สมุนไพรและอาหารที่ใช้กับโรคสมองเสื่อม ได้แก่ โสม ใบแป๊ะก๊วย บัวบก พรมมิ เนื้อปลา น้ำมันปลา ขมิ้น ผักผลไม้ วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม คาโรตีนอยด์ เป็นต้น วิทตามิน อี สามารถรักษาโรคสมองเสื่อมให้คืนปกติได้ ด้วยเหตุที่มันเป็นยาล้างพิษขนานชะงัด ช่วยล้างพิษของการผสมกับออกซิเจน อันเป็นเหตุเกิดโรคสมองต่าง ๆ อย่างเช่น โรคสมองเสื่อมได้ ขมิ้นที่เราเอามาทำเครื่องแกงมีสาร Curcumin ต้านการอักเสบ ช่วยลดการเสื่อมของสมองจากโรคอัลโซเมอร์ได้ มีผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตไว้ว่าคนอินเดียมีอัตราการเกิดโรคอัลโซเมอร์ต่ำที่สุดในโลก อาจเป็นเพราะคนอินเดียมีการใช้ขมิ้นทำเครื่องแกงกินกันมากนั่นเอง นักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯเปิดเผยว่า เครื่องแกงกะหรี่มีขมิ้น อาจจะช่วยปลุกระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเที่ยวไล่กวาดโปรตีนที่ไปจับอุดตันอยู่ในสมอง อันเป็นเหตุของโรคสมองเสื่อม โรคสมองเสื่อมเกิดจากการเกิดคราบจุลินทรีย์จับมันสมองเป็นตุ่ม และหัวขมิ้นชันดูเหมือนออกฤทธิ์ ให้เกิดคราบจับน้อยลงไปได้ ตั้งครึ่ง หอยนางรม หอยแครง หรือหอยอื่น ๆความจำเสื่อม แก้ไขโดยกินหอยนางรม หอยแครง หรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื้อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี ไข่คุณหมอกล่าวว่า การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ ผลการวิจัยล่าสุด ระบุว่าความจำเสื่อมเป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อย หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละ อย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ในแต่ละวัน ชาสมุนไพร น้ำผักผลไม้คั้นสดๆ และซุปเครื่องดื่มที่มีคุณภาพช่วยทำความสะอาดสมอง ช่วยให้เลือดไหลเวียนเป็นปกติ ช่วยขจัดสารพิษออกจากสมองไม่ว่าจะเป็นน้ำสะอาด ชาสมุนไพร น้ำผักผลไม้คั้นสดๆ และซุปก็ใช้ได้ โดยอาจเติมตัวกระตุ้นอย่างน้ำขิงเพื่อกระตุ้นเลือดลม กระตุ้นการทำงานของตับ ส่วนน้ำซุปผักจะช่วยปรับสภาพพิษในร่างกาย โดยเฉพาะสารพิษที่ตกค้างในกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยเปลี่ยนผักที่ใช้ไปเรื่อยๆ กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acid) ที่อยู่ในน้ำมันปลามีคุณสมบัติบำรุงสมองได้ ทั้งนี้เพราะสารตัวนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์สมอง ถ้าขาดไปจะทำให้เซลล์สมองอ่อนแอ เป็นโรคได้ง่าย ปลาและน้ำมันปลาหมอแอนดรู วีล กล่าวว่าไม่มีอะไรที่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์สนับสนุนแข็งขันการบำรุงสมองเท่ากับเนื้อปลาและน้ำมันปลาข้อควรระวังในการบริโภคน้ำมันปลาทะเล1ทำให้เลือดออกง่าย(Excess Bleeding) เนื่องจากการลดการจับตัวของเกร็ดเลือด ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ที่รับประทาน Baby Aspirin เป็นประจำ 2เพิ่มความต้องการวิตามินอี เนื่องจากร่างกายต้องนำวิตามินอีไปต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของกรดไขมันไม่อิ่มตัว (PUFA) 3ถ้าร่างกายได้รับ Antioxidant ไม่เพียงพอในระยะยาวอาจส่งเสริมการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด เนื่องจากการเพิ่ม oxidize LDL อาจเกิดโรคติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจาก EPAในน้ำมันปลากดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผักผลไม้ (เฉพาะส้ม กล้วยหอม และแอปเปิ้ล)หมอวีลแนะนำว่าควรกินผักผลไม้ให้มากเข้าไว้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านสารพิษ ที่ทำให้เกิดมะเร็งและทำลายสมอง วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม และคาโรทีนอยด์ ถ้ากินเสริมอาหารเข้าไปอาจช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองได้ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์อันมีชื่อเสียงโด่งดังของอเมริกา พบในการศึกษาใหม่ว่า การบริโภคผลไม้บางอย่างโดยเฉพาะส้ม กล้วยหอม และแอปเปิ้ลอยู่เป็นประจำวัน จะช่วยปัดเป่าโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์และโรคอัมพาตแบบสั่นได้ ศาสตราจารย์จาง วาย. ลี หัวหน้านักวิจัย ให้เหตุผลว่า เพราะสารที่มีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษในผลไม้เหล่านั้น ช่วยให้ประสาทเสียหายน้อยลงอาจารย์จางยังได้เปิดเผยสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ว่า เป็นเพราะเซลล์ได้รับอันตรายทำให้ทำงานน้อยลง และยังไปทำให้ประสาทเสื่อมลงอีกทีหนึ่ง เราศึกษาพบส่อว่า การบริโภคผลไม้สด เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยบรรเทาภัยจากโรคที่เกิดจากประสาทเสื่อมทำกรรมฐานเมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาโดยการตรวจสแกนสมองอาสาสมัคร 20 คน ที่ทำกรรมฐานเป็นประจำวันละ 40 นาที เขาพบว่าสมองส่วนเปลือกนอก (Cortex) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลล์สมองมากมีขนาดหนาขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ทำกรรมฐาน อันนี้เป็นหลักฐานพิสูจน์ทางกายภาพที่ชัดเจนว่าการฝึกกรรมฐานมีผลดี สามารถต้านความเสื่อมของสมองได้ การฝึกสมองทดลองปัญญาทำเป็นประจำก็สามารถช่วยรักษาคุณภาพของสมองเอาไว้ได้ดี ออกกำลังกายเดินเร็วหน่อยวันละ 30 นาทีขึ้นไป ลดความเสี่ยงสมองเสื่อมจากเส้นเลือดตีบตันได้ 73% ส่วนการออกแรง-ออกกำลังปานกลางมีหลายอย่าง เช่น ทำสวน ขี่จักรยาน ทำงานบ้าน ฯลฯ วันละ 30 นาทีขึ้นไป ป้องกันความเสี่ยงสมองเสื่อมได้ 76%อาจารย์ราวากลิอากล่าวว่า การรักษาสุขภาพสมองนั้นคล้ายกับการรักษาสุขภาพหัวใจ หลักสำคัญคือ เลือกอาหารที่ดีกับสุขภาพ และออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ ซึ่งควรทำให้ได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที