ธารรักสีเงิน :: บทที่11




ชีวิตมนุษย์เรานั้นสั้นนัก
จงเลือกอยู่กับคนที่คุณรักจริงๆ







บทที่ 11
ความลับในใจ


เขาปล่อยมือจากหล่อนแล้ว บงกชเปิดประตูรถ แล้วเข้ามานั่งเงียบๆ ต้นธารเองก็เช่นกัน เขาเดินตามเข้ามานั่งด้านคนขับอย่างเงียบๆ แล้วติดเครื่องยนต์ พาหนะแล่นออกจากร้านอาหารไปตามท้องถนน สองข้างทาง เป็นสวนเงาะ สวนลำไย ทิวทัศน์ด้านนอก เขียวขจีสวยงาม แต่ในสายตาของหญิงสาว เธอมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว บงกช หันหน้าไปนอกหน้าต่าง ดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำตา แต่หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น แล้วปล่อยให้น้ำตานั้น ไหลย้อนกลับไปด้านใน ไม่อยากให้เขาได้มองเห็นมัน

เธอเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว แม้รู้ว่ามันไม่จริง เป็นเพียงสิ่งสมมติ แต่มันก็กลับดูจริงเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ



เกือบ 7 ปี ก่อนหน้านั้น...

ณ โรงเรียนมัธยมปลาย ประจำจังหวัด

ใน ห้องน้ำ ขณะที่บงกช กำลังเปลี่ยนชุดพละ เสียงผู้คนเฮโลโห่ฮา กรูกันเข้ามาในห้องเป็นกลุ่ม ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เพราะถึงแม้จะเป็นนักเรียนคนละกลุ่ม แต่ก็ปะ ฉะ เป็นไม่กินเส้นกันอยู่เรื่อย

“เลิกเรียนแล้ว ไปไหนกันดีวะหลิว”

“ไม่อ่ะ พรุ่งนี้พี่ธารจะกลับกรุงเทพแล้ว ที่บ้านขอไว้ ว่าให้อยู่บ้าน จะกินข้าวเลี้ยงส่งพี่ฉัน” เสียงต้นหลิวตอบ

แล้วคำถามหนึ่งก็ตามมา ทำให้บงกชถึงกับต้องเงี่ยหูฟัง

“เฮ้ย พี่ชายแกเรียนนิติเหรอ เห็นคนเขาพูดถึงกันเยอะ วันก่อนที่มารับแก ฉันเห็นไกลๆ หล่อดีว่ะ”

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก อีกคนพูด “สาวๆ ทั้งโรงเรียน กรี๊ดใหญ่ พูดถึงแต่พี่ธารกันเพียบ น่าอิจฉาแกจังเลย มีพี่โก้หรูดี”

อีกเสียงตามมา “นี่ ฉันเห็นคนเค้าลือกัน ว่าพี่ธารของแก เป็นแฟนกับยัยบงกช จริงเปล่าอ่ะ”

“แกได้ยินข่าวลือมาจากไหนวะ?” ต้นหลิวถาม

“ก็ได้ยินเด็กห้อง 4 มันพูดกัน ว่าเจอทั้งคู่ที่โรงหนังน่ะ ยัยบัวไวไฟชะมัด ไอ้คนเจอมันเป็นเพื่อนน้องชายฉัน และแอบชอบยัยบัวอยู่ มันก็เลยสนใจเป็นพิเศษ คอยจ้องตลอดหนังทั้งเรื่อง... ฉันก็เลยถามมันให้แน่ใจ เพราะรู้ว่าพี่ธารเป็นพี่ชายแก”

“พี่ธารเค้ามีแฟนแล้ว ที่กรุงเทพ เห็นคุณย่าบอกว่า เรียนจบ จะให้หมั้นเลย เป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะมาชอบยัยบัว พี่ฉันไม่มีทางมาเอาคนบ้านนอกอย่างเราๆ ไปเป็นสะใภ้ ให้คุณย่าฉีกอกหรอก” ต้นหลิวตอบอย่างมั่นใจ

“แต่ยัยบงกช มันก็สวยนะโว้ย ท่าทางก็ดูผู้ดีๆ หยิ่งๆ หัวสูง ถ้าพี่ธารเป็นแฟนกับยัยนั่นจริงๆ แกจะทำไงวะหลิว”

“ไม่มีทางอ่ะ สวยยังไง ก็เป็นแค่เด็กต่างจังหวัด เทียบกับแฟนพี่ธารไม่ได้หรอก ฉันเคยเห็นตอนที่ไปเยี่ยมคุณย่า แฟนพี่ธารถูกคุณย่าเชิญมากินข้าวบ้าน สุดยอดความสมบูรณ์แบบ” ต้นหลิวตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจ

เสียงเปิดปิดห้องน้ำนั้นดังโฉงฉ่าง ก่อนที่เด็กกลุ่มนักกีฬาของต้นหลิวจะเดินออกไป บงกชที่อยู่ในห้องน้ำค่อยๆ เปิดออกมา กระห้องในห้องน้ำ สะท้อนภาพเด็กสาวแสนสวย น้ำตาคลอ

พี่ธารมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพแล้วจริงหรือ
แล้วทำไม?
ภาพในลำธารย้อนกลับมา




หลังจากนั้นไม่นาน ต้นธารก็กลับมาเยี่ยมที่สวนต้นตระการอีก ปกติแล้ว เขาจะกลับมาเพียงแค่ช่วงเวลาปิดเทอมเท่านั้น แต่คราวนี้ เขากลับมาบ่อยมาก แทบจะทุกเดือน ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน โดยเฉพาะคุณศรีจิตรา ที่หวงต้นธารยิ่งกว่าไข่ในหิน


การเงียบไปของบงกช ทำให้ต้นธารกระวนกระวายเหมือนใจจะขาด จนเขาไม่อาจอ่านหนังสืออยู่บ้านที่กรุงเทพได้อย่างสงบ ยิ่งเมื่อกลับมาเยี่ยมน้องสาว และได้รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบงกช จากการแอบได้ยินเพื่อนๆ ในกลุ่มของต้นหลิว พูดถึงกลุ่มของบงกช ยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่มในอก ยิ่งนับวัน บงกชยิ่งสวยเป็นสาวสะพรั่ง สวยงาม และมีหนุ่มๆ ในโรงเรียนมารุมจีบ การเงียบไปของเธอ เป็นเพราะเธอไม่อยากพบกับเขาแล้วหรือเปล่า ยิ่งคิด ยิ่งหัวเสีย ค่ำนี้เขาจึงมาดักรออยู่ตรงนี้เหมือนคนบ้า เพราะรู้ว่าน้องสาว และเพื่อนนักเรียนในห้องทุกคน มาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนอีกคนในห้อง ที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง รวมทั้งบงกชด้วย

เมื่อบงกช เดินออกห้องน้ำ ตามทางเดินสลัวๆ ก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อถูกคว้ามือไว้ กำลังจะกรีดร้อง แต่ถูกปิดปากไว้ก่อน

“พี่เอง”

เสียงนั้นคุ้นหูนัก “พี่ธาร”

เด็กสาวหันมามอง ตาโต พี่ธารในวันนี้ดูดุดัน ไม่อ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เจอ “มาได้ยังไงคะนี่ มาทำไม มาหายัยหลิวหรือ”

“เปล่า” เขาตอบ “มาหาบัวนั่นแหล่ะ”

คำตอบนั้น ทำให้หัวใจเด็กสาวพองโต ด้วยความดีใจ ก่อนจะเฉาลง เมื่อนึกถึงคำพูดของต้นหลิวในวันนั้น ...อารมณ์กรุ่นๆ ในใจ ทำให้บงกชสะบัดข้อมือออก แล้วเดินหนี “มาหาบัวทำไมคะ”

ต้นธารเดินตามมาแล้วดึงข้อมือเด็กสาว ไว้อีก “มีเรื่องอยากคุยด้วย”

“บัวไม่มี”

“พี่มี ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

“ไม่ได้นะ กระเป๋าบัวอยู่ข้างใน”

“งั้นก็ไปเอามา พี่จะรอที่นอกร้าน มานะ ไม่งั้นพี่จะเข้าไปตาม”

เมื่อบงกชเดินออกมานอกร้าน เขาก็จูงไปที่รถ เปิดประตู ดันเด็กสาวเข้าไปนั่ง แล้วขับรถออกไป

“ทำแบบนี้ไม่ดีนะคะ เดี๋ยวบัวก็ต้องกลับบ้านกับเพื่อนคนที่บัวติดรถมาด้วย”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”

“ไม่ได้ค่ะ พี่ก็รู้ พ่อไม่ชอบให้บัวไปคบค้ากับคนที่สวนต้นตระการ”
คำบอกนั้น ทำให้เขาชะลอรถ แล้วจอดลงใต้รถไม้ ริมถนน หันมองคนพูดด้วยดวงตาคม

“เพราะแบบนี้ใช่ไหม บัวเลยไม่ยอมติดต่อกับพี่ พี่พยายามโทร แต่บัวก็ไม่ยอมรับสาย”

บงกชหันหน้าหนี ไม่ตอบ

ต้นธารขยับเข้ามาใกล้ ดึงตัวเด็กสาวให้หันมามอง “รู้หรือเปล่า ว่าพี่จะเป็นบ้าไปแล้ว เรียนไม่รู้เรื่องเลย คิดถึงแต่บัว อ่านหนังสือก็เห็นแต่หน้าบัว กะว่าจะมาหาบัว แต่ก็รู้สึกว่าบัวห่างเหินและผลักไส ถ้าคุณพ่อบัวห้าม พี่จะไปพูดกับท่าน”

“เปล่าหรอกค่ะ พ่อยังไม่รู้เรื่องเราหรอก แต่ ..แต่...”

“งั้นแต่อะไร” เขาถาม

“แต่ที่ไม่รับสาย เพราะรู้ว่าพี่ธารมีแฟนที่กรุงเทพแล้ว” คำตอบนั้น ทำให้เขาทำหน้างงๆ

“ใครบอก”

บงกชหันหน้าหนี “บัวได้ยินมาก็แล้วกัน”

“ไม่มีซักหน่อย”

“จริงหรือคะ บัวไม่เชื่อ”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“เพราะบัวเป็นเด็กบ้านนอก บัวรู้นะ ว่าพี่ก็แค่เล่นๆ กับบัวใช่ไหม เป็นแค่แฟนคั่นเวลาในตอนปิดเทอม พอพี่เรียนจบ พี่ก็จะแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่หาไว้ให้ คนที่เป็นแฟนกับพี่มาก่อน”

“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ไม่รู้ว่าบัวได้ยินมาจากไหน แต่มันไม่จริงทั้งหมด ...คนๆ นั้นไม่ใช่แฟนพี่ แต่ว่าเป็นคนที่คุณย่าอยากให้พี่แต่งงานด้วยจริงๆ”

บงกชเบ้หน้าจะร้องไห้ “ แล้วพี่ธารมาทำแบบนี้กับบัวทำไม ในเมื่อมีคนที่จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”

“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่ความเห็นชอบจากพี่ ...บัวยังเด็ก พี่ก็ยังเด็ก แต่พี่อยากให้รู้ ว่าพี่จริงใจ พี่อยากคบกับบัวจริงๆ นะ”

“แล้วพี่จะไม่แต่งงานกับใครใช่ไหม”

“แน่นอน”

“แต่พ่อไม่ชอบคนบ้านสวนต้นตระการ คุณแม่พี่ธารก็เกลียดคนบ้านสวนศิริกุล เราจะทำยังไงดีคะ”

คำถามนั้น ไม่มีคำตอบ และไม่มีใครรับรู้ ว่าทำไม คนสองครอบครัวถึงเกลียดกัน


แล้ววันหนึ่ง ทั้งสองก็ประทับสัญญารักกันแบบขำๆ ลงในกระดาษใบหนึ่ง

กระดาษใบเดียว ครอบครองใครไว้ไม่ได้

หัวใจต่างหาก ที่สำคัญ


แต่หญิงสาวได้เรียนรู้มัน ในวันที่สายเกินไป




ปัจจุบัน ...

เมื่อต้นธารมาส่งบังกช เป็นครั้งแรก ที่หญิงสาวยอมพูดดีๆ กับเขา “ลงมาดื่มน้ำและทานอะไรซักหน่อยไหมคะ”

คำถามนั้นทำให้เขาแปลกใจ มองมาที่หญิงสาวอย่างมีคำถาม บงกชอ้อมแอ้มตอบ “ก็เมื่อกี้ ฉันทำให้คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

“บัวเถอะ แทนตัวเองว่าบัวเถอะ พี่ขอร้อง” เขาขอเรียบๆ บงกชพยักหน้า

“ก็ได้ค่ะ ลงมาก่อน ฉัน ...เอ่อ..”รู้สึกกระดากปาก “เอ่อ...บัวอยากจะคุยด้วย เรื่องกระดาษใบนั้น...อ้อ และบอกไว้ก่อนนะ ฉันจะแทนตัวเองว่าบัว กับพี่ธาร ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น ถ้าเราอยู่กันสองคน มันยังไม่ง่ายสำหรับฉันค่ะ ที่จะกลับไปใช้สรรพนามเดิมๆ”


เมื่อเข้ามาด้านใน กับข้าวและผลไม้ถูกลำเลียงมายังโต๊ะหลังบ้าน ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ดอกไม้ในสวนเบ่งบานสวยงาม คุณกานดาเดินออกมาสมทบ

“ได้ยินพ่อธารมาทานข้าวด้วย น้าไม่รู้ล่วงหน้า ไม่งั้นจะทำอะไรอร่อยๆ ไว้รอ”

ต้นธารรีบลุกขึ้นเดินไปรับ ร่างกระเสาะกระแสของหญิงวัยกลางคน ที่ดูชราเกินวัยไปมาก ซูบซีดกว่าที่เคยพบเจอทุกครั้ง

“ไม่ต้องหรอก ผมแวะมาส่งบัวเฉยๆ ก็เลยว่าจะแวะดื่มอะไรนิดหน่อย น้ากานดาไม่ต้องลำบากหรอก”

บงกชได้แต่นั่งจับตามองทั้งสองคนไปมา บรรยากาศรอบตัวคล้ายอบอุ่นกว่าเคย หญิงสาวทิ้งบ้านหลายปี ไม่เคยรู้เลยว่า มารดาของตน สนิทสนมกับต้นธารถึงเพียงนี้

“ดูแม่กับคุณธาร..” เมื่อสบตาคมของเขา บงกชก็เปลี่ยนสรรพนาม “กับพี่...พี่ธาร ดูสนิทกันจังนะคะ บัวไม่เคยรู้มาก่อน”

“ก็แกไม่อยู่ซะนาน พ่อธารนะ เขามาช่วยดูแลแม่ ดูแลสวน ตอนที่พ่อแกเสียไปน่ะ”

ตอนที่พ่อเสีย ก็เป็นปีเดียวกับที่บงกชเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และไม่ติดต่อต้นธารอีกเลย



ทั้งสามคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ราวกับไม่เคยมีอดีตมาเกี่ยวข้อง ยิ่งคุยกันนานเท่าไหร่ บงกชก็ยิ่งมองเห็นความสนิทสนมและไว้วางใจที่แม่ของเธอมีให้ต้นธารมากเท่านั้น ราวกับว่า ทั้งคู่คือครอบครัวเดียวกันจริงๆ

เสี้ยวหนึ่งของหัวใจของบงกช อดสงสัยไม่ได้ว่า หากว่าเธอและต้นธารได้แต่งงานกันมาจริงๆ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ช่วงชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร จะรู้สึกโดดเดี่ยวและปวดร้าวเช่นในทุกวันที่ผ่านมาไหมหนอ ก่อนจะลุกเข้าไปในครัว เพื่อชงกาแฟ

“บัวเป็นคนหัวไวครับน้ากานดา บอกสอน แนะนำอะไร เรียนรู้เร็วมากครับ” เสียงเขาบอก และมารดาของบงกช พยักหน้าอย่างปลื้มใจ

“น้องโตแล้ว แต่ก็ยังเด็กมาก สำหรับเรื่องในไร่ ในสวน และ บัวอาจจะเจ้าทิฐิไปบ้าง ถ้าสอนแล้วไม่ค่อยฟัง พ่อธารก็อย่าถือสาน้องนะ”

ต้นธารยิ้มรับอบอุ่น ...ก่อนปล่อยคุณกานดาขึ้นไปนอนพักกลางวันที่ชั้นบน ลับสายตาหญิงชรา ชายหนุ่มก็กลับมาเงียบขรึมอีกครั้ง บงกชวางแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จลงตรงหน้าเขา แล้วหยิบแก้วของตัวเอง ไปยืนจิบไกลออกไป สายตามองออกไปเรื่อยๆ แต่ปากพูดกับเขา

“แปลกดีนะคะ ที่คุณมาสนิทกับแม่ฉันได้ ดูมันแปลกๆ แต่ช่างมันเถอะ เวลามันผ่านไปหลายปี อะไรๆ ก็คงเปลี่ยนไปตามวันเวลา”
เขายังเงียบ

“เรามาคุยกันเรื่องกระดาษใบนั้น เถอะค่ะ ฉันลืมมันไปแล้ว มันนานมากจริงๆ”

หันกลับมา เขาหรี่ตาลง มองแต่แก้วกาแฟ “ลืมหรือ?”

“ใช่ค่ะ ช่วงเวลาเลวร้าย มันไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ” น้ำเสียงนั้นเสียดสี

ต้นธารเงยหน้าขึ้นในที่สุด “พอเถอะบัว หยุดทำท่าอย่างนั้นกับพี่เสียที พี่ไม่รู้ ว่าเราสองคน เป็นอย่างนี้กันไปได้อย่างไร แต่เรามาลืมอดีตกันเถอะ มาเริ่มต้นใหม่ มาพูดแต่ปัจจุบันกัน”

ใช่สิ ...บงกชเม้มปาก
ก็เธอเป็นฝ่ายเจ็บปวดคนเดียวนี่
เขาไม่ใช่ฝ่ายเสียใจ ถึงได้ทำเหมือนว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ได้ ถ้าเขาทำได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน


“ก็ได้ค่ะ งั้นเราเข้าเรื่องปัจจุบันกันเลย เรื่องกระดาษใบนั้น ที่คุณพูดถึง ถ้าเรายังอยู่ในสถานะที่ยังแต่งงานกันอยู่จริงๆ ฉันก็ต้องการที่จะยกเลิกมัน คุณก็รู้ ว่ามันเป็นเพียงเรื่องขำๆ ของเด็กๆ เท่านั้น”

เขายกกาแฟขึ้นจิบ แล้ววางลง “ถ้าพี่บอกว่า ไม่ ล่ะ”

“หมายความว่ายังไง?”

เขามองตา เธอ “เราเคยรักกันไม่ใช่หรือบัว”

“มันไม่ใช่ความรัก” บงกชสอดทันควัน “มันเป็นความลุ่มหลง”

“สำหรับเด็กสิบแปดน่ะ อาจจะใช่ แต่สำหรับพี่ ไม่”

“ฮึ...คุณจะพูดยังไงก็ได้ แต่ใครจะรู้ใจคุณล่ะ”

“ลองใช้หัวใจมองสิบัว”

บงกชเงียบ

“ขอเวลาหกเดือน แล้วเราค่อยพูดเรื่องนี้กันอีก”

“ไม่ค่ะ”

“พี่ขอร้องดีๆ แล้วนะ” เสียงเขาเหมือนข่มขู่ หรือบางทีบงกชอาจจะอุปทานไปเอง

“ถ้าฉันไม่ยอมล่ะ”

“พี่จะบอกเรื่องที่เราเคยแต่งงานกันกับน้ากานดา”

คำตอบนั้นทำให้บงกชอึ้งไปจริงๆ “อย่าเชียวนะ” เสียงแข็ง มองเขาตรงๆ อับจน “คุณทำแบบนี้ทำไมกัน”

“เพราะพี่อยากลองแต่งงานกับบัวจริงๆ นะสิ”

ประโยคนั้น ทำให้หญิงสาวเจ็บจิ๊ดที่หัวใจ





กรุงเทพฯ ...


หน้าห้องคอนโดของบงกช บูรณีกำลังกดรหัสห้อง ข้างตัว คือต้นรัก ที่อาสาพามา แทนต้นหลิว ที่วันนี้ ต้องไปธุระที่อื่นๆ

“อารักนั่งรอตรงนั้นก่อนนะคะ” ก่อนจะชี้ไปที่โซฟาตรงห้องรับแขก “กวนอารักแย่เลย แต่ไม่นานหรอกค่ะ บุ๋มเข้าไปเอาของแป๊บเดียว”
“ตามสบาย อารอได้” เขาบอก ก่อนจะเดินเล่นสำรวจไปเรื่อย ไม่มีจุดมุ่งหมายหรือโฟกัส

จำได้ว่า ครั้งก่อนที่มาเยี่ยมพี่สาว บูรณีลืมเอาหนังสือเล่มโปรดที่ติดมือมาด้วยกลับบ้าน วันนี้ว่าง เลยแวะมาเอาเสียหน่อย เป้าหมายคือชั้นหนังสือในห้องนอนของบงกช เพราะจำได้ว่า เอาไปนอนอ่านเล่นในคืนหนึ่ง ที่ห้องพี่สาว เมื่อทิ้งไว้ บงกชก็น่าจะเก็บไว้บนนั้น แล้วก็ไม่ผิดคาด หนังสือเล่มนั้นตั้งเด่นหราท้าสายตา บูรณีดึงออกมาโดยแรง แต่ดันไปเกี่ยวเอาหนังสือที่ติดกันออกมาด้วย หนังสือเล่มนั้นหล่นลงลนพื้น ก้มลงเก็บ ไปวางที่เดิม ก่อนจะเห็นบางอย่างหลุดออกจากหนังสือ ลอยละลิ่วไปกองอยู่ใต้เตียง

เอื้อมมือไปเก็บสิ่งนั้น ดึงออกมา ภาพที่ปรากฏอยู่ในสายตา ทำให้บูรณีแปลกใจ มันภาพของต้นธาร ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัย กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ อย่างมีความสุข น่าแปลก ที่มันมาอยู่ในห้องของบงกช อยู่ๆ บูรณีก็นึกถึงช่วงเวลาในวัยเยาว์ขึ้นมา และตอนนั้นเอง ที่เหลือบเห็นบางสิ่งเหนือชั้นวางหนังสือ กล่องกระดาษขนาดกลางมันตั้งอยู่หมิ่นเหม่เหลือเกิน บูรณีลุกขึ้นไป หวังจะดันให้มันเข้าที่ แต่มันหนักมาก และบูรณีตัวเตี้ยเกินไป ทำให้การดันนั้นไม่เป็นผล กล่องเอนเอียนและหล่นลงมาทับเด็กสาว

โครม ...กรี๊ดดดดดด

บูรณีมึนงงไปชั่วครู่ เมื่อกล่องนั้นกระแทกหัว ก่อนจะกระจัดกระจายไปหมด ต้นรักวิ่งเข้ามาถึงตัวด้วยความตกใจ “บุ๋ม เป็นอะไรหรือเปล่า”

บูรณีสลัดหัวไล่ความมึน “ไม่เป็นไรค่ะอา บุ๋มซุ่มซ่ามทำกล่องตก”

ก่อนจะพยายามลุกขึ้น ต้นรักเข้ามาช่วยพยุง ดึงมานั่งที่ปลายเตียง ก้มลงมอง แล้วจับใบหน้าเด็กสาวให้เงยขึ้น “หัวโนนิ เจ็บไหม” ถามด้วยความเป็นห่วง เป็นใย

“ไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ แต่บุ๋มมึนเลย เดี๋ยวอาไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ เดี๋ยวบุ๋มเก็บของใส่กล่องไว้ที่เดิมก่อน” แต่ชายหนุ่มไม่ทำตาม ยังคงสำรวจต่อไป มือใหญ่ ลูบไปตามรูปกระโหลกศีรษะ “เดี๋ยว ดูให้แน่ใจก่อน ว่าไม่มีตรงไหนแตกหัก”

บูรณีหัวเราะเบาๆ “อารักก็ ...บุ๋มไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” พยายามจะลุก แต่เขาดันไว้ให้นั่งต่อ

“เดี๋ยวอาเก็บของให้เอง”

น้ำเสียงนั้น ใจดีเหลือเกิน สุดท้ายบูรณีก็ยอมให้เขาเป็นคนเก็บข้าวของ ขณะนั่งมองชายหนุ่มเก็บโน่น นี่ นั่นลงกล่องอย่างคล่องแคล่วนั้น อยู่ๆ ก็หน้าร้อนขึ้นมา เมื่อนึกถึงมือคู่นั้น ที่ลูบหน้าและศีรษะของเธอเมื่อครู่ ...มือใหญ่อาจารย์ต้นรักช่างอ่อนโยนและนุ่มนวลเหลือเกิน

เหมือนมือพ่อไม่มีผิด...

มองอยู่เพลินๆ ก็แปลกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มหยุดนิ่งกลางคันสีหน้าตะลึงระคนตกใจ ในมือเขามีสิ่งหนึ่งอยู่ สัญชาติญาณแปลกๆ กรีดร้อง บูรณีลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามไปนั่งลงข้างๆ อาจารย์หนุ่ม จ้องลงไปในแผ่นเอกสารในมือเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แม้จะมองเห็น ว่ามันคืออะไร แต่ปากก็ถามออกไปอยู่ดี

“อะ ..อะ...อะไร กันคะอารัก?”

ภาพผลอัลตราซาวด์แผ่หราอยู่ในมือ ชื่อเจ้าของครรภ์ชัดเจนจนไม่สามารถคิดเป็นอื่นไปได้

บงกช ศิริกุล...










 

Create Date : 29 มิถุนายน 2556
6 comments
Last Update : 30 กรกฎาคม 2556 20:49:55 น.
Counter : 3482 Pageviews.

 

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป แวะมาแปะไว้อีกหนึ่งบท

 

โดย: nikanda 29 มิถุนายน 2556 7:49:52 น.  

 

รอได้ค่ะ แต่กลับมาไวๆนะคะ ลุ้นค่ะ

 

โดย: Ama_jung IP: 125.24.59.230 29 มิถุนายน 2556 9:46:29 น.  

 

มายินดีด้วยจ้า
กับความสม่ำเสมอ

 

โดย: เหมือนพระจันทร์ 1 กรกฎาคม 2556 12:18:19 น.  

 

แวะมาทักทายครับพี่แจง
ชีวิตเรามันสั้นนักอย่างที่พี่เขียนไว้ในบทเกริ่นนำจริงๆ


ป.ล. ผมเองแหละครับที่หายไปนาน ไงก็กลับมาเล่นบล็อคแล้ว เดี๋ยวจะแวะมาทักทายพี่แจงบ่อยๆครับ ฮ่าๆ

 

โดย: ปีศาจความฝัน 4 กรกฎาคม 2556 13:02:04 น.  

 

แวะมาทักทายน้องแจงครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 6 กรกฎาคม 2556 21:40:20 น.  

 

สงสัยเมต้องหัดอ่านนวนิยายแร่ะค่ะ แต่ป่านนี้แฮรี่พอตเตอร์ซื้อมาภาคแรก ยังตั้งอยู่เลย 555555555

 

โดย: April Friday 11 กรกฎาคม 2556 0:45:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.