Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
14 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
japan diary, 2011: KoYo KyoTo

เช้าวันเสาร์ ตื่นขึ้นมาสำรวจที่พักก่อน K's House Kyoto แนะนำเลยค่ะจุดเด่นสุดคือ ความสะอาด ห้องที่เรานอนอยู่คนละตึกกับเคาว์เตอร์เช็คอินเรานอนห้อง 3 เตียง ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีทีวี เปิดเข้าไปเจอเตียงนอนเลย ห้องพักอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำรวม ด้านนอกเป็นส่วนรับแขก มีโซฟา มีมุมห้องครัวมุมนั่งเล่น ค่าที่พักจ่ายไปคนละ 2900 เยน/คืน






เช้าๆแบบนี้ยังไม่มีแขกคนไหนตื่นเลย ที่นี่มีกาแฟฟรีบริการ กินกาแฟกันเรียบร้อยก็เริ่มเที่ยวกันเลย ออกจากที่พักราวๆ 7 โมงครึ่ง ระหว่างทางจะเห็นต้นไม้ทั้งสีแดง สีเหลือง เราเดินไปสถานีเกียวโต เดิมเป้าหมายคือไป Fushimi Inari Taisha Shrine ศาลเจ้าที่มีโทริอิพันต้น จากนั้นจะไป Tofukuji วัดในนิกายเซ็นที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่เปลี่ยนแผนเพราะว่ากลัวที่โทฟุคุจิตอนสายๆคนจะเยอะ เพราะว่าวันนี้วันอาทิตย์ เลยเลือกไปโทฟุคุจิก่อน
เรานั่งรถเมล์ค่ะ ใช้ Bus Pass 500 เยน ที่ซื้อจากที่เคเฮ้าส์นั่นแหละ





ไปรอที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีเกียวโต ซึ่งมีบอร์ดระบุไว้ว่าสายไหนป้ายอยู่ไหน เราไปตรงป้าย C4 เพื่อนรอ No.South 5 นั่งรถไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงป้าย Tofukuji-michi จากป้ายรถเมล์เดินย้อนลงมานิดเดียวมีสะพานข้ามแม่น้ำ ข้ามไปแล้วตรงไปเจอทางลอดใต้สะพาน แล้วจะเจอทางข้ามทางรถไฟ (สถานีเจอาร์) ข้างหน้าเป็นร้านเดลี่ ยามาซากิ เห็นร้านนี้ก็เลี้ยวขวาเลยค่ะ เดินไปเรื่อยๆก็ถึงทางเข้าวัดเริ่มเห็นสีแดงแปร๊ดมาทักทาย






Tofukuji เป็นวัดขนาดใหญ่ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1236 ที่ Tofukuji แล้วการได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สะพานทสึเทงเคียว (Tsutenkyo) ถือว่าเจ๋งเชียวหล่ะ มุมนี้เต็มไปด้วยต้นโมมิจิ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วง เราเดินผ่านประตูเข้าพอผ่านมาจะเป็นสะพานไม้ เรียกว่ามุมมหาชน เพราะทางด้านซ้ายมือนั่นเองมองตรงไปจะเห็นความงดงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีทั้งแดงและส้มของต้นโมมิจิ หรือต้นเมเปิ้ลนอกจากใบไม้เปลี่ยนสีเราจะมองเห็นสะพานทสึเทงเคียวโดดเด่นจริงๆ







จากสะพานไม้ชมวิว เราเดินเลียบกำแพงตรงเข้าไปก็จะเจอทางเข้าวัด ตรงนี้มีช่องขายตั๋ว คนเริ่มเยอะแล้วค่ะ แถวซื้อตั๋วก็ยาวแต่รวดเร็ว ส่วนใหญ่มีแต่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น แต่งตัวสู้หนาวเต็มที่
และเป็นที่สังเกตว่าสาวญี่ปุ่นใส่รองเท้าส้นสูงปริ้ดมาเที่ยววัด เดินเก่งกันจริงๆ เราจ่ายค่าเข้าไป 400 เยนเพื่อชมเฉพาะ สะพานสึเทงเคียว และวิหารไคซังโดะ (Kaisando Hall) มีตั๋วในมือเรียบร้อยก็เดินตามมวลชนเข้าไปทีนี้แหละไม่ต้องไปไหนกันเลยเพราะต่างหยุดถ่ายรูปความสวยงาม
เรากับเพื่อนก็แยกย้ายกัน ด้านในคนเยอะจริงๆค่ะ







เราใช้เวลาอยู่บนสะพานสึเทงเคียวเกือบ 40 นาที ถ่ายความสวยงาม สีสันของใบไม้ จากนั้นก็เดินเข้าไปที่วิหารไคซังโดะ Kaisando Hall ด้านในมีการจัดสวนญี่ปุ่นด้วย เพิ่งเห็นเต็มๆตาวันนี้แหละ เขียวไปหมด แล้วก็มีสวนเซนที่เป็นกรวดทราย ด้านข้างมีเก้าอี้ยาวให้นั่ง มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ถือโอกาสนั่งพัก บางคนก็นั่งมองหาความสงบแบบเซน






จากที่นี่ก็เดินลงไปด้านล่างยิ่งเห็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีแบบใกล้ชิด ทั้งแดงและเหลือง แต่ช่วงที่เรามาน่าจะเป็นปลายๆฤดู เลยเริ่มมีกิ่งแห้งๆแซมมาด้วย (เช็คใน japan-guide ว่าฟูลบลูม 2 ธันวา เรามา 4 ธันวา) เดินผ่านไปตรงลำธารสวยเหมือนภาพวาดจริงๆ









หลังจากใช้เวลาดื่มด่ำกับความงามของช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ดูเวลาอีกทีก็ 10.40 น. เลย ออกจากวัด เพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป คือ ศาลเจ้าอินาริ เราเดินกลับไปตามทางเก่า เพื่อนเกิดอยากเข้าห้องน้ำเลยไปที่สถานีรถไฟเจอาร์ ตรงนั้นมีแฟมิลิ่มาร์ท มีป้ายชัดเจนว่ามีห้องน้ำบริการ จริงๆแล้วเรานั่งรถไฟจากที่นี่ไปลงป้านอินาริได้ เร็วกว่าด้วย แต่ด้วยความงกเลยเดินไปรอที่ป้ายรถเมล์เดิม ไปดูตารางเวลา โอ้ว แม่เจ้า กว่ารถเมล์เที่ยวต่อไปจะมาเกือบ 30 นาที นั่งมองหน้ากันด้วยความขี้เกียจเดินกลับไปสถานีรถไฟเลย ตกลงใจนั่งรอรถเมล์ อากาศหนาวๆเย็นๆ นั่งตากแดดรอรถเมล์ช่างมีความสุข555






ราวๆเกือบเที่ยงเราก็มาถึง Fushimi Inari Taisha Shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าของลักธิชินโตค่ะ ทางเข้ามีร้านขายของ น่าสนใจทุกร้านเลย ทั้งร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร เราเดินเข้าด้านข้างของศาลเจ้า ซึ่งเป็นด้านที่คนนั่งรถเมล์เดิน ถ้ามารถไฟจะเข้าด้านหน้าของศาลเจ้าเลยค่ะ ก่อนถึงศาลเจ้าจะมีเสาโทริอิใหญ่มากๆอยู่ด้านหน้า เพื่อบ่งบอกอาณาเขตของศาลเจ้า ซึ่งเสาโทริอิจะมีอยู่ทุกศาลเจ้า เปรียบเสมือนประตูทางเข้าสู่สวรรค์ในความเชื่อของญี่ปุ่นโบราณ






Fushimi Inari Taisha Shrine หรือเรียกว่าศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว สร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพ inari ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูกและอุตสาหกรรม นอกจากเสาโทริอิแล้ว ในศาลเจ้ายังมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำสารของเทพ ถ้าเห็นรูปปั้นหมาจิ้งจอกที่ไหนก็เดาได้เลยว่าศาลเจ้านั้นๆ นับถือเทพเจ้าอินาริ







ที่นี่เราเห็นนักบวชของชินโตในชุดกางเกงม่วงด้วย เคยเห็นอีกที่เป็นสีฟ้า แล้วยังมีมิโกะนั่งขายเครื่องราง แล้วก็มีเด็กผู้ชายตัวน้อยใส่ชุดเต็มยศมาทำพิธี น่าจะเป็นพิธี 3 5 7 แต่มันก็เลยเวลามานานแล้วน่ะ เพราะพิธีนั้นทำช่วงพฤศจิกายน





เดินเข้าไปด้านในที่มีเสาโทริอินับพันๆ ต้น เรียงกันเป็นทางเดินยาวกว่า 4 กิโลเมตร โดยมีสองแถวให้เลือกจะซ้าย ขวาเราว่ามันเหมือนกันน่ะ คนเยอะค่ะเดินไปเดินมา เลยหาภาพช่วงที่ไม่มีคนยากมาก ต้องอาศัยจังหวะดีๆ (คราวหน้าว่าจะมารอบมืด เห็นเค้าว่าที่นี่ตอนกลางคืนน่ากลัวไม่น้อย)






เราออกจากศาลเจ้าก็บ่ายโมงกว่า ตั้งแต่เช้านอกจากกาแฟกับขนมเล็กน้อยก็ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ที่นี่เค้าว่าเต้าหู้อร่อยค่ะ เลยมองซ้ายขวาหาร้านเข้า พอได้ร้านแล้ว ไม่พลาดที่จะสั่งโทฟุอุด้ง และไฮไลท์ เต้าหู้ทอดห่อข้าวญี่ปุ่นที่เรียกว่า Inari Sushi มื้อนี้หมดไป 1080 เยน





กินจนท้องอิ่มชักขี้เกียจนั่งรถเมล์ เดินไปสถานีรถไฟอินาริดีกว่าค่ะ ซื้อตั๋ว 140 เยนนั่งไปสถานีเกียวโต เพื่อนสาวที่แบกรองเท้าบู๊ตมา ไม่ไหวแล้ว ขอเวลาวิ่งกลับไปที่พักเพื่อเปลี่ยนรองเท้า ส่วนเราและรุ่นพี่เดินเล่นรอในสถานีเกียวโต เราแยกไปเดินหาร้านโยจิยา เพราะมีออเดอร์เป็นกระดาษซับมัน แต่ที่สถานีเกียวโตเป็นแค่คอนเนอร์ของโยจิยา ซึ่งกลิ่นที่เราต้องการมันไม่มี เลยขึ้นไปชมวิวชั้นบนของสถานี


รอไม่นานเพื่อนก็วิ่งกลับมา จากนั้นไปทำการแลก JR RAIL PASS ก่อน เราจะเปิดใช้พรุ่งนี้ พร้อมจองที่นั่งในขบวนที่จำเป็น โดยเฉพาะขบวนที่จะไปฮิโรชิมา เนื่องจากเราจะแยกตัวไปเที่ยว 2 วัน แล้วนัดเจอกันบน SHINKANSEN SAKURA 565 นัดเจอบนรถไฟกันพลาดค่ะ


กว่าจะเสร็จสิ้นจากการจองที่นั่ง ก็บ่าย 3 โมงจะครึ่งอยู่แล้ว เป้าหมายต่อไปของเราคือวัดน้ำใส ซึ่งหน้าหนาวจะปิดตอน 17.00น. เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับไลท์ อัพ เลยต้องรีบออกไปนั่งรถเมล์สาย 100 โชคดีว่าต้นทางเลยมีที่นั่ง นั่งไปเกือบ 20 นาทีก็ถึงทางขึ้นวัดน้ำใสแล้ว อย่างที่รู้กันว่าเส้นทางเดินขึ้นวัดค่อนข้างแคบ แถมมีรถสวนอีก เลยต้องเดินอย่างระวัง






ระหว่างเดินก็แวะเติมพลังที่ร้านเครปสดค่ะ มาที่นี่ต้องเครปชาเขียวไม่พลาด ค่าเสียหาย 400 เยน พอเดินไปด้านหน้าวัดคนเยอะมากมีทั้งมาเป็นทัวร์ มาเป็นแก๊งค์ มาเป็นครอบครัว และมาเป็นคู่ บางกลุ่มมารอเข้าชมไลท์ อัพค่ะ เราเจอสองสาวใส่ชุดกิโมโน (หรือยูกะตะ ; ใส่หน้าร้อนนี่นา) สีสวยมากๆ เลยเข้าไปขอถ่ายรูปประกบ






ไปซื้อตั๋วเข้าวัด 300 เยน ข้างในคนเยอะมากๆ ใบไม้ที่นี่เริ่มร่วงโรยแล้ว ไม่สวยแจ่มเท่าไหร่ คนเยอะกว่าคราวแรกที่เรามาแบบเทียบกันไม่ได้ วันนี้วันอาทิตย์แต่ยังเห็นนักเรียนมาทัศนศึกษากันเพียบเลย ส่วนใหญ่ก็มักจะเสี่ยมเซียมซีเรื่องโชคลาง ดูแล้วไม่พ้นความรักกับการเรียน หลังจากไปถ่ายรูปกับระเบียงไม้ที่เป็นสัญญาลักษณ์ซึ่งกว่าจะหาจังหวะที่คนเดินออกมาเข้าไปใช้เวลาไม่น้อย จากนั้นเราก็ลงไปถ่ายรูปด้านล่าง เห็นคิวน้ำสามสายแล้วขอบาย บอกให้เพื่อนที่ไม่เคยมาไปต่อคิว ก็ไม่ไปเหมือนกัน







พอเดินออกมาหน้าวัดก็เริ่มปฏิบัติการวินโดว์ช้อปปิ้ง เดินเจอแตงกวาแช่เย็น แตงกวายาวมาก ไม่ได้ลองซื้อกิน เพราะคิดไม่ออกว่ามันน่าอร่อยตรงไหน






เราใช้เวลาเข้าร้านนู้นร้านนี้ จะเริ่มหิวก็ตกลงว่าจะไปกิออน ดูเวลาไปตอนนี้คงไม่เห็นเกอิชาแล้ว แต่ก็อยากไปเดินข้ามฝั่งไปรอรถเมล์ค่ะ ขึ้นไปไม่กี่ป้ายก็ถึงแล้ว มาที่นี่เข้าร้านข้าวหน้าเนื้อ ที่อยู่ตรงข้ามป้ายรถเมล์ที่ลง จากนั้นก็เดินเที่ยว สินค้าที่นี่จับแล้ววางแทบไม่ทันราคาแพงมาก เดินไปเดินมาฝนเริ่มปรอย เลยตัดสินใจกลับ มาถึงที่พักเกือบ 3 ทุ่ม รีบอาบน้ำเพราะพรุ่งนี้จะเป็นการเดินเดี่ยวข้ามโซนของเราค่ะ






Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 12:08:36 น. 3 comments
Counter : 1928 Pageviews.

 
อยากไปบ้าง


โดย: backhold วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:5:39:09 น.  

 
ใบไม้เปลี่ยนสี สวยจริง ๆ คะ
เห็นญี่ปุ่นทีไรอยากกลับไปทุกที คนน่ารัก อาหารอร่อย


โดย: Gelatissimo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:18:08 น.  

 


*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*




เดือนแห่งความรัก คนโสดก็ยังโสดต่อไป เพราะครูภาษาไทย สอนแต่

สระอิ,สระอา, สระอุ, สระอู แต่ไม่ยอมสอนให้เรา .. "สละโสด"


..HapPY VaLenTine ’s Day...



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:22:46:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




make money for my life

make money for my dream

make money for my soul



 หลับฝันดีกันน่ะคะ
TOP
Friends' blogs
[Add เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.