ธารรักสีเงิน :: บทที่12








หนึ่งชีวิตนั้น
ยาวนานเกินไป
สำหรับการแต่งงาน
กับผู้ชายผิดคน

และหนึ่งชีวิตนั้น
ก็สั้นเกินไป
สำหรับการแต่งงาน
กับผู้ชายถูกคน

เพราะความทุกข์นั้น
มันผ่านไปอย่างเชื่องช้า

พอๆ กับที่เวลาแห่งความสุข
มันมักผ่านไป ราวกับติดปีกบิน
















บทที่ 12
เก็บไว้ให้ลึก...สุดใจ




บูรณีกระชากกระดาษใบนั้นออกมาจากมือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ยัดมันลงไปในกล่อง แล้วรีบกวาดทุกๆ อย่าง ที่เหลืออย่างรวกๆ บอกโดยไม่มองหน้าเขาว่า “อารักออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะ ที่เหลือ เดี๋ยวบุ๋มทำแป๊บเดียวก็เสร็จ แล้วเดี๋ยวจะตามออกไป” ว่าแล้วยัดทุกอย่างที่กองอยู่ ลงในกล่องอย่างรวดเร็ว


ต้นรักเดินออกไปเงียบๆ เช่นกัน คล้ายเข้าใจได้ว่า บูรณีไม่ต้องการให้เขารับรู้สิ่งนั้น ...สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมาก แต่ก็ไม่มากเท่าเด็กสาว ที่พอเห็นแล้ว หน้าถอดสี ด้วยความประหลาดใจอย่างรุนแรง


5 นาทีหลังจากนั้น บูรณีก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่พยายามจะทำให้เรียบเฉยที่สุด “ไปกันเถอะค่ะอา”


ภายในรถยนต์ ที่กำลังแล่นอยู่กลางกรุง อากาศภายนอกร้อนอบอ้าว ภายในกลับหนาวเย็น มีแต่ความเงียบ ต้นรักขับรถไป ไม่พูดอะไร เด็กสาวได้แต่เหลือบมองใบหน้านิ่งๆ นั้น เป็นครั้งคราว ด้วยความอึดอัด เพราะสิ่งที่เห็นนั้น มันเป็นเรื่องใหญ่มากเสียจน บูรณีกลัวว่า เขาจะมองพี่สาวของเธอในแง่ไม่ดี แต่แล้วความเงียบของเขา ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ ในที่สุด ก็โผงออกมา


“อารักคะ อารัก ไม่ได้เห็นอะไรใช่ไหมคะ เมื่อกี้นี้?”

ต้นรักหันมามองเด็กสาว อย่างแสร้งไม่เข้าใจ“อะไรล่ะ”

“ก็...” แล้วก็เงียบไป เบือนหน้านี้ ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี

“บุ๋ม...” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแห่งความเข้าใจในความรู้สึกของเด็กสาว เป็นน้ำเสียง ที่ห่วงใย และอาทรอย่างผู้ใหญ่ เข้าใจเด็ก บูรณีหันกลับมา “คะ?”

“อาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“อารัก”

เขาย้ำหนักแน่น “อาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นเลย ไม่รับรู้อะไรเลยแม้ซักนิดเดียว”

บูรณีตาแดงเรื่อขึ้นมา ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับแขนเขา ขอสัญญา “ขอบคุณค่ะอา ...สัญญานะคะ ว่าอาจะไม่รับรู้มันตลอดไป ขอให้มันเป็นความลับระหว่างเราแค่สองคนเท่านั้น สัญญานะคะ นะ นะ นะ ถ้าแม่รู้ แม่ต้องเสียใจมากแน่ๆ...” เขย่าแขนย้ำๆ

ต้นรักพยักหน้า “อืม อาสัญญา”

บูรณีปล่อยมือ ยิ้มแก้มปริ ทั้งน้ำตาคลอ “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอาสัญญา บุ๋มก็สัญญา ว่าถ้าอาต้องการความช่วยเหลืออะไร บุ๋มจะทำให้อาทุกอย่าง”

“จริงเหรอ ” เขาหัวเราะเบาๆ “แต่อาไม่ต้องการอะไรหรอก” บอกยิ้มๆ

เด็กสาวทำท่าคิด ได้ ว่าจริงเช่นนั้น “อืม ก็จริงนะ คนอย่างอารัก สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง เก่งทุกอย่าง คงไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากบุ๋มหรอก ”

“แต่..”

“แต่อะไรคะ?” คิ้วขมวด

“แต่อาจะจำไว้ ว่าบุ๋มเป็นหนี้อา 1 ครั้ง”

คำพูดประโยคนั้น เป็นเพียง บทสนทนาขำๆ ของผู้ใหญ่และเด็ก คู่หนึ่ง แต่ใครจะรู้ ว่าสัญญานั้น มันจะทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

“ไปกินข้าว แล้วหาซื้อหนังสือกันเถอะ ฆ่าเวลา รอยัยหลิวกลับมา” เขาชวน แล้วเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนอีกสาย



******


“เมื่อไหร่จะกลับมาเสียทีเมฆ”

คำตอบของปลายสาย ทำให้บงกช ปิดมือถือลงอย่างห่อเหี่ยว เพราะลายเมฆตอบกลับมาว่า ธุระของเขายังไม่เสร็จ มีเรื่องวุ่นวายมากมายอยู่ทางโน้น ซึ่งบงกชก็เข้าใจดี เพียงแต่รู้สึกเสียดาย เพราะถ้ามีเพื่อนอย่างเขาอยู่ด้วย มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย อย่างน้อยก็เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับต้นธารนั่นแหล่ะ

เฮ้อ ... แต่ก็ไม่เป็นไร หญิงสาวคิด ก่อนจะเดินเข้าห้องอาหารไป เห็นมารดา กำลังนั่งละเลียดข้าวต้มอย่างเชื่องช้าและใจเย็น

“แม่เป็นยังไงบ้าง” ถาม พลางนั่งลงตรงข้าม หยิบช้อนมาตักข้าวต้มเข้าปากบ้าง

“อืม ก็เหมือนเดิม เมื่อยมากๆ วันนี้แม่จะไม่ออกไปเดินเล่นนะ แม่อยากจะนอนอย่างเดียว” คุณกานดาบอก

“บุ๋มโทรมารายงานตัวหรือเปล่า เมื่อวานไม่โทรมาหาบัวเลย”

คุณกานดาเหลือบมอง “อืม คุยกันแล้ว เมื่อคืน เห็นบอกว่า สนุกสนานใหญ่ คุยโม้ว่า บ้านโน้นเค้าใจดี แถมบ้านใหญ่โตมโหฬาร”

บงกชเบ้ปาก ไม่เชื่อถือเรื่องความใจดี แต่ก็ไม่กล่าวว่ากะไร

“แม่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า อยากให้บัวอยู่บ้านกับแม่ไหมวันนี้”

เมื่อมารดาส่ายหน้า หญิงสาวก็พยักหน้าหงึกๆ “งั้นบัวจะไปท้ายสวนซักหน่อย วันนี้มีตัดแต่งกิ่งลำใยตรงท้ายสวน ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ...นายธาร ...” เงียบไปอึดใจ “เอ่อ พี่ธารน่ะ บอกว่า อยากให้บัวไปดูด้วย”

คุณกานดาพยักหน้า ขณะที่บงกช กำลังจะเดินออกไป “บัว” มารดาเรียกไว้


“คะ?”

“เมฆน่ะ เป็นแค่เพื่อนบัวจริงๆ ใช่มั๊ย?”

หญิงสาวมองมารดาอย่างแปลกใจ แต่ก็พยักหน้า “ค่ะ”

คุณกานดายิ้มน้อยๆ “อืม” พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เมื่อคืนนี้ มีคนโทรมาหาแม่ เขาบอกว่า อยากจะซื้อสวนของเราน่ะ จริงๆ ก็มีคนมาติดต่อขอซื้ออยู่เรื่อยๆ แต่แม่ก็ปฏิเสธไปตลอด”

บงกชนิ่งขึง รอฟัง

“แต่ตอนนี้ แม่ไม่รู้จะอยู่กับพวกเราสองคนไปได้นานแค่ไหน แม่เลยอยากให้บัวกับบุ๋มเป็นคนตัดสินใจเอง”

หญิงสาวเดินกลับเข้ามาหามารดาอีกครั้ง จะกอดแต่แล้วก็นั่งลงข้างๆ จับมือผอมๆ ของมารดาไว้ พูดเสียงแข็งๆ “แม่พูดอะไรน่ะ แม่จะต้องอยู่กับเราไปนานๆ บัวรู้ ว่าแม่น่ะรักยัยบุ๋มมาก แม่จะต้องอยู่ เพื่อดูยัยบุ๋มโตขึ้น เรียนจบ รับปริญญา แล้วก็ต้องอยู่ เพื่อรอดูยัยบุ๋มแต่งงาน เข้าใจไหมคะ”

คุณกานดาดึงมือออกจากมือลูกสาวคนโต แล้วยกมันขึ้นลูบผม ดึงลูกผมที่หลุดลุ่ย ไปเหน็บหูให้บงกชอย่างอ่อนโยน ทำราวกับหญิงสาวเป็นเพียงเด็กห้าขวบเท่านั้น “บัว ...บัวแม่ก็รัก ไม่น้อยไปกว่าน้องนะ” เสียงนั้นเครือๆ


สัมผัสอันอ่อนโยนนั้น ทำให้หัวใจบงกชกระตุก น้อยครั้งนัก ที่สองแม่ลูกจะสัมผัสกัน “บัวรู้ บัวรู้ บัวแค่พูดเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง”

“ยัยบุ๋มแต่งงาน แม่ก็อยากเห็นวันนั้น ...แต่ตอนนี้ แม่อยากเห็นวันแต่งงานของบัวมากกว่า”

บงกชมองอย่างแปลกใจ และเจ็บแปลบ เสหัวเราะ “แม่ก็ บัวจะไปแต่งงานกับใคร แฟนก็ไม่มี”

“จริงหรือ”

“แต่งกับนายเมฆดีมั๊ยคะ” แสร้งทำเสียงรื่นเริง “นายเมฆนี่แสนดีมากเลยนะคะ เป็นเพื่อนบัวมาตั้งหลายปี ดูแลและปกป้องบัวมาโตยตลอด แถมยังรูปหล่อ พ่อรวย ใครแต่งด้วย สบายไปทั้งชาติ”

“จะแต่งกับใคร แม่ก็ไม่ว่าหรอก แต่หนูต้องแต่งงานกับคนที่อยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตนะลูก”

“แม่...”

“ชีวิตคนเรา มันยาวนานเกินไป หากต้องแต่งงานกับผู้ชายผิดคน สัญญากับแม่นะ ถ้าหนูจะแต่งงาน ขอให้แต่ง เพราะความรัก”

“แม่ ทำไมวันนี้พูดอะไรแปลกจัง...ไม่เอาแล้ว บัวไปทำงานดีกว่า” ว่าแล้ว หญิงสาวก็ลุกออกไปทันที ออกไปให้พ้นจากอารมณ์อ่อนไหว

ความรัก ...ไม่มี
ไม่มีหรอก ไอ้ความรักโง่ๆ นั่น


คล้อยหลังลูกสาวคนโต คุณกานดาก็ทรุดห่อตัวลง ปวดหัวใจหนึบๆ ด้วยอาการป่วย แต่ยังไม่ปวดใจเท่า การได้รับรู้ว่า เวลาที่จะได้อยู่กับลูกสาวสุดที่รักทั้งสองคน น้อยลงเต็มที

หัวใจที่ปวดร้าว เต็มไปด้วยความหวังและความปรารถนาดี อยากจะเห็นลูกสาวได้อยู่อย่างมีความสุข กับคนที่สามารถดูแล คุ้มครอง และมอบความสุขให้ได้ ทั้งร่างกายและหัวใจ อยากให้ลูกได้แต่งงานกับผู้ชายถูกคน เพราะการได้แต่งงานกับผู้ชายที่ถูกคน คือของขวัญล้ำค่าจากสรรค์ เพราะหากไม่ใช่ ชีวิตทั้งชีวิตก็จะไม่มีค่าอะไรเลย

คิดถึงอดีตแล้วก็ปวดใจ
บางสิ่ง ต้องเก็บมันไว้ให้ลึกสุดใจ เท่านั้น



*****



ในร้านหนังสือขนาดใหญ่ บูรณีกำลังค้นหานิยายเรื่องใหม่อย่างสนุกมือ พยายามลืมเรื่องเอกสารการตรวจครรภ์ของบงกชไปชั่วขณะ เมื่อคืนโทรคุยกับแม่ ทุกอย่างโอเคดี คันปากอยากบอกมารดาเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีความกล้าพอ ยิ่งอยากจะพูดจะโทรหาบงกช ด้วยความสงสัย อยากรู้อยากเห็นและห่วงใย ยิ่งขลาดเข้าไปใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับบงกช

ความเย็นชาที่เพิ่มขึ้น เมื่อหญิงสาวย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพ
การไม่ยอมกลับบ้าน เป็นเวลาหลายเดือน
รูปถ่ายของต้นธารในชุดนักศึกษา
เอกสารการตั้งครรภ์


ไม่ ไม่ ไม่...ไม่คิด ...อย่าคิด ...บูรณีรีบสลัดหัว เพื่อให้ความคิดนั้นหลุดไป...

แต่...



มือที่กำลังจับสันหนังสือชั้นบนสุด ถูกทาบทับด้วยมือใหญ่ของใครอีกคน ทำให้บูรณีตื่นจากภวังค์ ถอยหลังด้วยความตกใจ ก็ชนกับแผ่นอกของคนข้างหลังอย่างจัง
“อุ๊ย”

“เด็กคนนี้นี่...” เสียงทุ้มเหนือหัว “คิดอะไรอยู่ ทำอะไรไม่เคยดูเลย ดึงหนังสือไม่ระวัง เดี๋ยวหนังสือก็หล่นลงมาทับหัวอีกพอดี”

“อ่า ..แหะ แหะ คิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะอา” ก่อนดึงหนังสือเล่มนั้นออกมา แต่ต้นรักก็แย่งไปจากมือ แล้วเดินไปที่เค้าท์เตอร์จ่ายตังค์

“เอาเล่มนี้เล่มเดียวเหรอ”

“ค่ะ แต่เดี๋ยวบุ๋มจ่ายเอง” กำลังล้วงกระเป๋าสตังค์ ต้นรักรั้งไว้

“ไม่เป็นไร อาซื้อให้”

“ไม่ต้องค่ะ แค่มาอยู่ มาเที่ยวด้วยหลายวัน ก็รบกวนจะแย่แล้ว เดี๋ยวบุ๋มจ่ายเอง”

“ไม่เป็นไร อาให้เป็นของขวัญ” พร้อมกับจ่ายเงินให้พนักงานเรียบร้อย...

“ของขวัญ ?...เนื่องในโอกาสอะไรคะ?”

“อืม...โอกาส อะไรดีล่ะ ...โอกาสที่เรียนจบละกัน”

“แหม ของขวัญเป็นหนังสือนิยาย เนื่องในโอกาสที่เรียนจบนี่นะ” เธอว่า ...แล้วก็หัวเราะออกมา “อ่ะ อ่ะ ก็ตามใจ แต่ของขวัญมันเล็กไปหรือเปล่าคะอา”

น้ำเสียงล้อเล่น ช่วงหลังๆ บูรณีรู้สึกว่า คุยกับเขาแล้วสบายใจ และไม่เกร็งเหมือนแต่ก่อน ...

“ให้ของขวัญทั้งที แค่หนังสือเล่มเดียว ไม่พอค่ะ ต้องเลี้ยงหนังและเลี้ยงข้าวด้วย” ก่อนจะฉวยโอกาสที่เขาเผลอ ดึงกระเป๋าสตังค์ออกจากมือชายหนุ่ม แล้ว วิ่งออกไป หันมาชูกระเป๋าสตังค์ล้อเลียน แล้วยักคิ้วให้อย่างซุกซน ไม่เหลือเค้าเด็กสาวเรียบร้อยน่ารัก เรียบๆ เงียบๆ อย่างที่เคยรู้จักอีกเลย

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามออกไปอย่างเร็วๆ ก้าวยาวๆ ตะโกนบอก “ไม่เห็นต้องแย่งกระเป๋าเลย ยังไงอาก็ตามใจอยู่แล้ว”

“ไม่รู้ล่ะ เอามาเพื่อเป็นประกันก่อน มีหนังเรื่องหนึ่งเข้าวันนี้ อยากดูมากเลยค่ะ” ก่อนจะเดินลิ่ว ๆ เข้าสู่ทางไปโรงหนัง พอมาถึงเค้าท์เตอร์ ก็ยื่นกระเป๋าสตังค์ คืนให้อาจารย์หนุ่ม ต้นรักรับไปแล้วส่ายหน้า เอ่ยเล่นๆ

“เมื่อก่อน อายังแปลกใจ ว่าทำไมบุ๋มถึงสนิทกับยัยหลิวได้ ทั้งๆ ที่นิสัยไม่เหมือนกัน ซักนิดเดียวตอนนี้รู้แล้ว ที่แท้ก้เหมือนกันนี่เอง ...”

ซื้อตั๋วเรียบร้อย บูรณีก็เดินไปซื้อป๊อบคอร์น

เอาป๊อปคอร์นมั๊ยคะอา
เอาน้ำหรือโค้กคะอา
อันนี้มีโปรโมชั่นแถมร่มด้วยนะคะอา

ต้นรักรับฟังเสียงเจื้อยแจ้วนั้นด้วยความเพลิดเพลิน แทบจะลืมไปแล้ว ว่าเคยมาดูหนังโรงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ นานมากจนจำไม่ได้ และไม่อยากจำ

บูรณีกลับมาอีกที พร้อมกับโค้กแก้วใหญ่ และกล่องป๊อปคอร์นเต็มไม้เต็มมือ เขาเลยเอื้อมมือไปช่วยถือของให้ เด็กสาวเลือกดึงแก้วโค้กไปดูดอึกใหญ่ ก่อนจะหันมาถาม “ดื่มไหมคะ?” ยื่นแก้วให้

ไม่รู้อะไรดลใจ เขาก้มลงไปดูดทันทีอย่างไม่ทันคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ด้วยความรู้สึกกระดาก

นี่เขา อาจารย์ต้นรัก วัย 39 ปี แก่แล้ว กำลังทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่น ดูดน้ำในมือเด็กสาว 18 ที่แม้ทั้งคู่จะบริสุทธิใจ แต่ในสายตาคนอื่น นี่คือการป้อนชัดๆ

ตาจ้องตา อึ้งกันไปชั่วขณะ บูรณีถือแก้วโค้กค้าง...

“เอ่อ...เอ่อ น้ำแข็งเยอะไปหน่อยนะคะ จืดๆ ” แก้เก้อ

ต้นรักเปลี่ยนเรื่อง “ หนังที่เราจะดูกันนี่ รอบกี่โมงนะ โทรหายัยหลิวสิ เผื่อจะมาทัน จะได้ไปดูด้วยกัน”

บูรณีก้มลงค้นมือถือในกระเป๋าอย่างเงอะงะ ยังไม่ทันกดโทรออก เสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา

“คุณพ่อ”

หันไปตามเสียง แพรไหมกำลังวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว “เซอร์ไพร์มาก มาเจอคุณพ่อที่นี่”

กวักมือเสียงใครอีกคน “แม่คะ มานี่เร๊ว”

ใครอีกคนเดินตามเข้ามา “วันนี้หนังเข้าใหม่ค่ะ แพรเลยขอให้แม่พามาดู”


“ต้น...”

“พราว..”

น้ำเสียงเรียกกันนั้น ดูสนิทสนม แต่ก็กระอักกระอ่วน บรรยากาศดูแปลกไป อากาศที่เคยสบายๆ เมื่อครู่ คล้ายครุกรุ่นด้วยควันไฟ ทำให้บูรณีรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

“คุณพ่อมาดูหนังกับพี่บุ๋มหรือคะ?”

“อ๋อ เปล่า มารอพี่หลิวน่ะ” ตอบเร็วเกินไป เหมือนแก้ตัว

“อ๋อ นั่นสิคะ จะเป็นไปได้ยังไง ที่คนอย่างต้น จะมาดูหนัง ต้นไม่เคยมีเวลาเพื่อสิ่งไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว” เสียงของผู้หญิงคนนั้น คล้ายประชดประชันและตัดพ้อ

ต้นรักรับฟังนิ่งๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงการประชดประชันนั้น ก่อนจะบอก “นี่บูรณี เพื่อนยัยหลิวน่ะพราว ...บุ๋ม นี่คือพราวรพี แม่ของแพรไหม” เขาเลือกใช้คำว่า แม่ของแพรไหม

บูรณียกมือไหว้อย่างสุภาพ พราวรพียกมือรับไหว้อย่างแกนๆ มองดูเด็กสาวไปทั้งตัว “เพื่อนยัยหลิวหรือคะ ท่าทางเหมือนกันเลยนะคะ” พราวรพี ไม่ค่อยถูกชะตากับต้นหลิว หลายสาวต้นรักอยู่แล้ว

เหมือนกันในที่นี้ บูรณีก็ไม่รู้ ว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจจะหมายความว่าอย่างไร

“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ สาวน้อย” ก่อนจะหันไปมองต้นรัก  “พราวต้องไปแล้วค่ะต้น ...แพร ลาคุณพ่อซะสิลูก เดี๋ยวไม่ทันหนังรอบนี้นะ” ว่าแล้วก็เดินออกไปทันทีอย่างไว้ตัว ก่อนที่แพรไหม จะเอ่ยลาทั้งคู่ แล้วรีบวิ่งตามมารดาไปทันที


บูรณีหันมามองต้นรัก ทันได้เห็นแววตาของชายหนุ่ม ที่มองตามอดีตภรรยา ไปจนลับสายตา แววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอาวรณ์

และแววตาอ่อนโยนคู่นั้น มันทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกๆ
“แม่น้องแพร สวยจังเลยนะคะ”

“อืม” เขาพยักหน้า เหมือนอยู่ในภวังค์ “ใช่ สวย และไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”

บูรณีพยายามยิ้ม แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู “ว๊ายยยย ตายแล้วๆ ลืมโทรหาพี่หลิว เดี๋ยวโทรหาพี่หลิวก่อน” ก่อนจะกด กด และกด แล้วหันหลังเดินออกไป

บอกตัวเอง ว่าไอ้อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้น เกิดจากการดื่มโค้กเข้าไปมากเกินไปเท่านั้น


ไม่มีความรู้สึกใดๆ เกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น



******



บ่ายแก่มากแล้ว เมื่อคนงานตัดแต่งกิ่งลำไยท้ายสวนเสร็จ บงกช จึงสั่งให้ลุงสนบอกให้คนงานกลับบ้านพักได้ และสั่งให้ลุงสนเข้าเมือง เพื่อไปหาซื้ออาหารทะเลมาตามรายการที่สั่ง วันนี้หญิงสาวเห็นว่างานเสร็จลงอย่างรวดเร็ว ก็เลยอยากทำบาร์บิคิว อาหารทะเล เพื่อเลี้ยงเหล่าคนงาน แต่ต้นธาร ที่วนเวียนควบคุมงานอยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาขัดเสียก่อน เขาเดินไปหาชายวัยกลางคน หัวหน้าคนงาน ก่อนดึงกระดาษลิสรายการอาหารออกจากมือมาถือไว้เอง แล้วบอก

“พอดีผมมีธุระอยากให้ลุงทำให้หน่อยนะครับ” ก่อนเสียงจะเบาลง “ช่วยไปที่ออฟฟิสผม แล้วเอาเอกสารจากผู้จัดการ มาให้ผม ภายในเย็นนี้ทีนะครับ”

ก่อนจะเดินไปหาบงกช “บัว เดี๋ยวพี่จะไปซื้ออาหารพวกนี้เอง ไปด้วยกันสิ”

หญิงสาวหันมามองและตอบห้วนๆ ทันที “ไม่ค่ะ ฉันจะกลับบ้านไปอาบน้ำ” แต่เมื่อมองสบตาที่เหมือนท้าทายนั้น ก็เปลี่ยนใจ “ก็ได้ ก็ได้ ...ฉันจะไปกับคุณ เราจะเป็นเพื่อนกัน “ หญิงสาวกัดฟัน “เราเป็นเพื่อนกันได้”

ย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เหมือนลงยันต์สั่งตนเองเสียมากกว่า




ไปถึงตลาดสด ที่ไม่ได้มาเสียนาน บรรยากาศคล้ายวันเก่าๆ เสียงแม่ค้าจอแจวุ่นวาย ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน อากาศร้อน แต่หญิงสาวก็ไม่อึดอัด ถ้าจะอึดอัด ก็เพราะคนข้างๆ นี่แหล่ะ ที่เดินเคียงข้างมาอย่างเรื่อยเฉื่อย สง่างาม ผู้คนในตลาด ส่งเสียงทักและนอบน้อมกับเขา แทบไม่มีใครไม่รู้จัก ตระกูลต้นตระการ เจ้าของสวนลำไยที่ใหญ่ที่สุด ที่เป็นดั่งแหล่งทำมาหากินให้กับชาวบ้านแถบนี้

“อันนี้ ฝากไปให้หนูหลิวด้วยนะคุณธาร” ป้าแม่ค้าคนหนึ่ง เอาถุงพลาสติกถุงหนึ่งมายื่นให้ชายหนุ่ม “เห็นบ่นว่าอยากกิน แต่หายาก ป้าก็เลยสั่งพิเศษมาเพื่อหนูหลิว”

ต้นธารรับมา แล้วบอก “ช่วงนี้ยัยหลิวไปกรุงเทพฯน่ะป้า ไม่อยู่ ป้าเก็บไว้เถอะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก”

ป้าทำท่าเสียดาย แล้วเหลือบมองมาที่บงกช ก่อนจะยิ้ม แล้วบอก “งั้นก็เอาให้แม่หนูคนนี้แล้วกัน แฟนคุณธารหรือ” ก่อนจะหันมามองหญิงสาวอย่างเพ่งพิศ พลอยทำให้บงกชต้องหันมาจ้องแกบ้าง

“หน้าคุ้นๆ นะ แม่หนูนี่”

“ป้าก็หน้าคุ้นๆ เหมือนกันนะ”

จ้องกันไป จ้องกันมา ...

ก่อนป้าแกจะร้องอ๋อ ดังลั่น “นี่แม่หนู เมียคนนั้นของคุณธารนิ” เมื่อเห็นหญิงสาวยังทำหน้างงอยู่ ป้าเลยรีบกระซิบ “ป้าอรไง ป้าอร ที่เคยเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาดอำเภอเมื่อ 7 ปีที่แล้วไง”


บงกชอึ้งไป ป้าอร ...อ้อ เธอจำได้แล้ว

ตอนที่เธอตั้งใจจะไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอกับต้นธารอย่างเงียบๆ เจอกับป้าอร ที่กำลังจะเป็นลม ขณะที่กลับออกมาจากอำเภอ ทั้งสองเลยอาสา ขับรถไปส่งที่บ้าน พอเห็นสภาพความยากจน กับหลานชายขมุกขมอมที่เกเร ไม่ยอมไปโรงเรียน ทั้งสองก็เลยช่วยเกลี้ยกล่อม และช่วยเหลือกันไปนิดหน่อย และในภายหลัง ก็มีโอกาสได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ และหญิงชราผู้นี้ ก็ได้รับรู้ ว่าทั้งคู่คบหากัน แต่ว่าตอนนั้นทั้งสองยังไม่พร้อมจะบอกใคร เลยขอให้ป้าแกอย่าบอกใคร ซึ่งป้าก็ทำตามแต่โดยดี เพราะตอนนั้นยังไม่รู้จัก ว่าต้นธารเป็นใคร มาจากไหน และในภายหลัง ก็ต่างห่างหายกันไป


ป้าอรมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา แล้วหัวเราะอย่างชอบใจ “โห ป้าไม่เห็นนาน เห็นแต่คุณธารคนเดียว ป้าก็นึกว่าเลิกกันไปแล้ว ที่ไหนได้ ยังอยู่ด้วยกันดีอยู่ เฮ้อ ...ดี ดี ดี อยู่กันยืดดี เป็นผัวเมียตั้งแต่เด็กน้อย ป้าก็นึกว่าจะเหมือนเด็กคนอื่นๆ เขา ได้กันแล้วก็เลิกกันแบบ ก้นหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ” พูดแบบพาซื่อ ...


บงกชหน้าร้อนผ่าว เหลือบมองต้นธาร เขาไม่แก้ตัวว่ากระไร ได้แต่ยืนเฉย หญิงสาวเลยต้องรีบแก้ตัวพัลวัล

“ชู่ว์ ...ป้า อย่างพูดไปค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ไปไม่ใช่อย่างที่ป้าคิด ..”


แต่ต้นธารก็สอดขึ้น “อย่างที่ป้าคิดนะ ถูกแล้วครับ”














Create Date : 30 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 เมษายน 2559 3:44:09 น. 8 comments
Counter : 1637 Pageviews.

 
บทที่ 12 มาแล้ว ค่ะ ...
มาอย่างช้าๆ (สิ้นเดือนพอดี)


โดย: nikanda วันที่: 30 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:14:15 น.  

 
คุณณิกานดาเขียนนิยายด้วยอ่ะ
เก่งจังเลยค่ะ^^
ไว้มีเวลาโนบุขอเข้ามาอ่านนะคะ
เข้ามาส่งข่าว ของ อคานิชิ จิน ให้คุณณิกานดาค่ะ(เขียนชื่อภาษาไทยแบบนี้ถูกไหมคะ)
อคานิชิ จิน จะรับงานแสดงค่อนข้างน้อยค่ะ ส่วนมากไปทุ่มเทให้กับการเป้นนักร้องมากกว่า แต่โนบุไม่ได้ตามงานเพลงของจิน ดังนั้นพอมีเรื่องที่จินลงเล่น โนบุจึงตามเก็บมาทุกเรื่อง โดยรวมๆแล้วเหมือนผูกพันกับเค้ามากกว่าค่ะ การแสดงจินอาจจะไม่โดดเด่นเรื่องของแอคติ้งมากนัก แต่โนบุว่าจินเป็นผุ้ชายที่แสดงอินเนอร์ ความรู้สึกออกทางสายตาได้ดีมากคนนึงเลยทีเดียว
(พอพูดเรื่องเด็กผู้ชายแล้วโนบุเล่าได้ยาวเลยละค่ะ55 คุณณิกานดาไม่เบื่อนะคะ)อิอิ
จิน มีงานแสดงน้อยมาก ดังนั้นเรื่องที่จะแนะนำเลยน้อยตามไปด้วย

แต่สำหรับฮารุมะ (กิ๊กใหม่ในสังกัดคุณณิกานดา^^)
รายนี้นั้นเจ้าพ่อซีรีย์คนนึงเลยทีเดียวค่ะ มีงานแสดงออกมาเรื่อยๆ และก็ได้รับความนิยมค่ะ
เรื่อง bloody monday ที่โนบุแนะนำคุณณิกานดาไป ถ้าไม่ใช่แนว ลองเป็นเรื่องนี้ดูไหมคะ ในห้องซากุระ คนชอบกันมากเหมือนกันค่ะ โนบุก็ยังไม่เคยดู แต่เอามาแนะนำไว้ก่อน
เรื่อง ฝากใจไปถึงเธอค่ะ ลองเสิร์ชหาดูนะคะ เค้าล่ำลือกันว่า ฮารุมะ น่าร๊ากกกกก ^^
ซีรีย์แนวรักโรแมนติกสไตล์ซีรีย์ญี่ปุ่นค่ะ

nobuta wo produce ค่ะ


โดย: nobuta wo produce IP: 202.29.153.10 วันที่: 30 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:57:54 น.  

 
^
^
ชื่อเราเขียนว่า "นิกานดา" แบบนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับข่าวคราวของทั้งจิน และฮารุมะนะคะ
มีโอกาส จะลองหาผลงานของทั้งคู่ มาลองดูค่ะ ว่าเป็นอย่างไร

"ฝากใจไปถึงเธอ" ก็จะลองหามาดูเช่นกันค่ะ ถ้าสามารถหาได้ง่ายๆ


โดย: nikanda วันที่: 31 กรกฎาคม 2556 เวลา:5:09:55 น.  

 
^________^


โดย: Maru FC IP: 58.8.46.19 วันที่: 2 สิงหาคม 2556 เวลา:9:41:08 น.  

 
รออ่านอยู่นะค่ะ
^___^


โดย: mememui IP: 180.222.157.66 วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:15:07:47 น.  

 
เก่งจัง...แต่งถึงตอน 12 แล้ว ^^


โดย: พริบตา (Pribtaa ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:52:12 น.  

 
มาเยี่ยมบ้านนี้ครับ ไม่ได้มานานมากมายก่ายกอง
สำนวนอุ่นๆแบบนี้ ไม่มีใครอื่น


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 16 มีนาคม 2559 เวลา:7:26:20 น.  

 
แป๊ะวันก่อน ดึกๆมาอ่านนะฮะ


โดย: พริบตา (Pribtaa ) วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:17:48:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.