พอขบวนขันหมาก แห่มาถึงครับทางเจ้าสาวก็ตั้งประตูป่า ประตูเงิน ประตูทอง รอเรยครับ 10 ประตู เจ้าบ่าวปาดเหงื่อ ซิก ๆ หลังจากที่เคลียร์ทางกันได้แล้ว ทางเจ้าบ่าวเอาคืนครับไม่ยอมเข้าบ้านเจ้าสาว ฮ่า ๆๆเล่นตัว ครับจนในที่สุดทางเจ้าสาวต้องเอาค่าไถ่มาจ่ายฝ่ายขบวนเจ้าบ่าวถึงจะเข้าไปทำพีธี ทีนี้พอเจ้าบ่าวจะเข้าไปครับก็เกือบเป็นจราจลเล็ก ๆ แย่งรองเท้าเจ้าบ่าวกัน แน่จะเอาไปเรียกค่าไถ่คืน ก็สนุกสนานกันครับแปลกดี โดยก่อนจะเข้าบ้านเจ้าสาวก็เอาน้ำมาล้างเท้าให้เจ้าบ่าว จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงพิธีการทางฝ่ายเจ้าสาวครับ โดยเจ้าสาวต้องขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดของชาวกะเหรี่ยงครับ ช่วงนี้เจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวก็รออยู่ข้างล่าง โดยเพื่อนเจ้าสาวก็คือน้องสาวของเจ้าสาวนั่นเอง ใส่ชุดเหมือนกับพี่สาวแต่ต่างกันที่สีครับ ถ้าสีขาวคือยังไม่มีเจ้าของ สีแดงคือมีเจ้าของแล้ว ฮ่า ๆๆ ถ้าไปแถวนั้นเจอสาวสวยๆต้องดูชุดที่สวมด้วยนะครับ จีบมะดูชุดเด๋วหาว่าแสนพลพ่ายไม่เตือน ช่วงนี้ก็มีเสียงถามว่า เพื่อนเจ้าบ่าว ล่ะ เพื่อนเจ้าบ่าว ล่ะ ผมก็เลยต้องยกมือขึ้น อยู่นี่คร๊าบ อ้าวเข้ามาแล้วก็ไม่บอก แป่ว
ในใจก็คิดว่าอะไรมันจะสำคัญขนาดนั้น พอดีเจ้าสาวลงมาแล้วก็เริ่มทำพิธีกันเลยครับ ไปดูรูปครับ
เห็นของที่อยู่ในสำรับมั้ยครับ เฮอะ ๆพิธีเริ่มด้วยพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาวจะเข้ามาทำการผูกด้าย ให้ที่ข้อมือครับ ด้ายมีสองสี สีแดงผูกมือขวา สีขาวผูกมือซ้าย ครับ จากนั้น พ่อแม่ก็จะเอาของที่อยู่ในถาดป้อนให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวแล้วก็เอาไปใส่ไว้บนศรีษะครับ 3 ช้อน ของที่อยู่ในสำรับก็จะประกอบด้วย ข้าวต้มมัด ลูกโยน ข้าวเหนียวดำบดละเอียด ข้าวสวย และ แกงเผ็ดแห้งไก่กับหน่อไม้ เฮอ ๆ แปลกดีนะ มันแปลกดี นะ ใครจะไปเป็นเขยเมืองกาญจนบุรีย่านหนองปรือสมควรอ่านเป็นอย่างยิ่งครับผม อันนี้แบบไม่แกล้งนะครับถ้าแกล้งก็จะเป็นแกงแบบไม่แห้งหรือน้ำพริกแค่คิดก็ เฮ้อ แต่มีความหมายครับ คือ ด้ายที่เอามาผูกหมายถึงการผูกพัน การพันธนาการ ของคนที่เป็นคู่กันไม่แยกจาก ส่วนที่เอาของที่อยู่ในสำรับใส่ไว้บนศรีษะคือแม้จะพบอุปสรรค ขวางหนาม ปัญหา ชีวิตคู่ต้องอดทน อะโห ลึกซึ้ง ๆ จากนั้นก็จะเป็นผู้เฒ่า ผู้แก่มาทำเช่นเดียวกับพ่อกับแม่ครับ สังเกตุชุดคุณยายทั้งสองท่านครับ สีแบบนี้แหล่ะครับมีเจ้าของแร้ว
ทีนี้ก็มถึงตาเพื่อนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวแร้วโชคดีนะที่เรานั่งจ้องตาไม่กระพริบเรย เราต้องทำแบบที่คุณยายทำ อ๋อเพื่อนเจ้าบ่าวสำหรับที่นี่สำคัญอย่างนี้เองไม่มีไม่ได้ ก็เริ่มจากผูกด้าย ด้ายสีแดงผูกมือ ขวา สีขาวผูกมือซ้าย ก่อนผูกเอาด้ายจุ่มน้ำแล้วเวียนเวียนขวาผ่านอาหารต่าง ๆ เพื่อนเจ้าบ่าวผูก ให้เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาวผูกให้เจ้าบ่าว แล้วก็ป้อนทุกอย่างในหนึ่งช้อน ทั้งหมดให้เจ้าสาว 3 คำ ให้จิบน้ำสามอึก เพื่อนเจ้าสาวก็ป้อนเจ้าบ่าวเหมือนกัน เสร็จแล้ว เฮ้อ
ยังครับท่านยัง เพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก แล้วก็มีเสียงเอาล่ะ ป้อนกังเอง อะจ๊าก
ไหงเป็นงี้ล่ะ ต่างคนก็ต่างมองหน้า ป้อนก่อนซิ ป้อนก่อนซิ
เราก็สุภาพบุรูษป้อนก่อนเรย คำน้อย ๆ ก็ป้อนไปน้องก็ป้อนมา แต่ตอนป้อนมือมันสั่นอ่ะ มะรู้เป็นไร แต่คำที่สอง
น้องเริ่มใส่มาเยอะครับ ก็ยังสามารถ ครับคำที่สามเธอจัดมาแบบเต็ม ๆ กะแกล้งกันเต็มที่ ตอนนี้ก็เลยโดนรุมถ่ายรูปจากไทยมุง อารมณ์ประมาณ พี่เบิร์ด พี่ต้น พี่ต๊อด โดนรุมถ่ายรูปเรย ฮ่า ๆๆๆ
คำนี้มันสาหัสนัก ก็มีเสียง พอหนุ่มเคี้ยวเร็ว ๆ หน่อย โอยคุณป้าครับก็หลานคุณป้าอัดมาซะขนาดนี้ แล้วก็มีแต่ข้าวเหนียวไม่ติดคอผมก็บุญแล้วครับ กว่าจะกลืนได้ กว่าจะได้จิบน้ำ 3 อึก ล่อไปซะเกือบ 5 นาที
จากนั้นก็ถึงเวลานำเอาสินสอดทองหมั้นมานับกันตามประเพณี สวมแหวนให้กัน แต่ที่นี่สินสอดทองหมั้น โรยด้วยถั่ว งา ธัญพืช แล้วก็หัวหอม อันนี้ธรรมเนียมสุโขทัยครับ เชื่อว่า จะได้เจริญงอกงามทั้ง ชีวิตคู่และเงินทอง จากนั้นก็เข้าสู่การรดน้ำสังข์ครับ เสร็จแล้วก็งานเลี้ยงครับ กว่างานจะเสร็จก็ประมาณบ่าย 3 โมง ครับ เหนื่อยแต่ก็มีความสุขครับ ก็ทำการส่งตัวเข้าหอ ประเพณีที่นี่อีกอย่างครับส่งตัวแล้วห้ามออกพ้นชายคาบ้าน ก็ได้เวลาร่ำลาครับ ก็เข้าไปไหว้พ่อแม่เจ้าสาวแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้หนึ่งรูป เพราะเจ้าสาวบอกว่ามัวแต่เป็นตากล้องให้ ก่อนจากก็มีแซวกันเล็ก ๆ ว่า กระไดอยู่ไหนเอาไปเก็บรึยัง คืนนี้ระวังคนปีน ฮ่า ๆ แล้วก็แอบแซวเจ้าสาวว่าคุณครูอย่าตรวจการบ้านดึกนะ ส่วนเจ้าบ่าวเราก็ไม่ลืม ช.ไม่มีโออย่าทำโอที่บ้านนะ ฮ่า ๆๆๆ หน้าแดงทั้งคู่ว่าแล้วก็ขึ้นรถพี่ที่รู้จักเข้าตัวเมืองครับ มาถึงตัวเมืองประมาณ บ่าย 4 โมงกว่า ๆ ก็แวะเที่ยวกันที่สะพานข้ามแม่น้ำที่เก็บรูปมาฝากนั่นแหล่ะครับ ช่วงนั้นพอดีมีงาน ฉลองศาลหลักเมืองตอนเย็นเราก็ย้ายมาหาของอร่อย ๆ ใส่ท้องจะเป็นอะไรปซะไม่ได้ ก็ตามที่รับปากไว้ครับว่าผมไปตามรอย ความอร่อยของกองพระนเรศวรตามคำแนะนำของพี่ต้น ฮ่า ๆ เจ๊ฟ้า ครับเจ๊ฟ้า ร้านโต้รุ่งเนี่ยเขาจะเริ่มตั้งกันประมาณ 5 โมงเย็นครับ ช่วง 4 โมง กว่า ๆ รถที่จอดก็จะเริ่มถอย ร้านรวงก็เริ่มจะเข็นกันมาตั้งครับ ส่วนร้านเจ๊ฟ้าจะมาประมาณ หลังห้าโมงครับ ร้านเจ๊ตั้งอยู่หน้า 7-11 ครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองครับ ซึ่ง 7-11 เนี่ยจะอยู่ตรงกลางระหว่างร้าน สยามอักษร กะ อรุณของฝาก ครับ ด้วยความหิว ซัดไปซะ 2 ครับ สุดยอด เจ๊ฟ้าอายุประมาณ 50 ฝ่า ๆ ครับ ผิวขาว ๆ ตัวโต ๆ แต่งหน้าจัดจ้านหน่อยนึง ครับ ลูกค้าตรึมครับอร่อย ถ้าเจ๊ไม่ยุ่งชวนแกคุยได้ครับ ถึงเรื่องพี่เขาเด๋วเจ๊จัดให้ เสร็จแล้วหลังจากของคาวก็ต้องล้างปากด้วยของหวาน ซึ่งจะเป็นอย่างอื่นไปเสียไม่ได้นอกจากนมปั่นร้านดาวเด่นครับ ฮ่า ๆๆๆ วันนั้นขอแบบส่าย นม เอ็ยใส่นมเยอะ ๆ ครับ ผมชอบ อร่อยที่ซู๊ด
จากนั้นก็แวะทำธุระที่บ้านพี่ที่มาด้วยแป๊ปก่อนกลับกรุงเทพฯเราก็เลยถือโอกาสใช้เน็ทเข้ามาติดตามข่าวสารใน blog ซ้า แล้วก็เดินทางออกจากกาญจนบุรี ประมาณ เกือบ 4 ทุ่ม มาถึง กรุงเทพฯ ก็เที่ยงคืน กว่าแล้ว หลับมาตลอดทางด้วยความเหนื่อย บวกความอิ่มอร่อย เพราะวันรุ่งขึ้นเรามีภารกิจไปบริจาคเลือด
อ้อร่ายมาซะยาว ครับ ก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนผม กับน้องสาวคนใหม่ คุณจักรกฤษ กับ คุณปนิดา ที่ทำให้วันที่ 22 เม.ย. เป็นวันที่ผมต้องจดจำอย่างมีความสุขและมีเรื่องมาเล่าให้ทุกคนอ่านกัน ขอขอบคุณพี่ต้นครับที่แนะนำร้านอร่อย ๆ ให้ครับ อ้ออีกอย่างครับ เพื่อนผมคนนี้ชื่อเล่น ต้นเหมือนกันครับส่งสัยแสนพลพ่ายดวงคงสมพงษ์กับคนชื่อ"ต้น" จริงๆ ครับ ฮ่า ๆๆๆๆๆ วันนี้ไปก่อนละครับ แล้วเจอกันใหม่
Create Date : 29 เมษายน 2550 |
Last Update : 29 เมษายน 2550 16:08:20 น. |
|
17 comments
|
Counter : 1925 Pageviews. |
|