|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสียงกระซิบผ่านสายลม
สิ่งที่มองเห็น สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้น และรู้สึกดีที่ตัวฉันเป็น สิ่งนั้นคือได้พบเธอ
ช่วงบ่ายแก่ๆ ตะวันกำลังจะหย่อนคะคล้อยจรดลงที่ปลายขอบฟ้า ส่งแสงแดดพอเป็นประกายสีส้มพร้อมสายลมที่โบกพัดพลิ้ว เฉกคำเชื้อเชิญให้ลืมจังหวะรีบเร่ง แล้วหาที่นั่งพักคลายอารมณ์สักชั่วครู่ และหากได้ที่นั่งเป็นใต้ร่มของต้นไม้ คงพอจะทำให้ลืมความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่เคี่ยวกรำได้บ้าง
แต่ผมก็ไม่ได้นั่งลง ณ.ม้านั่งใต้ร่มไม้ในสวนสาธารณะแห่งนี้ ด้วยคำเชื้อเชิญของสายลม และแสงแดดยามบ่าย
หากเป็นด้วยเสียงสูงเสียดอารมณ์เหมือนฉุดดึงให้ใจไหวหวั่น แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงต่ำเกลื่อนอารมณ์ให้สงบลง พลันกลายกลับเป็นเสียงสูงอีกครั้งเพื่อกระชากความรู้สึกให้พลุ่งพล่านขึ้นมา
เสียงนั้นเป็นเสียงจากไวโอลิน โดยมือน้อยๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ด้วยรูปร่างส่วนสูงตัวเล็ก ผมจึงเข้าใจว่าคงเป็นเด็กผู้หญิงมาซ้อมสีไวโอลิน
กระทั่งผมพิจารณาถึงเครื่องแต่งกาย ผมจึงคิดว่าเธอน่าจะเป็นหญิงสาวมากกว่า ก็จากที่ผมสังเกต เด็กผู้หญิงโดยมากยังคงชอบใส่เสื้อผ้าสีสด หรือไม่ก็ออกโทนสีหวานละม้ายคล้ายกับสีของเปลือกห่อลูกกวาดเสียมากกว่า
ซึ่งต่างจากเธอคนนี้ เธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวคอดเข้ารูปบริเวณเอว ชายเสื้อปล่อยยาวระดับสะโพก ส่วนกางเกงเป็นยีนส์ขาม้าสีฟ้าซีดเหมือนท้องฟ้ายามเช้าตรู่ของฤดูหนาว ขาเกงเกงยาวคลุมรองเท้าหนังคัทชูสีดำซึ่งห่อหุ้มเท้าเล็กของเธอไว้
ครั้นเสียงต่ำของโน้ตเขบ็ดสุดท้ายจากสายไวโอลินสิ้นสุดลง เธอหลับตา ผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา เหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง
เพียงครู่เดียว เธอก็ละจากท่าทางสงบนิ่ง มือขวาที่จับคันชักบรรจงลากขึ้นลงเป็นจังหวะ มืออีกข้างที่ประคอง fingerboardก็พยายามกดสายไวโอลินสลับเปลี่ยนไปมาทั้งสี่เส้น เพื่อให้เกิดเสียงที่แตกต่างยามเมื่อเสียดสีกับคันชัก
เธอกำลังเริ่มต้นบรรเลงเพลงใหม่ เพลงนี้ ผมรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ไม่ได้ใช้เสียงสูงจนเสียดอารมณ์เหมือนเพลงแรกที่ได้ยิน มันให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายๆเสียมากกว่า
เพลงนี้คุ้นหู ผมเคยได้ยินหลายครั้งนะ
ใช่แล้วล่ะนึกออกแล้ว!! เพลง how deep is your love ของ Bee gees ผมชอบเพลงนี้มากจนอดไม่ได้ที่จะร้องเพลงคลอไปกับเสียงไวโอลินของเธอ
.................. And the moment that you wander far from me, I wanna feel you in my arms again, and you come to me on the summer breeze, ...................
นี่คงเป็นราวๆครั้งที่สิบแล้วมั้งที่ผมมานั่งฟังเธอสีไวโอลิน ครั้งแรกที่ได้ฟังก็แค่รู้สึกว่าเธอสีไวโอลินได้ไพเราะดี และถ้าพบว่าเธอยังมาซ้อมที่นี่อีก ก็พร้อมจะนั่งฟัง
เมื่อฟังอีกหลายครั้งเข้า ผมก็สะดุดกับสีหน้าอารมณ์ของเธอที่แสดงออกมา อย่างแรก รอยยิ้ม ยามที่เธอเล่นเพลงแนวสดใสหรือดูอบอุ่น รอยยิ้มน้อยๆจะปรากฏที่ใบหน้าและดวงตา ในความทรงจำของผมรอยยิ้มของเธอช่างดูคล้ายกับพระแม่มาเรียในภาพวาดของดาวินชี่ เป็นรอยยิ้มที่งดงามและตราตรึง อย่างที่สอง ความเศร้า เพลงที่โศกหดหู่ ใบหน้าของเธอดูเรียบเฉยราวกับรูปหล่อโลหะ ทว่าเหมือนกับมีหยดน้ำปริ่มที่ขอบตา และบางคราก็เอ่อล้น จนรินผาดผ่านที่ข้างแก้ม
อารมณ์เพลงเป็นเช่นไร อารมณ์ของเธอก็เปิดเผยออกมาอย่างซื่อตรง ซื่อตรงจนผมคิดว่า มันไม่ใช่การเสแสร้ง ผมรู้สึกว่าอารมณ์ที่เธอมีให้ต่อบทเพลงและเผยออกมา มันดูน่ารักและหายากในยุคหน้ากากฉาบเคลือบบนใบหน้า อืมม น่ารักจนผมอยากกอดเธอสักครั้ง ทว่า เฮ้อ น่าเสียดายครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมมานั่งฟังเพลงของเธอ เพราะผมกำลังจะต้องออกเดินทาง ไปกับหนทางที่แสนไกลและคงไม่ได้พบเธออีก
แต่มันคงจะดีกว่า ถ้าผมทำอะไรสักอย่างเพื่อบอกกับเธอ
ดอกไม้! หาดอกไม้ให้เธอสักหน่อย อย่างน้อยเธอคงรู้สึกดีกว่าจะบอกเพียงลำพังด้วยปากเปล่า ผมเกือบจะจนใจ เนื่องว่าไม่มีดอกไม้ติดมือมาด้วย หากปัญหาก็คลี่คลายทันทีที่ผมเห็นกาสะลองผลิดอกสีขาวสะพรั่งเต็มต้น ดอกกาสะลองก้านยาวสีขาว กลิ่นหอมเย็นก็ดูเหมาะกับเธอดีเหมือนกัน " ใกล้เวลาจะต้องไปแล้วนะ "คนที่มาตามผม เดินมาบอกย้ำเตือนถึงการเดินทาง " ขอเวลาสักเดี๋ยวนะ คิดว่าคงไม่ทำให้ช้าเท่าไหร่ "ผมตอบเชิงขอร้อง และเขาพยักหน้ารับรู้
ฉับพลันดั่งลมว่าวคิมหันต์เดือนเมษายน พัดสะบัดแทรกเข้าไปกับสายลมเฉื่อยยามเย็น กรรโชกใส่เสียจนผมของเธอปลิวไสวหนังสือที่เธอวางไว้ข้างๆก็ถูกสายลมสัมผัสตีต้อง จนหน้าแต่ละหน้าตีกระทบกันดังระรัวเผาะแผะ เธอหยุดสีไวโอลินชั่วครู่ ด้วยพะวงเกรงว่าสายลมจะหยิบพาเอาหนังสือของเธอให้ปลิวไปไกล เธอนั่งลงรีบวางไวโอลินไว้ในกล่องสำหรับเก็บแล้วรีบจัดวางหนังสือเสียใหม่ให้สันหนังสืออยู่ในทิศขวางลมแทน
ส่วนตัวผมก้าวเดินไปช้าช้าทางด้านหลังเธอ ขณะที่เธอสาละวนจัดหนังสืออยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้จนแทบแนบชิด ยกวงแขนขึ้นมากระหวัดกอดรอบตัวเธอ จมูกของผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆระรินจากนวลเนื้อและไรผม " เอ๊ะ "เธออุทาน คงเป็นเพราะแปลกใจที่เห็นสายลมพัดหมุนวนรอบตัวเธอ และเหมือนได้ยินเสียงกระซิบเพียงแผ่ว ออกมาจากสายลมนั้น
จากนั้นสายลมก็พัดเด็ดดอกกาสะลองที่อยู่บนต้น ให้ร่วงพรูลงมา จนกระจายตกอยู่เต็มพื้น ฉับพลันสายลมโหมชะงักหายสลายไป เธอมองไปตามยอดไม้ที่ไกวเบาเบาจากสายลมอ่อนอย่างประหลาดใจ จู่ๆก็มีลมแรงพัดมาแล้วก็หายไปคล้ายกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่มีลมแรงพัดผ่าน เมื่อดูที่ใต้ต้นไม้อื่นก็ไม่เห็นมีใบไม้แห้ง หรือดอกไม้ร่วงหล่นตามโคนต้น จะมีเพียงก็แต่ใต้ต้นกาสะลองที่เธอยืนอยู่มีดอกของมันร่วงพราวอยู่เต็มพื้น
" จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ ถึงจะบังเอิญก็ไม่เห็นเป็นอะไรไ ม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสักหน่อย " เธอคิดในใจ " มีเพีงแค่ผมยุ่งนิดหน่อยตอนที่ลมพัดแรงจัดให้เข้าทรงก็เรียบร้อยแล้ว " เธอจึงจับเส้นผมรวบเข้าด้วยกัน แล้วมือก็สะดุดบางอย่างซึ่งแซมเสียบอยู่ระหว่างเส้นผม
ดอกกาสะลองนั่นเอง เธอดึงมันออกมาช้าช้าผะแผ่วเหมือนกลัวว่ามันจะช้ำ และยิ้มอย่างพอใจกับกลิ่นของมัน
ผมหันกลับไปมองเธอครั้งสุดท้าย อย่างน้อยถึงเธอจะไม่เห็นตัวตนของผม แต่ผมก้ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ และรอยยิ้มนี้คงจะตรึงใจของผมอีกนาน ระหว่างการเดินทาง..........................การเดินทางไปสู่โลกหน้า
Create Date : 01 ธันวาคม 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 21:52:39 น. |
Counter : 1813 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: เจี๊ยบ IP: 144.92.35.38 5 ธันวาคม 2551 2:47:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซาลาเปาผสมเอเเค IP: 90.149.104.26 30 ธันวาคม 2551 7:43:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: :) ท้องฟ้าฯ IP: 90.149.104.26 2 กุมภาพันธ์ 2552 1:57:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: skysea IP: 90.149.104.26 2 เมษายน 2552 17:44:27 น. |
|
|
|
| |
|
|
อยากไปยืนอยู่ใต้ตนบีบ
ดื่มด่ำกลิ่นหอมของดอกกาสะลอง
^_______^