เมื่อถึงคราวญี่ปุ่นจมทะเล

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ผมได้ไปดูหนังญี่ปุ่นมาครับ เรื่อง Sinking of Japan ดูที่โรงภาพยนตร์ SF Cinema City มาบุญครอง โรงที่ 1 ที่นั่ง A13 รอบ 13.15 น.

ภาพยนตร์ไซไฟญี่ปุ่นเรื่องนี้ มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Nipon Chinbotsu หรือ Submersion of Japan จากนิยายในชื่อเดียวกันที่เขียนโดย ซาเกียว โคมัตซึ และ มาซาโตะ คาโต เคยทำเป็นหนังมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ค.ศ. 1973 เพราะฉะนั้น หนังเวอร์ชั่นนี้จึงห่างจากการสร้างในครั้งโน้น 33 ปี โดยเวอร์ชั่นนี้มี ชินจิ ฮิกุชิ เป็นผู้กำกับ

เล่าเนื้อเรื่องให้ฟังนิดหนึ่งครับ (ระวังนะครับ ย่อหน้านี้เผยอรรถบทหรือเนื้อหาของเรื่อง) ในเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบว่า ด้วยการชนกันของแผ่นเปลือกโลกจะทำให้ประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดจมลงไปใต้ทะเล โดยตอนแรกคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาราว 40 ปี นายกรัฐมนตรียามาโมโตะของประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางไปประเทศอเมริกาเพื่อขอความช่วยเหลือในการอพยพประชาชนญี่ปุ่น แต่ก็ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกอันเนื่องมาจากการระเบิดของภูเขาไฟเสียก่อน ทำให้ ซาโอริ ทาคาโมริ ซึ่งได้รับการร้องขอจากนายกฯ ให้เป็นรัฐมนตรีด้านวิกฤติการณ์และการป้องกันหายนะ ต้องตกอยู่ในฐานะหาทางออกในการช่วยเหลือชาวญี่ปุ่น เรื่องกลับเลวร้ายลงไปอีกเมื่อ ดร.ยูซูเกะ ทาโดโกโร ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านธรณีวิทยาทางทะเลทำการคำนวณใหม่แล้วพบว่า ญี่ปุ่นจะจมภายในหนึ่งปีเท่านั้น ไม่ใช่ 40 ปี ซึ่งการช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่นจะต้องใช้การระเบิดทำลายแผ่นเปลือกโลกที่รองรับประเทศญี่ปุ่นอยู่ โดยจะต้องใช้เรือดำน้ำลึกขนาดเล็กลงไปหย่อนเครื่องจุดระเบิด ผู้ที่ขับเรือดำน้ำเล็กนี้คือ โอโนเดระ โทชิโอะ (พระเอกของเรื่อง) ซึ่งการทำหน้าที่นี้เท่ากับเป็นการสละชีพเพื่อคนที่เขารัก (อาเบะ เรโกะ พนักงานกู้ภัย นางเอกของเรื่อง) และเพื่อประเทศญี่ปุ่น

นี่เป็นหนังหายนะของญี่ปุ่นที่มีความสมจริงเหลือเกิน เทคนิคพิเศษ เทคนิคทางด้านภาพ ผมว่าดีถึงขั้น ดีมากๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทางด้านจังหวะในการนำเสนอเรื่องราวก็ค่อยๆ ถาโถมเข้าใส่คนดู ไม่เหมือนกันหนังหายนะอย่างเรื่อง Dante Peak หรือ Volcano หรือ The Day After Tomorrow ที่หายนะไหลบ่าเข้ามาเกือบจะรวดเดียว

ใบปิดของหนังเรื่องนี้

Sinking of Japan เปิดฉากหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง เราได้เห็นความพินาศของเมือง ไฟที่ไหม้ ตามด้วยภาพของผู้รอดชีวิตสองคน คนหนึ่งก็คือ โทชิโอะ (เขาทำงานกับดร.ยูซูเกะ) และเด็กหญิงมิซากิ คูรากิ ซึ่งเดินโซซัดโซเซอยู่คนเดียว และก่อนที่เธอจะโดนระเบิดจากเสาไฟฟ้าที่กำลังล้มฟาดลงมาบนกองน้ำมันที่หกเต็มถนน เรโกะ ก็โหนเชือกจากเฮลิคอปเตอร์มาคว้าตัวมิซากิไว้ทัน (เท่ไหมล่ะครับ ฉากเปิดตัวนางเอกของเรา) ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้จะพัฒนาต่อไปอย่างแนบแน่น

ขณะที่เนื้อเรื่องค่อยๆ ดำเนินไป เผยความจริงมาทีล่ะขั้น เราก็ได้เห็นการระเบิดของภูเขาไฟ แผ่นดินไหว สึนามิ จากพื้นที่ต่างๆ ของญี่ปุ่น สลับไปทั้งเรื่อง ในลักษณะใกล้เคียงกับภาพข่าว และภาพจากดาวเทียมที่เห็นเกาะญี่ปุ่นค่อยๆ ล่มสลายลงไป ผมว่ามันบีบคั้นผู้ชมดีนะครับ ที่เราได้รับรู้ ได้เห็นหายนะต่อเนื่องกันทั้งเรื่องแบบนี้

มีหลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ที่ชวนให้เราคิดต่อได้อีกมาก ในตอนที่นายกรัฐมนตรียามาโมโตะเห็นข้อมูลต่างๆ เขาได้พูดว่า "มีคนมากมายยินดีที่จะอยู่ที่นี่และจมไปพร้อมกับญี่ปุ่น ผมเองก็รู้สึกเช่นนั้น" มันดีกว่าการที่ต้องเอาตัวรอดไปอยู่บนแผ่นดินอื่น มันแสดงถึงความเคารพ ผูกพันกับแผ่นดินแม่ หากไม่มีชาติให้อยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม คงดีกว่าถ้าได้สิ้นสุดลงไปด้วยกัน เช่นเดียวกับกัปตันเรือที่จะยอมตายไปพร้อมกับการจมของเรือของตน

แต่ว่า.... การยอมตายไปนั้นดีกว่าจริงๆ หรือ? จากประโยคสวยๆ ประโยคนี้ ดูเหมือนชินจิ ผู้กำกับ จะเสนออีกความเห็นหนึ่งไว้ให้เราดู เมื่อแม่ของมิซากิที่ไม่รู้สึกตัวมาตั้งแต่ต้นเรื่อง จู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ขณะที่เธอฟื้นในช่วงสั้นๆ เธอได้พูดกับมิซากิว่า "จงมีชีวิตต่อไป" ชินจิพยายามจะให้ความหมายกับการต่อสู้ที่จะอยู่รอดต่อไปไม่ว่าชะตากรรมของเราจะเลวร้ายสักปานไหน

ชินจิ ฮิกุชิ ผู้กำกับ

บางที มันเป็นการเสนอมุมมองชีวิตของคนในสองรุ่นด้วยก็เป็นได้ เพราะนอกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว มารดาของโทชิโอะก็ยืนยันที่จะอยู่กับญี่ปุ่น และตายไปด้วยกัน เธอบอกกับโทชิโอะว่าเธอจะไม่ไปไหน แต่ในขณะเดียวกัน ซาโอริ ซึ่งเป็นคนที่ขึ้นมาแทนนายกฯเพื่อพาญี่ปุ่นให้ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ ตรงข้ามกับรักษาการณ์นายกที่ทิ้งให้เป็นเรื่องของโชคชะตาไปแล้ว ซาโอริได้ไปหาดร.ยูซูเกะ สามีเก่าของเธอ เธอได้อ้อนวอนถามหาวิธีช่วยชาวญี่ปุ่นที่จะตกค้างอยู่ "บอกทีเถอะว่าจะช่วยคน 1,000 คนได้อย่างไร หรือแค่ 100 คน หรือแม้เพียงแค่คนเดียว บอกมาแล้วฉันจะทำ" นี่คือความหมายที่ซ่อนอยู่ของการให้ความสำคัญกับการมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป แม้เพียงแค่หนึ่งเดียว มันก็มีความหมาย

และอาจจะเป็นความหมายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นตัวแทนของชาติต่อไป คนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับเด็กอย่างมิซากิ ที่จะเป็นคนพาให้ญี่ปุ่นฟื้นตัว ผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้

และการรักษาให้ชีวิต หรือประเทศรอดพ้นต่อไปได้นั้น ก็อาจจะต้องแลกด้วยการพลีชีพของตัวเอง เรโกะปฏิเสธที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษพร้อมกับโทชิโอะ เพราะเหตุผลด้านภาระความรับผิดชอบในฐานะหน่วยกู้ภัยที่มีสัญญาต่อผู้คนว่าจะต้องทำให้พวกเขารอดปลอดภัยให้ได้ ส่วนตัวโทชิโอะเองล่ะ เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจการตัดสินใจของยูกิเพื่อนร่วมงานที่ขอช่วยเหลือดร.ยูซูเกะต่อไป แต่แน่นอน เขาก็เข้าใจในท้ายที่สุด


Sinking of Japan จึงเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ เพื่อรักษาชีวิตให้คงอยู่ต่อไป ไม่ใช่แค่ชีวิตใครคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่คนรักของใครคนหนึ่ง แต่เป็นชีวิตของชาติทั้งชาติที่จะต้องร่วมใจกันผ่านฝันร้ายในโลกจริงนี้ต่อไปให้ได้

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Sinking of Japan : //www.nc06.jp

เว็บไซต์ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษ //www.tbs.co.jp/movie/soj

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549		5 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2549 15:49:33 น.
Counter : 1509 Pageviews.
Share Tweet