|
สัมภาษณ์งาน...ครั้งแรก
เมื่อวานนั่งเขียน resume ตั้งแต่ 5 ทุ่มจนถึงตี 2 เพิ่งรู้สึกว่าการเขียน resume ไม่ได้ง่ายย่างที่คิด ข้อมูลที่ต้องกรอกใน resume มันเยอะขึ้น ก็เล่นเปลี่ยนงานมาแล้วตั้ง 3 ที่ ประสบการณ์ในการทำงาน มันก็เลยต้องเยอะตาม นี่ดีนะที่ไม่ได้เรียนต่อ ป.โท ไม่งั้นก็อีกยาว
พอต้องเขียนประวัติการศึกษา ถึงได้รู้ตัวว่า เฮ้ย นี่กรูแก่แล้วนี่หว่า จบมาตั้งกะปี 2002 ปีนี้ 2010 แล้ว นั่งนับนิ้ว มือเดียวไม่พอ เฮ้ย นี่มันเกือบสิบปีเลยนา พฤษภา ปีนี้ก็จะทำงานครบ 8 ปีแล้ว ทำงานมาขนาดนี้ ยังตั้งตัวไม่ได้เลยเหรอนี่ เศร้า
นึกถึงวันที่ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก โคตรตื่นเต้นเลย จำได้เลยว่าพอไปถึงก็มีคนที่ถูกเรียกมาสัมภาษณ์ รออยู่ในห้องแล้ว 4 คน รวมเราก็เป็น 5 มองไปมองมา ก็มีแต่คนที่อายุมากกว่าเราทั้งนั้น เรามันเด็กสุดเลยนี่หว่า (ดีใจ เคยเด็กด้วยนะเรา) ว่าแต่เค้าเรียกมาสัมภาษณ์ตำแหน่งอะไรวะ คือ บริษัทที่เรียกมาสัมภาษณ์เนี่ย เป็นบริษัทรถยนต์กระบะ ยักษ์ใหญ่ สัญชาติญี่ปุ่น สอบข้อเขียนตั้ง 3 รอบ รอบแรก เพื่อน ๆ ที่มาสมัครด้วยกัน ก็อยู่กันครบดี แต่พอรอบสอง เพื่อนเริ่มหายแฮะ พอถึงรอบสามนี่นับคนได้เลย ไม่ถึงสิบ แต่ใันห้องนี้มองไม่เห็นมีเพื่อนเราเลย เอานะ รอสักหน่อยเผื่อมีคนมาเพิ่มอาจเป็นเพื่อนเราก็ได้ สิบโมง ก็แล้ว คนแรกถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ไม่ยักมีใครมาเพิ่มแฮะ เริ่มมือเย็น ใจสั่น เห็นพี่ผู้หญิงคนนึง ท่าทางคล่องแคล่วแต่ดูใจดี ก็เลยทำใจดีสู้เสือ ตีซี้ซักหน่อย ก็เลยยิ้มให้พี่เค้า สวัสดีทักทาย พอเป็นพิธี แล้วก็ถามคำถามแบบตรงประเด็น เอ่อ พี่ครับ พี่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งอะไรอ่ะครับ พี่เค้าก็ส่ายหัว แล้วบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันน้อง เค้าเรียกให้มาสัมภาษณ์ก็มา อ้าว ซะงั้น ไม่รู้เหมือนกันซะงั้น หัวอกเดียวกันเลย ก็เลยคุยตีซี้เอาข้อมูลเพิ่ม พบว่าพี่เค้าก็จบตรีที่เดียวกับเรา แต่คนล่ะคณะ แล้วเค้าก็ไปต่อโทเพิ่งกลับมาจาก อังกฤษ (โห ดีกรี หรู) เค้ามาสมัครกับเพื่อนอีกคนที่จบมาด้วยกัน แต่พอรอบสามเพื่อนก็ไม่ถูกเรียกมาสอบข้อเขียน เราสองคนก็เลยเดาเอาเองว่า 5 คนในห้องนี้ คือ คนที่ผ่านข้อเขียน 3 รอบ ใจลึก ๆ ก็รู้สึกดีนะ นี่กรูเก่งขนาดนี้เลยเหรอนี่ แต่ดูคนอื่น ๆ แล้วใจมันฝ่อแฮะ คือ แต่ละคนดูไม่แก่นะ น่าจะไม่เกิน 30 กัน แต่แต่งตัวดูดีชิปเป๋ง ดูเป็น business man , working women แต่ดูกรูดิ เพิ่งจบใหม่ ยังใส่ชุดนักศึกษามาสัมภาษณ์อยู่เลย คือ ตอนนั้นยังไม่จบดีเลย ยังเหลือวิชาสอบ อีกบางตัว ก็เลยยังใส่กางเกงแสล็คดำ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว มันก็ชุดนักศึกษานั่นแหละ เด็กโคตร (ทำได้ไงวะ) คิดในใจว่า กรูไม่ได้ แหงม ๆ มันจะเรียกกรูมาสัมภาษณ์ทำไมวะ พอถึงตาตัวเองเข้าไปสัมภาษณ์ โห แมร่ง มีกรรมการอยู่ 5 คนได้มั้ง ยิงคำถามมาเป็นชุด ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ถู ๆ ไถ ๆ ไป ทำเหมือนกรูฉลาด แต่จิงจิงแม่งโง่ chip หาย 555 คำถามสุดท้าย รู้สึกจะเป็นคำถามเด็ด เพราะจำได้แม่นยำ ถ้าคุณได้งานแล้ว คุณจะมาทำงานยังไง บ้านคุณอยู่บางนา (ไอ้บริษัทนี้มันอยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าว) ไอ้เราจบใหม่ก็ตอบซื่อ ซื่อ ผมก็นั่งรถตู้มาทำงาน ครับ รถตู้ขึ้นทางด่วนจากบางนา มาลงแยกลาดพร้าวเลยครับ กรรมการถามกลับว่า แต่ทางด่วนรถมันติดนะ คุณจะไหวหรือเปล่า มันไกลกันนะ บางนา กับ ที่ี่เนี่ย ไอ้เราก็คิดในใจว่า มันไกลตรงไหนวะ ก็บอกแล้วว่าขึ้นรถต่อเดียวถึง แต่เราก็ตอบเค้าไปอย่างผู้มีปัญญา(น้อย)ว่า ไหวซิครับรถตู้วิ่งแค่ชั่วไมงเดียวเอง กรรมการแมร่ง ก็ยังถามอีกว่าแล้วตอนกลับล่ะ กลับเย็นจะทำยังไง ไอ้เราก็คิดในใจอีกแล้วว่า ไอ้พวกกรรมการเนี่ย สงสัยมันจะไม่เคยขึ้นรถตู้ รถเมล์หรือไง แต่เราก็ตอบอย่างเจียมตัวว่า อ๋อรถตู้หมดเที่ยงคืนครับ ส่วนรถเมล์วิ่งทั้งคืน แล้วกรรมการก็หมดคำถาม แล้วเราก็กลับบ้าน แล้วเราก็สมัครงานใหม่ต่อไป แล้วมันก็ไม่เคยติดต่อกรูกลับมาอีกเลย
พอโตขึ้นมาหน่อย ทำงานได้ซัก 2-3 ปี ถึงได้รู้ว่า พวกบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นนี่ ชอบคนทำงานหนัก เข้างานเช้า ๆ กลับบ้านดึก ๆ เพราะฉนั้น ยิ่งที่พักใกล้ที่ทำงานเท่าไหร่ยิ่งดี โธ่ กรูก็ไม่รู้ ถามย้ำกรูอยู่ได้ บ้านน้ากรูก็อยู่แถวลาดพร้าว กรูย้ายบ้านมานอนกะน้ากรูก็ได้ ปลอบใจตัวเองว่า ถึงยังไง เค้าก็คงไม่เอาเราถึงบ้านจะใกล้ก็เถอะ เรามันก็แค่แคนดิเดต เค้าจะได้รู้สึกดี ที่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด (แต่ไม่ใช่เรา)
แต่มีสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเหมือนเดิมทุกครั้งที่กรอกใบสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งล่าสุดนี้ก็ตาม เวลาที่ต้องใส่ ตัวเลข เงินเดือนที่คาดหวัง พอกรอกตัวเลขเสร็จแล้ว ต้องถามตัวเองทุกครั้งเลยว่า นี่ชั้นเ่ก่งพอ มีความสามารถมากพอ กับเงินเดือนขนาดนี้เลยเหรอ มองที่งานปัจจุบัน เงินเดือนปัจจุบัน เฮ้ย นี่กรูเงินเดือนเยอะ ขนาดนี้เลยเหรอ จริง ๆ เงินเดือนน่ะมันไม่เยอะหรอก ใช้เดือนชนเดือน แต่เมื่อเทียบกับงานที่เราทำอยู่ ก็ต้องถือว่า เราทำงานไม่คุ้มเงินเดือนเลย เค้าหลวมตัวมาจ้างกรูได้ไงวะเนี่ย
บ่อยครั้งมักรู้สึกว่า เบื่องานที่ตัวเองทำอยู่ ทำไมงานมันเยอะจังวะ ทำไมเงินเดือนมันน้อยจังวะ ทำไมโบนัสมันน้อยจังวะ ทำไมบริษัทมันห่วยอย่างนี้วะเนี่ย ทำไม ทำไม ทำไม และ ทำไม แต่ลืมนึกถึงตอนที่เรามาสัมภาษณ์งานที่นี่ ตอนนั้่นเราคงรู้สึกว่าตัวเอง จะดีพอสำหรับบริษัทหรือเปล่า เค้าจะจ้างเราไหม ถ้าเค้าจ้าง แล้วเราจะมีความสามารถทำได้หรือเปล่า
สิ่งที่อยู่ในมือเรา เรามักไม่เห็นคุณค่า งานที่เราทำอยู่ เราก็มักจะมองไม่เห็นคุณค่า แต่งานนี้ ก็คือ งานเดียวที่เลี้ยงชีวิต มนุษย์กินเงินเดือน ต๋อกต๋อย อย่างพวกเรา
เราคือคนที่โชคดีที่สุดแล้วครับ ทีี่่วันนี้เรายังมีงานทำ
Create Date : 16 มกราคม 2553 |
|
12 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2553 11:26:08 น. |
Counter : 795 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: blog pu 16 มกราคม 2553 9:07:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: vnv 16 มกราคม 2553 10:14:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัทยา 16 มกราคม 2553 12:16:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัทยา 16 มกราคม 2553 12:22:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัทยา 21 มกราคม 2553 0:13:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัทยา 22 มกราคม 2553 0:37:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|