Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
โตเกียวไม่เคยพอ ...วันที่ 7-8 Tokyo SideWalk

ในที่สุดก็เดินหน้ารีวิวมาถึงตอนจบซะที
ความจริงเหลือ 2 วัน แต่ไม่ค่อยมีไร เลยยุบรวมรีวิวตอนนี้ ตอนเดียว

วันที่ 16 เมษายน ถ้าเป็นที่บ้านเราเมืองกาญจน์ ได้เริ่มสาดน้ำวันนี้แล้ว แต่ที่นี่โตเกียว เช้านี้ฝนมาเซย์ไฮแต่เช้า แผนวันนี้คือ

ตลาดปลา>รปปหงิ>อาซาคุสะ>คัปปะ ดอริ>โอไดบะ


ประมาณ 7 โมงเช้า หลังจากกินกาแฟขนมปังให้อุ่นท้องจากที่พัก เรา 3 คน คุณย่า คุณอา และคุณหลานก็เดินกางร่มออกจากที่พัก ไปลงใต้ดิน นั่งดิ่งไปยังสถานีสึคิจิ (Hibiya line) ด้วยความที่วันที่อยู่ในโตเกียว 2 วันหลัง คุณอาไม่ได้ทำแพลนเดินทางมากมายแค่ลิสต์สถานที่ที่จะไปอย่างเดียว เลยเดินหลงๆกันซะส่วนใหญ่ ออกจาก Exit ก็ผิดช่อง เพราะพอเห็นลิฟท์เปิด ไม่ฟังใครพุ่งตรงเข้าลิฟท์..โผล่ออกมาเลยงงนิดๆ






ดีน่ะที่โตเกียวแผนที่เมืองเยอะมาก ไปยืนแกะหาทางไป เช้านี้หนาวสุดๆเพราะฝนที่ตกไม่หยุดเลย ฟ้าที่โตเกียวเลยดูหม่นๆไปนิด เดินไปถึงด้านในของตลาดปลา นักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก ยังคิดเลยว่าเค้าจะห้ามนักท่องเที่ยวหรือเปล่านี่ แต่เห็นฝรั่งหลายกลุ่มพอให้อุ่นใจ เดินดูเค้าแล่ปลาแล้วรู้สึกเกรงใจ เพราะเหมือนเราไปกีดขวางการทำงานของเค้า จึงพากันเดินออกจากตลาดมาหาของกินดีกว่า




หน้าร้านด้านหน้าตลาดมีลูกค้ายืนรอกันหลายร้าน ก็แต่ละร้านรับลูกค้าได้แค่ 6-10 ที่นั่ง แทบจะไม่มีร้านใหญ่เลย ส่วนมากก็เกาะเคาว์เตอร์กิน ฉะนั้น ห้ามนั่งนานน่ะ....เราเดินวนจอได้มาร้านหนึ่ง ไม่ได้ดูหน้าร้านหรอก เปิดประตูเข้าไปมีเด็กนักเรียน (ญี่ปุ่นนี่เป็นประเทศที่ส่งเสริมการทัศนศึกษาได้สุดยอดมากๆ) นั่งอยู่ 3 คน มี 1ฝรั่งมากับ 2สาวญี่ปุ่น และก็ซาลารี่แมนอีกคน รวมพวกเราอีก 3 คน เต็มร้านพอดี




คุณย่าบอก แสตมป์สั่งเลยวันนี้ย่าเลี้ยงเอง ปลาดิบที่นี่ ใครได้กินแล้วต้องร้อง Umai กันทั้งนั้น รสชาติมันหวาน สดได้ใจ ผสมกับข้าวเม็ดอ้วน อร่อยจริงๆ (ชอบข้าวญี่ปุ่นมากมายเลยฉัน) สั่งกัน 3 คน 3 เซ็ต เน้นเป็นข้าวหน้าปลาดิบกัน แล้วแต่หน้าตาของปลา บอกหลานให้ดูเมนูที่ลงท้ายด้วยดง เพราะจะหมายถึงมีข้าวด้วย กรรมกรอย่างเราข้าวเท่านั้นที่ต้องการ ในเซ็ตก็จะมีข้าววางหน้าด้วยปลาดิบหรือของทะเลดิบต่างๆ แล้วก็ซุป (ซุปนี่หมดขอได้อีกน่ะ) เคยทานบางร้านมีของหวาานตบท้ายในเซ็ตด้วย

เราสามคนใช้เวลาไม่นานก็เกลี้ยง ไม่เหลืออะไรให้รกตาเลย กลุ่มสาวญี่ปุ่นข้างๆที่มากับฝรั่งพอเค้าเช็คบิลแล้ว แป๊ปหนึ่ง 1 สาวก็กลับมาจะสั่งแบบ Take Home แต่เจ้าของร้านไม่มี ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นแบบนี้เค้าไม่มีนำไปทานที่บ้านน่ะ เค้าทำกันสดๆ ให้กินตรงนี้ เอากลับบ้านด้วยเค้ากลัวรสชาติเพี้ยนเสียชื่อหมด ถ้าจะนำกลับบ้านต้องไปที่เดปะจิงกะนู่น ยิ่งตอนค่ำดึกๆสวรรค์เลย เพราะทุกอย่างจะถูกแปะราคาใหม่




หลังจากร้าน เราก็มาเดินตลาด เห็นไข่หวานแล้วน้ำลายไหล ปลาไหลก็น่ากิน เลยหันหน้าปรึกษากัน ซื้อของพวกนี้ไว้กินเย็นดีกว่า ก็เลยซื้อปลาไหล ปลาซาบะ แล้วก็ไข่หวาน ก่อนเดินช้อปอย่างอื่น ของในตลาดปลาแห่งนี้ เป็นของฝากได้ไม่เลวจริง ราคาไม่แพงด้วย ทั้งตะเกียบ กระดาษรองจาน กระดาษรองแก้ว จาน ชาม มีด น่าซื้อไปหมด




9 โมงเรามายืนหน้าร้านดอง กิโยเต้ สาขารปปงหงิ หลังออกจากตลาดปลาก็นั่งฮิบิยาไลน์ รวดเดียวมาโผล่ที่นี่ เป้าหมายคือร้านโชว์ห่วยแห่งนี้แหละ คือตอนนี้มันเช้าเกินที่จะไปย่านอื่น ปอาซาคุสะร้านค้าเพิ่งเริ่มเปิด แล้วดอง กิโยเต้ที่นี่ก็ 24ชั่วโมงด้วย ตอนข้ามถนนจะไปที่ร้านเหลือบมองทางขวาจะเห็นโตเกียว ทาวเวอร์ตั้งตะหง่าน เย้ายวนใจ แต่วันนี้เราไม่ขึ้นหรอก ฟ้าครึ้มอย่างนี้ ขึ้นไปก็เห็นอะไรไม่แจ่ม

Don Quijote (ドン キホーテ?) หรือดองกี้ เป็นร้านที่อัดแน่นไปด้วยสินค้าญี่ปุ่น (คล้ายๆตึกม่วง) มีทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ โดยเฉพาะสาขานี้ใหญ่ติดอันดับ แต่ละชั้นแยกหมวดสินค้าอย่างดี พอถึงหน้าร้านเราสามคน เลยแยกย้ายกันนัดเวลามาเจอกันตอน 10.30 น. ให้เวลาช้อปชั่วโมงนิดๆพอ แต่เอาเข้าจริง กว่าจะมาเจอกันนู่น 11 โมงครึ่งเข้าไปแล้ว 555 ที่นี่เราซื้อเบียร์กระป๋องไปฝากคุณป๋า เพราะว่าสีสันมันน่าซื้อ แถมมีหลายไซส์ เลือกยี่ห้อละ 1 ป๋อง ซื้อโค้กแคนแบบมินิไปฝากเด็กๆอีก (แบกมันเข้าไป)

แต่ที่ทำให้เสียเวลาคือพวงกุญแจ lilo&stitch ที่มีวันกับเดือน บอก เราไล่หาวันเกิดเรา 20 June ไม่เจอ เจอทุกวันในเดือนนี้ ยกเว้นวันที่ 20มิถุนา เอากะมันดิ เลยต้องเปลี่ยนไปเอาเจ้าพูร์อุ้มถังใส่น้ำผึ้งแทน พร้อมเลือกไปฝากหลานสาวคนแรกของปีนี้ (ปีนี้ฝ่ายวิเคราะห์ฯของเรามีหลานๆมาแจ้งเกิด 4 ราย ตั้งแต่สาวน้อยไอซซิ่ง (มีนา) หนุ่มลูกคลื่น (พฤษภา) สาวข้าวปุ้น (มิถุนา) และไปปิดท้ายที่คุณแม่คาดว่าจะเป็นสาวพันซ์ช่วงสิ้นปี)






มีอยู่อย่างที่เราจ้องแล้วจ้องอีก คือแพกเกจเสื้อผ้า เค้าจะจัดทำเป็นแพกใส่ถุงพลาสติก ด้านหน้าจะมีโบรชัวร์เป็นนางแบบใส่ชุดที่มีในถุงเพื่อบอกว่าในถุงมีอะไร ส่วนใหญ่ก็เสื้อ กระโปรง กางเกง หมวก เข้มขัด สร้อยคอ อะไรประมาณนี้ ขายเซ็ตละ 1000-3000 เยน มีไซส์บอกด้านหน้าถุงด้วย แต่เอาวะญี่ปุ่นมันตัวเล็กกว่าเราซื้อไปใส่ไม่ได้แย่เลย หันไปหามันเผาแก้หนาวในร้านดีกว่า หัวละ 100 เยน หัวใหญ่ด้วย จากร้านนี้เราเดินไปที่รปปงหงิ ฮิลล์ ผ่านร้านข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยา (มาอ่านหนังสือที่หลังเค้าว่าราเมงใต้ร้านนี้อร่อยมากๆ) ขึ้นไปรปปหงิทักทายเจ้าแมงมุมตัวโต





เป็นเวลาเที่ยงนิดๆ ที่เราอยู่หน้าถนนอาซาคุสะ มองไปทางขวา มันยังคงตั้งตะหง่านอยู่ คือ ฟองเบียร์อาซาฮี สีเหลืองแจ่มได้ใจ ตอนนี้ฝนหยุดแล้ว เป็นนิมิตรหมายที่ดีในการช้อป แวะถ่ายรูปโคมสีแดงอันใหญ่ เพื่อบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้วจ๊ะ.....แต่ละคนมีวิธีการช้อปไม่เหมือนกัน แต่เพื่อความสมานฉันท์ ขาเข้าเราจะเกาะกลุ่มกันเข้าไปไหว้พระก่อน เราจึงเดินโฉบร้านต่างๆนิดหน่อย ที่นี่ไม่ต้องกลัวเหงา คนไทยพรึ่บ ยิ่งช่วงสงกรานต์อย่างงี้ด้วยแล้ว ....






เดินเข้ามาตักน้ำล้างมือ ล้างปาก แล้วจุดธูปกวักควันเข้าหาตัวเองเรียบร้อย จากนั้นเดินเข้าไปด้านในโยนเหรียว 5เยน เพื่อเป็นสิริมคล คราวนี้ไม่เสี่ยมซีแล้ว คราวก่อนได้โชคไม่ดี เลยพอก่อน







เดินเตร่ไปดูเครื่องราง...พอเหอะ ทริปที่แล้วขนซื้อซะเพื่อนถามว่าบ้านแกขาดที่ยึดเหนี่ยวอย่างหนักเลยเหรอ (ก็ซื้อทุกวัด ทุกศาลเจ้าที่แวะ) จากนั้นเราปล่อยให้ลูกทัวร์เดินช้อปปิ้งตามสไตล์ใคร สไตล์มันก่อนไปนัดเจอที่โคมด้านหน้า ส่วนเราก็แวะกินนู่นกินนี่ตามประสา ทั้งนมรสสตอเบอรี่ (นมรสนี้ที่ญี่ปุ่นอร่อยสุดๆ) โดริยากิ และที่ไม่พลาดซาลาเปาทอด รสชาเขียว ฟักทอง ตบด้วยรสซากุระ(นี่คือสาเหตุที่ไม่รับอาหารมื้อกลางวัน)



บ่าย 3 โมง สามคนมาเจอกัน มีการถามไถ่อันนั่นซื้อที่ไหน ไอ้นี่ซื้อเท่าไหร่ แล้วก็เดินหน้าตรงไปร้านร้อยเยนซื้อกระเป๋าผ้ามาใส่ของ





จากนั้นไปถนนคัปปะ จะไปเดินดูเครื่องครัวสวยๆเก๋ๆ เป็นของฝาก ถนนแถวนี้เงียบมาก นึกว่าคนจะเยอะ อาจเป็นเพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ เนื่องจากฝนตกลงมาอีกแล้ว เหลียวมองคุณหลานอาการชักไม่ดี บ่นปวดท้องและล้าจากการเดิน เลยตัดสินใจกลับดีกว่า ขากลับแวะห้าง Rox เจอน้ำหอมลดราคา ขนซื้อเข้าไปอีกเกือบ 2 หมื่นเยน แล้วออกมาแวะร้านขายเบนโตะริมทาง ซื้อกลับบ้าน ราคาไม่แพง 200-500 เยนเท่านั้น ตอนนี้พวกเราตกลงจะกลับที่พักก่อน (โอไดบะตัดทิ้งอย่างสิ้นเชิง) แล้วตอนเย็นออกมาเดินเล่นที่ตึกซันไชน์ เพราะเรายังไม่ได้ไปโตคิว แฮนด์เลย พอถึงที่พัก กินข้าวด้วยความหิว จัดการซะเรียบ แล้วก็พักขาค่ำๆออกไปเดินเล่นต่ออีก






วันที่ 17 เมษา วันนี้จะกลับบ้านล่ะน่ะ เช้านี้ ฝนมาอีกแล้ว ดูรายงานอากาศ เค้าว่าเช้านี้พายุเล็กๆเข้า เพราะเห็นคนรายงานมีทั้งร่มทั้งเสื้อกันฝน แถมยังเห็นลมพัดป้ายร้านค้าอีก แต่สายๆบ่ายๆฟ้าใส ประมาณ ตี5 ครึ่งเราเดินดุ่มๆออกจากที่พักคนเดียวเพื่อไปทำภารกิจส่วนตัว เปิดประตูมาเดินบนถนนทำไมมันลื่นๆหว่า หรือรองเท้าไม่ดี ก้มลงมอง แม่มึง!!! เกล็ดน้ำแข็ง โรยเต็มทาง เกาะบางๆบนถนน เลยหันหลังกลับแจ้นไปบอกแม่ แม่หิมะตก 555 ตื่นเต้นไม่เคยเจอมาก่อน ถึงจะมาแบบละอองก็เถอะ บอกเสร็จก็เดินออกมาหน้าถนนต่อ แว๊บไปทำภารกิจนิดหน่อย ราวๆ 10โมงก็กลับมาที่พัก (ว่าออกแต่เช้าล่ะน่ะ ยังกินเวลาได้อีก) กลับมาปั้ป ก็เช็คเอาท์ทันที




ลากกระเป๋ามาลง JR ไปสถานีอูเอโนะ ก่อนออกจากเกทเจอาร์เลยซื้อโตเกียว บานาน่า, กินซ่า สตอเบอร์รี่ แล้วก็ขนมอื่นๆนิดหน่อย พอผ่านหน้าสตาร์บั๊คส์ แวะซื้อ Mug City ตามออเดอร์ ถ้าเป็นบ้านเราเค้าจะหยิบแก้วใส่ถุงอย่างเดียว แต่ที่นี่ห่อผ้าสีเขียว มัดโบว์แล้วบรรจงใส่ถุง งดงามจริงๆ






ถึงสถานีเคไซน์จัดการฝากกระเป๋าที่ล็อกเกอร์ มาสายป่านนี้ล็อกเกอร์ใหญ่เลยเต็ม ต้องใช้ 300เยน 2 ตู้ ถึงเอาอยู่ ฝากเสร็จหน้าเดินไปตึกม่วง ผ่านตลาดอเมโยโกะ กระทั่งตลาดนี้ยังมีเด็กมาทัศนศึกษา สุดยอด! เราใช้เวลาอยู่ในตึกม่วง และเดินตลาดกันทั้งวันที่นี่ คุณย่าและคุณหลานยังมีเวลาละเลงเงินเยนได้อีก โดยเฉพาะคุณหลานถูกเราขู่ ว่าถ้าไม่ใช้ให้หมด คุณป๋าของคุณหลานจะต้องบอกให้เอาเงินคืนอาแน่ๆ (ทริปนี้คุณอาเป็นสปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบิน) เราไม่ลืมกินทาโกยากิร้าน gindaco อร่อยเหมือนเดิม





กระทั่งบ่าย 2 ก็กลับมาเอากระเป๋า แล้วซื้อตั๋วจากตู้ 1000 เยน นั่งเคไซน์ไปสนามบิน ขากลับกระเป๋างอกมาเพียบเลย ถึงสนามบินราวๆสี่โมงเย็น ยังมีดิวตี้ฟรีให้แบ่งปัน ช้อปกันนาทีสุดท้าย

ก่อนโบกมือลาโตเกียว.....Hey Tokyo Mata Ashita ne (ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้น่ะ)



Create Date : 10 กรกฎาคม 2553
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 12:18:24 น. 11 comments
Counter : 2353 Pageviews.

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:28:46 น.  

 
อ่านเพลินเลยค่ะ ตอนก่อนหน้านี้ยังไม่ได้อ่าน

ถ้าไม่ได้ภาษาญี่ปุ่น ไปเที่ยวเองไหวมั้ยคะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:18:26 น.  

 
..

กรี๊ดดดดด.... ตลาดปลา

ฝนตก ตื่นมะทันนน >___<

..


โดย: POGGHI วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:39:08 น.  

 
ขอบคุณน่ะคะ ที่เข้ามาเยี่ยม

@คุณสาวไกด์ใจซื่อ เราก็พูดไม่ได้ค่ะ ภาษาอังกฤษยังไม่กระดิกเลย แต่ไปเที่ยวแล้วติดใจ ข้อมูลญี่ปุ่นมีเยอะเตรียมตัวให้ดี สนุกค่ะ รับรอง

@คุณ POGGHI แค่สถานที่ที่คุณน้องไปก็ดูดคนไทยไหลไปโตเกียวเยอะแล้ว เพราะรีวิวของคุณน้องสร้างแรงผลักดันให้หลายคนเลยค่ะ



โดย: เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:54:59 น.  

 
อื้อหือ.. กระเป๋าแตกลูกแตกหลานได้เยอะจริง ๆ ..


โดย: poongie วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:58:41 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ
รูปให้รายละเอียดเยอะดีค่ะ


โดย: apple.007 วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:13:37 น.  

 
ตามเที่ยวด้วยคน พาเที่ยวได้ละเอียดค่ะ ตลาดปลายังไงก็อยากไปซักครั้ง
555ใครไปญี่ปุ่นแล้วกระเป๋าไม่แตกลูกหลานเนี่ย นับถือเนอะ555


โดย: erbhern วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:52:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเจ้าแก้ว ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยม

ไปไต้หวันเดือนกุมภาเหรอคะ เป็นช่วงที่อากาศกำลังหนาวเชียวค่ะ อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยนะคะ

เที่ยวช่วงอากาศหนาวๆ ที่ไต้หวันสนุกดีค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ร้อนแล้ว ยังได้เห็นผู้คนใส่ชุดน่ารักๆ ด้วย มีทั้งใส่ร้องเท้าบูท เสื้อโค้ทสวยๆ มองๆ ไปนึกว่าอยู่ญ๊ปุ่นแน่ะค่ะ ว่าแล้วอยากไปช่วงหน้าหนาวบ้างจัง อิจฉาจังค่ะ

ไปแล้วอย่าลืมเอารูปสวยๆ มาฝากด้วยนะคะ


โดย: yzai วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:38:46 น.  

 
ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ ..


โดย: Nongpurch วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:24:48 น.  

 
สวัสดีครับ เห็นชื่อ ลงท้ายเหมือนกัน เลยแวะเข้ามา เยี่ยมชม

ดูรีวิว ของคุณแล้ว เหมือนดูสารคดี เที่ยว ญี่ปุ่น เลยครับ สวย ประทับใจ น่าติดตามจริงๆ ขออนุญาต เข้ามาชมบ่อยๆนะครับ


โดย: ลุงช้าง เมืองปาย วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:5:53:49 น.  

 
เห็นตลาดปลาแล้วหิวปลาดิบ

แล้วเจอกันวันมิ้ทติ้งนะครับ


โดย: inint&anant วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:14:08:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




make money for my life

make money for my dream

make money for my soul



 หลับฝันดีกันน่ะคะ
TOP
Friends' blogs
[Add เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.