด้วย 

21/7/58 
สิ่งที่เราคิดกันทุกคืนก่อนนอนคือ พรุ่งนี้จะไปไหนดี 
เพราะวางแผนไว้หลวมๆแค่ ... ไปนิกโก้ ต่อด้วย เที่ยวในโตเกียว 
วันนี้ก็ตื่นเช้าเหมือนกัน นั่งชินกันเซ็นไปนิกโก้ โดยนั่งยามาบิโกะจาก ueno ไป utsunomiya ตอนแรกจะ reserve ให้ได้ที่นั่งชัวร์ๆ ปรากฏว่าเต็มครัช ขณะนั้น 4 นาทีรถจะออก ผมนี่วิ่งเลยยยย 
กว่าจะลงรูไปถึงชานชาลาชินกันเซ็น พอขึ้นรถได้ประตูปิดเลยยครัช 
แต่ non reserve กลับมีที่นั่งชิวๆเล้ยย 

นั่งชินกันเซ็นแป๊บเดียวก็ถึง utsunomiya แล้ว ตอนนั้นหิวมาก แต่เวลามีนิดเดียว เลยเข้าคอนบินิ (convinient store) ซื้อนม ขนมปังมากินกันก่อน 
ผมนั่ง nikko line ไป nikko 
พอถึง nikko ก็มานั่งงงสุดว่า กูจะไปบัสไหนดีวะ  พาสเยอะเหลือเกิน
สรุปไปแต่โซนมรดกโลก
หลายวัดปิดซ่อม เลยไปที่เดียวเลยคือ to___ku shrine ที่ทำช่องเว้นไว้เพราะจำไม่ได้ครับว่า โท...อะไร...กุ  555555 
หาที่ซื้อพาสที่เจอาร์นิกโก้ไม่เจอ เดินไปสถานีโทบุซะเลยยย ที่สถานีโทบุนิกโก้เป็นสถานีใหญ่กว่าของเจอาร์ครับ มี information center ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป้าๆ ชาวญี่ปุ่น แต่พูดภาษาอังกฤษเก่งนะครับ 

เคยได้ยินมาไม่รู้ถูกผิดหรือผมมโนเองบ้างหรือเปล่าว่า พวกป้าๆลุงๆที่เค้าอยู่ตามพิพิธภัณฑ์หรือว่า information center เป็นคนที่เกษียณมาแล้วจากงานที่มีเกียรติ มีความรู้สูง เช่น ครูอาจารย์ แต่เค้ามาทำอะไรพวกนี้เพราะอยากให้ตัวเองได้ทำงาน มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อสังคม ทำด้วยจิตอาสา ซึ่งพอไปถามอะไรเค้าเค้าก็พูดอังกฤษได้เก่งนะครับ 

ซึ้อตั๋วบัสพาสแบบที่นั่งไปได้แค่โซนมรดกโลก 500 เยน แล้วก็นั่งรถไปวัดดังกล่าว แล้วก็เข้าไปแค่วัดเดียวนี่หละครับ  ค่าเข้าตั้ง 1300 เยน แพงเว่อ เดินจนทั่ววัด ขึ้นเขา ลงห้วย เหนื่อยมาก...​ แค่วัดเดียวเนี่ยก็เหนื่อยแล้ว วัดอื่นดูแล้วเฉยๆ เสียค่าเข้าอีก เลยไม่ได้ไป 

เลยนั่งรถบัสกลับมาสถานี ซื้อขนมกินแล้วก็นั่งรถไฟกลับ utsunomiya เลยย เมืองนี้เขาดังเรื่องเกี๊ยวซ่า ไหนดูซิอร่อยจิงป่าว 
google เจอบอกว่าร้านอร่อยไม่ต้องไปไหนไกลหรอก อยู่ใต้สถานีเนี่ยแหละ มีอยู่ร้านเดียวร้านที่คนต่อแถวเยอะๆ ผมเลยไปหาเลยครับ

ปรากฏว่า เอิ่ม ก็เกี๊ยวซ่าธรรมดา ไม่ได้อร่อยขนาดนั้นซะหน่อยย เว็บนั้นเค้าเขียนบรรยายซะเว่อ (แต่ก็ไม่ได้ไม่อร่อยนะครับ) (เอหรือเรามันจะเป็นคนกินยาก) พอกลับจากอุทสึโนมิยะแล้วก็นั่งหาต่อว่าเราจะไปไหนกันดีนะ 

เจอว่ามี outlet ที่ คารุอิซาวะ ได้นั่งชินกันเซ็นด้วย ...​แต่นอกจาก outlet แล้วจะไปไหนกันอีกล่ะ 
… เหย เจออีกที่แล้ว พิพิธภัณฑ์รถไฟที่โอมิยะ ไซตามะ
...เอิ่ม แต่ปิดถ้าเป็นวันถัดจากวันนักขัตฤกษ์
พิพิธภัณฑ์ที่อุเอโนะ ...​ก็ปิด
ไม่เป็นไร ก็เที่ยว ...ในโตเกียวละกัน
กลับมาอาบน้ำและนอนเอาแรงที่ที่พักก่อน

ต้องขอสรรเสริญความดีงามของที่พัก ueno touganeya hotel นอกจากจะให้ early check in แล้ว ยังมีทำเลที่ดีมากๆๆๆ อีกด้วย เพาะว่าใกล้สถานีมากกกกกก ทั้ง metro และ JR เท้าแทบไม่ต้องติดพื้นถนนเพราะมีทางเชื่อม ลิฟท์และบันไดเลื่อนมาถึง 
ถ้าจะไปสถานีของ keisei ก็เดินแค่  6 นาที 

หลังจากนอนเสร็จก็ เออ ไปกินซ่าละกัน 
นั่งรถอะไรก็ได้ที่เป็น JR เพราะว่าบัตร JR เรายังเหลือ 
เราก็นั่งไปเลยครับ ไปยุระคุโจ 
ตอนแรกจะไปหา loft กับ muji เพราะชอบ ปรากฏว่าหาห้างไม่เจอ
เดินไปเดินมาถึงกินซ่าเลย ก็อธิบายน้องว่ากินซ่าเนี่ยนะ ถนนหลักจะเป็นถนนชูโอ ด้านนึงจะเป็นทางด่วน ... อีกด้านก็จะเป็นทางด่วน ... -..- 
มีร้านเนื้อย่าง ร้านดองกิโฮเต้ ร้านขายของไฮโซทั้งหลาย แอปเปิ้ลสโตร์ ร้านกู ร้านยูนิโคล่ อะไรเงี้ย พาน้องมาดูห้างดัง วาโก้ 
แต่ไม่ได้เข้าห้างหรูๆหรอกนะครับเพราะการแต่งตัวของเรากากมากก 
สรุปเดินดองกิ ซื้อของH&M Uniqlo GU กินข้าวแกงกะหรี่ (ธรรมดา) ที่ยุระคุโจสเตชั่น แล้วก็กลับ ก่อนกลับไม่ลืมซื้อขนมกินก่อนนอน 

ถัดจากวันนี้ก็จะไม่ได้ใช้ JR แล้ว เพราะ pass หมดแล้ว จะไปนั่งใต้ดินแทนละครับ

22/7/58 
วันนี้ในแผนที่วางไว้คือ ...เที่ยวในโตเกียว... บรรทัดเดียวจบครับ 
ความจริงมีแผนอีกนิดคือ ...โดยรถไฟใต้ดิน... 
เราก็ไปซื้อตั๋วรถไฟแบบ 1 วัน 
ซึ่งตั๋วเมโทรก็มีหลายแบบมากกกกกก 
แบบ  tokyo metro 
tokyo metro + Toei Oedo line
แบบ metro + oedo line + JR line 
ซึ่งก็จะแพงขึ้นตามลำดับ 
เรามันคนไทย ทางสายกลางละกัน เลยเลือกอันกลางครับ ทั้งๆที่ไม่ได้วางแผนหรือรู้อะไรกับเค้าหรอกนะว่า oedo line มันคือจากไหนไปไหน 

ตื่นสายนิดนึง ไปวัดเซนโซจิที่อะซาคุสะ วัดยอดนิยม ทุกคนที่ไปโตเกียวไปวัดนี้กันทุกคน ก็ไม่รู้ทำไมหรอกคับแต่เค้าไปกันผมก็เลยไปกับเค้าบ้าง 
ถ่ายรูป ซื้อขนม เสี่ยงเซียมซี

วางแผนอย่างดีว่าจะไปกินร้าน tenya ข้าวหน้ากุ้งเทมปุระ สาขา asakusa ปรากฏร้านเปิด 11 โมง หอยหลอดด ทำไงดี ผมเลยไปกินอะไรรู้มั้ยครัชช ช 

มอสสสส เบอเก้ออออออ ...​ไทยก็มี 
ก็อร่อยดีนะ 

จากนั้นก็ไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่สวนอุเอโนะ ที่เลือกไปที่นี้เพราะตอนนั้นรู้สึกประทับใจ ก็อยากให้น้องได้ประทับใจอย่างนี้บ้าง อีกอย่างให้น้องได้เห็น archive (อธิบายเป็นภาษาไทยยังไงดี) ให้เห็นของเก่าเก็บของคนญี่ปุ่น ให้เห็นความเป็นไปมาของโลกอะครับ เดินเล่นกันอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม....​
ตรงไหน...​เขียนแต่ภาษาญี่ปุ่น ไหนล่ะ ภาษาอังกฤษ 

ผมว่าจริงๆประเทศไทยก็ควรมีพิพิธภัณฑ์ดีๆ อย่างนี้บ้างนะครับ ผมว่าที่เค้ามีๆกันอยู่เช่นที่ อพวช คลอง 5 เนี่ย ถามว่าดีมั้ย มันก็โอเค ติดที่อยู่ไกลไปคนเดินทางไม่สะดวกอย่างมาก 

แล้วเราก็ไปช็อปปิ้งตามใบสั่งที่ตึกม่วงทาเคยะ
บอกเลยว่าเบื่อมากก ผู้คน (ไม่มากมายหรอก) ฝากซื้อของ
เออถ้าเป็น แม่ น้อง หรือคนในครอบครัวเราก็ยินดีจะหาให้ด้วยความเต็มใจ หนึ่งในเหตุผลคือท่านเป็นเจ้าของเงิน 555  
แต่สุดท้ายก็หาให้ทุกคนได้ครับ เพราะมันเป็น quest ที่ต้องทำให้สำเร็จ 
สรุปได้มาจากตึกม่วง ทาเคยะทั้งหมด 
เสร็จสิ้นภารกิจประมาณบ่ายสอง รู้สึกว่าตัวเองเลทมากแล้วสำหรับการท่องเที่ยว ทั้งโตเกียว ให้เสร็จใน 1 วัน 

ไป ชิบุยะ เพื่อไป tokyo hands อีกรอบนึงครับ ชอบมากเลยห้างนี้ เป็นห้างที่ชอบมากที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ 
แล้วก็กิน โคโคอิจิบังยะสาขาชิบุยะ เท่านั้นเอง

แล้วไปฮาราจุกุ เดินแบบทัศนศึกษา 1 รอบ พาน้องวนๆแถวๆถนนโอโมเตะซันโด กับถนนทาเคชิตะ สถานีรถไฟฮาราจูกุ เท่านั้นเอง 

ต่อไปก็ชินจูกุ จริงๆโซนนี้มีหลายห้าง มีตึก tokyo metropolitan ให้ขึ้นไปชมวิว สรุปข้าพเจ้าขี้เกียจ ไม่ไป 
เดินเข้าห้าง bicqlo แล้วจบเลยครับ ได้กระเป๋าเดินทางมาอีกใบนึง เพราะของมันเต็มแล้ววว 

พอเราได้กระเป๋าเดินทางมาา ผมนี่เลิกเลยครับ กลับอุเอโนะ แล้วขึ้นห้องเลย เพราะเราคงไม่อยากเที่ยวแบบมีกระเป๋าใบใหญ่ตามเราไปทุกที่ 

ที่ๆน้องควรได้ไปแต่ไม่ได้ไปในโตเกียว 
ก็มีพวก tokyo skytree, tokyo tower  
พระราชวังอิมพีเรียล 
ศาลเจ้าเมจิจินกู 

แล้วก็อีกที่ๆผมอยากไปก็คือภูเขาทาคาโอะใกล้ๆโตเกียว
สรุปก็จบทริปโตเกียวแล้วละครับ ไว้รอบหน้า เวลาว่าง อากาศดี เวลาสวยๆแล้วกันนะครับ 

ก่อนนอน เงินเหลือ เราก็เลยออกมากิน ichiran ramen  ราเมงข้อสอบสถานี ueno เลือกกินแบบข้นๆ รสชาติก็ข้นๆตามสไตล์ครับ 

แต่คิดว่าถ้าเราไปกินที่ hakata รสชาติต้นตำรับคงอร่อยกว่านี้นะ 

23/7/58 
วันนี้เครื่องขึ้น 11 โมง 
ผมกับน้องนี่ตั้งใจจะขึ้นรถไฟรอบ 8 โมงตรง จะได้ไปถึงสนามบินประมาณเก้าโมง 
ปรากฏว่าาาาาาาา ได้ขึ้นรอบแปดโมงสี่สิบครับ โคดเซง 
น้อง (และผม) ตื่นสาย อาบน้ำนาน อ้อยอิ่งกันสุดๆ ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะมาถึงจุดนี้ คือรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะไปสนามบิน 

แต่สุดท้ายไปถึงสนามบินประมาณ 9.40  
เช็คอินเสร็จตอน 10.10 ยังคงมีเวลาทำ quest ที่ดิวตี้ฟรีครับ 
ได้น้ำหอมให้คุณแม่ แล้วก็ขนมต่างๆ

รู้มั้ยครับว่าเงินเยนเหลือกี่เยนก่อนออกจากประเทศญี่ปุ่น 

>>>> 27 เยน หอยยยย 
ขึ้นเครื่องบินนังปลาวาฬ A380 จากโตเกียวไปสิงคโปร์
เลือกที่นั่งชั้นบนตลอดเลยครับ เพราะว่าจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดมั้ง อีกอย่างคือมากันสองคน เบาะข้างบนเป็น 2-4-2 แต่ข้างล่างเหมือนจะเป็น 3-4-3 มั้งครับ 

ชุดแอร์สิงคโปร์นี่ก็ดูดีนะครับ โสร่งเกบายา แต่ใส่แล้วห้ามอ้วนเชียว ถ้าอ้วนพุงจะออกง่ายมากเลยย ส่วนสจ๊วตเขาก็ตี่ๆ แขกๆปนๆกันไปครับ 
อาหารก็เฉยๆนะ ไม่ได้ request อาหารพิเศษไป ก็มี ปลา หมู ให้เลือก อะไรเงี้ย การเสิร์ฟน้ำเขาก็เสิร์ฟตลอดนะ มีหลายๆอย่างให้เลือก ถ้าจะสรุปการบริการก็คือ ได้ตามมาตรฐานชั้นประหยัด ถ้าจะให้เทียบกับการบินไทย คือ สิงคโปร์บริการดีกว่าครับ แต่ทุกอย่างก็คือจะเป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนการบินไทยคือ ถ้าคนไหนบริการดี หรือมองเห็นจุดเล็กๆว่าเราต้องการอะไรเป็นพิเศษ คนที่เขาดีๆ ก็จะนำสิ่งนั้นมาให้เราโดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่งเป็นบริการที่เหนือมาตรฐาน 

พอห้าโมงเย็น ก็ถึงสิงคโปร์ครับ เร็วกว่ากำหนด 20 นาที พอรับกระเป๋าแล้วก็จับรถไฟเข้าเมือง เป็นสนามบินที่ดีมากๆเพราะว่าผ่านอะไรทุกอย่างเร็วมากจริงๆ

สิงคโปร์รถไฟสะดวกมากก จากชางงีเข้าเมืองแป๊บเดียวเอง คือต้องนั่งรถไฟสายเขียว EW line จากชางงีไปเปลี่ยนขบวนที่ tenah merah แล้วก็นั่งต่อไป lavender พอถึงก็เช็คอินโรงแรมครับ เงินสิงคโปร์หายไปเร็วมากเพราะค่าโรงแรมตั้ง 525 เหรียญ 

พอได้ internet ถึงรู้ว่า กำหนดการของเพื่อนควรจะมาถึงก่อนเรา แต่เครื่องเพื่อนดันดีเลย์ เรื่องเราดันถึงก่อนกำหนด เพราะฉะนั้น เพื่อนดันมาถึงโรงแรมทีหลัง พอต่อเน็ตได้ถึงได้รู้ว่า เพื่อนมาถึงทีหลัง ก็เลยไปนั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรม 

v hotel lavender เป็นโรงแรมที่ดีและสะดวกมากครับ แต่ facility และล็อบบี้ไม่สะดวก แล้วก็จำนวนห้องเยอะมากเกินไปทำให้ front ดูงานหนักและเร่งรีบกับงานบริการมากไปหน่อย ในแง่ของทำเล ที่นี่อยู่เหนือสถานีลาเวนเดอร์แบบแทบจะเป๊ะๆ ทำให้เวลาจะไปไหนก็แค่มุดลงรถไฟใต้ดินเท่านั้นเอง

ส่วนของห้องนอน ห้องน้ำก็ตามมาตรฐานครับ เราผ่านโรงแรมที่โตเกียวมาแล้ว ห้องที่นี่ใหญ่กว่าเยอะ 

พอเจอเพื่อน...​ ดีจังเลยย แบบอยู่ไทยไม่ได้เจอกัน ดันมาเจอกันสิงคโปร์ซะงั้น นัดกันในที่แปลกๆ เราสี่คนรู้จักกันตั้งแต่ 2548 
ไปๆมาๆก็ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงมาเรียนใหม่ๆ 
ผ่านไปสิบปี จบเป็นหมอเป็นทันตแพทย์แล้ว 
ส่วนอีกสามคนนั้นเค้ารู้สึกกันมานานกว่านั้นอีก
 ต่อไปพอแต่ละคนจบเฉพาะทางแล้วจะได้เจอกันอีกมั้ยเนี่ย 

เราก็ไป clarke quay กันครับ เอ่อ ทุกคนครับ quay อ่านว่า คี แปลว่า ท่าเรือ คุณเพื่อนผมอ่านว่า เควย์​ ... ไม่ช่ายคร้าบ 
สิ่งแรกที่คิด... เอิ่ม เหมือนเอเชียทีคเลยย
คุณว่า 1. เอเชียทีคลอกเขามา 2. เขาลอกเอเชียทีค 
เสร็จแล้วเราก็ไปกินปูที่ร้านจัมโบ้ 
กินกัน 5 คน หมดไป 275 เหรียญ โอมายก๊อต แพงงงง

เสร็จแล้วก็กลับโรงแรมมานอน 
first impression ของคนประเทศนี้คือ
  •  จะเครียดและเร่งรีบไปไหน ผู้คนเดินเร็วมากๆ เราว่าเราเดินเร็วแล้วนะแต่ก็เดินตามเขาไม่ทัน 
  • จิตใจของการบริการหายไปไหนหมด (หรืออย่างน้อยก็หน้าตาเต็มใจให้บริการ

 24/7/58 
ตั้งแต่มาสิงคโปร์ก็ไม่ได้คิดเองอีกเลยว่าในแต่ละวันจะไปไหนบ้าง เพราะให้เพื่อนคิดหมดเลย แต่เราก็แอบมี guidebook  เป็นของตัวเองอีก 1 เล่ม วันนี้เพื่อนบอกว่าจะไปกินติ่มซำที่ไชน่าทาว แล้วก็ไป universal studio ที่เกาะเซนโตซ่า จากนั้นคุณเพื่อนก็จะไปช็อปปิ้งต่อ ปล่อยเราเป็นอิสระ 

ก็ไปไชน่าทาวน์ กินติ่มซำกันครับ ที่ร้านดัง tak po เฉยๆมาก 
ประเทศนี้มีอาหารอะไรที่เป็นเอกลักษณ์อะไรของตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย อาหารจีน แขก ปนมั่วไปหมด กินกัน 5 คน หมดไปประมาณ 50 ก็โอเคเลยนะ อิ่มพอสมควร 

แล้วก็ไปซื้อบัตรเข้า universal กันต่อ ก็ให้น้องไป garden by the bay กับ singapore flyer แต่เราไม่ได้ไป เพราะต้องกลับมาสอบใบขับขี่ อย่างเซ็ง เพราะเพื่อนไม่ยอมแลกเวร เราเลยต้องเสียเวลากับอดเที่ยวหลายที่ แต่ก็ทำไงได้ เวรของเขาเนาะ ...​ พอเป็นเวรของเขามันก็คือเวรของเขา มันไม่ใช่ของเรา มันก็แล้วแต่การตัดสินใจของเรา เราก็มาแก้ไขในจุดที่เราทำได้ไป โดยการซื้อตั๋วเครื่องบินขาเดียวกลับมาก่อน กระเป๋าก็ให้น้องแบก  2 ใบ ไปสนามบิน น่าสงสารมาก 

ก็ไปเที่ยว universal studio กัน วิธีไปก็คือ นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี harbor front แล้วก็นั่งรถไฟสาย sentosa ไป universal ต่อ

บอกเลยว่าประเทศนี้อะไรๆก็แพงไปหมด ค่ารถไฟฟ้า MRT อาจจะดูเหมือนถูก (แต่ถ้ามองจริงๆก็ถูกกว่าประเทศไทยแหละนะ) แต่พอจะไป universal ก็ยังเสียค่ารถไฟไปกลับอีก 4 เหรียญ มันใช่ไหมเนี่ย 

พอไปถึงก็พบกับมวลมหาประชาชนทุกประเทศ ร่วมใจกันมาสวนสนุกนี้
บอกเลยว่าเกลียดมากๆๆ การต่อแถวเยอะๆ ต่อแถวยาวๆ เพื่อจะไปขึ้นเครื่องเล่นต่างๆในส่วนสนุก แต่ละอัน รอ สามสิบนาที หนึ่งชั่วโมง หลายๆชั่วโมง ... ถ้าบัตร express มันถูกกว่านี้นะ  55555 

จริงๆก็เคยไปที่โอซาก้าแล้ว เครื่องเล่นต่างๆพอๆกัน แต่จิตใจบริการของคนญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ต่างกันมวากกกก อันที่จริงเราก็ไม่รู้หรอกว่าภายใต้หน้ายิ้มๆ ของคนญี่ปุ่นที่สวนสนุก หรือความสนุกเฮฮา เขาเต็มใจทำหรือเปล่า แต่เราก็รู้สึกฟินกับสิ่งเหล่านี้ อย่างตอนที่ไปมีเพื่อนคนนึงเป็นวันเกิด ก็แปะสติ๊กเกอร์แฮปปี้เบิ๊ดเดย์ พอทุกคนเห็น แม้แต่คนกวาดถนน ก็จะมาร่วม แฮปปี้เบิ๊ดเดย์ 

เราไม่รู้หรอกนะว่าเราซื้อความตอแหลมาหรือเปล่า ในขณะเดียวกันที่สิงคโปร์นั้นความตอแหลก็ไม่มีให้ในราคาเท่ากัน 

แต่ถ้าในแง่ของเครื่องเล่น ทำได้ดีเกือบทุกเครื่องครับ ประทับใจ terminator มากที่สุด เป็นเครื่องเล่นที่เจ๋งในแง่ของความคิดสร้างสรรค์และความอลังการมากที่สุดแล้ว

อีกข้อดีหนึ่งของ universal ประเทศนี้คือมันเป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้นเองครับ 5555 

ต่อจาก universal เราก็กลับโรงแรมเลย ที่รีบกลับก็เพราะ ตังจะหมดแล้วจ้าาาา คิดดูมีเงินติดตัวอยู่ 7  เหรียญ รู้สึกรับตัวเองไม่ได้ จะกดเอทีเอ็มออกมาได้ก็ต้อง ใช้เน็ตได้เพื่อ internet banking โยกย้ายเงินในบัญชีของตัวเองซะก่อน ค่ากดเอทีเอ็มมีค่าธรรมเนียม 100 บาทไทย 
พ่อเลยกดออกมา 200 เหรียญเลยจ้า 

พอจบแล้วก็ซื้อหมูแผ่นกิน หมูแผ่นประเทศนี้ก็แพง bee cheng heang 
(มีที่ emquatier แล้วจ้า) หลังจากนั้นก็นอนเลยครับ 

25/7/58 
จริงๆตามกำหนดการวันนี้เราต้องไปเที่ยว แต่เนื่องจากด้วยเรื่องธุระสอบใบขับขี่ที่ประเทศไทยของผม ที่จะต้องทำทุกอย่างให้สิ้นสุดภายในเดือนก.ค. เพราะจะไม่มีโอกาสอื่นอีกต่อไปแล้วในปีนี้ 

เพราะงั้นผมก็เลยต้องจองตั๋ว tiger air กลับไทยมาเพิ่มอีกใบ 
ทั้งๆที่จริงๆมีตั๋ว singapore airline อยู่แล้ว 
เศร้าใจจริงๆเลยครับ 

ลำบากน้องด้วยตัวคนเดียวแต่ต้องแบกกระเป๋า 2 ใบ 
วันนี้เริ่มต้นด้วยการไปเที่ยว bugis, วัดพระเขี้ยวแก้ว, haji lane 

ชอบสีสันของ haji lane มากครับ คือจริงๆทุกร้านอาจจะเป็นแค่ตึกแถวธรรมดา แต่พอเราทาสี เราแต่งให้ร้านเราสวยและโดดเด่น แล้วทุกร้านก็ตั้งใจทำเหมือนกันหมด ออกมาเป็นซอยสวยๆ 

เสียอย่างเดียว อากาศร้อนไป (มากๆ)
และทุกร้านจะมีถังขยะเยอะไปมั้ย คือถังขยะอยู่หน้าทุกร้านเลยครับ 
ผมว่ามันเยอะไปนะ จะดีกว่านี้ถ้าเราจะกำหนดวันทิ้งขยะไปเลย เหมือนที่ญี่ปุ่น มั้งเนาะ 

แล้วเราก็ไป orchard กันต่อ ไปห้าง ion
ก็เป็นห้างหรูห้างนึงครับ ไม่ได้โดดเด่นอะไร 
คือรู้สึกว่าเวลาไปต่างประเทศแล้วไปห้างของเขา จะรู้สึกว่าของแพงจนซื้อไม่ได้ .... คุยกับเพื่อนว่าพอเราโตไปอีกสักสิบปี ของพวกนี้จะเป็นของที่เรา ก็ยังซื้อไม่ได้หรือเปล่านะ....​

เมื่อทุกคนเติบโตขึ้น 555 

...ชั้นว่าก็ยังคงซื้อไม่ได้เหมือนเดิม... 

มีเพื่อนคนนึงอยากกินอาหารญี่ปุ่น (ผม ...) แต่อันที่จริงตอนไปญี่ปุ่นผมก็แทบไม่ได้กินอาหารที่เป็นต้นตำรับญี่ปุ่นเลยนะครับ เลือกกินแต่ที่เค้ารับๆมา เช่นทงคัตสึ แกงกะหรี่ ราเมง เกี๊ยวซ๋า แต่พวกซูชิ ซาชิมิ ที่คิดว่าน่าจะเป็นของญี่ปุ่นแท้ๆกลับไม่ได้กินเลย คงเพราะว่าไม่กินปลามั้ง 5555 

เลยเดินไปกินกันที่ห้าง takashimaya ที่จริงห้างนี้ก็เป็นห้างดังที่ญี่ปุ่น แต่มาเปิดที่สิงคโปร์ด้วย 
ตอนแรกจะกิน food court แต่สู้มวลมหาประชาชนไม่ไหว ก็เลยหนีไปกินร้านแบบนั่งๆอะครับ แพงนิดหน่อยนะ ประมาณ  15  เหรียญ แต่ก็โอเคแหละ ผมเลือกกินข้าวไก่ทอดคาราเกะครับ 

จากนั้นผมก็บินไทเกอร์แอร์กลับมาไทย ปล่อยน้องกับเพื่อนเที่ยวกันต่อ
ที่จริงไม่ดีเลยที่จะทิ้งน้องไว้แล้วฝากให้เพื่อนช่วยดูแล รู้สึกไม่ดี รู้สึกผิดต่อทั้งเพื่อนและน้อง แต่มีธุระก็คือธุระก็ต้องกลับมา

บนเครื่องขากลับ เจอแม่ลูกชาวสิงคโปร์จีน ที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง 
อยากคุยกับเค้านะ แต่ก็ไม่รู้สิ ไม่กล้าคุย เขินครับ ทั้งๆที่เราก็คงแนะนำเค้าได้มากเรื่องเที่ยวไทย แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มให้กัน แค่นั้นครับ 

พอมาถึงสุวรรณภูมิ ก็ลงเครื่อง ตอนแรกอย่างงง จะเดินทางไปศูนย์ขนส่งทางบก เพื่อจะนั่งรถตู้กลับชลบุรี 
ลำบากชิบบบ.. ก็พยายามแล้วนะ แต่ดันขึ้นรถบัสมาลงศูนย์อะไรสักอย่างของการบินไทยแทน แต่โชคก็ยังเข้าข้างครับ มีแท็กซี่จอดอยู่ เป็นแท็กซี่ที่คนเค้าเรียกเข้ามาส่งในนี้ ไม่ใช่แท็กซี่สนามบินไม่ต้องเสีย 50 บาทด้วย ผมเลยเรียกรถไปเอกมัย แล้วขึ้นรถศรีราชาทัวร์กลับชลบุรีเลยครับ 

แล้วก็จบการเดินทาง วันต่อไปผมก็ได้ไปอบรมสอบใบขับขี่เรียบร้อย รู้สึกฟิน
อีกไม่นานก็จะต้องไปสอบใบขับขี่แล้ว รู้สึกกังวลมากๆเลยครับ เฮ้ออ
ต้องผ่าน ต้องผ่าน ต้องผ่านเท่านั้น เพราะจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว 

สรุปสิ่งที่คิดว่าจะยังพอปรับปรุงแก้ไขทริปนี้ให้ดีขึ้นได้คือ 
  • ถ้าจะจองโรงแรมที่ถูกกว่านี้ครับ ทริปนี้โรงแรมเลือกที่สะดวกต่อการเดินทางทั้งหมด ไม่ได้เลือกในแง่ของราคาหรือว่าอื่นๆเลย ทั้งๆที่เราทนลำบากได้มากกว่านี้นะ ที่ญี่ปุ่นอาจจะนอนเป็นแคปซูล หรือโฮสเทลที่แคบกว่านี้ ไม่ต้องมีห้องน้ำในตัวก็ได้ครับ 
  • ถ้าวางแผนเรื่องการเดินทางในญี่ปุ่นได้ละเอียดจะทำให้ประหยัดค่าเดินทางได้มากขึ้น ถามว่าเราใช้ JR Kanto pass คุ้มมั้ย ก็ต้องตอบว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะใช้นั่ง NEX นั่งรถไปคาวาคุชิโก นั่งรถชินกันเซ็นไปอุทสึโนมิยะ + nikko แต่ถ้าเรื่องบัตรรถใต้ดิน เรายังวางแผนกันได้ดีกว่านี้ครับ ที่จริงอาจจะไม่ต้องซื้อสายโอเอโดะก็ได้ เพราะไม่ได้นั่ง 
  • ถ้าเราจะคุยกับคนรอบข้างให้มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองไม่ชวนใครคุยเลย ที่จริงถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ให้ดี หรือมีความกล้าที่จะคุยกับคนอื่นมากขึ้น เราอาจได้เพื่อนใหม่ๆในอีกซีกโลกหนึ่งก็ได้นะครับ 
  • ขี้เกียจ: จริงๆเราไปสถานที่ต่างๆเช่น นิกโก้ เกาะเซนโตซ่า หรือคาวาคุชิโก ก็น่าจะเที่ยวให้คุ้มๆ แต่กลับเลือกเที่ยวอย่างฉาบฉวยแล้วก็กลับ

ส่วนสิ่งที่คิดว่าทริปนี้ทำได้ดีอยู่แล้วคือ
  • ตั๋วเครื่องบิน : ตัวเองอยากไปญี่ปุ่น ส่วนเพื่อนไปสิงคโปร์พอดีเลยอยากไปกับเพื่อนด้วย ...​มีโปรโมชั่นของสิงคโปร์แอร์ไลน์เข้ามาพอดีครับ จบปึ้ง
  • pass : JR cant pass ครับ รู้สึกว่าตัวเองใช้ได้คุ้มค่ามากๆ 

ถ้าจะถามเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ 
ก็ ค่าเครื่องบิน คนละ 15200 บาท + สิงคโปร์กรุงเทพขาเดียวของผม 2500 บาท
ค่าโรงแรม ueno คืนละประมาณ 10,000 เยน x 4 
ค่าโรงแรม v hotel 3 คืน 525 เหรียญสิงคโปร์ 
อื่นๆก็เป็นค่าเดินทาง ค่ากิน ที่จำได้ก็มี 
ค่า JR kanto area pass 8300 เยน
ค่า keisei skyliner 2470 เยน 
ค่ารถไฟใต้ดิน 1000 เยน 
ค่า ezlink สิงคโปร์ 12 เหรียญ ประมาณนี้ครับ บวกกับเติมเงินไปอีก 10 เหรียญ ก็ประมาณ 22 เหรียญ

บ๊ายบาย เจอกันใหม่ปีหน้าครับ 
วาเคชั่นรอบหน้า คงได้มีทริปอะไรดีๆอีก
อยากไปกับแฟนบ้างครับ คงมันส์กว่านี้เพราะแฟนเที่ยวเก่ง



Create Date : 02 สิงหาคม 2558
Last Update : 2 สิงหาคม 2558 23:12:36 น. 1 comments
Counter : 1170 Pageviews.

 
ไปดูแบบที่มีรูปได้ที่ //savekung.exteen.com/20150802/entry นะครับ


โดย: ชิโฮจัง วันที่: 3 สิงหาคม 2558 เวลา:0:25:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชิโฮจัง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ชื่อเซฟครับ
Friends' blogs
[Add ชิโฮจัง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.