E-Procurement พร้อมตัวอย่าง (งานเดี่ยว) E-PROCUREMENT คืออะไร
ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (E-Procurement)
คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการให้บริการที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เช่น การตกลงราคา การสอบราคา การประกวดราคา และการจัดซื้อรวมแบบออนไลน์ รวมถึงการลงทะเบียนบริษัทผู้ค้า การทำ E-Catalog และการทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อที่เป็น Web Based Application เพื่อทำให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ใช้ระยะเวลาจัดหาพัสดุน้อยลง และได้พัสดุที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม รวมทั้งเพิ่มความโปร่งใสของกระบวนการจัดหาและสามารถติดตามตรวจสอบกระบวนการทำงานได้
ขั้นตอนของระบบ E-Procurement
1. ค้นหาสินค้า/บริการที่จะซื้อผ่าน E-Catalog
2. เลือกหมวดสินค้าที่ต้องการจะซื้อผ่าน E-Shopping List
3. จัดประกาศเชิญชวนผ่าน Web-Site
4. ผู้ขายเสนอคุณสมบัติของสินค้าทางอินเตอร์เน็ต (E-RFP)
5. ผู้ซื้อตรวจสอบราคากลาง (E-RFQ) และ Track Record ของผู้ขาย
6. ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction)
7. ประกาศผล ผู้ชนะและส่งมอบ/ตรวจรับพัสดุ
8. จ่ายเงินตรงด้วยระบบ E-Payment
องค์ประกอบของระบบ E-Procurement
1. ระบบ E-Catalog เป็นมาตรฐานระบบ Catalog ที่รวบรวมรายละเอียดของสินค้าและบริการ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ค้า/ผู้รับจ้าง (Suppliers) ที่มีคุณสมบัติในการทำธุรกรรมสามารถเข้ามาทำการแจ้งและปรับปรุงรายการสินค้า/บริการของตนเองได้
2. ระบบ e-RFP (Request for Proposal)/ e-RFQ (Request for Quotation) เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์โดยวิธีสอบราคาหรือวิธีตกลงราคา
3. ระบบ e-Auction แบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่
3.1 Reverse Auction เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้านการประมูลซื้อให้ได้ราคาต่ำสุด
3.2 Forward Auction เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้านการประมูลขาย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับการจำหน่ายพัสดุที่หมดความจำเป็นของหน่วยงานภาครัฐโดยวิธีขายทอดตลาด ซึ่งเป็นการประมูลขายแบบผู้ชนะ คือ ผู้ที่เสนอราคาสูงสุด
ตัวอย่าง
Module M3.1: | ระบบการจัดทำเอกสารขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้าง (Purchasing Approval Request Documenting System) |
ระบบการจัดทำเอกสารขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้าง (Purchasing Approval Request Documenting System) เป็นระบบที่ออกแบบให้สามารถจัดทำใบขอซื้อ (PR: Purchase Request) และ ใบสั่งซื้อ/สั่งจ้าง (PO: Purchase Request) แบบอิสระ หรือ ทำงานต่อเนื่องจากการขอใช้เงินงบประมาณจากระบบงบประมาณก็ได้ ซึ่งระบบสามารถสร้างใบขอซื้อ(PR) พร้อมใบสั่งซื้อ/สั่งจ้าง (PO) และใบตรวจรับ ให้โดยอัตโนมัติ โดยมีการโอนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับรายการที่ขอซื้อเข้ามาสู่แบบฟอร์มต่างๆ ให้โดยอัตโนมัติ โดยเชื่อมโยงกับระบบทะเบียนวัสดุ หรือ ทะเบียนครุภัณฑ์/ทรัพย์สินโดยตรง ทำให้ผู้ดำเนินการและผู้อนุมัติรับทราบข้อมูลล่าสุดได้เลยว่า รายการที่จะสั่งซื้อนั้นมีราคาการซื้อครั้งสุดท้าย หรือ ราคากลางเท่าใด หรือ มีของในคลังเหลืออยู่เท่าใด นอกจากนี้การจัดซื้อ-จัดจ้างเหล่านี้ ยังมีให้เลือกวิธีการจัดซื้อ-จัดจ้างได้หลายรูปแบบที่รองรับการใช้งานได้ทั้งกระบวนงานของภาครัฐและเอกชน โดยแต่ละองค์กรสามารถใส่กฎระเบียบในการจัดซื้อ-จัดจ้างของตนเองเข้าไปได้ รวมทั้งยังสามารถกำหนดให้จัดทำใบขอซื้อ/ใบสั่งซื้อได้เองโดยอัตโนมัติในการกำหนดให้มีการตรวจสอบจุด "การสั่งซื้อใหม่" (Reorder Point) ไว้ในระบบคลังสินค้า/วัตถุดิบ คุณลักษณะเด่นของระบบมีดังนี้ |
|
<><><> /> />> | สามารถจัดสร้างเอกสารขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้างโดยรับข้อมูลจากแบบฟอร์มการขอใช้งบประมาณที่ได้รับอนุมัติ ของระบบงบ ประมาณ(ในกรณีติดตั้งระบบงบประมาณ) หรือสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มเพื่อสร้างเอกสารขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้างโดยตรง |
| ภายใต้ระบบนี้ เจ้าหน้าที่พัสดุสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ-จัดจ้างตามระเบียบการการจัดซื้อ-จัดจ้างแต่ละประเภทและข้อมูลการขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้างที่ผ่านการอนุมัติแล้วจะถูกถ่ายโอนข้อมูลเข้าสู่ระบบจัดซื้อ/จัดจ้างที่สามารถเลือกวิธีการจัดซื้อ/จัดจ้างได้ เช่น วิธีตกลงราคา สอบราคา วิธีพิเศษ หรือ อื่นๆ ได้ตามระเบียบงานพัสดุขององค์กรกรณีเป็นการซื้อวัสดุและ/หรือครุภัณฑ์ จักสามารถเลือกรายการวัสดุและ/หรือครุภัณฑ์จากฐานข้อมูลพัสดุเพื่อนำมาบรรจุในรายการจัดซื้อ/จัดจ้างได้โดยตรง โดยจะแสดงข้อมูลรายละเอียดเพื่อให้ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจอนุมัติได้ เช่น ราคากลาง หรือ ราคาจัดซื้อครั้งสุดท้าย |
| ระบบสามารถแยกเอกสารในการขออนุมัติจัดซื้อ/จัดจ้างนี้ เพื่อให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเท่านั้นสามารถดูหรือดำเนินการได้ |
|
ตัวอย่างหน้าจอ ระบบการจัดทำเอกสารขออนุมัติจัดซื้อ-จัดจ้าง | |
ภาพแสดงหน้าจอแบบฟอร์มการจัดทำใบขอซื้อ