กุหลาบริมทาง :: บทที่7



แค่คนละก้าว





ภาพถ่ายมากมายถูกวางสยายไว้บนเตียงเต็มไปหมดจนแทบไม่มีที่จะนั่ง ยังไม่รวมไปถึงบางส่วนที่วางกระจัดกระจายบนโต๊ะเครื่องแป้งตัวใหญ่ในห้องส่วนตัวของเธอ ห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวตึกใหญ่สีเขียวทั้งหลังแถบชานเมือง บนพื้นที่กว้างขวางที่บริเวณบ้านมีต้นไม้ยืนต้นสองสามต้น ส่วนพื้นที่ของพื้นเขียวขจีราวกับปูด้วยพรมเนื้อละเอียด


"บ้าน"..ที่เป็นที่พักอาศัยอยู่รวมกันของคนในครอบครัวสี่คนมานานหลายปีดีดัก อรอรีลูกสาวคนโตของบ้าน ซึ่งไม่ได้อยู่ประจำที่นี่ตั้งแต่วันรุ่น ก็เข้าๆออกๆมาพักบ้างเป็นครั้งคราว ไม่นานหลังจากนั้นลอออินทร์ลูกสาวคนเล็กก็ย้ายออกไปบ้าง เหลือเพียงหลานสาวกับคุณยายอนงค์ผู้เป็นดังประมุข ประมุขของอาณาจักรเล็กๆ บ้านสีเขียวในขอบรั้วที่มีความอบอุ่นแทรกซอนอยู่ในความเงียบเหงา


จนเมื่อไม่กี่ปีหลัง..คุณอนงค์เสียจากไป บ้านขนาดใหญ่พอเหมาะกับผู้พักอาศัยสี่คน ก็ยิ่งใหญ่และเวิ้งว้างเกินไปเสียด้วยเมื่อเหลือเพียงปานวตาคนเดียว..และแม่บ้านอีกคนที่ถูกจ้างมาคอยทำความสะอาดก็มิได้อยู่ประจำ แต่ก็ไม่อยู่ไกลกันนัก แค่ถัดจากบ้านหลังนี้ไปเพียงสองสามหลังเท่านั้นเอง


เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยมิได้เคาะหน้าห้องเพื่อขออนุญาติหรือบอกกล่าวตามมารยาทก่อนเข้ามา ก็ทำให้คนที่กำลังขมักเขม้นเลือกรูปอยู่นั้นเหลือบตาขึ้นมอง ทั้งๆที่คิดว่ารู้อยู่แล้วว่าคนก้าวเข้ามานั่นเป็นใคร


"มีอะไรกับปอยหรือคะ" น้ำเสียงที่ถามออกไปนั้น ไม่ได้คิดปิดบังความเย็นชาเลยซักนิด สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินปลายเสียงสะบัดๆนั้น กลับเหลือบตามองภาพถ่ายมากมายที่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด

"ทำอะไรอยู่หรือ"

"ทำงานค่ะ" คำตอบกำปั้นทุบดินนั้น ทำให้คนถามถอนหายใจเบาๆ

"เลิกเสียทีได้ไหม ท่าทีปั้นปึงแบบนี้ เมื่อไหร่แกจะโตเสียทีฮึ..ปอย"

โตหรือ เธอโตมานานแล้ว โตมานานเกินความจะสนใจน้ำเสียงที่แสร้งว่าห่วงใยแต่แฝงไว้ด้วยวี่แววของความละเหี่ยใจเช่นนี้ ปานวตาคิด แล้วก้มหน้าเลือกรูปในมือต่อไป ถูกใจก็ไว้กองหนึ่ง ไม่ถูกใจก็วางไว้อีกกองหนึ่ง ถามตัดบท

"แม่มีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ ปอยจะได้ทำงานต่อ"


แม้บอกว่าจะได้ทำงานต่อ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ทำงานค้างอยู่ มิได้ทีท่าตั้งใจจะรับฟังแต่อย่างใด กลับก้มหน้าก้มตาวุ่นวายกับภาพถ่ายในมือต่อไปไม่หยุด อรอรีจึงก้าวไปนั่งที่โซฟาตัวหนึ่งที่มุมห้อง

นี่ใช่ไหม..โทษฐานของการละเลยและใส่ใจลูกสาวน้อยกว่าที่ควรเป็น สิ่งที่ได้รับกับมา จึงเป็นความห่างเหิน ระยะความสัมพันธ์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนขีดเส้นกั้นไว้ มาวันนี้วันที่เธออยากจะก้าวข้ามผ่านมันไป เส้นกั้นเล็กๆเส้นนั้นกลับดูกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน แล้วยิ่งเมื่อหัวใจของคนฝั่งตรงข้าม จงใจปิดทางให้เธอ เธอควรจะทำเช่นไรดี


เมื่อความอ่อนเข้าไม่ถึง ข้ามไปไม่ได้ อรอรีก็จะขอลองใช้ไม้แข็งและความตรงไปตรงมาดูบ้าง

"ปอย ฉันได้ข่าวว่าเลิกแกกับนายทัชแล้วหรือ" คำถามนั้นทำให้ปานวตาเงยหน้าขึ้นมองยิ้มๆ

"ข่าวช้าจังนะคะ ปกติคุณอรอรีเคยเร็วกว่านี้นี่ หรือว่าความชราที่กำลังมาเยือนทำให้หูตาฟ่าฟางไป" กระแนะกระแหนไปนิด จึงตอบคำถาม

"เลิกแล้วค่ะแม่ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ปอยเป็นคนทิ้งเขาเองค่ะ รับรองว่าปอยไม่ยอมให้เสียชื่อลูกสาวคุณอรอรีแน่ เป็นลูกสาวแม่ม่ายผู้ทรงเสน่ห์ของเมืองใต้ทั้งที จะโดนเขี่ยทิ้งให้ขายหน้าชาวบ้านชาวช่องได้ยังไง" มองตาผู้เป็นมารดา "จริงไหมคะแม่?"


ละเว้นความจริงที่ว่า..ที่เธอต้องรีบบอกตัดความสัมพันธ์กับคู่รักคนล่าสุดที่ยาวนาน จนถึงขึ้นมีแผนว่าจะแต่งงานกันนั้น เป็นเพราะว่าเธอจับได้ ว่าเขามีใครอีกคนซ่อนอยู่ ยอมรับจากใจก็ได้ ว่าเธออายเกินกว่าจะกล้าบอกใคร ว่าผู้หญิงอย่างเธอมีดีไม่พอ ที่จะฉุดรั้งหัวใจของใครไว้ ไม่ว่าใครกี่คนที่ผ่านเข้ามา สุดท้ายก็เลยผ่านไป..


ไม่เลย เธอไม่เคยมีค่าเพียงพอสำหรับใครเลย


แม้แต่คนคนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้า คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุพการี ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ต้องการเธอซักนิด ผู้หญิงคนนี้ทอดทิ้งให้เธอเผชิญกับความว่างเปล่าและคำถามมากมายเป็นเวลาสิบกว่าปี กับอีกแค่ไม่นานนี้ที่ผู้หญิงที่เป็นแม่กำลังจะก้าวล้ำเส้น เข้ามาทวงสิทธิ์การเป็นผู้ให้กำเนิด คิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นหรือ?


"เรื่องเก่าๆ ฉันจะไม่พูดถึง แม้บางเรื่องที่แกทำฉันจะไม่ชอบใจไปบ้างก็ตาม แต่ที่มาวันนี้มีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอก" น้ำเสียงที่เริ่มจริงจังขึ้น ทำให้ปานวตาชะงักมือไปชั่วขณะ ก่อนที่หยิบภาพใบหนึ่งขึ้นมาส่องกับแสงไฟราวกับว่ามีบางอย่างน่าสนใจซ่อนอยู่ในนั้นเสียเต็มประดา น่าสนใจเกินกว่าธุระสำคัญของมารดา


"ว่าไปสิคะ..คุณแม่" คำว่าคุณแม่ดูเหมือนจะถูกทอดเสียงยาวเกินกว่าความจำเป็น

แต่ถึงแม้กริยานั้นจะขัดตาอรอรีไปบ้าง แต่เธอก็จะพยายามมองข้ามมันไป "ฉันอยากจะให้แกเข้าไปทำงานที่บังกะโลของเรา..เพราะ.."


ยังเอ่ยไม่ทันจบ คนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กก็สวนทันควัน "อย่าพูดว่าของเราค่ะแม่ ของแม่คนเดียว เพราะปอยบอกแล้ว ว่าปอยไม่เคยต้องการ ปอยไม่ต้องการรับช่วงต่อจากแม่ ปอยอยากทำงานที่ปอยรัก อย่ามาขอร้องให้ยากเลยค่ะ ปอยเคยบอกคุณยายไว้อย่างไร ปอยก็ยืนยันอย่างนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนใจ"


"ฉันไม่ได้มาขอร้องแกนะปอย แต่ฉันมาที่นี่เพื่อสั่ง ว่าแกจะต้องไปทำงานที่นั่น ไปดูแลที่นั่น" เสียงแข็งๆของคนที่เคยอ่อนหวานเปี่ยมเสน่ห์ทุกเวลา ยังไม่ทำให้ไฟดวงเล็กๆที่ถูกก่อตัวมายาวนานนับสิบปี กระพือขึ้นเท่ากับคำสั่งนั้น ปานวตาถึงกับนั่งไม่ติด ลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายความร้อนรุ่มในใจ ไม่วายหันกลับมามองผู้หญิงที่นั่งคอแข็งอยู่ที่โซฟา


"เกิดอะไรขึ้นคะแม่ ร้อนวันพันปีไม่เคยเป็นอย่างนี้ ปอยไม่อยากได้ค่ะ ปอยไม่ต้องการ" คำปฏิเสธนั้นทำให้อรอรีหงุดหงิด

"เลิกลงโทษฉันด้วยท่าทีอย่างนั้นเสียที ฉันรู้ว่าฉันผิดที่ทอดทิ้งใส่ใจแกน้อยกว่าจะควรจะเป็น แต่แกเข้าใจไหม ว่าตอนนั้นฉันยังเด็ก ฉันเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น เด็กสาวที่ผิดพลาดในชีวิต และพยายามที่จะแก้ไขและผลักดันตัวเองให้สูงขึ้น สูงขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพื่อไม่ให้คนรอบข้างดูถูกดูแคลน"


"นั่นเป็นข้อแก้ตัวของคุณอรอรีหรือคะ" น้ำเสียงเย้ยหยัน " ถ้าตอนนั้นแม่ยังเด็กตอนนี้ปอยก็ยังเด็ก เพราะปอยยังไม่พร้อมจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น ปอยไม่ได้อยากโกรธแม่เลย ปอยไม่อยากเกลียดแม่ซักนิด แต่ทุกครั้งที่ปอยเห็นหน้าแม่ ปอยปวดใจ เวลาที่แม่เฉยชาอย่างที่แม่เคยเป็น ปอยชินชาและรับมือกับมันได้ แต่เดี๋ยวนี้ทุกครั้งที่ปอยเห็นแม่พยายามเข้าหาปอย พยายามจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตปอย ปอยทำตัวไม่ถูก ขอร้องนะคะอย่าบังคับกันเลย ปอยยังไม่พร้อมจะรับฟังอะไรทั้งนั้น"


"ฉันรอไม่ได้อีกแล้ว ฉันต้องการให้แกเข้าไปทำงานที่นั่นอย่างเต็มตัว ไม่ว่าแกจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ที่ผ่านมาฉันรู้ว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่สมบูรณ์แบบ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง ทุกครั้งที่ฉันเดินเข้าหาแกหนึ่งก้าว แกก็ต้องถอยห่างออกไปสองก้าวทุกที" แว่วปลายเสียงของอรอรีสั่นเครือ


ปานวตาคิดว่าคงเป็นตัวหญิงสาวเองมากกว่าที่หู่แว่วไป ไม่มีทางหรอกที่เธอจะมีความสำคัญแก่ผู้เป็นมารดาขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นใจที่อยากแข็งขัน ตะบี้ตะแบงให้สุดทางก็อ่อนวูบลง..แต่แค่นิดหน่อยเท่านั้นนะ หญิงสาวคิด


"ทำไมเราไม่เป็นอย่างเดิมเหมือนที่เคยเป็นคะแม่ แม่ก็อยู่ในส่วนของแม่ ปอยก็อยู่ในส่วนของปอย เราอยู่กันห่างๆ เฝ้ามองกันและกันเหมือนเดิม เพราะทุกครั้งที่แม่เริ่มก้าวเข้ามาแค่เพียงหนึ่งก้าวแม้เป็นเพียงก้าวเล็กๆ..แต่มันทำให้ปอยอึดอัดเหลือเกิน"


น้ำเสียงวิงวอนที่อ่อนลงของปานวตาทำให้อรอรีใจชื้นขึ้น แต่ก็ยังยื่นคำขาดอยู่ดี "ทุกครั้งอาจจะมีใครซักคนต้องยอมลงให้แก แต่ครั้งนี้ไม่ แกอาจจะมีเหตุผลอะไรมากมายที่จะไม่ต้องการมัน แต่ฉันก็มีเหตุผลของฉัน และถ้าแกยังดื้อด้านไม่รับสิ่งเป็นสมบัติอันชอบธรรมที่แกควรจะได้อยู่ละก็ ฉันก็จะยกมันให้คนอื่น ดูสิ..ว่าแกจะทนได้ไหม"


เมื่อทิ้งระเบิดตูมเล็กๆไว้ในหัวใจลูกสาวหัวดื้อแล้ว อรอรีก็พาร่างเล็กๆที่สง่าผ่าเผยเดินออกไปจากห้องทันที แม้รู้ว่าอาจจะไม่ได้ผลนัก แต่อย่างน้อยก็คงสะกิดไปถูกต่อมบ้างแหล่ะ ต่อมของความดื้อด้านที่แฝงตัวอยู่ ต่อมของความหวงแหนสิ่งที่เป็นของตัวเอง และต่อมอะไรอีกล่ะ ต่อมอิจฉาเล็กๆในใจที่มีอยู่ แม้ในความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ก็คือ


แม้ปานวตาไม่ต้องการให้ผู้เป็นมารดาเข้าไปใกล้ ไปแสดงความรักต่อเธอ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้อรอรีรักใคร เห็นใครมีความสำคัญมากกว่าเธอ เหมือนอย่างที่เพชระเล่าให้เธอฟังเมื่อเช้านี้ เขาเรียกลูกสาวของเธอว่าอะไรนะ


..เด็กสาวขี้อิจฉางั้นเหรอ..



* * * * * * * * * * *




"ฉันก็จะยกมันให้คนอื่น ดูสิ..ว่าแกจะทนได้ไหม"


แม้ว่าอรอรีจะจากไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าบางประโยคยังคงค้างคาอยู่ในหูของหญิงสาว ปานวตาหงุดหงิด นั่งมองภาพถ่ายมากมายที่เกลื่อนห้อง ไม่มีสมาธิจะเลือกภาพอย่างที่ต้องการได้..คนอื่นเหรอ..แม่ของเธอจะบ้าไปหรือเปล่า อย่าบอกนะ ว่าคนอื่นที่หมายถึงก็คือผู้ชายคนนั้น นึกถึงคำพูดนั้นยิ่งหงุดหงิด แต่ยิ่งนึกถึง คนอื่นคนนั้น ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเป็นสองเท่า วันก่อนนั้นกับการเจอกันที่เธอเริ่มเลือนลางไปบ้างแล้ว ความทรงจำย้อนกลับมาอีกระลอกใหญ่


วันนั้นจะวันไหนล่ะ ก็วันที่แวะไปที่อรอรีสปาร์แอนด์ซาวน์น่าน่ะสิ วันนั้นหญิงสาวขนเสื้อผ้าไปมากมาย เพื่อเอาไปให้เด็กจุ๋มหลานแม่ครัวที่นั่น เลยถือโอกาสไปดูหน้าของนายคนที่คนเขาพูดกันให้แซดว่าเป็นแฟนใหม่ของแม่เธอเสียหน่อย


ความจริงแล้วก็ไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะอรอรีนั้นเป็นคนสวย หน้าตาดี มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพัวพันตามจีบเป็นว่าเล่น แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนมีหน้ามีตา มีฐานะ และอายุพอเหมาะสมได้ไม่อายใคร แต่นี่อะไร ชายหนุ่มอายุแค่สามสิบเนี่ยนะ

แม้ไม่มีเสียงค่อนแคะมากมายจากคนรอบข้างมากนัก เพราะอรอรีนั่นก็ไม่ได้แก่อะไรมากมาย แถมยังสาวยังสวยพริ้งแบบควงได้ไม่อายใคร แต่ใครบ้างเล่าจะมารักหญิงที่อายุมากกว่าตั้งหลายเท่าตัว เสียงแว่วๆมากระทบหูว่านายคนนั้นคงจะหวังอย่างอื่นมากกว่า บางทีเสียงนั้นอาจเป็นเสียงในใจเธอเองก็ได้ เมื่อโอกาสจึงไม่รอช้าที่จะไปดูให้เห็นกับตัว ว่านายหกสิบเก้าแต้มของลอออินทร์เป็นอย่างไร


ผลั๊ว..ประตูเปิดออก

คนตัวสูงแต่เท้าเปล่ายังคงยืนอยู่ในบ้านกับอีกคนที่สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดพร้อมถาดในมือ ได้แต่มองหน้ากันอย่างอึ้งไป

"นี่..คุณ"

ห่างกันแค่ธรณีประตูกั้นไว้..ห่างกันแค่เอื้อมเท่านั้น
แต่เหมือนว่าคนสองคนกำลังยืนอยู่กันคนละโลก


จำได้ว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกมา พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งในชุดกางเกงขาสามส่วนสบายๆกับเสื้อโปโลแขนสั้นสีฟ้า ท่าทางไม่แปลกใจซักนิดนั้นก็ถึงกับทำให้หญิงสาวพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

"นี่คุณ" ปานวตาย้ำไปสองครั้งกับผู้ชายที่คุ้นหน้า


ชายหนุ่มคนนั้นจึงรับถาดจากมือเธอเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปวางถาดนั้นไว้ที่โต๊ะทานอาหารข้างในบ้าน ก่อนจะเดินกลับออกมาอีกครั้ง


"เข้ามาข้างในก่อนไหมครับ" เขาถามอย่างสบายๆ เหมือนคนรู้จักมักคุ้น และยิ่งท่าทางที่ดูเฉยเมยนั้น ทำใหปานวตานึกโมโห และเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เธอมาที่นี่เพื่ออะไร ทำให้หญิงสาวต้องปั้นหน้าตึงๆเข้าไว้ ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนถามห้วนๆ

"เอ่อ นาย..คนที่ชื่อเพรชะ ธารา พักอยู่กับคุณรึเปล่า"

คนถูกถามเดินไปนั่งทรุดตัวอย่างหมิ่นๆที่ระเบียงหน้าบ้านหลังเล็กนั้น ก่อนกอดอกมองมาหญิงสาวตรงๆยิ้มน้อยๆ "เอ ก่อนจะถามหาคนอื่น จะไม่ทักทายผมหน่อยหรือ หรือว่าลืมกันแล้ว"

"นี่คุณ..คุณก็รู้ว่าฉันจำคุณได้ อย่ามาโยกโย้ นายคนนั้นอยู่ไหน อย่าบอกนะว่าคือ.." ค้างไว้อย่างรอให้เขาเอ่ยต่อ.. ไม่นะ ไม่ใช่เขาแน่ๆ แม้จะคิดว่าใช่ แต่ใจลึกๆก็ยังอยากแย้ง..

"ชื่อของผม ผมบอกคุณไปแล้ว ผมแอบเสียใจนะเนี่ย ที่คุณจำชื่อผมไม่ได้" เขาแกล้งว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างล้อเลียน

ปานวตาหน้าตึง "ฉันไม่ใช่พวกที่จะได้ต้องคอยจำนะคะว่าใครต่อใครบ้างผ่านเข้าในชีวิต โดยเฉพาะนักเที่ยว เพราะว่านักเที่ยวกลางคืนเป็นร้อยเป็นพัน ที่ฉันต้องพบเจอคืนแล้วคืนเล่า ฉันคงจำได้ไม่หมดหรอก หรือว่าคุณจำได้ว่าฉันชื่ออะไร"

ชายหนุ่มยื่นมาตรงหน้า ท่าทางเป็นทางการ "ผมเพชระ ธาราครับ" เมื่อไม่เห็นว่าเธอจะรับการจับมือทักทาย เขาจึงต่อ

"คุณปานวตา พิชานนท์"

จำได้ว่าเธอไม่เคยบอกชื่อและนามสกุลจริงๆกับเขาแน่ๆ แต่เขากลับรู้จักเธอ หญิงสาวปัดมือใหญ่ของเขาออกด้วยความโมโห "คุณรู้จักฉัน..คุณนี่มัน.."


คนที่ถูกปัดมือทิ้ง ไม่นำพาอารมณ์กรุ่นๆของหญิงสาว "ผมยอมรับว่าผมรู้จักคุณมาก่อน ทีนี้ขอผมทำความรู้จักกับใครอย่างเป็นทางการนะ" เขาว่าก่อนจะถามอย่างแปลกใจ

"ว่าแต่ว่า ทำไมคนถึงเป็นคนเอาอาหารมาให้ผมเองล่ะ"



เข้าเรื่องเสียทีนะ..นายเพชระ ธารา ปานวตาคิดอย่างฉุนเฉียว


"ฉันก็ว่าจะมาดูหน้าคนที่จะมาเกาะชายกระโปรงของแม่ฉันไง ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าออกจะแปลกใจซักหน่อยที่เป็นคุณ" หญิงสาวว่าพร้อมมองเขาด้วยปลายหางตา น้ำเสียงดูแคลนนั้นคนพูดตั้งใจเต็มที่ที่จะแสดงให้เห็นชัดๆ ส่วนคนที่ถูกกล่าวหามิได้เดือดร้อนแต่อย่างไร เพียงแต่หรี่ดวงตาคมเข้มนั้น มองคนที่ยืนเชิดหน้าอยู่ตรงหน้านี้ตรงๆ

"เห็นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ" คำถามที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

เต็มใจรับเต็มที่เลยนะ ท่าทางภาคภูมิใจกับตำแหน่งแมงดาที่เธอด่ากรายๆเสียด้วย "ก็จากที่ฉันได้พบคุณสองสามครั้งก่อน ต้องยอมรับเลยว่า ถึงแม้จะไม่ได้คิดว่าคุณเลิศหรูอะไร" จิกกัดไปนิด

" แต่ก็ไม่คิดจริงๆ ว่าคนอย่างคุณจะลดตัวมาเป็นแมงดาเกาะใคร"

แรงไปไหมนะ? หญิงสาวถามตัวเองในใจ แต่คำพูดที่หลุดออกไปแล้ว ยากจะถอนคืนให้คนตรงหน้าคิดว่าเธอแหย จำต้องเชิดหน้าท้าทายต่อไป

"เล่นแรงนะคุณ นอกจากจะดูถูกผมแล้ว คุณยังดูถูกแม่ของคุณเองด้วย" ชายหนุ่มตอกกลับอย่างนิ่มนวล

"แล้วคุณจะให้ฉันคิดอย่างไร แม่ฉันเลี้ยงต้อยมีแฟนเด็กจนคนเขาลือกันไปทั่ว ส่วนคุณก็ยอมเป็นแฟนกับแม่ฉันที่แก่กว่าคุณตั้งเท่าไหร่"

"ก็แค่น้ำคำของคนอื่น คนอื่นจะมารู้ดีกว่าตัวผมเองได้อย่างไร ผมนับถือน้ำใจของแม่คุณ" เขาว่า แต่เธอก็สวนทันควัน

"น้ำใจหรือน้ำเงินของแม่ฉันกันแน่ ที่คุณนับถือ" ปานวตามอย่างเสียดสีเต็มที่

ความรู้สึกในแง่ดีเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเมื่อคราว่อนนั้น ถูกลดฮวบไม่เหลือหรอ "งั้นช่วยบอกฉันหน่อยสิคะ ว่าคุณรู้จักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ทำไม รู้จักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ สำคัญตรงไหน แต่ถ้าคุณอยากรู้ผมก็จะบอก ก็ตั้งแต่พบคุณอีกครั้งที่ห้างนั่นแหล่ะ ต้องให้ผมบอกไหมว่าคุณทำอะไรบ้าง"

น้ำเสียงนั้นไม่นำพาให้เธอคิดย้อนกับไป "นั่นไง คุณเพิ่งรู้จักฉันวันนั้น แสดงว่าคืนนั้น ครั้งแรกที่คุณเจอฉัน คุณยังไม่รู้จักฉัน แต่คุณก็มาก้อร่อก้อติก ในขณะที่คบกับแม่ของฉัน คุณนี่มันแย่จริงๆ"

"ผมกับแม่คุณ เราเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้นกัน" เขาอธิบายอย่างช้าๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าต้องอธิบายเพื่ออะไร ปกติเขาไม่เคยแคร์ความคิดคนอื่นอยู่แล้ว

"แล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณว่าด้วย"

"คุณจะบอกว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ฉันไม่เชื่อคุณหรอก ฉันไม่เชื่อลมปากของคุณ ฉันเชื่อที่การกระทำมากกว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรกับแม่ของฉันจริงๆละก็ ออกไปให้ห่างจากแม่ของฉัน เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมามองแม่ฉันในแง่ที่เสียหาย"


เพชระลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวเงียบๆ เปิดถาดอาหารออก กลิ่นของแกงคั่วสัปรดกุ้งสับหอมฉุยกระทบปลายจมูก ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กของรองเท้าส้นสูงทำด้วยไม้บนพื้นที่เดินตามมาติดๆ เสียงดังแว๊ดๆ

"ฉันยังพูดไม่จบนะ"

"ทานข้าวด้วยกันไหมคุณ กลิ่นหอมจัง แล้วที่คุณถือมาให้ผมนี่ แกล้งใส่อะไรลงไปหรือเปล่านี่" หันมาถาม ก่อนจะหยิบจานเปล่าจากตู้มาสองใบ ใช้เท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่ง เกี่ยวลากเก้าอี้มานั่งลงหน้าตาเฉย พยักหน้าให้หญิงสาวเป็นเชิงเชิญชวน

"เชิญนั่งครับ"

"ไม่ คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ"

"ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกแล้ว" เขาว่า พร้อมกับแบ่งข้าวสวยใส่จานทั้งสองใบ

"ตอนนี้นะ ตอนนี้เท่านั้น" เขาย้ำ

"หมายความว่าอย่างไร" หญิงสาวถามอย่างหงุดหงิด

"ก็หมายความว่าระหว่างคุณกับผม ยังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลย"

"ไม่มีเรื่องระหว่างคุณกับฉัน มีแต่เรื่องของคุณกับแม่ฉันเท่านั้น"

เพชระเลื่อนจานข้าวให้ปานวตา "คุณรู้อะไรไหม แม่ครัวของแม่คุณนี่ ทำกับข้าวได้เยี่ยมจริงๆ ผมมาทีไรก็มาฝากท้องที่นี่ทุกที"

"นี่คุณ ฉันเริ่มโมโหจริงๆแล้วนะ "

"ผมเห็นแล้ว" เขาว่า "อ้อ ผมนึกว่าคุณเริ่มโมโหจริงๆก่อนหน้านี้เสียอีก แต่ทานอะไรหน่อยสิ จะได้มีเรี่ยวแรงก่อเรื่องวุ่นวาย"

"อะไรนะ? ก่อเรื่อง? วุ่นวาย?" ฟังเสียงยียวนของชายหนุ่มแล้ว เเทบทำให้เธอปรี๊ดแตก

"ก็ชอบก่อเรื่องเล็กๆน้อยๆ ให้แม่คุณกลุ้มใจเล่นไง สนุกดีใช่ไหม สนุกมากใช่ไหมที่เห็นแม่ของคุณเสียใจ เจ็บปวด"

"นี่..นี่..นี่.." ปานวตาเต้น "ถ้าคุณไม่หยุดพูดพร่อยๆ ก้าวก่ายครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะเอาแกงราดหัวนาย.." จากคุณกลายเป็นนายไปเสียแล้ว

"แต่ผมพูดเรื่องจริง คุณโตแล้วนะปานวตา คุณไม่ใช่เด็กเล็กๆที่ไม่ได้ดั่งใจหรือไม่ต้องการอะไรก็ร่ำร้อง คุณต้องหัดเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว..เฮ้ย.." ช้อนในมือเขาถูกปัดอย่างแรงจนร่วงไป

"ฉันบอกให้หยุด"

"คุณนี่ นิสัยเสียและเด็กกว่าที่ผมเคยได้ยินมาเสียอีก.." เพชระคว้าข้อมือของคนตรงหน้ากระชากเข้ามาอย่างแรง "ถ้าไม่มีใครสอนคุณได้ เดี๋ยวผมจะสอนมารยาทให้คุณเอง"

"ปล่อยนะ" ปานวตาสะบัดข้อมืออย่างแรงแต่ก็ไม่หลุดจากมือใหญ่ที่เป็นดังคีมเหล็ก ยิ่งดิ้นข้อมือบางก็ยิ่งถูกรัดแน่น

เมื่อสะบัดมืออีกข้างขึ้นมา หวังจะจะตบคนตรงหน้าให้หน้าชาซักทีสองที เป้าหมายก็รู้ทันคว้าข้อมือบางเอาไว้เสียก่อน

"ถ้าตบผม ผมจะเอาคืนเป็นสองเท่านะ" เขาบอกเสียงเข้ม

เธอจึงได้แต่ถลึงตาใส่อย่างโกรธเกี้ยว แม้จะรู้ว่าเขาคงขู่ไปอย่างนั้นเองแหล่ะ แต่เขาท่าทางจะเดาความคิดของเธอได้ จึงย้ำ

"ผมไม่ได้ขู่นะ ผมพูดจริง" มองลึกเข้าไปในดวงตาหญิงสาว "ทำจริง"

"จะทำไม จะตบฉันเหรอ หรือจะจูบฉันเพื่อเอาคืนเหมือนในนิยายน้ำเน่า ปล่อยนะคนเฮงซวย นายซังกะบ๊วย" สะบัดจนมือข้างหนึ่งหลุด ข้อมือแดงเป็นปรื้น..

"จูบเหรอ..หึหึ" เขาหัวเราะเบาๆ "คุณเสนอเองนะ"

"จะสอนมารยาทให้ฉันหรือ คราวที่แล้วยังไม่เข็ดใช่ไหม" แทบไม่จบคำถามสุดท้ายด้วยซ้ำไป ยังไม่ทันที่เพชระจะทันนึกถึงค่ำคืนนั้น..คราวที่แล้ว..

แกงในชามใบใหญ่ก็ถูกเทอย่างแรงด้วยมือข้างที่ว่างเปล่าเมื่อกี้ จนน้ำแกงเข้มข้นหกเลอะเต็มโต๊ะ และบริเวณกางเกงของชายหนุ่มที่ยืนติดขอบโต๊ะ เขาคลายมือเธอทันทีด้วยความตกใจ ยังไม่ปล่อยเสียทีเดียว แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไรต่อไป มือวางอันดับหนึ่งสำหรับการทำร้ายผู้อื่นอย่างปานวตาก็สะบัดข้อมืออย่างแรงจนหลุด วิ่งออกไปที่หน้าประตูเสียแล้ว


"ถ้าคิดจะเล่นเกมส์ตบจูบกับฉันล่ะก็ฝันไปเถอะ และขอบอกไว้ก่อนถ้าคุณยังไม่คิดจะเลิกกับแม่ฉัน เราจะได้เห็นดีกันแน่" ก่อนที่จะวิ่งออกจากบ้านไป


เพชระได้แต่มองมือตัวเองที่กำข้อมือของหญิงสาวไว้เมื่อครู่ รอยอุ่นๆยังคงค้างอยู่..เกมส์ตบจูบเหรอ? เขาไม่ทันคิดมาก่อนเลย แม้จะเชยไปนิดเหมือนละครทีวีที่มีฉายเกลื่อนจอ หรือนิยายน้ำเน่าอย่างที่หล่อนกล่าวถึง แต่น่าสนใจเหมือนกันนะ เขาจะจำเอาไว้

เอ..นี่เขาไปรู้จักละครทีวีหลังข่าว และนิยายน้ำเน่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..หึหึ เขาหัวเราะกับตัวเอง


เราจะได้เห็นดีกันเหรอ..เขาแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว



Create Date : 04 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 5:05:58 น. 13 comments
Counter : 145 Pageviews.

 


ไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านี้เลย
ต้องย้อนกลับไปอ่านซะแล้ว

อยากเล่นเกมตบจูบบ้าง


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:15:46:40 น.  

 
หวัดดีจ้าคุณแจง ไม่เห็นเข้า fb เลยอ่ะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:16:32:57 น.  

 
ดีจ้าน้องแจง ...


อ่ะโหย ... เขียนออกมาได้อย่างยาวเลยค่ะ ...
ต้องออกตัวก่อนว่าพี่ยังมิได้เริ่มอ่านนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
แต่ว่าถ้าหากว่าได้อ่านแล้ว จะแวะมาคอมเม้นท์
เรื่องนี้เลยเด้อ ... แต่ดูท่าว่ายาวจริงๆ เพราะว่าเขียน
ด้วยหัวใจ เหมือนทุกครั้งที่แจงบอกอ่ะค่ะว่าเขียนด้วยเพราะ
รักและชอบ .. แบบนี้ทำหนังสือได้เลย่ะ ...


โดย: JewNid วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:6:43:57 น.  

 
นกชอบนางเอก วาวพลอย เพราะไม่เฟกอ่ะค่ะ คิดยังไงก็พูดยังงั้นเลย มั่นใจในสิ่งที่คิดและทำ ตรงนี้ชอบสุดๆค่ะ แล้วก็ชอบตอนที่แกล้งพระเอกด้วย ที่เจอกันครั้งแรกแล้วหลิ่วตาเหมือนจะให้ท่าพระเอกน่ะค่ะ

ถ้าเจอคนแบบพระเอก นกก็อยากจะแกล้งเหมือนกัน คนอะไร มองคนแต่ภายนอกจริงๆ


โดย: rainoflove (rainoflove ) วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:8:39:46 น.  

 


ท่าทางน่ารักดี โดยเฉพาะเพชระ ไว้จะมาอ่านต่อนะคะ
ว่าแต่แกงคั่วสับปะรด ค่ะคุณแจง (ครูให้จำว่า สับ แล้วค่อยเอาไป ปะ จะได้จำง่าย)

PS, I love you บางคนชอบมากนะคะ แต่นิกไม่ชอบ ดาวน้อยดวงที่ให้เพราะส่วนที่คนเขียนลงรายละเอียดความเศร้าโดนใจและกระชับได้ใจความ นอกนั้นออกจะเบื่อ หนังแคสต์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนอ่านไม่ได้นึกหน้ากิ๊กเป็น Harry Jr Connick เลยนะ ทั้งที่เราชอบเขาจากงานเพลง สรุปสั้นๆว่า ตอนนี้ไม่เหมาะกับการอ่านชิกลิท



โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:9:44:49 น.  

 
กลับไปเล่นเกมจบจูบดีกว่า 555 ไม่ได้อ่านตั้งแต่แรกเหมือนกัน สงสัยจะติดใจก็ตรงเกมนี้แหละ อีกอย่างปานวตา ติดหนังน้ำเน่าแน่ๆ
ปล.เดี๋ยวตามมาอ่านต่อมีตอนใหม่ฝากแวะไปบอกด้วยนะ ไปก่อนหละพระเอกรออยู่


โดย: Poo (myroom_pu ) วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:28:43 น.  

 
สวัสดีจ๊ะน้องแจง
ซันนี่ย์เป็นหลานของพี่เองจ๊ะ
ลูกสาวของน้องสาว(รุ่นเดียวกับน้องแจงเลย)
ซันนี่ย์คนเล็กจ๊ะ คนที่อุ้มเป็นพี่สาวชื่อซันมา
แต่ฝึกไว้แล้วไม่ให้สองคนนี้เรียกป้า 555+


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:58:38 น.  

 
เดี๋ยวเย็น ๆ มาอ่านเน้อแจง แอบสกรีนแว้บ ๆ
ชอบ ปะทะคารมแบบเนี้ย ชอบบบบ ^^


แว้บมาบอกว่า เอา 'แด่ดวงดาวในดวงใจ' มาให้ดูแล้วจ้า
แหะ ๆ เรื่องนี้ก็นานนน เลยจากที่บอกไว้
หรือหามาอ่านได้เองแล้วล่ะเนี่ย
ขอโต๊ดดดดด ก๊าบบบ


โดย: Paulo วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:14:26:00 น.  

 
อ่า....
ยาวมากครับพี่แจง
อยากลองอ่านดูมั่งนะนิยายรักน้ำเน่าเนี่ย
แต่ยังทำใจไม่ได้อ่ะ
กลัวติด ฮ่าๆ



ปล. ผมเริ่มร่วมโครงการแล้วครับ อิอิ


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:21:02:47 น.  

 


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:23:27:56 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องแจง











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:7:18:48 น.  

 
ตามมาอ่านเรียบร้อยยยยย จ้า หนุก ๆ เอาอีก ๆ


โดย: Paulo วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:18:29:46 น.  

 
สนุกจัง พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อนะคะ


โดย: aom IP: 112.142.121.87 วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:1:24:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.