*'^'~*-.,_,.-* Keep my Memories in my Mind *-.,_,.-*~'^'*
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
บันทึกน้ำตา 1 ลิตร

หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า 1 litre of Tears หรือ A Diary with Tears

ฟังชื่อแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมต้อง "น้ำตา 1 ลิตร"?


เรื่องนี้ เป็นละคร(ซีรี่ส์) ญี่ปุ่น ที่สร้างจากบันทึกหรือไดอารี่ ซึ่งเด็กสาววัย 15 ปีนาม "คิโตะ อายะ" เป็นผู้บันทึกไว้ขณะต้องต่อสู้กับโรค Spinocerebellar Degeneration ซึ่งเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้และสั่งการ จะค่อยๆ เสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง เช่น ขาจะเริ่มเดินไม่ได้ แขนและมือจะค่อยๆ ทำงานลำบาก รวมถึงการพูดและการกลืน ก็จะติดขัดตามไปด้วย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่ละคนก็จะมีอาการแตกต่างกันไป โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรและยังไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี้ทำได้แค่เพียงพยายามชะลอให้อาการทรุดหนักช้าลง เท่านั้น.



แล้วทำไมต้อง "น้ำตา 1 ลิตร"? อันนี้ก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจเรา ครั้งแรกที่ได้ดู และแล้วเราก็ได้รู้ถึงที่มาของชื่อเรื่องนี้ นั่นคือ

"ร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร" เป็นคำพูดหนึ่งที่ คิโตะ อายะ ได้พูดกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ตอนที่จะลาออกจากโรงเรียน ไปอยู่ที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากไม่อยากทำให้เพื่อนทุกคนในห้องต้องลำบากใจ โดยที่เธอได้บอกกับเพื่อนๆว่า กว่าเธอจะตัดสินใจลาออกได้ ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร.


อิเคอูจิ อายะ กับครอบครัว ในละคร


ละครเรื่อง 1 Litre of Tears สร้างขึ้นมาจาก ไดอารี่ 1 Litre of Tears ที่ คิโตะ อายะ เด็กผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดได้บันทึกไว้ เป็นหนังสือที่เอาไดอารี่ของเธอทั้ง 46 เล่มมาสรุปและพิมพ์จำหน่ายในชื่อ 1 Litre of Tears ที่ทำให้ทุกคนประทับใจและจำหน่ายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม และหลังจากที่เรื่องนี้ฉายเป็นละครแล้ว ยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านเล่ม ตอนสิ้นปี 2548 และนอกจากนี้ยังได้สรุปบันทึกที่ คิโตะ ชิโอกะ แม่ของอายะ เขียนเอาไว้ในเรื่อง อุปสรรคของชีวิต รวมอยู่ในไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ด้วย และวันที่ 23 พฤษภาคม 1988 อายะ ทิ้งความประทับใจเอาไว้ในโลกนี้ และเดินทางสู่สรวงสรรค์ รวมอายุได้ 25 ปี ละครเรื่อง 1 Litre of Tears นี้ เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้ โดยในละครเรื่องนี้ ได้แทนนามสกุลจริง คิโตะ เป็น นามสกุล อิเคอูจิ แทน. (คิโตะ อายะ - Kito Aya : 19 July 1962 - 23 May 1988).


ตัวจริงของ "คิโตะ อายะ"



หนังสือเรื่อง "บันทึกน้ำตา 1 ลิตร" ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละคร


ละครเรื่องนี้แพร่ภาพที่ประเทศญี่ปุ่นทางสถานีโทรทัศน์ ฟูจิทีวี ในวันที่ 11 ตุลาคม—20 ตุลาคม 2548 ส่วนในประเทศไทยแพร่ภาพทางช่อง Thai PBS ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม - 9 มิถุนายน 2551 (ทุกคืนวันจันทร์และอังคาร) มีทั้งหมด 11 ตอน และในตอนท้ายๆ ของแต่ละตอน จะมีคำพูดที่กินใจจากอายะ รวมทั้งข้อความดีๆ ที่ตัดตอนมาจากบันทึกเล่มจริงของ คิโตะ อายะ มาให้ผู้ชม ได้อ่านกัน ซึ่งเราได้รวบรวมมาเป็นตอนๆ ดังนี้ :


ตอนที่ 1- ภาวะเริ่มแรกของวัยรุ่น
(ある青春の始まり) - ฉายวันที่ 5 พ.ค.51


"การที่เราจะแวะริมทางหรือเดินอ้อมไปบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไร"

"หากเปรียบเทียบชีวิตของฉันกับดอกไม้ มันคงจะเหมือนกับดอกไม้ที่ยังตูมอยู่ ....อยากรักษาช่วงเวลาแรกเริ่มแห่งวัยรุ่นนี้ไว้ อย่างไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใด"


ตอนที่ 2 - วัยสิบห้าปี เมื่อโรคร้ายย่างกรายเข้าหา
(15才、忍びよる病魔) - ฉายวันที่ 6 พ.ค.51


"ภายในใจของหนู ยังมีแม่ที่คอยเชื่อมั่นในตัวของหนูอยู่เสมอ
จากนี้ต่อไปก็ช่วยดูแลหนูอีกนะคะ ขอโทษนะคะที่ทำให้แม่คอยเป็นห่วง"


ตอนที่ 3 - ทำไมโรคนี้จึงเลือกฉัน
(病気はどうして私を選んだの) - ฉายวันที่ 12 พ.ค.51


"โรคนี้ทำไมถึงได้มาเลือกฉัน? หรือว่านี่คือ 'โชคชะตา' ที่ฉันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้"


ตอนที่ 4 - สองคนผู้โดดเดี่ยว
(二人の孤独) - ฉายวันที่ 13 พ.ค.51


"ฉันโลภมากไปอย่างนั้นหรือ การที่ฝืนอยากจะอยู่ให้นานขึ้นเนี่ย มันผิดด้วยหรือ"

"ฉันอยากจะสร้างไทม์แมชชีน แล้วย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง ถ้าฉันไม่ได้เป็นโรคนี้ ก็คงจะมีความรักเหมือนคนอื่นได้....อยากจะได้พักพิงใครสักคนบ้างจริงๆ"


ตอนที่ 5 - บันทึกของคนง่อยเปลี้ย
(障害者手帳) - ฉายวันที่ 19 พ.ค.51


"จะไม่มีวันพูดอีกแล้วว่า อยากย้อนเวลากลับไปวันนั้น
ฉันจะยอมรับตัวตนที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และจะมีชีวิตต่อไปข้างหน้า"


ตอนที่ 6 - สายตาที่เย็นชา
(心ない視線) - ฉายวันที่ 20 พ.ค.51


"สายตาที่แสนเย็นชาอาจจะทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดบ้าง
แต่ฉันก็ได้รู้ว่า สายตาที่อ่อนโยน ก็มีอยู่มากพอๆกัน"

"เพราะฉะนั้นฉันจะไม่วิ่งหนีอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว แน่นอนว่าซักวันหนึ่ง......"


ตอนที่ 7 ที่ของฉัน
(私のいる場所) - ฉายวันที่ 26 พ.ค.51


"ฉันชอบเสียงลูกบอลที่ดังก้องในโรงยิม ทั้งห้องเรียนที่เงียบสงัดหลังเลิกเรียน ทั้งภาพวิวที่มองเห็นจากหน้าต่าง ทั้งพื้นทางเดินที่ดังเอี๊ยดๆ ทั้งเสียงจอแจหน้าห้องเรียน ฉันชอบไปหมด มันอาจจะเป็นการรบกวนคนอื่นๆ และอาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลยก็ได้....แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่า ที่นี่ เป็นที่ของฉันนี่นา"

"อยากขอบคุณที่เพื่อนๆ คบกับฉันด้วยดีเสมอมา พวกเขาบอกว่า ที่เริ่มเป็นนักอ่านก็เพราะได้อิทธิพลจากอายะจังนะ...แหม! ดีจังเลย ฉันไม่ได้เอาแต่สร้างความลำบากให้พวกเพื่อนๆ หรอกนะ ถึงจะคิดไปแบบนี้ ก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง"


ตอนที่ 8 น้ำตา 1 ลิตร
(1リットルの涙) 27 พ.ค.51


"ถึงหกล้มก็ไม่เป็นไรนี่ ยังจะลุกขึ้นยืนอีกได้นี่นา"

"ถ้าหกล้มแล้วบังเอิญแหงนหน้ามองท้องฟ้า
วันนี้ท้องฟ้าสีครามก็กำลังส่งยิ้มอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนเช่นเคย
ฉัน...ยังมีชีวิตอยู่"

"อีก 4 วันจะถึงวันจบการศึกษา ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังช่วยกันพับนกกระสา 1,000 ตัวให้ฉัน ท่าทางที่ช่วยกันพับอย่างตั้งอกตั้งใจ ฉันอยากจะเก็บภาพนั้นไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ เพื่อที่ฉันจะได้ไม่มีทางลืม แม้ว่าเราจะจากกัน แต่ว่า....ฉันก็อยากให้พวกเขาพูดว่า
"อายะจัง อย่าไปเลยนะ"


ตอนที่ 9 มีชีวิตเพื่อปัจจุบัน
(今を生きる) - ฉายวันที่ 2 มิ.ย.51


"ฉันหยุดก้าวเดิน และมีชีวิตเพื่อตอนนี้ แม้ว่าฉันอาจต้องล้มเหลวในสักวัน ขอแค่ได้ใครสักคน มาช่วยสานต่อความฝันของฉัน... ก็เพียงพอแล้ว

"คนเราไม่ควรมีชีวิตที่ยึดติดกับอดีต แต่ควรจะพยายามทำในสิ่งที่เราทำได้ในปัจจุบัน"

"ฉันเริ่มออกเสียง มะ วะ บะ และ -น ลำบากขึ้น มีเพียงลมที่เล็ดลอดออกมาโดยปราศจากเสียง เพราะฉะนั้นคนฟัง เลยไม่เข้าใจ พักหลัง จึงพูดอยู่คนเดียวบ่อยขึ้น เมื่อก่อนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เพื่อบริหารปาก จึงพยายามทำ มันก็ไม่ต่างไปจากการพูดคุย"


ตอนที่ 10 Love letter
(Love Letter) - ฉายวันที่ 3 มิ.ย.51


"พอนึกถึงอดีต น้ำตามันก็ไหลไม่ยอมหยุด"

"ความเป็นจริงนั้น ช่างแสนโหดร้าย และยากเย็นเหลือเกิน แม้แค่ความฝันก็ยังให้ฉันไม่ได้"

"พอคิดถึงอนาคต น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีก"

"ฉันมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรนะ ฉันควรจะไปที่ไหนดี ถึงจะไม่มีใครตอบฉันได้ แค่ได้เขียน ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว"

"ฉันเฝ้ามองหา มือที่จะมาช่วยเหลือ แต่มันก็มาไม่ถึง และฉันก็หาไม่พบ
ฉันคงทำได้แค่ มุ่งหน้าไปในความมืด...และส่งเสียงคร่ำครวญ เพียงเท่านั้น"


ตอนที่ 11 - ไปให้ไกลแสนไกล ไปยังที่ที่น้ำตาไม่อาจเข้าถึง
(遠くへ、涙の尽きた場所に) - ฉายวันที่ 9 มิ.ย.51


ไม่มีข้อความจากบันทึกมาแสดง


**********************

นอกจากนี้ยังมีบทพูดของ อาโซ่ ฮารุโตะ ในฉากบอกชอบ อายะ ในตอนที่ 9 ซึ่งมีเนื้อหาที่ น่ารัก กินใจ ผู้ชม (เช่นเรา) อย่างมาก

"เรื่องในวันข้างหน้านั่นน่ะ..ฉันไม่รู้หรอก
แต่ว่า...ถ้าความรู้สึกของฉันตอนนี้
ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่า...ไม่โกหก 100%
ฉันน่ะ..ถ้าเธอจะพูด ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนก็จะรอฟัง
ถ้าพูดโทรศัพท์ไม่ได้ ฉันก็จะมาหาเธอที่นี้แบบนี้
ฉันไม่ใช่ปลาโลมา เธอก็ไม่ใช่ปลาโลมาด้วย
ถ้าเธออยากเดิน ไม่ว่าจะช้าแค่ไหน ฉันก็จะเดินไปกับเธอ
ตอนนี้อาจจะยังเป็นที่พึ่งให้เธอไม่ได้
แต่สักวัน...ฉันอยากจะเป็นประโยชน์กับเธอ
ถึงแม้ตอนนี้ จะไม่เหมือนเมื่อก่อน
แต่ความรู้สึกนั้นน่ะยังคงเชื่อมโยงกันอยู่
เธอไม่คิดว่าเราอยู่คนละโลกหรอกนะ
ฉันน่ะ...อาจจะ..ชอบเธอ...
เปล่า...ฉันคงชอบเธอ...มั้ง"


*****************************




นอกจากละคร ที่มีเนื้อหาซาบซึ้งกินใจแล้ว เพลงประกอบละครของเรื่องนี้ ก็ไพเราะ น่าฟัง หลายเพลงอีกด้วย

แต่เรา ชอบเพลง Only Human - ของศิลปิน K (เพลงตอนจบละคร)
มากเลย ยิ่งฟังตอนช่วงละครจบ น้ำตามันก็ไหลซึม ออกมาทุกที..สิ..เฮ้อ


Kanashimi no mukou kishi ni
Hohoemi ga aru toiu yo

Kanashimi no mukou kishi ni
Hohoemi ga aru to iu yo
Tadori tsuku sono saki ni wa
Nani ga bokura wo matteru?

Nigeru tame ja naku yume ou tame ni
Tabi ni deta hazusa tooi natsu no ano hi

Ashita sae mieta nara tame iki mo nai kedo
Nagare ni sakarau fune no you ni
Ima wa mae he susume

Kurushimi no tsukita basho ni
Shiawase ga matsu toiu yo
Boku wa mada sagashite iru
Kisetsu hazure no himawari

Kobushi nigirishime asahi wo mateba
Akai tsume ato ni namida kirari ochiru

Kodoku ni mo nareta nara
Tsuki akari tayori ni
Hane naki tsubasa de tobi tatou
Motto mae he susume

Amagumo ga kireta nara
Nureta michi kagayaku
Yami dake ga oshiete kureru
Tsuyoi tsuyoi hikari
Tsuyoku mae he susume


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

อีกฟากฝั่งของความเศร้า มีบางสิ่งที่เรียกว่ารอยยิ้ม

อีกฟากฝั่งของความเศร้า มีบางสิ่งที่เรียกว่ารอยยิ้ม
ทว่า กว่าเราจะไปถึงที่นั่น ไม่รู้จะมีอะไรรอเราอยู่

ไม่ใช่เพื่อวิ่งหนี แต่เพื่อวิ่งตามความฝัน
เราออกเดินทางมาแล้ว ตั้งแต่ฤดูร้อนของวันนั้น

หากเพียงฉันมองเห็นอนาคต จะไม่แม้แต่ถอนหายใจ
เพื่อมุ่งไปข้างหน้าต่อไป เสมือนเรือที่ต้านแรงคลื่น

ในที่ซึ่งไร้ความเจ็บปวด มีสิ่งที่เรียกว่าความสุขรออยู่
ฉันยังคงค้นหา ดอกทานตะวันซึ่งบานยามสิ้นฤดู

หากรอคอยรุ่งอรุณด้วยการกำหมัดแน่น
หลังจากที่เล็บกลับกลายเป็นสีแดงแล้ว
น้ำตาก็ไหล ส่องประกายออกมา

หากคุ้นเคยกับความโดดเดี่ยวแล้ว
อาศัยเพียงแสงจันทร์ โบยบินด้วยปีกที่ไร้ขน
เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า

หากแม้เมฆฝนหมดไป
ถนนที่เปียกชื้นยังคงไว้ซึ่งความระยิบระยับ
ความมืดมัวได้สอนให้รู้จัก
ความกล้าและแรงของแสงสว่าง
ให้ฉันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป


lyric : popcornfor2 & transalated credit : eltshan (from: exteen)



เรื่องนี้ เล่นเอา คนดูอย่างเรา รวมน้ำตาที่ไหลทะลักและอั้นไว้ กลัวทำนบแตก....มันมากกว่า หนึ่งลิตร แล้วล่ะ

****************************

รวมคลิปภาพเบื้องหลัง ทั้งเหตุการณ์จริง บุคคลจริง และเบื้องหลังละคร (เอื้อเฟื้อคลิปจาก youtube โดย คุณ aonton ณ pantip.com)







************************
ข้อมูลเพิ่มเติม :

1. เรื่องนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อนหน้าแล้ว

2. ละครเรื่องนี้มีตอนพิเศษเพิ่มขึ้นมา 1 ตอน กล่าวถึง อาโซ่ ฮารุโตะ เรียนจบได้เป็นนายแพทย์ที่พยายามรักษาคนที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับอายะ โดยมีน้องสาวของอายะ คือ อักโกะ มาทำงานเป็นพยาบาล ถึงแม้เวลาจะผ่านไป อาโซ่ ก็ยังไม่เคยลืมอายะ เลย (ตอนพิเศษนี้ เสียดาย ที่ช่อง Thai PBS ไม่ได้ซื้อมาฉายต่อ ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน)

3. ในส่วนของตัวละคร อาโซ่ ฮารุโตะ ซึ่งเป็นเพื่อนชายคนสนิทของอายะ นั้น ไม่ได้มีอยู่จริง เนื่องจากคุณแม่ของอายะต้องการให้มีตัวละครนี้ เพื่อที่จะเติมเต็มส่วนที่อายะขาดหายไปในชีวิตจริงของเธอ


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

1. เรื่องย่อและนักแสดงโดยสังเขป

2. บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร วิกิพีเดีย

3. Popcornfor2 Community ซี่รีย์ญี่ปุ่น

4. เว็บดูรายการย้อนหลัง








Create Date : 05 มิถุนายน 2551
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 19:13:03 น. 11 comments
Counter : 6917 Pageviews.

 
นี่ยังไม่ไเปิดดู

แค่อ่านของที่เจ้ เขียนมา

น้ำตาก้อเสียไป ครึ่ง ลิตร


อ่านไปเพลงเศร้า ดันคลอ อีก

เหอๆๆ


โดย: zai IP: 58.10.167.57 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:10:32:42 น.  

 
อยากได้เพลงทั้งหมดในรูปแบบ mp3 พอจะช่วยได้มั๊ยค่ะ จะขอรบกวนส่งให้ที่ emiexim@yahoo.com ไม่ทราบจะรบกวนมากไป หรือเปล่า เรื่องนี้ชอบทั้งครอบครัวเลยค่ะ น้ำตาร่วงทุกครั้งที่ได้ชม หรือได้ฟังเพลง ตอนนี้กำลังตามข่าว ว่าเมืองไทยจะมีบันทึกของอายะมาวางขายหรือเปล่า (ฉบับแปลน่ะค่ะ) ส่วนเพลงถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรน่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: แม่น้องสองกอ IP: 118.173.155.104 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:56:13 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเพลงน่ะค่ะ แต่พอโหลดมาแล้วไม่ทราบทำไมไม่ติดค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้จบแล้ว คงจะต้องย้อนกลับไปดูแผ่นของเดิม เสียดายไม่ว่าลุ้นอย่างไร ก็มีหลายคนไม่ยอมดู จะบอกแต่ว่าชีวิตก็เศร้าแล้ว ไม่อยากดูหนังเศร้า เสียดายคนที่ไม่ยอม....ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ จะได้เปลี่ยนความคิดนี้ซะ จะได้มีมุมมองใหม่ในการใช้ชีวิต และเข้าใจสภาพคนที่ป่วยหรือทุพพลภาพได้ดีขึ้น ยังไงจะรอชมเรื่องต่อไปของ thai pbs ค่ะ


โดย: คุณแม่น้องสองกอ IP: 118.173.155.235 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:22:29:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณพี่
แวะเข้ามาเยี่ยมชม
นึกว่าหลงเข้ามาในแดนปลาดิบซะแล้ว....
สวยมาก ๆ เลยนะคะ

ขอปรบมือดัง ๆ ให้เลยค่ะ.....



โดย: 1978 IP: 61.7.147.92 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:39:28 น.  

 
เจ้ ขาาาา

หนูดูไป ห้าตอนเมื่อคืน

ตาบวมฉึ่ง แอ๊กกกกก

ทำไม เค้าทำได้เศร้า

อย่างงงี้้


โดย: zai IP: 58.10.167.98 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:12:40:15 น.  

 
I'm watching it.

So sad movie

I'm not watch it finish yet, after the end I will come back to read your comment and discuss again.

By the way miss you ka.


โดย: aseptic วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:21:07:54 น.  

 
ร้องได้เยอะขนาดนั้นเลย
สงสัยผมก็จะได้ร้องมั่งแล้วหากได้ชมเรื่องนี้


โดย: Thanunchaisa วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:22:44:01 น.  

 
อยากได้เพลงที่เป็นmp3 เหมือนกันอ่ะ พอจะช่วยได้มั๊ยค่ะ ช่วยส่งที่ lekyai2003@yahoo.comขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ


โดย: เล็ก IP: 203.153.172.101 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:48:04 น.  

 
ถึงจะจบไปหลายเดือนแต่ก็ยังไม่ลืม...Aya ชอบทุกตอน ดูอ่านฟัง ทุกครั้ง น้ำตาไหลซึม โดยเฉพาะตอนที่ 8/14,9/14,10/14,11/14,12/14,13/14,14/14 'Will' I be able to get married? 'Live on forever'


โดย: redgard IP: 124.120.176.113 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:07:16 น.  

 
ว่าไงจ๊ะ 'แม่ยก' ไม่ทำ blog น้องกู๊ด AF 5 มั่งล่ะ?

ขอบอกว่าตอนเข้ามาเยี่ยมแกเนี่ย กะลังฟังเพลงที่ส่งมาให้อยู่อ่ะ แต่ว่า...

มันตีกะ music background ของแกอ่ะดิ T_T หูซ้ายต้องฟังเพลงญี่ปุ่น หูขวาฟังเพลงไทย (ตีกันมันไปเลย)

ปล. วันหลังส่งเพลงญี่ปุ่นที่เป็น BG มาให้หน่อยดิ เพราะอ่ะ


โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 125.24.15.51 วันที่: 8 มีนาคม 2552 เวลา:21:10:30 น.  

 
สุดยอดที่สุด
บอกไม่ถูก


โดย: นุ๊ก IP: 61.7.173.47 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:24:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Patparatcha
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Patparatcha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.