[บรู๊ซ ลี] ~ The Big Boss ~ : กำเนิดตำนานมังกรหนุ่มที่เมืองไทย

ก่อนที่บรู๊ซ ลี จะโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากหนังกังฟูที่ขายฉากแอคชั่นรวมเร็วและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของเขาในการสร้างฉากแอคชั่นให้น่าสนใจมากขึ้น เช่น การใช้มือปัดปีกจมูก , การชิมเลือดตัวเองที่ไหลออกจากแผลขณะต่อสู้่ หรือ การแผดเสียงดังแสบแก้วหูเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ รวมไปถึงการ "นำเสนอ" อาวุธแปลก ๆ ใหม่ ๆ เช่น "นันชัก" หรือที่เรารู้ในนาม "กระบองสองท่อน" เป็นต้น แม้หลายคนจะรู้จัก บรู๊ซ ลี แต่คงมีจำนวนน้อยที่จะรู้จักเขาจากหนังเรื่องแรก ... ที่ถ่ายทำในเมืองไทยทั้งเรื่องนี้


ลี และ ทีมงานจากฮ่องกง เดินทางมายัง ปากช่อง,โคราช เพื่อใช้โรงงานน้ำแข็งที่นั่นเป็น โลเคชั่น ในการถ่ายทำ ตัวประกอบและนักแสดงในเรื่องอาจไม่เป็นที่คุ้นตาคอหนังฮ่องกงมากนัก ก็เพราะหนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังทุนต่ำอยู่ และยังเป็นหนังเรื่องแรก ๆ ของบริษัทภาพยนตร์เล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "โกลเด้น ฮาเวสท์"



"โกลเด้น ฮาเวสท์" โอบอุ้ม บรู๊ซ ลี ที่บอบช้ำซมซานกลับมาจาก อเมริกา หลังจากโครงการหนังชุดทางทีวีที่เจ้าตัวเป็นค้นคิดขึ้นมา ถูกฝรั่งหักหลังชุบมือเปิบนำไปสร้างเอง โดยใช้ดาราฝรั่งมารับบทนำ ... ซีรี่ส์เรื่องที่ว่า คือ เรื่อง "Kung Fu" ที่นำแสดงโดย "เดวิด คาราดีน" (หรือ "บิล" ใน "คิลบิล" นั่นเอง) นักแสดงหนุ่มที่มีบทบาทวนเวียนทางจอแก้วในฐานะตัวแสดงสมทบในขณะนั้น มารับบทนำเป็นครั้งแรก และแจ้งเกิดได้ในทันที


กระทั่งเมื่อหนัง "The Big Boss" ออกฉายนั่นแหล่ะ "โกลเด้น ฮาเวสท์" และ "บรู๊ซ ลี" จึงเริ่มเป็นที่จดจำของคอหนังจีนที่เริ่มจะเบื่อหน่ายกับรูปแบบการสร้างแบบเดิม ๆ ของ "ชอว์ บราเดอร์" ที่วนเวียนกับหนังกำลังภายใน, เรื่องราวของเหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายแหล่ ...

----------------------------------------------------------------



"The Big Boss" อาจไม่ได้พูดถึงประเด็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ และตัวเอกก็ไม่ใ่ช่ผู้ชายที่จะมีคุณธรรมเฉกเช่นจอมยุทธ์ในหนังของหวัง อยู่ แต่กับเรื่องนี้ นับเป็นต้นกำเนิดปรากฏการณ์ "บรู๊ซ ลี ฟีเวอร์" ที่เจ้าตัวเปลี่ยนขนบเดิม ๆ ของหนังบู๊กำลังภายในเสียใหม่หมด ทดแทนความอ้อยอิ่งและท่าร่ายรำที่สวยงาม ด้วยฉากแอคชั่นที่รวดเร็ว ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยอันตราย , เลือดในเรื่องถูกใช้มากไม่แพ้หนังของ จางเชอะ กระทั่ง ตัวประกอบที่เรียงหน้ามาให้ บรู๊ซ ลี อัด แม้จะยังไม่มีฝีมือสูสีเทียบเท่ากับเรื่องหลัง ๆ ของเขา แต่เพียงเท่านี้ หนัง "ไอ้หนุ่มซินตึ้ง" เรื่องนี้ก็แจ้งเกิดมังกรผยอง ที่ชื่อ "บรู๊ซ ลี" ได้อย่างงดงาม

หนังเดินเรื่องด้วยพล๊อทที่เรียบง่าย เล่าถึง หนุ่มชาวจีนที่ตัดสินใจออกมาเสี่ยงโชคที่เมืองไทย และได้ทำงานโรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมงานของเขาหายไปทีละคนสองคน ลี จึงต้องออกสืบความจริง จนในที่สุดเงื่อนงำทั้งหลายก็ถูกเปิดเผยว่า โรงน้ำแข็ง ที่เขาทำงานอยู่นั้น ... มีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติด และ มีเจ้าสัวรายใหญ่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเพื่อนร่วมงานเขาทั้งหมด ...

แม้เนื้อเรื่องจะมีเพียงเท่านี้ แต่การอัดฉากแอคชั่น เข้ามาถูกจังหวะก็สามารถที่จะเร้าอารมณ์คนดูได้โดยง่าย รวมทั้งการใส่รายละเอียดความสัมพันธ์ตัวละครเข้าไป ก็เพียงพอจะทำให้คนดูพร้อมจะเอาใจช่วยตัวเอกของเรื่องให้ค้นพบความจริงโดยเร็ว ...



สำหรับฉากแอคชั่นในเรื่อง ยังถือว่าห่างไกลกับจุดสูงสุดในงานของ บรู๊ซ ลี แต่งานชิ้นแรกมักคงความสดและความดิบได้มากกว่า เรื่องนี้ก็เช่นกัน ฉากการฆ่าฟันกันรุนแรงเกินกว่าหนัง บรู๊ซ ลี เรื่องไหน ๆ รวมทั้งอาวุธที่ใช้ในเรื่องก็เป็นประเภทที่พร้อมจะประหัตประหารกันให้ตายกันไปข้าง เช่น มีด, ขวาน หรือกระทั่ง เหล็กแทงน้ำแข็ง ที่เราพบเห็นตามร้านน้ำแข็งจนชินตา ก็ถูกใช้เป็นอาวุธสังหารได้อย่างดุดัน ... และเรื่องนี้ บรู๊ซ ลี ยังไม่ยั้งมือในเรื่องของความรุนแรงที่ใส่เข้ามาในหนัง โดยเฉพาะ ฉาก "ฆ่ายกบ้าน" ที่เร้าอารมณ์คนดูให้คล้อยตามต่อการตัดสินใจของบรู๊ซ ลี ในตอนท้ายอย่างที่สุด ...

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังของ "บรู๊ซ ลี" ทรงคุณค่าจนกระทั่งปัจจุบันได้ ก็เพราะ การที่เจ้าตัวเลือกจะไม่ปิดฉากหนังอย่างที่เอื้อให้เกิดภาพความเป็น "พระเอก" มากจนเกินไป ... หนังของบรู๊ซ ลี มักจะจบลงโดยให้ตัวเอกได้รับผลจากการกระทำของตน โดยเฉพาะในสองเรื่องแรกของเขา คือ เรื่องนี้ และ เรื่อง "Fist of Fury" ที่ตัวละครเอกของลี ได้รับผลจากการกระทำที่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา ...จะมีข้อแตกต่างก็เมื่อ ลี เริ่มทำหนังระดับ "อินเตอร์" มากขึ้น ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตัวละครเอก จาก คนธรรมดา ที่มีผิดพลาด มีดีมีชั่ว เป็น "วีรบุรุษ" โดยสมบูรณ์แบบที่อภิบาลคนดี กำจัดเหล่าร้าย โดยได้รับความเห็นชอบด้วยกฏหมาย (และในสายตาคนดู) ตามแบบหนังอเมริกัน ...

เพราะที่สุดแล้ว ตัว ลี เองก็คงไม่อยากจะให้ผู้ชมนับล้านที่นับถือเค้าเป็น "แม่แบบ" , เป็น "ฮีโร่ในใจ" ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ...

"... ซึ่งสุดท้ายแล้ว ความรุนแรงก็เป็นเหมือนดาบสองคม ที่เมื่อใช้แล้ว อาจทั้งทำลายศัตรู... "

" ... และทำร้ายตัวเราเองด้วย"




เอกสารประกอบการเขียน :

สืบสกุล แสงสุวรรณ ."บรู๊ซ ลี ตำนานมังกร" . "วันดีคืนดี : good old days" . วัฒนาฯ กรุงเทพฯ . ๒๕๔๗

Somyos Thiamtawan , "บรูซ ลี : ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แห่งโลกเซลลูลอยด์" . //www.geocities.com/mihkfea/brucelee.htm

Create Date : 25 เมษายน 2550		5 comments
Last Update : 25 เมษายน 2550 1:23:39 น.
Counter : 2633 Pageviews.
Share Tweet