ถึงวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน ก็จะเชียร์ Liverpool ตลอดไป
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

สัมภาษณ์งาน...ครั้งแรก

เมื่อวานนั่งเขียน resume ตั้งแต่ 5 ทุ่มจนถึงตี 2
เพิ่งรู้สึกว่าการเขียน resume ไม่ได้ง่ายย่างที่คิด
ข้อมูลที่ต้องกรอกใน resume มันเยอะขึ้น
ก็เล่นเปลี่ยนงานมาแล้วตั้ง 3 ที่
ประสบการณ์ในการทำงาน มันก็เลยต้องเยอะตาม
นี่ดีนะที่ไม่ได้เรียนต่อ ป.โท ไม่งั้นก็อีกยาว

พอต้องเขียนประวัติการศึกษา
ถึงได้รู้ตัวว่า เฮ้ย นี่กรูแก่แล้วนี่หว่า
จบมาตั้งกะปี 2002 ปีนี้ 2010 แล้ว
นั่งนับนิ้ว มือเดียวไม่พอ เฮ้ย นี่มันเกือบสิบปีเลยนา
พฤษภา ปีนี้ก็จะทำงานครบ 8 ปีแล้ว
ทำงานมาขนาดนี้ ยังตั้งตัวไม่ได้เลยเหรอนี่ เศร้า

นึกถึงวันที่ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก
โคตรตื่นเต้นเลย
จำได้เลยว่าพอไปถึงก็มีคนที่ถูกเรียกมาสัมภาษณ์
รออยู่ในห้องแล้ว 4 คน รวมเราก็เป็น 5
มองไปมองมา ก็มีแต่คนที่อายุมากกว่าเราทั้งนั้น
เรามันเด็กสุดเลยนี่หว่า (ดีใจ เคยเด็กด้วยนะเรา)
ว่าแต่เค้าเรียกมาสัมภาษณ์ตำแหน่งอะไรวะ
คือ บริษัทที่เรียกมาสัมภาษณ์เนี่ย
เป็นบริษัทรถยนต์กระบะ ยักษ์ใหญ่ สัญชาติญี่ปุ่น
สอบข้อเขียนตั้ง 3 รอบ
รอบแรก เพื่อน ๆ ที่มาสมัครด้วยกัน ก็อยู่กันครบดี
แต่พอรอบสอง เพื่อนเริ่มหายแฮะ
พอถึงรอบสามนี่นับคนได้เลย ไม่ถึงสิบ
แต่ใันห้องนี้มองไม่เห็นมีเพื่อนเราเลย
เอานะ รอสักหน่อยเผื่อมีคนมาเพิ่มอาจเป็นเพื่อนเราก็ได้
สิบโมง ก็แล้ว คนแรกถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว
ไม่ยักมีใครมาเพิ่มแฮะ เริ่มมือเย็น ใจสั่น
เห็นพี่ผู้หญิงคนนึง ท่าทางคล่องแคล่วแต่ดูใจดี
ก็เลยทำใจดีสู้เสือ ตีซี้ซักหน่อย
ก็เลยยิ้มให้พี่เค้า สวัสดีทักทาย พอเป็นพิธี
แล้วก็ถามคำถามแบบตรงประเด็น
เอ่อ พี่ครับ พี่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งอะไรอ่ะครับ
พี่เค้าก็ส่ายหัว แล้วบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันน้อง
เค้าเรียกให้มาสัมภาษณ์ก็มา
อ้าว ซะงั้น ไม่รู้เหมือนกันซะงั้น หัวอกเดียวกันเลย
ก็เลยคุยตีซี้เอาข้อมูลเพิ่ม พบว่าพี่เค้าก็จบตรีที่เดียวกับเรา
แต่คนล่ะคณะ แล้วเค้าก็ไปต่อโทเพิ่งกลับมาจาก อังกฤษ (โห ดีกรี หรู)
เค้ามาสมัครกับเพื่อนอีกคนที่จบมาด้วยกัน
แต่พอรอบสามเพื่อนก็ไม่ถูกเรียกมาสอบข้อเขียน
เราสองคนก็เลยเดาเอาเองว่า 5 คนในห้องนี้ คือ คนที่ผ่านข้อเขียน 3 รอบ
ใจลึก ๆ ก็รู้สึกดีนะ นี่กรูเก่งขนาดนี้เลยเหรอนี่
แต่ดูคนอื่น ๆ แล้วใจมันฝ่อแฮะ คือ แต่ละคนดูไม่แก่นะ น่าจะไม่เกิน 30 กัน
แต่แต่งตัวดูดีชิปเป๋ง ดูเป็น business man , working women
แต่ดูกรูดิ เพิ่งจบใหม่ ยังใส่ชุดนักศึกษามาสัมภาษณ์อยู่เลย
คือ ตอนนั้นยังไม่จบดีเลย ยังเหลือวิชาสอบ อีกบางตัว
ก็เลยยังใส่กางเกงแสล็คดำ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว
มันก็ชุดนักศึกษานั่นแหละ เด็กโคตร (ทำได้ไงวะ)
คิดในใจว่า กรูไม่ได้ แหงม ๆ มันจะเรียกกรูมาสัมภาษณ์ทำไมวะ
พอถึงตาตัวเองเข้าไปสัมภาษณ์
โห แมร่ง มีกรรมการอยู่ 5 คนได้มั้ง
ยิงคำถามมาเป็นชุด ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ถู ๆ ไถ ๆ ไป
ทำเหมือนกรูฉลาด แต่จิงจิงแม่งโง่ chip หาย 555
คำถามสุดท้าย รู้สึกจะเป็นคำถามเด็ด เพราะจำได้แม่นยำ
ถ้าคุณได้งานแล้ว คุณจะมาทำงานยังไง บ้านคุณอยู่บางนา
(ไอ้บริษัทนี้มันอยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าว)
ไอ้เราจบใหม่ก็ตอบซื่อ ซื่อ ผมก็นั่งรถตู้มาทำงาน ครับ
รถตู้ขึ้นทางด่วนจากบางนา มาลงแยกลาดพร้าวเลยครับ
กรรมการถามกลับว่า แต่ทางด่วนรถมันติดนะ คุณจะไหวหรือเปล่า
มันไกลกันนะ บางนา กับ ที่ี่เนี่ย
ไอ้เราก็คิดในใจว่า มันไกลตรงไหนวะ ก็บอกแล้วว่าขึ้นรถต่อเดียวถึง
แต่เราก็ตอบเค้าไปอย่างผู้มีปัญญา(น้อย)ว่า
ไหวซิครับรถตู้วิ่งแค่ชั่วไมงเดียวเอง
กรรมการแมร่ง ก็ยังถามอีกว่าแล้วตอนกลับล่ะ กลับเย็นจะทำยังไง
ไอ้เราก็คิดในใจอีกแล้วว่า ไอ้พวกกรรมการเนี่ย
สงสัยมันจะไม่เคยขึ้นรถตู้ รถเมล์หรือไง
แต่เราก็ตอบอย่างเจียมตัวว่า อ๋อรถตู้หมดเที่ยงคืนครับ
ส่วนรถเมล์วิ่งทั้งคืน
แล้วกรรมการก็หมดคำถาม
แล้วเราก็กลับบ้าน
แล้วเราก็สมัครงานใหม่ต่อไป
แล้วมันก็ไม่เคยติดต่อกรูกลับมาอีกเลย

พอโตขึ้นมาหน่อย ทำงานได้ซัก 2-3 ปี
ถึงได้รู้ว่า พวกบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นนี่
ชอบคนทำงานหนัก เข้างานเช้า ๆ กลับบ้านดึก ๆ
เพราะฉนั้น ยิ่งที่พักใกล้ที่ทำงานเท่าไหร่ยิ่งดี
โธ่ กรูก็ไม่รู้ ถามย้ำกรูอยู่ได้ บ้านน้ากรูก็อยู่แถวลาดพร้าว
กรูย้ายบ้านมานอนกะน้ากรูก็ได้
ปลอบใจตัวเองว่า ถึงยังไง เค้าก็คงไม่เอาเราถึงบ้านจะใกล้ก็เถอะ
เรามันก็แค่แคนดิเดต เค้าจะได้รู้สึกดี ที่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด
(แต่ไม่ใช่เรา)


แต่มีสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเหมือนเดิมทุกครั้งที่กรอกใบสมัครงาน
ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งล่าสุดนี้ก็ตาม
เวลาที่ต้องใส่ ตัวเลข เงินเดือนที่คาดหวัง
พอกรอกตัวเลขเสร็จแล้ว
ต้องถามตัวเองทุกครั้งเลยว่า
นี่ชั้นเ่ก่งพอ มีความสามารถมากพอ กับเงินเดือนขนาดนี้เลยเหรอ
มองที่งานปัจจุบัน เงินเดือนปัจจุบัน
เฮ้ย นี่กรูเงินเดือนเยอะ ขนาดนี้เลยเหรอ
จริง ๆ เงินเดือนน่ะมันไม่เยอะหรอก ใช้เดือนชนเดือน
แต่เมื่อเทียบกับงานที่เราทำอยู่ ก็ต้องถือว่า เราทำงานไม่คุ้มเงินเดือนเลย
เค้าหลวมตัวมาจ้างกรูได้ไงวะเนี่ย


บ่อยครั้งมักรู้สึกว่า เบื่องานที่ตัวเองทำอยู่
ทำไมงานมันเยอะจังวะ
ทำไมเงินเดือนมันน้อยจังวะ
ทำไมโบนัสมันน้อยจังวะ
ทำไมบริษัทมันห่วยอย่างนี้วะเนี่ย
ทำไม ทำไม ทำไม และ ทำไม
แต่ลืมนึกถึงตอนที่เรามาสัมภาษณ์งานที่นี่
ตอนนั้่นเราคงรู้สึกว่าตัวเอง จะดีพอสำหรับบริษัทหรือเปล่า
เค้าจะจ้างเราไหม
ถ้าเค้าจ้าง แล้วเราจะมีความสามารถทำได้หรือเปล่า

สิ่งที่อยู่ในมือเรา เรามักไม่เห็นคุณค่า
งานที่เราทำอยู่ เราก็มักจะมองไม่เห็นคุณค่า
แต่งานนี้ ก็คือ งานเดียวที่เลี้ยงชีวิต
มนุษย์กินเงินเดือน ต๋อกต๋อย อย่างพวกเรา


เราคือคนที่โชคดีที่สุดแล้วครับ ทีี่่วันนี้เรายังมีงานทำ




 

Create Date : 16 มกราคม 2553
12 comments
Last Update : 16 มกราคม 2553 11:26:08 น.
Counter : 795 Pageviews.

 

เอาใจช่วยนะคะ

 

โดย: kwan_3023 16 มกราคม 2553 7:10:40 น.  

 

สู้ สู้ค่ะ

 

โดย: blog pu 16 มกราคม 2553 9:07:16 น.  

 

5555++ รำลึกความหลัง...

ผมก็ยังจำครั้งแรกที่สัมภาษณ์งานได้ครับ เป็นบริษัทญี่ปุ่นเหมือนกันเลย
แต่ที่จำได้แม่นเพราะว่าคนที่จะเป็นหัวหน้าผมสวยมากครับ ก็เลย พยายามเต็มที่จนได้งาน
และก็ทำงานอย่างสนุกสนานมาตลอดเลยครับ

แต่ของคุณสอบสัมภาษณ์หลายรอบ มีความพยายามมากเลยนะครับ

 

โดย: กลิ่นดอย 16 มกราคม 2553 9:09:49 น.  

 

ช่วงสุดท้ายคมคายมากเลยค่ะ

เราเพิ่งทำงานมา 3 ปีเคยสัมภาษณ์งานมาแค่ที่เดียวเอง ประสบการณ์น้อยนิดนัก

 

โดย: vnv 16 มกราคม 2553 10:14:56 น.  

 

"สิ่งที่อยู่ในมือเรา เรามักไม่เห็นคุณค่า"

ช่ายยยยย รู้ตัวนี่

เป็นกำลังใจให้ นะ นะ นะ

ขอให้ได้งานอย่างที่ต้องการ

 

โดย: ก้อนหินในดินทราย 16 มกราคม 2553 12:13:38 น.  

 

คุณ kwan_3023 ขอบคุณ ที่ส่งใจเชียร์ครับ
สู้ว้อย

คุณ blog pu สู้อยู่แล้วครับ เพื่อลูก 2 เมีย 3
ล้อเล่นครับ ล้อเล่น เพื่อแม่ และ น้อง(หมา)ครับ

คุณ กลิ่นดอย 55 ตอนนั้น กรรมการมีแต่ผู้ชายครับimg src=https://www.bloggang.com/emo/emo7.gif>
3 ครั้งเรื่องเล็กครับ ถ้าได้งาน แต่ตอนนั้นก็แห้ว แป่ว

คุณ vnv ขอบคุณสำหร้บคำชมครับ
จริง จริงแล้วทุกอย่างที่เขียนมันมาจาก ประสบการณ์
ที่มีทั้งเสียงหัวเราะ และน้ำตาครับ
ทำงาน 3 ปีไม่น้อยหรอกครับ
เดี๋ยวทำเล่น ๆ อีกซัก 7 ปี ก็ครบ 10 แล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนครับ

 

โดย: พัทยา 16 มกราคม 2553 12:16:01 น.  

 

คุณ ก้อนหินในดินทราย (ชื่อย้าวยาว)

ตกลงมาให้กำลังใจกัน แน่นา
อ่านแล้วมัน แหม่ง แหม่ง น่ะ

อ้ะ ล้อเล่น มีงานทีถูกใจทำอยู่แล้วครับ
ก็ เขียนบล็อก นี่ไง

ถึงจะมีคนชอบไปกดดัน ให้เขียนซะทีก็เถอะ

 

โดย: พัทยา 16 มกราคม 2553 12:22:39 น.  

 

ใครหนอสามารถกดดันให้เขียนได้ น่าชื่นชมคนคนนั้นจริงๆเล้ย เดาว่าเค้าต้องน่ารักสุดสุดเลยอ่ะ

 

โดย: ก้อนหินในดินทราย 17 มกราคม 2553 19:08:17 น.  

 

นึกถึงสัมภาษณ์ครั้งแรก เค้าถามว่ารู้จักบริษัทนี้ไหม เราตอบไปตรงๆว่าไม่รู้จัก

พอได้มาทำงานถึงรู้ว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเลยหล่ะ นึกถึงเรื่องนี้ทีไร อับอาย ว่าทำไมเชยละเบิด

แต่ก็ออกมา ได้ 2 ปีแล้วหล่ะ

ถ้านับจากอายุการทำงานเพิ่ง 30 เอง ยังเด็กอยู่เลยเน๊าะ

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 20 มกราคม 2553 20:42:14 น.  

 

คุณ นาฬิกาสีชมพู เขินครับ ที่บอกว่าเด็ก (แอบดีใจ)
30 ก็เข้าวัยกลางคนแล้วครับ middle age

 

โดย: พัทยา 21 มกราคม 2553 0:13:56 น.  

 

วันนี้แวะร้านหนังสือ เพิ่งรู้ว่าบริษัทเก่าที่เราเคยทำ ยอดขายกว่าหมื่นล้าน

ต้องยอมรับว่าเราความรู้น้อยมาก

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 22 มกราคม 2553 0:20:15 น.  

 

คุณ นาฬิกาสีชมพู เคยอ่านหนังสือเล่มนึงครับ
เรื่อง เข็มทิศชีวิต คนเขียน เขียนไว้ประโยคนึงทีดีมาก ๆ
ประมาณว่าในชีวิตเรา ไม่มีรู้มากหรือรู้น้อย
มีแค่เรื่องที่เรารู้ กับเรื่องที่เรายังไม่รู้เท่านั้นเอง

 

โดย: พัทยา 22 มกราคม 2553 0:37:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พัทยา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ผู้ชายธรรมดา เหมือนทีม Liverpool
มีวันที่ดี มีวันที่เลวร้าย
แต่สุดท้าย ก็ต้องสู้ต่อไป
Friends' blogs
[Add พัทยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.