Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
11 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

เซิร์น (CERN)คือใคร...ทำไมต้องถึงอยากไขจักรวาล..

Supermassive Black Hole - Muse















Center for European Nuclear Research(CERN)


ความรุ่งเรืองสุดขีดของฟิสิกส์อยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เซิร์นจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเวลาทองของวิทยาศาสตร์เชิงกายภาพยังไม่หมดลง โดยหลังก่อตั้งมากว่า 50 ปี เซิร์นมีการทดลองเร่งอนุภาคในระดับพลังงานต่างๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่ไม่กี่สิบกิกะอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ไปจนถึงหลายร้อย GeV และมีการค้นพบอนุภาคมูลฐานบางตัว และให้กำเนิดเวริล์ด ไวล์ด เว็บ (www) ที่เป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของคนทั้งโลกเมื่อปี 2533





เซิร์น (CERN) คือองค์กรองค์กรหนึ่งซึ่งรวบรวมนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาเพิ่อทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาวุธทำลายล้างโลก (จำพวกนิวเคลียร์) ซึ่งได้มีการคิดค้นและสร้างสารตัวใหม่ขึ้นมาซึ่งมีชื่อว่า "ปฏิสสาร" ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับ "สสาร" กล่าวคือ ปฏิสสารกับสสารนั้นมีความเกี่ยวข้องกันในทางตรงกันข้ามนั้นเอง หากปฏิสสารนั้นสัมผัสกับสสารเข้า เพียง 1 มิลลิกรัมก็มีพลังทำลายล้างสูงพอๆ กับอาวุธนิวเคลียร์ หรืออาจจะรุนแรงกว่านั้นก็ได้ แมกซิมีเลียน โคห์เลอร์ เป็นผู้อำนวยการของเซิร์น ซึ่งถึงแม้เขาจะแก่ชรา และเป็นอัมพาตที่ขาทั้งสองข้างก็ตาม แต่ก็ยังเป็นคนที่น่าเกรงขามสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในเซิร์น และคนนอกทั่วๆ ไป





"เซิร์น" Cern คือ Center for European Nuclear Research (ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยนิวเคลียร์ภาค พื้นยุโรป) อยู่ใกล้ๆ กับกรุง เจนีวา ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ แอนติอะตอมของไฮโดรเจน ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จเป็น ครั้งแรก ประกอบด้วยนิวเคลียส ที่มีแอนติโปรตอนหนึ่งตัว และ ปฏิอิเล็กตรอนหรือโปสิตรอนหนึ่ง ตัว จึงเป็นแอนติอะตอมที่สมบูรณ์จริงๆ




เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2539 ที่มีการประกาศความสำเร็จของ CERN เรื่องนี้นั้น จำนวนแอนติไฮโดรเจนที่ผลิตได้ คือ 9 อะตอม ต่อมา เมื่อถึงปลายปี พ.ศ.2539 คือเมื่อ เดือนพฤษจิกายนพ.ศ.2539 ก็มีการประกาศโดยคณะ นักวิทยาศาสตร์ที่ FERMI Lab(Fermi National Accelerator Lab) ในสหรัฐอเมริกาว่าประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับที่ CERN คือ ผลิตแอนติ ไฮโดรเจนได้สำเร็จ





ในตอนแรกที่ ประกาศเมื่อวันที่ 21 เดือนพฤษจิกายน (ในการประชุมทางวิทยาศาสตร์) คณะนักวิทยาศาสตร์แห่ง FERMI LAB กล่าวว่าผลิตแอนติไฮโดรเจนได้ 7 อะตอม แล้วโมเลกุลของแอนติไฮโดร เจนล่ะ? ยังทำไม่ได้ครับ (อย่างน้อยถึง ขณะนี้เดือน กันยายน 2540 เท่าที่ผม ทราบ) สำหรับวิธีการผลิตอะตอมของปฏิสสารหรือแอนติไฮโดรเจน คณะ นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีการที่สรุปได้ คร่าวๆ ดังต่อไปนี้





เริ่มต้นที่อนุภาคแอนติโปรตอน ให้แอนติโปรตอนเคลื่อนที่ผ่าน Atomic Nucleus (นิวเคลียสของอะ ตอม) บางชนิดด้วยความเร็วสูง ก็จะเกิด Pair Production (การผลิตคู่) คืออิเล็กตรอน กับโปสิครอนถูกผลิต ขึ้นมา จากนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็พยา ยามทำให้แอนติโปรตรอน จับ คู่กับโปสิตรอน จนกระทั่งทำได้ สำเร็จ เกิดเป็นแอนติอะตอม ของไฮโดรเจนหรือ แอนติไฮโดรเจน อะตอมขึ้นมา





"เซิร์น" องค์กรแห่งยุโรป-ทำงานระดับโลกเพื่อไขจักรวาล

การค้นหากำเนิดจักรวาล คล้ายการเก็บร่องรอยคดีฆาตกรรมที่รวบรวมหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุเพื่อวิเคราะห์ย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น ทฤษฏีมีอยู่แล้วแต่ยังขาดผลการทดลองมายืนยัน ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงฝากความหวังไว้ที่การทดลองขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) หรือ "เซิร์น" (CERN) ซึ่งจะเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ในฤดูร้อนของทวีปยุโรปหรือประมาณ เดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อค้นหาอนุภาคฮิกก์สจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะเติมเต็มความเข้าใจในองค์ประกอบพื้นฐานของจักรวาลได้





ภายในองค์กรวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งยุโรปนี้จ้างนักวิทยาศาสตร์หลากหลายเชื้อชาติ ทำงานวิจัยโดยอาศัยความพร้อมทางเครื่องมือของเซิร์น เฉพาะเจ้าที่ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้ทำงานโดยตรงก็มีถึง 2,500 คน ขณะที่มีนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกอีกราว 8,000 ที่แวะเวียนมาทำงานวิจัยที่นี่





ปัจจุบันเซิร์นมีสมาชิกจาก 20 ประเทศในยุโรปซึ่งมีหน้าที่และได้รับสิทธิพิเศษ โดยประเทศเหล่านี้ต้องร่วมลงทุนในค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานของเซิร์น และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับองค์กรและกิจกรรมต่างๆ




สำหรับไทยก็เกี่ยวข้องกับเซิร์นในฐานะที่เป็นประเทศกลุ่ม "ไม่ใช่สมาชิก" (non-Member States) ซึ่งมีอยู่หลายประเทศ อาทิ จีน เวียดนาม อิหร่าน เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น แม้ประเทศเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุนหรือร่วมกำหนดทิศทางการวิจัย แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์ทางการศึกษาวิจัยจากข้อมูลการทดลองของเซิร์นภาพจำลองแสดงภาคตัดขวางของห้องปฏิบัติการสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี โดยตำแหน่งของท่อที่ขดเป็นวงยาว 27 กิโลเมตรนี้อยู่ลึกลงไปใต้ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ 100 เมตรเครื่องตรวจวัดสัญญาณกำเนิดจักรวาลเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีในอุโมงค์ยักษ์ใต้ดินที่ขดรอบชายแดนฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์






การประชุม “แนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับองค์กร CERN”

(2 มีนาคม 2547) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดให้มีการประชุม เรื่อง “แนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับองค์กร CERN (European Organization for Nuclear Research)” ขึ้น โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการเนคเทค เป็นประธาน ณ ห้องประชุม 306 อาคารเนคเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย





วัตถุประสงค์เพื่อสรรหากรอบหัวข้อวิจัยที่จะสร้างความร่วมมือกันได้ระหว่างประเทศไทยกับองค์กร CERN รวมทั้งรวบรวมกลุ่มวิจัยในประเทศไทย และสร้างให้เกิดความร่วมมือของกลุ่มวิจัยในประเทศไทยกับองค์กร CERN ในกรอบหัวข้อที่จะวิจัยร่วมกัน เพื่อที่จะพัฒนาข้อเสนอโครงการความร่วมมือกันในระยะยาว โดยการประชุมในครั้งนี้มีผู้บริหารและนักวิจัยจากสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานภาครัฐ และผู้แทนจากภาคเอกชน จำนวน 25 ท่านจากประมาณ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมหารือ ซึ่งขอบเขตการหารือเบื้องต้นจะเป็นหัวข้อวิจัยทางการวัดอนุภาคพลังงานสูง หรือ หัวข้อที่เชื่อมโยงโดยตรง ได้แก่ หัวข้อ Experimental High Energy Physics หัวข้อ Very High Performance Computing หัวข้อ Engineering หัวข้อ Quality control & management of large projects และหัวข้อ Nurturing Career Researchers in Experimental High Energy Physics







CERN ประกาศวันเดินเครื่อง LHC แล้ว

มีการร่ำลือวิตกวิจารณ์กันด้วยว่า เครื่องเร่งอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ หรือแอลเอชซี (LHC-Large Hadron Collider) จะทำให้เกิดอนุภาคประหลาด ซึ่งจะแปรสภาพโลกให้กลายเป็นมวลสารพิลึกกึกกืออะไรสักอย่าง
แอลเอชซีจะสร้างสภาพที่เลียนแบบการชนกันของอนุภาค ซึ่งเกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติเมื่อโลกเคลื่อนตัวผ่านรังสีคอสมิกพลังงานสูง



นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ธรรมชาติได้ทำให้เกิดการชนกันของอะตอมแบบเดียวกับเครื่องแอลเอชซีประมาณ 1 แสนเครื่องอยู่แล้ว แต่โลกก็ยังอยู่ดี ไม่มีการบุบสลายแปรสภาพ รายงานการประเมินนี้เป็นของทีมนักฟิสิกส์ 5 คนที่ควบคุมเครื่องแอลเอชซี ขององค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป หรือเซิร์น (CERN) ในกรุงเจนีวา เซิร์นได้ขอให้นักฟิสิกส์ชุดนี้ประเมินความปลอดภัยตามรายงานของนักวิทยาศาสตร์ของเซิร์นเมื่อปี 2546 ซึ่งได้รับรองว่า โครงการนี้มีความปลอดภัย นำไปสู่การเปิดไฟเขียวให้ทำการทดลองได้




แอลเอชซี ซึ่งตั้งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินยาว 27 กิโลเมตร บนพรมแดนฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์ จะเริ่มปล่อยอนุภาคโปรตอนในวันพุธนี้ เพิ่งเริ่มกระบวนการทดลอง ลำอนุภาค 2 ลำ ซึ่งถูกปล่อยสวนทางกัน จะพุ่งเข้าชนกันในอุโมงค์รูปวงแหวนที่ว่านี้ ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง ตลอดอุโมงค์รูปวงแหวนมีแม่เหล็ก 4 จุด ทำหน้าที่เบี่ยงเบนลำอนุภาค เพื่อให้กลุ่มโปรตอนพุ่งเข้าชนกันในห้องขนาดยักษ์ ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจจับไว้คอยบันทึกผลลัพธ์ ซึ่งจะมีอนุภาคย่อยเกิดขึ้น อนุภาคจิ๋วซึ่งจะเกิดขึ้นและสลายตัวไปในเวลาชั่วเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเหล่านี้ จะช่วยไขปริศนาของสิ่งที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือจักรวาล และอาจตอบคำถามด้วยว่า "มิติอื่น" ที่อยู่นอกเหนือมิติของเรามีอยู่จริงหรือไม่





รายงานประเมินความปลอดภัยฉบับนี้บอกว่า ถ้ามีหลุมดำเกิดขึ้นก็จะมีขนาดจิ๋ว และสลายตัวไปในทันที เพราะขาดพลังงานที่จะทำให้มันคงอยู่หรือขยายตัวได้ รายงานฉบับนี้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับหนึ่งของสถาบันฟิสิกส์ กรุงลอนดอนที่ผ่านมา ฝรั่งเศสได้ขอให้องค์การความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ช่วยประเมินความปลอดภัยของเซิร์นด้วย เมื่อ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ได้ปฏิเสธคำฟ้องของนักเคลื่อนไหวที่ขอให้หยุดยั้งการทดลองนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังรอลุ้นว่า มนุษย์จะสามารถไขความลับของจักรวาลได้หรือไม่.








การทดลองทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ มันยิ่งใหญ่มาก เป็นสิ่งที่หากทำสำเร็จจะเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงควรทำศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไว้บ้าง





-LHC ย่อมาจากอะไร
Large Hadron Collider เป็นโครงการทดลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการศึกษาเกี่ยวกับการหาที่มาของต้นกำเนิดจักรวาล

- Hadron คืออะไร
มันคือ สถานะของพันธะชนิดหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวอนุภาค quarks เข้าไว้ด้วยกันซึ่งแรงที่ยึดนี้เป็นแรงแบบ strong nuclear force คล้ายคลึงกับแรง electromagnetic ที่ทำการยึดเหนี่ยว Atom ไว้นั้นเอง
อนุภาคhadrons ที่รู้จักกันดีก็ประกอบด้วย protons และ neutrons





-ขอคำนิยามสั้นๆของเป้าหมายการทดลองนี้
LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาค จุดประสงค์ก็เหมือนเครื่องเร่งอนุภาคอื่นๆ ที่ CERN และ LAB อื่นๆ ทั่วโลก คือ เอาไว้ศึกษา Particle Physics/ High Energy Physics ที่ต้องสร้างเครื่องใหม่ก็เพื่อจะเพิ่มขีดความสามารถให้เร่งอนุภาคได้พลังงานสูงขึ้น

ตามทฤษฏีทางฟิสิกส์อนุภาค ได้ทำนายอนุภาคชนิดใหม่ๆ หรือพฤติกรรมใหม่ๆ ของอนุภาคและแรง ในระดับพลังงานสูงๆ
LHC ก็เอาไว้ทำการทดลองเพื่อทดสอบทฤษฏีพวกนี้






-ทดลองแล้วมีโอกาสเสี่ยงเกิดปัญหาหลุ่มดำไหม

หลุมดำที่ว่าอาจจะเกิด เรียกว่า Primordial Black Holeเป็นหลุมดำขนาดจิ๋ว ที่ไม่เสถียร จะสลายตัวไปในทันทีที่เกิดขึ้นมา และตามทฤษฏีจริงๆ ระดับพลังงานของ LHC ก็แค่ใกล้เคียงระดับที่จะเกิด Primordial BH เท่านั้น (คือเป็นไปได้ว่าจะเกิด)

PBH (หลุมดำจิ๋ว) ตามทฤษฏี Hawking Radiation คำนวนไว้ว่าหลุมดำมีการแผ่รังสีออกมา ยิ่งหลุมดำมวลน้อยๆ ยิ่งแผ่รังสีออกมามาก แผ่ออกมามาก ก็หมายถึงมันสลายตัวไปเร็วไม่เกิดหลุมดำที่เสถียร







ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ หลังจากที่รอคอยกันมานานถึง 19 ปีตั้งแต่ เซิร์น (CERN) หรือ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้าน นิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) เริ่มมีการสร้าง เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ขึ้นในอุโมงค์ใต้เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์และชายแดนฝรั่งเศสลึกลงไป 100 เมตรขดเป็นวงกลมระยะทาง 27 กิโลเมตร เป็นเครื่องมือทดลองทางฟิสิกส์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา บัดนี้ได้เวลายิงแสงแรกแล้ว ท่ามกลางกระแสคัดค้าน ต่อต้าจากทั่วทุกมุมโลก ว่าอาจจะำพาให้เกิดหายนะทำลายล้างโลกก็เป็นได้



กำหนดการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ในวันที่ 10 ก.ย. นี้จะเป็นการยิงลำอนุภาคที่ระดับพลังงาน 450 กิกะอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ให้เคลื่อนที่ในอุโมงค์ รอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี และมีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ //webcast.cern.ch ก็ามารถเข้าไปิดามชมกัได้ครับ ถ้าเว็บยังไม่ล่มไปเสียก่อน




ก่อนที่เราจะค้นพบอะไร หรือจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์กันในอีกไม่ช้า(ตามที่ได้มีหลายคนวิตกกันไปก่อนหน้านี้) เรามาทำความรู้จักกับไอ้เครื่องที่ว่านี้ และจุดประสงค์ขององค์กรเซิร์นในการทดลองครั้งนี้กันก่อนดีกว่า(ถ้าจะตายทั้งทีก็ควรรู้จักฆาตกรเสียก่อน)




เอกภพหรือจักรวาลประกอบขึ้นจากอะไร คือคำถามพื้นฐานของมนุษย์เล็กๆ ที่อยากจะเข้าใจในกำเนิดของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ตามทฤษฎี "บิกแบง" (Big Bang) การระเบิดครั้งใหญ่ที่ก่อเกิดจักรวาลเมื่อ 1.37 หมื่นล้านปีก่อนควรจะมีสสาร (matter) และปฏิสสาร (antimatter) ในปริมาณเท่าๆ กัน ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสสารและปฏิสสารที่มีมวลเท่ากันแต่มีประจุตรงข้ามกันนั้น จะหักล้างกันเองแล้วเปลี่ยนมวลกลายไปเป็นพลังงาน และไม่น่าจะมีกาแลกซี ดวงดาว โลกหรือสิ่งมีชีวิตอยู่เลย





หากทฤษฎีนี้เป็นจริงทำไมสสารและปฏิสสารไม่หักล้างกันไปอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เกิดระเบิดครั้งนั้น?
เป็นไปได้หรือไม่ที่มีเอกภพซึ่งประกอบขึ้นด้วยปฏิสสารมากมายอยู่ที่ใดสักแห่ง?
เกิดอะไรขึ้นกับปฏิสสารหลังบิกแบง?
หลากหลายคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบว่าเหตุใด จึงมีตัวเราที่อยู่ในเอกภพที่เต็มไปด้วยสสารมากมาย นอกจากนี้ยังมีคำถามว่าเกิดสสารที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเราได้อย่างไร ย้อนกลับไปในอดีตเราเชื่อว่าอะตอมคือหน่วยย่อยที่สุดของสสาร แต่ต่อมาเราก็พบว่ายังมีโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอนที่เล็กกว่า และมี "ควาร์ก" (Quark) เป็นสิ่งที่เล็กลงไปอีก แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เล็กที่สุดและยังไม่สามารถตอบได้ว่ามวลก่อเกิดขึ้นในจักรวาลอันว่างเปล่าได้อย่างไร






เร่งอนุภาคหา "ฮิกก์ส" ต้นกำเนิดแห่งมวลในจักรวาล

กว่า 40 ปีที่ผ่านมาจึงเกิดทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาค "ฮิกก์ส" (Higgs) ที่เสนอโดย ศ.ปีเตอร์ ฮิกก์ส (Peter Higgs) นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ซึ่งอนุภาคฮิกก์สที่ได้รับการขนานนามว่า "อนุภาคพระเจ้า" (God Particle) จะช่วยอธิบายจุดเริ่มต้นของมวล และอธิบายเหตุผลว่าทำไมบางอนุภาคในแบบจำลองมาตรฐาน (Standard model) ซึ่งเป็นทฤษฎีที่พยายามอธิบายอนุภาคมูลฐานและแรงพื้นฐานทั้งหมดในธรรมชาติ ด้วยสมการเพียงหนึ่งเดียว จึงมีมวลและบางอนุภาคไม่มีมวล โดยนักฟิสิกส์ได้พบสสารอื่นๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นสสารหมดแล้ว ยกเว้นฮิกก์ส




การค้นหากำเนิดจักรวาล คล้ายการเก็บร่องรอยคดีฆาตกรรมที่รวบรวมหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุเพื่อวิเคราะห์ย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น ทฤษฏีมีอยู่แล้วแต่ยังขาดผลการทดลองมายืนยัน ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงฝากความหวังไว้ที่การทดลองขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) หรือ "เซิร์น" (CERN) ซึ่งจะเดิน เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) เพื่อค้นหาอนุภาคฮิกก์สจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะเติมเต็มความเข้าใจในองค์ประกอบพื้นฐานของจักรวาลได้





ดร.อรรถกฤต ฉัตรภูติ จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว ว่าตามทฤษฎีสนามควอนตัม (Quantum field) นักฟิสิกส์เชื่อว่าต้องพบบางอย่างจากการชนกันของอนุภาค ที่พลังงานสูงถึงระดับเทราอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) ซึ่งเป็นระดับพลังงานที่กำลังจะทดลองในเซิร์น





ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นจะต้องมีอะไรผิดในทฤษฎีสนามควอนตัมและนักวิทยาศาสตร์ต้องกลับมาคิดกันใหม่ อย่างไรก็ดีนักฟิสิกส์มั่นใจว่าจะไม่เป็นเช่นกรณีหลัง เนื่องจากที่ผ่านมาทฤษฎีสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ในระดับพลังงานที่ต่ำกว่าการทดลองของเซิร์นที่จะเกิดขึ้นได้ดี






เครื่องตรวจวัดสัญญาณกำเนิดจักรวาล

เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีในอุโมงค์ยักษ์ใต้ดินที่ขดรอบชายแดน ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบไปด้วยสถานีตรวจวัดอนุภาคที่สำคัญๆ คือ


1.สถานีตรวจวัดอลิซ (ALICE) หน้าที่ของเครื่องตรวจวัดที่สถานีนี้คือการตรวจวัดสถานะพลาสมาควาร์ก-กลูออน (quark-gluon plasma) ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานะที่เกิดขึ้นหลังบิกแบง ขณะที่เอกภพยังร้อนสุดขีด โดยการชนกันของอนุภาคที่จะเกิดขึ้นในเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีนั้นจะทำให้ เกิดอุณหภูมิสูง 100,000 เท่าของใจกลางดวงอาทิตย์ นักฟิสิกส์หวังว่าภายในสภาวะนี้โปรตอนและนิวตรอนจะ "ละลาย" และปลดปล่อยควาร์กออกจากพันธะ






2.สถานีตรวจวัดอนุภาคแอตลาส (ATLAS) เป็น 1 ใน 2 เครื่องตรวจวัดอเนกประสงค์ภายในเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี มีหน้าที่อย่างกว้างๆ คือตรวจหาอนุภาคฮิกก์ส มิติพิเศษ (extra dimension) และอนุภาคที่อาจก่อตัวขึ้นเป็นสสารมืด (dark matter) โดยจะวัดสัญญาณของอนุภาคที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นหลังการชนกันของอนุภาค ทั้งแนวการเคลื่อนที่ พลังงาน รวมไปถึงการจำแนกชนิดอนุภาคนั้นๆ

แอตลาสเป็นระบบแม่เหล็กรูปโดนัทขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 46 เมตร นับเป็นเครื่องมือชิ้นใหญ่ที่สุดของเซิร์น และมีขดลวดแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวดขดเป็นทรงกระบอกยาว 25 เมตร รอบๆท่อลำอนุภาคที่ผ่านใจกลางของเครื่องตรวจวัดอนุภาคนี้ เมื่อเดินเครื่องจะเกิดสนามแม่เหล็กในศูนย์กลางของทรงกระบอก ที่สถานีนี้มีนักวิทยาศาสตร์ทำงานกว่า 1,700 คน







3.สถานีตรวจวัดอนุภาคซีเอ็มเอส (CMS) เป็นเครื่องตรวจวัดอนุภาคที่มีเป้าหมายเดียวกับแอตลาส แต่มีความแตกต่างในรูปแบบการทำงานและระบบแม่เหล็กในการตรวจวัดอนุภาค ซีเอ็มเอสสร้างขึ้นด้วยขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เกิดจากสายเคเบิลตัวนำ ยิ่งยวดที่ขดเป็นทรงกระบอก ซึ่งสร้างให้เกิดสนามแม่เหล็กได้มากกว่าโลก 100,000 เท่า ซึ่งทำให้เครื่องตรวจวัดหนักถึง 12,500 ตัน

แทนที่จะสร้างเครื่องมือชิ้นนี้ภายในอุโมงค์ใต้ดินเหมือนเครื่องมือ อื่นๆ แต่เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีกลับสร้างขึ้นจากบนพื้นดินแล้วแยกเป็นชิ้นส่วน 15 ชิ้นเพื่อนำลงไปประกอบในชั้นใต้ดิน และที่สถานีนี้ก็มีนักวิทยาศาสตร์ทำงานจำนวนมากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสถานีแอตลาสถึง 2,000 คนจากกว่า 150 สถาบันใน 37 ประเทศ






4.สถานีตรวจวัดอนุภาคแอลเอชซีบี (LHCb) ซึ่งจะทำการทดลองเพื่อสร้างความเข้าใจว่าทำไมเราจึงอาศัยอยู่ในเอกภพที่เต็มไปด้วยสสาร แต่กลับไม่มีปฏิสสาร โดยมีหน้าที่พิเศษในการศึกษาอนุภาคที่เรียกว่า "บิวตี ควาร์ก" (beauty quark) เพื่อสังเกตความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างสสารและปฏิสสาร และแทนที่จะติดตั้งเซนเซอร์รอบจุดที่อนุภาคชนกันก็ใช้ชุดเซนเซอร์ย่อยเรียงซ้อนกันเป็นความยาว 20 เมตร

เมื่อแอลเอชซีเร่งให้อนุภาคชนกันแล้วจะเกิดควาร์กชนิดต่างๆ มากมายและสลายตัวไปอยู่ในรูปอื่นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเซนเซอร์เครื่องตรวจวัดแอลเอชซีบีจึงถูกออกแบบให้อยู่ในเส้นทางของลำ อนุภาคที่จะเคลื่อนที่เป็นวงไปตามเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี






เครื่องเร่งอนุภาคยักษ์จับอนุภาคจิ๋วชนกัน

เครื่อง เร่งอนุภาคแอลเอชซีจะเร่งลำอนุภาคของโปรตอน 2 ลำให้เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามไปตามท่อที่วางขนานกันซึ่งถูกเก็บรักษา ไว้ภายใต้ภาวะสุญญากาศ แล้วชนกันที่ความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง 99.9999% ที่พลังงานสูงระดับ TeV หรือระดับล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (1012 eV)





สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เฝ้ารอคอย เครื่องตรวจวัดอนุภาคต่างๆ จะวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดจากการชนกันนี้เพื่อตามหาสิ่งที่เครื่องตรวจวัดแต่ละเครื่องถูกออกแบบมา






ทั้งนี้ลำอนุภาคถูกควบคุมให้เคลื่อนที่ไปรอบเครื่องเร่งอนุภาครูปวง แหวนด้วยสนามแม่เหล็กความเข้มสูงที่สร้างขึ้นจากแม่เหล็กไฟฟ้าตัวนำยิ่งยวด ซึ่งช่วยนำไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีแรงเสียดทานหรือสูญเสียพลังงาน และจำเป็นต้องรักษาความเย็นให้แม่เหล็กเหล่านั้นที่อุณหภูมิ -271 องศาเซลเซียสซึ่งเย็นกว่าอวกาศนอกโลกเสียอีก ดังนั้นเครื่องเร่งอนุภาคจึงต้องเชื่อมต่อระบบที่หล่อเย็นด้วยฮีเลียมเหลว

Universe: Black Holes: Creation & Consumption of Galaxies



นอกไปจากฮิกก์สซึ่งจะตอบคำถามถึงภาวะเริ่มต้นของกำเนิดจักรวาลแล้ว นักฟิสิกส์ยังรอคอยหลักฐานที่เกิดจากอนุภาคชนกันเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีอีกหลายทฤษฎี อาทิ

ทฤษฎีสมมาตรยิ่งยวด (supersymmetry theory) ที่อธิบายว่าอนุภาคมูลฐานมีคู่ "ซูเปอร์พาร์ทเนอร์" (superpartner) หรือคู่ยิ่งยวดที่คาดว่ามีมวลมากกว่า เช่น อิเล็กตรอน (electron) มีคู่คือ ซีเล็กตรอน (selectron) ควาร์ก (quark) มีคู่คือ สควาร์ก (squark) เป็นต้น



Simulation models interactions between three black holes




เชื่อว่าคู่ยิ่งยวดเหล่านี้มีอยู่ในช่วงสั้นๆ หลังเกิดบิกแบง โดยเกิดขึ้นและสลายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากมวลที่มากทำให้ไม่เสถียร ซึ่งวิธีที่จะสร้างคู่ยิ่งยวดขึ้นมาต้องสร้างเงื่อนไขให้คล้ายหลังเกิดบิกแบ งในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยพลังงานมหาศาล


Black Holes, Neutron Stars, White Dwars, Space and Time



ทฤษฎีซูเปอร์สตริง (Superstring theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีที่พยายามอธิบายอนุภาคและแรงพื้นฐานในธรรมชาติด้วยทฤษฎีเดียว โดยจำลองให้อนุภาคและแรงพื้นฐานเหล่านั้นคือการสั่นของเส้นเชือกสมมาตรเล็กๆ (tiny supersymmetry string) โดยมีแบบจำลองอย่างในทฤษฎีนี้ที่ผลการทดลองของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี


The Elegant Universe - Einstein's Relativity




แบบจำลองที่สมมติว่าเอกภพมีมิติมากกว่า 4 มิติ (Large extra-dimensions theories) โดยเราสามารถรับรู้ได้ถึงมิติของความกว้าง ความยาว ความสูงและเวลา แต่มีทฤษฎีที่เสนอว่าเอกภพมีมิติที่มากกว่านี้และคาดว่าการทดลองของเซิร์นจะ เผยให้เห็นมิติพิเศษ (extra-dimension) เพิ่มเติมมากกว่า 4 มิติที่เรารับรู้ได้
"เฟอร์มิแล็บ" คู่แข่งหาอนุภาคพระเจ้า


The universe - How big are you?


ไม่ใช่แค่เซิร์นที่มุ่งมั่นหาอนุภาคพระเจ้า แต่เครื่องเร่งอนุภาคจากฟากสหรัฐฯ อย่าง "เทวาตรอน" (Tevatron) ของห้องปฏิบัติการเฟอร์มิแล็บ (Fermilab) ก็มีเป้าหมายที่จะค้นหาอนุภาคฮิกก์สเช่นเดียวกัน ซึ่งการแข่งขันของนักฟิสิกส์ 2 ทวีปเป็นไปอย่างดุเดือดแต่ก็ไม่ถึงขั้นฆ่าแกงกัน โดยสหรัฐและเฟอร์มิแล็บก็กุลีกุจอที่จะมีส่วนร่วมกับเซิร์นในฐานะ "ผู้สังเกตการณ์" (Observer) และได้สนับสนุนเครื่องมือทดลองทางวิทยาศาสตร์ชิ้นสำคัญๆด้วย



Black Hole at the core of Milky Way




อย่างไรก็ดีขณะที่เซิร์นกำลังจะตัดริบบิ้นเดินเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อหาอนุภาคพระเจ้าในเร็ววันนี้เทวาตรอนก็ใกล้จะปิดตัวลงในปี 2553 แล้ว

ปีเตอร์ ฮิกก์ส ซึ่งขณะนี้อยู่ในวัย 78 ปีแล้วกล่าวว่า บางทีเฟอร์มิแล็บอาจจะค้นพบอนุภาคฮิกก์สได้ก่อนห้องแล็บขนาดใหญ่อย่างเซิร์นก็เป็นได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่นั่น เพราะเป็นไปได้ว่าสัญญาณของฮิกก์สอาจปรากฏอยู่ในข้อมูลการทดลองของพวกเขา แต่ปริมาณของข้องมูลที่มากเกินทำให้ยังไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้



Effects of a Black Hole





ตามรายงานของนิตยสารเนชันแนลจีโอกราฟิก (National Geographic) ระบุว่าความยากของการตามหาอนุภาคฮิกก์ส คือการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดจากเศษซากเป็นฝอยกระจายไปทั่ว ขณะพลังงานจากอนุภาคแปรสภาพเป็นมวลซึ่งเกิดหลังจากโปรตอนชนกันแล้ว และเศษซากการสลายตัวของฮิกก์สจะปรากฏก็ต่อเมื่อข้อมูลมหาศาลระดับเพตะไบต์ (petabyte) หรือข้อมูลระดับล้านกิกะบิตถูกประมวลผลแล้ว อีกทั้งโอกาสเกิดฮิกกส์จากอนุภาคชนกันก็มีเพียงหนึ่งในหลายล้านล้านครั้ง เท่านั้น



LHC The Time Machine 1




อาจเกิด "หลุมดำ" แต่คงไม่กลืนโลก

อย่าง ไรก็ดีหลายคนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าการทดลองของเซิร์นอาจทำให้เกิดหลุมดำที่กลืน กินโลกทั้งใบได้ แต่ความกังวลนั้นในความเห็นของปีเตอร์ ฮิกก์ส ผู้ให้กำเนิดทฤษฎีอนุภาคฮิกก์สมองว่าเป็นความกลัวที่เกิดจากการสร้าง จินตนาการเกินจริงมากไป และระบุว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นจากทดลองนั้นจะไม่ขยายใหญ่จนดูดโลกทั้งใบได้



LHC The Time Machine 2




สำหรับนักฟิสิกส์แล้วความน่ากลัวคงไม่ใช่ประเด็นว่าเซิร์นจะระเบิดหรือไม่ แต่ความน่ากังวลที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่ "การชนกันครั้งไหน" จะเป็นเงื่อนไขก่อให้เกิดฮิกก์ส เพราะโอกาสการเกิดอนุภาคที่ทุกคนรอคอยมีเพียง "หนึ่งในล้านล้านครั้ง" เท่านั้น


CERN: The Bottle to Bang





FIRST LHC BEAM THROUGH CHECKPOINT 5





และ แม้จะเกิด "ฮิกก์ส" ขึ้นมาจริงๆ นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เพื่อแกะรอยข้อมูลมากมายมหาศาล ที่ไม่ใครทราบว่าภารกิจการงมเข็มในอภิมหาสมุทรจะจบสิ้นเมื่อไหร่

หรือที่สุดแล้ว...การลงทุนมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบเป็นเงินไทย ของมนุษยชาติเพื่อไขกำเนิดจักรวาล อาจจะลงท้ายที่ไม่พบอะไรเลย























 

Create Date : 11 กันยายน 2551
14 comments
Last Update : 11 กันยายน 2551 0:02:00 น.
Counter : 14843 Pageviews.

 

ข้อมูลเพียบเลยค่ะ เป็นความรู้ยิ่งนัก

 

โดย: patthanid 11 กันยายน 2551 0:27:41 น.  

 

ยังอ่านไม่หมดนะครับ แต่รู้สึกว่าการทดลองของพวกนี้บางอย่างดูน่าหวั่นใจยังไงไม่รู้

 

โดย: ShadowServant 11 กันยายน 2551 0:28:02 น.  

 

นัทพยายามทำความเข้าใจกับทฤษฎีที่ว่านี้นะคะลุง แต่ยอมรับว่ายากจริงๆเพราะนัทไม่ได้เรียนมาทางสายวิทย์ฯเลย ขอบคุณลุงที่รวบรวมมาให้อ่านด้วยค่ะ วันนี้ก็แอบตามข่าวในทีวีแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ( ก็มันไม่ใช่ภาษาไทยนี่เนอะ นี่ขนาดลุงเอาภาษาไทยมาให้อ่านยังงงๆอยู่เลย )

อืมมม ทำไมเค้าไม่ทำประชาพิจารณ์เนี่ย มีใครออกมาถามความเห็นของพลเมืองโลกมั่งมั้ยว่าพวกเธออยากรู้ความลับของจักรวาลรึเปล่า ? เอ...หรือว่าโลกใบนี้มันไม่ใช่ของพวกเราทุกๆคนเสียแล้ว ....

 

โดย: Picike 11 กันยายน 2551 2:11:23 น.  

 

ขอบคุณ ข้อมูล ครับ

 

โดย: OFFBASS 11 กันยายน 2551 4:00:43 น.  

 

ฝันดีค่ะฮันนี่ กลับมาแล้วค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 11 กันยายน 2551 4:17:09 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ อยากรู้ผลจัง

 

โดย: LittleBearJune IP: 58.9.207.220 11 กันยายน 2551 23:30:06 น.  

 

Thank you for a very useful info. Actually, my office just talked about this yesterday.

Little Wan

 

โดย: Little Wan IP: 12.155.111.36 12 กันยายน 2551 22:27:22 น.  

 

Try this web
//en.wikipedia.org/wiki/Superconducting_Super_Collider

 

โดย: toy IP: 198.137.214.36 12 กันยายน 2551 23:30:41 น.  

 

สวัสดีครับ--โครงการเซิร์น---เป็น--ของหลายประเทศรวมกัน--รวมประเทศไทย---เราด้วยใช่ไหมครับ------

 

โดย: มนตรา--ตรีเมฆ--หมู--นนทบุรี IP: 192.168.5.119, 58.8.230.87 19 มีนาคม 2554 16:13:18 น.  

 

ภูมิใจที่--ประเทศไทย--เป็นหุ้นส่วน--โครงการเซิร์น---กับหลายประเทศ

 

โดย: มนตรา--ตรีเมฆ--หมู--นนทบุรี IP: 192.168.5.119, 58.8.230.87 19 มีนาคม 2554 16:15:41 น.  

 

เซิร์น ฅือการที่ฝรั่งอันมิได้เรียนรู้พุทธศาสนา พยายามหาฅำตอบในแบบที่ "วัดได้" แลจักให้เห็นภาพชัด มากกว่าฅำตอบไปในแนวทางนามธฺรรม

โดย ธฺรรม อันซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพทธเจ้าได้ฅ้นพบมาก่อนแล้วนั้น.. ศาสตร์ทางตะวันตก..เฃาไม่มีเฅรื่องมือมาอธิบาย..

จึงจำต้องว่ายน้ำในอ่าง, งมมืดในสว่าง, ล้างสมองตัวเองด้วยสูตร, ตัวเลฃ และกับฅำหรู ฅือ "ทฤษฎี" ฯลฯ

และนี่ก็เปนเหตุให้เราชาวไทย ผู้ใฝ่ในธฺรรมอยู่เดิมเอง หลงไปกับชาวตะวันตก.. ไปโอ้โฮ อื้อฮือ.. ตามเฃา.. อยากจะศิวิไลซ์ หยากสิพัฒนาแบบเฃา หยากสิมีแบบเฃา เพราะเฃามีศาสตราอาวุธ มีกฏหมายสนธิสัญญาบ้าบอ เพราะเฃาฃาวกว่า ก็เลยเห็นว่าดีกว่า .. ลืมฅำสอนฃองบรรพบุรุษสยามไปสิ้น

 

โดย: ฃองเรามีอยู่แล้ว เท่าทันฝรั่ง IP: 101.51.117.111 13 พฤษภาคม 2556 9:51:12 น.  

 

วิจัยอาวุูธชัด ๆ ยังมาบอกว่า หาต้นกำเนิดของจักรวาล พยายามหาอาวุธที่ร้ายแรงกว่าอาวุธนิวเคลียร์ แล้วหลอกชาวโลก ทฤษฎีกำเนิดจักรวาลด้วยการระเบิดเป็นทฤษฎีที่ไม่น่าจะเป็นไปได้จริง ถ้ามันระเบิดจริง จักรวาลอื่นก็วุ่นวาย เดี๋ยวระเบิดแล้วกระเด็นไปชนอีกจักรวาลหนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไป แทนที่จะค่อย ๆ เกิด ไม่มีการระเบิดไม่ดีกว่าหรือ จุดไฟ(ดวงอาทิตย์) ไม่ต้องใช้ระเบิดหรอก เพียงแค่มีเชื้อไฟกับความร้อนคือไฟเท่านั้นก็พอ กำเนิดจักรวาลก็เหมือนกัน เพียงแค่มีเชื้อกับความเหมาะสมก็พอ

 

โดย: แมวดำ IP: 27.55.17.245 15 พฤษภาคม 2558 16:33:07 น.  

 

ผลสรุปสำเร็จหรือว่าล้มเหลวครับ คงไม่เกิดเอเลี่ยนขึ้นมานะ

 

โดย: นิพนธ์รัตน์ IP: 1.20.16.40 21 กรกฎาคม 2558 18:34:54 น.  

 

It's genuinely very complicated in this full of activity life to listen news on Television, therefore I only use web for that purpose, and obtain the most up-to-date news.
nike air max 95 camo //shop.ellepharma.it/?it-nike-air-max-95-camo-17459.html

 

โดย: nike air max 95 camo IP: 192.99.14.36 15 ตุลาคม 2558 12:49:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.