Missing Link : ทำไมความล้มเหลวจึงเป็นความจำเป็นในการพัฒนาตัวเอง
Panusan Theerakul Missing Link : ทำไมความล้มเหลวจึงเป็นความจำเป็นในการพัฒนาตัวเอง
ว่างๆเรากลับมาเขียนบทความมั่งดีกว่า หลังจากห่างหายไปนาน(มากๆๆๆๆ)
เร็วๆนี้ผมได้ซื้อหนังสือเก่าใน kindle เล่มนึงที่ชื่อว่า the talent code : greatness isn't born. it's grown. here's how หรือความเป็นเลิศไม่ได้เกิดมาขึ้นมาเอง แต่มันฝึกฝนกันได้ (edit : มีแปลไทยแล้ว)
ก่อนเราจะเข้าเรื่อง เรามาเริ่มกันที่แบบทดสอบดีกว่า เรามาลองเติมคำในช่องว่างนี้กันดู
A / B ocean/breeze bread/b_tter leaf/tree music/l_rics sweet/sour sh_e/sock movie/actress phone/bo_k gasoline/engine chi_s/salsa high school/college pen_il/paper turkey/stuffing river/b_at fruit/vegetable be_r/wine computer/chip television/rad_o chair/couch l_nch/dinner
อันนี้ผมขอไม่เฉลยนะครับ
ผมคิดว่าถึงเราไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่เราก็คงเติมคำได้หลายข้ออยู่
ทีนี้เราลองปิดโจทย์ที่เราทำไปเมื่อกี้ดู (อย่าแอบขี้โกงนะ)
แล้วลองนึกดูว่าเราจำคำในแถว A หรือแถว B ได้กี่คำ และจำแถวไหนได้มากกว่ากัน
ซึ่งถ้าเราเป็นคนทั่วๆไป ผลการทดลองค่อนข้างชัดมากว่า เราจะจำคำในแถว B ได้มากกว่าแถว A ถึง 3 เท่า
ทำไมในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ความสามารถในการจำจดเราถึงพุ่งสูงขึ้นในแถว B เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ???
IQ เราไม่ได้สูงขึ้นเมื่อเรามองที่แถว B เราไม่ได้รู้สึกอะไรต่างออกไปเมื่อเรามองไปที่แถว B
แต่เมื่อเราเจอคำที่มีที่ว่างให้เติม(missing link) เราจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ (บางคนอาจจะนานหน่อยนะครับ 555+) เราจะแก้ปัญหา (เติมคำลงในช่องว่าง)
เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นมา
เราไม่ได้ฝึกหนักขึ้นเมื่อเราดูที่แถว B แต่เราฝึกได้ลึกล้ำมากขึ้น(practice deeper)
อีกตัวอย่างนึงคือการถามชื่อคนอื่น ถ้าบางคนบอกชื่อกับคุณ มีโอกาสสูงมากที่คุณจะลืมชื่อนั้นไป
แต่ถ้าเราพูดทวนชื่อนั้นซ้ำออกไป จะเหมือนว่าเราได้ฝังชื่อนั้นเอาไว้บนความทรงจำของเรา
ไม่ใช่เพราะว่าชื่อนั้นมันสำคัญมากกว่า หรือความจำเราพัฒนามากขึ้น แต่เพราะเราฝึกได้ลึกล้ำมากขึ้นต่างหาก
สิ่งที่ในหนังสือเรียกว่า deep practice บอกว่า การที่เราติดขัด(struggling)จะเปิดประตูความสามารถของเราออกมา
สิ่งที่เราทำผิดพลาด ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราฉลาดขึ้นด้วย
เมื่อเราทำอะไรสักอย่างที่ยากๆ เราต้องพยายามทำให้มันช้าลง เราต้องทำผิดพลาด และเราต้องแก้ไขมัน นั่นถึงจะทำให้เราเก่งขึ้น
มีการทดลองแบ่งนักศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม คือ group A เรียนหนังสือ 4 คาบ ส่วน group B เรียนหนังสือแค่ 1 คาบ แต่สอบ 3 ครั้ง
1 สัปดาห์ถัดมา นักศึกษา group B ทำคะแนนได้มากกว่า group A ราวๆ 50% แม้ group B จะเรียนหนังสือเพียง 1/4 ของ group A แต่ความรู้ที่ group B ได้มานั้นกลับมากกว่า group A เสียอีก
พวกเรามักจะคิดว่าความจำ เป็นเหมือนการอัดเทป แต่นั่นคือความคิดที่ผิด ความจำคือโครงสร้างที่มีชีวิต
ยิ่งเราสร้างสัญญานที่เกิดจากการเผชิญหน้ากับความยากลำบากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสร้างโครงสร้างให้แข็งแรงเท่านั้น และนั่นก็ทำให้เรายิ่งเรียนรู้ได้เร็วขึ้นด้วย
เมื่อเราฝึก deep practice โลกเหมือนจะหยุดหมุน (หรืออาจจะเรียกว่า flow หรือ focus ก็ได้) เราจะใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความพยายามเพียงน้อยนิดจะก่อให้เกิดผลมหาศาล
เราจะทวีคูณความสามารถของตัวเราเอง เราจะเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นความสามารถ
ข้อสังเกตก็คือเลือกเป้าหมายที่จะฝึกให้เกินความสามารถของในปัจจุบันของเรา เพื่อให้การฝึกเกิดการติดขัด
จริงๆเรื่องการติดขัดหรือ deep learning สามารถอธิบายได้ผ่านวิทยาศาสตร์เรื่อง myelin sheath ซึ่งผมขอยกเอาไว้ก่อน (ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็น lecture เรื่องระบบประสาท 101 เกินไปอีก)
แต่เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการ focus หรือการออกนอก comfortable zone เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาตัวเอง
เอาจริงๆเรื่องนี้จะต่อไปถึงเรื่อง deliberate practice ซึ่งว่าด้วยจะต้องฝึกอย่างไรถึงจะเป็น expert
และหนังสือเรื่อง the talent code ก็เป็น 1 ในหนังสือที่อธิบายเรื่อง deliberate practice ได้ดีพอๆกับหนังสือชื่อ peak เลยทีเดียว
"struggle is not an option. it's a biological requirement"
จงล้มเหลว จงติดขัด และจงก้าวต่อไปครับ ***************************************** The Talent Code in 5 Mins สรุปเนื้อหา จากหนังสือ The Talent Code รหัสลัดอัจฉริยะ https://www.youtube.com/watch?v=zOSFneGVT5YVIDEO
Create Date : 28 มิถุนายน 2562
Last Update : 28 มิถุนายน 2562 14:57:20 น.
1 comments
Counter : 805 Pageviews.