poivang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




Cursors scrollbar background bullet สีfont สีlink webpage ลบกรอบ ภาพcomment
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poivang's blog to your web]
Links
 

 
อาหารต้องห้ามและอาหารทานได้สำหรับคนป่วยมะเร็ง







อาหารต้องห้ามสำหรับคนป่วยมะเร็ง

1. ลดโปรตีน เช่น โปรตีนจากสัตว์ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา หมู เห็ด เป็ด ไก่ โปรตีนจากพืช เช่น เห็ดสดทุกชนิด เต้าหู้ และจำพวกถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วตำ ถั่วเหลือง ฯลฯ

2. ลดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นไขมันพืช หรือไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันไก่ นม เนย กะทิ

3. งดของหมักดอง เช่น กะปิ ปลาร้า เต้าเจียว ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง หน่อไม้ปี๊บ น้ำปลา ฯลฯ

4. งดเครื่องบำรุงร่างกาย เช่น ชา กาแฟ โอวัลติน รังนก ซุปไก่สกัด ฯลฯ

5. ควรหลีกเลี่ยงสารนิโคลติน อาหารผสมสี

6. งดผลไม้ เช่น ทุเรียน อโวคาโด มะพร้าวอ่อน สัปปะรด (ผลไม้ที่มีรสหวานจัด)

7. งดผัก เช่น แตงกวา ใบชะพลู



อาหารทานได้สำหรับคนป่วยมะเร็ง

- ควรจะรับประทานจำพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น จำพวกข้าวกล้อง เผือก มัน ข้าวโพด ขนมปังโฮลวีท ซึ่งปราศจากผงฟู และเนย

- ควรทาน ผลไม้สด น้ำผัก ผักสดได้แก่ ผักพื้นบ้าน และจำพวกถั่วฝักอ่อน เช่น ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วพู ฯลฯ

- ผักสด ผลไม้ ทุกชนิดควรแช่ผงถ่าน 15 นาที (แอนตี้เวตแตทชาโคร์) จะได้ปราศจากเชื้อโรคและสารพิษที่ติดมากับผักและผลไม้

"อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง" มะเร็งอยู่ได้ดีในสภาวะที่เป็นกรด จึงไม่ให้สร้างภาวะที่เป็นกรดให้กับร่างกาย

การพยายามสร้างความเป็นด่างให้มากในผู้ป่วยมะเร็ง ต้องมองเป็นองค์รวม หมายความว่าต้องเกิดทั้งจากโภชนาการโดยรวมให้อาหารเป็นตัวส่งเสริมให้เกิดความเป็นกรดให้น้อยที่สุดและสร้างความเป็นด่างให้มากที่สุด ซึ่งต้องประกอบไปด้วยการกินคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน(ไม่ขัดสี) กินอาหารที่มีรสออกไปทางขมหรือฝาด เช่นผักบางชนิดได้แก่ถั่วพลู ตำลึง มะเขือ หรือประเภทธัญพืชต่างๆก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสริมความเป็นด่างเช่นกัน อย่างนี้เป็นต้น

อาหารทุกชนิดจะกินเพื่อให้ความเป็นด่างเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่ อาหารแต่ละมื้อบางอย่างก็ให้ความเป็นกรด เช่นสารให้ความหวาน น้ำปลา เครื่องปรุงส่วนใหญ่ก็ให้ความเป็นกรดแทบทั้งนั้น เพียงแต่อาหารโดยรวมทั้งมื้อควรให้ความเป็นด่างมากกว่าก็ถือว่าใช้ได้ ดังนั้นต้องกินผักให้มากขึ้นและกินหลากหลายชนิดในแต่ละมื้อ เช่น ข้าวกล้อง เต้าหู้หรือธัญพืช ซึ่งถือเป็นส่วนใหญ่ของอาหารมื้อนั้นๆก็จัดว่ากินอาหารที่ให้ความเป็นด่างแก่ร่างกายแล้ว

ว่าด้วยเรื่องนมเปรี้ยว
โดยรวมก็ให้ความเป็นกรดแต่ที่แนะนำให้กินเพราะคุณค่าทางโภชนาการมันน่าสนใจโดยเฉพาะเกลือแร่วิตามิน ซึ่งความแสลงที่มาจากนมนั้นมันไม่มีแล้วเพราะถูกแบคทีเรียย่อยสลายไปหมดแล้ว และการดื่มนมเปรี้ยวก็ไม่ใช่ว่าดื่มกันมากมายอะไร ดังนั้นความเป็นกรดของนมเปรี้ยวจึงมีอิทธิพลน้อยเมื่อเทียบกับอาหารทั้งหมดที่กินในแต่ละวันที่ให้ความเป็นด่างโดยรวมมากกว่า


โดยทั่ว ๆไป ร่างกายของคนเราจะมีสภาพค่อนข้างไปทางด่างเล็กน้อยด้วยค่า PH ประมาณ 7.4 ในสภาพนี้กระบวนการทำงานในร่างกายของคนเราจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น การย่อยการดูดซึม และที่สำคัญที่สุด คือ การขจัดของเสียออกจากร่างกายจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อย่างไรก็ตามถ้าคนเราบริโภคอาหารที่มีสภาพความเป็นกรดเข้าไปมากๆ สภาพร่างกายและเลือดของคนเราก็จะมีสภาพของความเป็นกรดมากกว่าความเป็นด่าง

ผลที่ตามมาก็คืออวัยวะที่มีหน้าที่ฟอกเลือดให้สะอาด เช่น ม้าม ตับ หัวใจ และไตก็จะทำงานหนักเป็นอย่างมากจนเกินกำลังของตัวเอง และในที่สุดอวัยวะเหล่านี้ก็จะอ่อนแอลง ทำให้สารพิษที่คั่งค้างไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้หมด และถูกเก็บสะสมไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น เก็บสะสมไว้ในข้อต่อ เป็นเหตุของโรคปวดตามข้อ และ โรคเก๊า

หรือการที่สารพิษเหล่านี้หาทางระบายออกทางผิวหนัง เป็นสาเหตุของ สิว กลาก เกลื้อนแผลฝีและกลิ่นตัวแรง สภาพความเป็นกรดสูงของร่างกายสามารถเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น โรคมะเร็ง โรคริดสีดวง โรคอัมพาต โรคไต โรคตับ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหืด และโรคภูมิแพ้อื่น ๆ

การปรับสภาวะความเป็นกรดของร่างกายให้กลายเป็นด่าง จึงถือว่าเป็นการรักษาสุขภาพอนามัยและบำบัดโรคต่าง ๆ ของคนเราโดยวิธีธรรมชาติ การทานอาหารที่มีสภาพเป็นกรดให้น้อยลง และเพิ่มปริมาณอาหารที่เป็นด่างให้มากขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์

ในแต่ละมึ้อจงทานพืช ผัก ผลไม้ (อาหารที่มีสภาวะเป็นด่าง) ในปริมาณที่มากกว่า อาหารที่มีสภาพเป็นกรดและอาหารจำพวกแป้ง ยิ่งทานอาหารที่มีสภาวะเป็นกรดน้อยลงเท่าไร สุขภาพอนามัยของคนเราก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

อาหารที่มีสภาพเป็นกรด (Acid food)

เนื้อสัตว์ทุกชนิด ปลา และไข่
- น้ำชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ผงชูรส ของหมักของดอง น้ำส้มสายชู
- แป้งและเมล็ดข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ขัดสีจนขาวแล้ว เช่น ข้าว(ขาว) ขนมปัง(ขาว) ก๋วยเตี๋ยว แครกเกอร์ ฯลฯ
-น้ำมัน ไขมันทุกชนิด และอาหารทอดน้ำมัน
- อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลทรายขาว และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำตาลทรายขาว เช่น แยม วุ้น น้ำเชื่อม ลูกกวาด ขนมหวาน ไอศกรีม ผลไม้กระป๋อง น้ำอัดลม (มีความเป็นกรดสูงมาก และทำให้ฟันผุเร็ว)

อาหารที่มีสภาพเป็นด่าง (AIkaline foods)

ผักแทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักใบเขียว ยอดอ่อนของพืชผักต่าง ๆ เช่น ถั่วงอก จะอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ทั้งยังจะซึมซับสิ่งสกปรกที่ร่างกายไม่ต้องการออกไปได้อย่างดี ในหมู่พืชตระกูลถั่ว ถั่วเหลืองมีความเป็นด่างมากที่สุด แพทย์โบราณจึงมักนิยมใช้ถั่วเหลืองทำเป็นอาหารนานาชนิด ที่จะช่วยปรับสภาพผู้ป่วยที่ร่างกายมีสภาพความเป็นกรดมาก
- น้ำผึ้งและน้ำตาลอ้อย
- นมที่ทำจากเนย (buttermilk)
- ลูกนัทแทบทุกชนิด เช่น อัลมอนด์นัท บราซิลนัท เชสนัท

- ผลไม้และน้ำผลไม้สด
อาหารชนิดนี้ นอกจากจะมีสภาพความเป็นด่างสูง แล้วยังจัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่ย่อยง่ายที่สุด จนแทบจะเรียกได้ว่า สามารถย่อยตัวของมันเองได้เมื่อกระทบกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ดังนั้นอวัยวะย่อยอาหารในร่างกายแทบจะไม่ต้องทำงานเลยในการย่อยอาหารพวกนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางธรรมชาติบำบัดมักเรียกผลไมัว่า ?ผลไม้เป็นยาตามธรรมชาติที่จะช่วยปรับสภาพความเป็นด่างของร่างกายและขจัดของเสียจากร่างกายที่วิเศษที่สุด


-มะเขือเทศ มีความเป็นด่างสูงมาก จึงช่วยลดความเป็นกรดสูงในร่างกายของคนเราได้อย่างดี
-มะพร้าว เป็นอาหารที่มีความเป็นด่างสูง น้ำมะพร้าวหรือกะทิเป็นยาวิเศษสำหรับบำบัดโรคที่เกิดจากความเป็นกรดสูงของร่างกาย

-มะนาว มีความเป็นด่างสูงมาก ด้วยเหตุนี้นักปราชญ์โบราณจึงได้กล่าวว่า น้ำมะนาวเป็นยาวิเศษในการบำบัดโรคต่าง ๆ แทบทุกชนิด เราสามารถที่จะดื่มน้ำมะนาวได้ทั้งวัน ครั้งละไม่มากนัก และจะยอดเยี่ยมที่สุดถ้าผสมเกลือและน้ำผึ้งลงไป (แม้ว่ามะนาวจะมีความเป็นกรดในตัวเอง แต่จะกลายเป็นด่างในระหว่างการย่อย) ผลไม้เล็ก ๆ เช่น สตรอเบอรี่ ราสเบอรี่ ลูกเกด มีค่าเป็นด่าง หากทานเวลาสุก ส่วนเวลาดิบจะมีสภาพเป็นกรด









Create Date : 02 ตุลาคม 2551
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 15:35:56 น. 1 comments
Counter : 115314 Pageviews.

 
หวัดดีคร้าบ เอากำลังใจมาส่ง
กำลังใจมันก็แค่คำพูดที่ไร้สาระ
สำหรับคนที่ไม่ต้องการ
เหมือนคนไม่ป่วยก็ไม่ต้องการยา
ถ้าตอนนี้แรงดีอยู่ฝากเก็บไว้ก่อง

แต่วันใดอ่อนแอ..อย่ายอมแพ้สู้ๆ
อย่างน้อยพลังชีวิตที่ผมมี..ก็พร้อมจะแบ่งปัน
ในวันที่คุงมะมีใคร

ขอให้ยิ้มได้ทุกวันน๊า


โดย: พลังชีวิต วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:13:51:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.