ไปประกันสังคมมา
เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าไปติดต่อกับหน่วยงานราชการมาครับพอดีว่าผมจะสร้างหนี้ก้อนโตในชีวิต เพื่อซื้อที่ซุกหัวนอน ทีนี้เพื่อนเก่าที่บางมด บังเอิญคุยกันในเอ็มเอสเอ็น โปรแกรมแชทสุดคลาสสิคก็เลยเล่าให้เพื่อนฟังว่าเราจะซื้อบ้าน (ภูมิใจมาก กำลังจะสร้างหนี้ก้อนโต เล่าให้คนรู้จักฟังหมดเลย )เพื่อนก็แนะนำ ตอนนี้เค้ามีโครงการประกันสังคมให้เงินกู้ดอกเบี้ยถูก เนื่องจากประกันสังคมเค้าเอาเงินให้ธนาคารไปออกดอก (ศัพท์แบบว่าบ้านๆมาก)ทีนี้ดอกเบี้ยมันก็จะถูกกว่าปกติ แต่เงื่อนไขก็คือเราต้องไปขอหนังสือรับรองว่าเราเป็นผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคมปกติแล้วผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบที่จะติดต่อกับหน่วยงานราชการเอาซะเลยซึ่งผมคิดว่าประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทยน่าจะรู้สึกแบบเดียวกับผมนะแต่ผมไม่ได้อคตินะครับ เพราะผมโตมาได้ก็เพราะราชการล่ะครับ เพราะพ่อกับแม่ผมก็รับราชการมาจนใกล้จะเกษียณแล้วล่ะแต่บางครั้งก็รู้สึกว่าบางทีระบบราชการไทยเราก็ควรจะปรับปรุงอะไรๆให้มันคล่องตัวนะ เราจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมายพอก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเครียดเกินไป ผมไม่ค่อยชอบติเตียนอะไรมากมาย มองให้เป็นเรื่องขำๆดีกว่าครับ ชีวิตเรามีเรื่องให้เครียดมากมายกันอยู่แล้วล่ะ มาว่ากันต่อที่สำนักงานประกันสังคมดีกว่า...ด้วยความที่ต้องไปขอหนังสือรับรองผู้ประกันตน ความคิดแรกผมก็เกิดทันทีเลย ด้วยความที่พื้นฐานแล้ว ผมเองเป็นคนที่เรียกได้ว่า ขี้เกียจอันดับต้นๆของประเทศเลยก็น่าจะว่าได้ก็นึกขึ้นมาเลยว่า ทำไมเราจะต้องไปขอหนังสือรับรองล่ะ ในเมื่อบัตรรับรองสิทธิ์ก็มี และผมก็คิดว่าประกันสังคมก็ต้องมีข้อมูลอยู่แล้วว่าคนนี้ เลขที่บัตรประชาชนนี้ เป็นผู้ประกันตนของประกันสังคมหรือไม่เวลาที่เราจะกู้ธนาคารก็ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน ก็น่าจะตรวจสอบข้อมูลได้อยู่แล้วนี่...ช่างมันประไร ขอก็ได้ ก็จะยืมเงินเค้ามานี่นา...อิ อิ ทีนี้ผมก็ไปที่สนง.ประกันสังคมแห่งหนึ่งในย่านระบบสุริยจักรวาล (คือพยายามจะไม่พาดพิงให้ใครรู้น่ะครับ)ไปถึงก็เจอหน้าประตูเลยครับ เขียนตัวอย่างเอกสารให้ดู การเขียนระบุในสำเนาบัตรประชาชนอืม....ดีแฮะ จะได้ไม่งงกันว่าจะต้องเขียนอย่างไร ทำอย่างไรแต่ยังครับ เพราะการติดต่อราชการบางอย่างนั้น บางครั้งไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดพอขึ้นไปส่วนที่ติดต่อ ก็เจอกับป้ายบอกอีกว่าขั้นตอนต้องเป็นแบบนี้นะ เขียนแบบนี้ แนบใบนั้น หนีบด้วยคลิบ แล้วใส่ไว้ใน"ตระกร้าสีน้ำเงิน"!?!เอาล่ะสิครับทีนี้ คือตรงส่วนที่ต้องติดต่อเนี่ย มันกินเนื้อที่ทั้งชั้นของตึกเลยครับแล้วอุปกรณ์สำนักงานผมคิดว่าเวลาเค้าสั่งซื้อมา ก็คงซื้อมาพร้อมๆกันปริมาณมากๆจะได้ราคาถูกลง...ใช่ครับ... ผมว่าคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คิดถูกครับทั้งชั้นมีคนทำงานอยู่เกือบ 20 โต๊ะ ทุกโต๊ะมีตระกร้าวางเอกสารสีน้ำเงินเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการทำงาน!!!!! ทีนี้ไอ้ครั้นเราจะมองหาตระกร้าที่เค้าติดสติ๊กเกอร์ "ตระกร้านี้สีน้ำเงิน" มันก็ไม่มี ไม่เหมือนรถหลายๆคันที่วิ่งกันอยู่บนถนนน่ะความโกลาหลเล็กๆที่ผมสังเกตเห็นคือ ทุกคนที่มาติดต่อ บางคนก็เก้ๆกังๆ จะใส่ตระกร้าใหนดีหว่า???ผมเชื่อว่าทุกคนก็คิดเหมือนกัน ว่าน่าจะใส่ได้ทุกตระกร้า แต่ว่าชีวิตในการติดต่อราชการมันไม่น่าง่ายขนาดนั้นก็เลยต้องถามกันไปมา บ้างถามโต๊ะนี บ้างถามโต๊ะนั้น....สรุป วางได้ทุกตระกร้าจริงๆครับ !?!ที่นี้เวลาคนต้องคอยถามก็จะเสียเวลาคนที่ทำงานคีย์ข้อมูลอยู่ต้องหยุดตอบคำถามผมสังเกตเลยว่าเอกสารตอนที่คีย์ข้อมูลผมอยู่นั้น มีคนมาถามขัดจังหวะประมาณห้าราย บางรายถามมากผมก็โอย....นะ....แต่ก็เข้าใจครับ เวลาเราไม่รู้เนี่ยมันก็ต้องถาม คือก็น่าจะติดป้ายบอกเลยว่าใส่ตระกร้าใหน โต๊ะเบอร์อะไรคุณพี่ที่ทำงานก็ได้ทำงานราบรื่นสะดวกโยธิน งานจะได้เร็ว จริงมั้ยครับ...ทีนี้เวลาที่ยืนรอก็จะเห็นหลายคนที่เพิ่งจะมาประสบปัญหาเดียวกันคือใส่ตระกร้าอันใหน(วะ) ผมก็จะคอยบอกครับ เพราะทั้งชั้นเนี่ยมาติดต่อเรื่องเดียวเลย อิ อิไม่ใช่ฮีโร่หรอกนะครับ แต่ช่วยๆกันครับ สังคมเราจะได้น่าอยู่เนอะ...คิดดูสิว่าถ้าเราทำอย่างนี้กันหมด ก็ไม่ต้องไปขัดจังหวะ คุณพี่ที่ทำงานก็ไม่หงุดหงิดเค้าก็จะได้พิมพ์ให้เราเร็วขึ้น เราก็จะได้เอกสารเร็วขึ้น.....เนอะ...แต่ว่า...ประกันสังคมเอาฐานรายชื่อของผู้ประกันตนให้ธนาคารด้วยไว้ให้ธนาคารตรวจสอบเองดีกว่ามั้ยครับ....เฮ่อ..... ไว้คุยกันวันหลังต่อครับภวิศร์