วุฒิสภาจัดประชาพิจารณ์แปรรูปกฟผ.รุมถล่มรัฐบาล

โดย //www.manager.co.th 7 มกราคม 2549 18:47 น.

นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพมหานคร

วุฒิสภาจัดประชาพิจารณ์แปรรูปกฟผ.รุมถล่มรัฐบาลยับฉ้อฉลนำผลประโยชน์ของสาธารณะเข้ากระเป๋าเฉพาะกลุ่มนายทุนรายใหญ่ มุ่งแสวงหากำไรเหมือนปตท. ขณะที่กลุ่มสหภาพรัฐวิสาหกิจเตรียมระดมพลครั้งใหญ่วันที่ 16 ม.ค.นี้ ขวางขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

วันนี้(7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมาธิการศึกษา และรับฟังปัญหาการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) ในคณะกรรมาธิการการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ วุฒิสภา ได้จัดเวทีประชาพิจารณ์ เรื่อง “ปัญหาการแปรรูป กฟผ.” โดยมี นายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการสถาบันสหัสวรรษ นายอนุวัฒน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ นายศิริชัย ไม้งาม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจกฟผ. รวมทั้งประชาชนที่สนใจจำนวนประมาณ 100 คน เข้าร่วม

ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการยังได้เชิญฝ่ายรัฐบาล เช่น กระทรวงการคลัง ผู้ว่าการ กฝผ. กระทรวงพลังงาน มาชี้แจง แต่ได้รับปฏิเสธ โดยอ้างคำสั่งของศาลปกครองที่มีคำสั่งให้ชะลอการแปรรูปกฟผ.เกรงว่าจะละเมิดอำนาจศาล

นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพ ในฐานะผู้ดำเนินการประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง
ถึงกรณีที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไม่เข้าร่วมในครั้งนี้ว่า การประชาพิจารณ์ครั้งนี้ถือเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยก่อนหน้าคณะกรรมาธิการฯ ที่ดำเนินการได้ทำหนังสือประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง สำนักรัฐวิสาหกิจ กระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับการตอบรับว่าจะมาร่วมชี้แจงข้อสงสัย และรับฟังการทำประชาพิจารณ์ครั้งนี้ แต่พอใกล้จะถึงวันจัดงาน กลับยื่นเงื่อนไขมาหลายอย่าง และไม่มาร่วมงานในที่สุด

“มีการบอกว่า อย่าเอาผมเป็นผู้ดำเนินรายการ เพราะไม่เป็นกลาง และมีการอ้างเหตุผลที่ไม่มาร่วมงานว่า กลัวคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย คณะผู้จัดได้ถือว่าเปิดโอกาสให้ฝ่ายรัฐบาลได้มารับฟังแล้ว เมื่อไม่มา ในฝ่ายที่มาและประชาชนผู้สนใจ ก็ต้องดำเนินการไปกันเอง ผมนึกว่าฝ่ายบริหารจะคุ้นกับวัฒนธรรมประชาธิปไตยแล้ว แต่ปรากฏว่าจนแล้วจนรอด ก็ไม่คุ้นเคยเหมือนเดิม ผมยอมรับว่าผิดหวังกับท่าทีของรัฐบาลมาก” นายแก้วสรร

นายศิริชัย กล่าวว่า สหภาพ ฯยืนยันตลอดว่า จะคัดค้านการแปรรูป กฟผ. ในทุกรูปแบบ แม้ว่าบางครั้งกระแสสังคมจะแผ่วลง แต่เราก็ไม่หยุดและยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปรรูปกฟผ. เพราะกฟผ.มีทรัพย์สินจำนวนมาก มีความสามารถในการเป็นลูกหนี้ชั้นดี ที่สามารถชำระหนี้ล่วงหน้าได้ อีกทั้งยังมีกำไรทุกปี และยังทำรายได้ให้กับประเทศชาตินับเป็นแสนล้านบาท ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผ่านมาผู้นำประเทศเลี่ยงที่จะพูดในบางเรื่อง ดังนั้นประชาชนต้องมาร่วมกันคัดค้าน อย่าหวังเพียงให้สหภาพฯเป็นตัวขับเคลื่อนเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งคงไม่ประสบความสำเร็จ

“ตัวอย่างของการแปรรูรัฐวิสาหกิจที่ดี ก็คือ ปตท.ที่มุ่งแต่แสวงหากำไร หากกฟผ.ถูกแปรรูป ประชาชนเดือดร้อนแน่ โดยเฉพาะค่าไฟ ซึ่งเฉพาะประธานและกรรมการ เป็นตรายาง และคนของพรรคไทยรักไทย ที่จะส่งสัญญาณเพื่อเอื้อธุรกิจให้กับคนบางกลุ่ม ทั้งนี้วันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วมของรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ต้องการแปรรูป เพื่อขับเคลื่อนแนวทางเคลื่อนไหวการคัดค้านการแปรรูป เพราะรัฐวิสากิจเป็นของประชาชน ไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่งหรือเป็นผลประโยชน์ของใคร”นายศิริชัย กล่าว

นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า โจทย์การแปรรูปมันผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นการตั้งใจให้เข้าสู่ระบบไฟแนนซ์ ทั้งที่ความจริงต้องตั้งโจทย์ ให้เป็นเรื่องของประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นตนขอกล่าวหาว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของความมักง่าย แต่เป็นเรื่องของความฉ้อฉล ทุจริตโดยไม่บกพร่อง เป็นเรื่องคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ซึ่งถือเป็นวิกฤตโจรกรรม แม้ว่าจะมีการบอกว่าการแปรรูปพนักงานจะได้รับหุ้นมูลค่า 8,400 ล้านบาท แต่ก็เป็นแค่เศษเนื้อ ที่ฝ่ายมีอำนาจโยนให้ แต่ยังมีมูลค่าหุ้นอีกหลายแสนล้านบาท ที่มีคนบางกลุ่มจะได้ในอนาคต ตนจึงขอเรียกร้องเลิกหลอกประชาชนได้แล้ว

“ต่อไปการใช้ไฟไม่ต้องคำนวณตามความต้องการของเศรษฐกิจ แต่ให้คำนวณจาการปริมาณการใช้ไฟ ที่เอกชนและความต้องการของประชาชนเป็นหลัก โดยโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ สามารถสัญญากู้เงินกับ กฟผ.ได้โดยตรง เพราะถือว่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นผู้ซื้อ และต้องดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า แจกจ่ายกับประชาชนแน่นอน”นายวุฒิพงษ์ กล่าว

นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า การแปรรูปที่สำคัญ สังคมต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะแปรรูปไปเพื่ออะไร ปรัชญาแปรรูปคืออะไร เมื่อแปรรูปแล้วจะเป็นอย่างไร และการระดมทุนไปเพื่อใคร ที่สำคัญกฟผ.จะยังคงฐานะเป็นผู้ผลิต หรือผู้พยุงราคา เพราะการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ คือการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แม้ว่าจะบอกว่า เมื่อ กฟผ.เข้าตลาดหุ้นแล้ว รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็จะมีเอกชนเข้าถือหุ้นด้วย ซึ่งขณะนี้ตนยังมองไม่ออกว่า หลังการแปรรูปกฟผ.แล้ว เรื่องราคา ค่าเอฟที และแนวทางการดำเนินการของ กฟผ.จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากเดิมหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควรจะมีข้อมูลให้กับประชาชนได้ทราบ

นายวิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเรียกร้องให้กฟผ.อย่าผลักภาระให้กับผู้บริโภค ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยการนำกฟผ.เข้าตลาดหุ้น ผลประโยชน์จะตกอยู่กับผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก ที่จะต้องใช้ไฟฟ้าสูงถึง 2,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งกฟผ.จะต้องเอาเงินจากการขายหุ้น ไปจ่ายค่าความพร้อมการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า ที่ได้ทำการประเมิน และเขียนไว้ในแผนพัฒนาพลังงานของชาติ ว่า ในปี 2559 จะต้องใช้ไฟเพิ่มขึ้นสูงถึง 2,600 เมกกะวัตต์ แต่จีดีพีจะเพิ่มปีละ 6.5% โดยกฟผ.จะต้องนำเงินไปจ่ายค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าถึง 4 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่า แผนของกฟผ.ผิดพลาด เพราะจีดีพีไม่ได้เป็นไปตามที่ประเมินไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทำประชาพิจารณ์นี้ ส่วนใหญ่ค้านการแปรรูปกฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยกังวลถึงค่าเอฟที การแสวงหากำไรให้กับผู้ถือหุ้น ทั้งนี้น.ส.สายรุ้ง ทองปอน ผู้จัดการองค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า ขอให้ปตท.ที่เป็นผู้ผูกขาดการขายก๊าซให้กับ กฟผ. แบ่งกำไรที่ได้ปีละแสนล้าน ประมาณครึ่งหนึ่งมาเฉลี่ยค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ดีกว่าเข้าไปตลาดหลักทรัพย์ ตนเชื่อว่าเดือนก.พ.ค่าไฟฟ้าจะต้องขึ้นอีกยูนิตละหลายสตางค์

Create Date : 08 มกราคม 2549		2 comments
Last Update : 8 มกราคม 2549 12:54:28 น.
Counter : 799 Pageviews.
Share Tweet