:: ใต้เขตธารา บทที่6 ::





...เพราะเขาคือประภาคารยิ่งใหญ่ หนักแน่นและมั่นคง ตั้งอยู่ตรงที่เดิมเสมอ ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน แต่ในที่สุด สุดท้ายแล้ว เธอก็จะกลับมาอยู่ตรงนี้ ที่ๆเป็นแหล่งพักพิงหัวใจอย่างแท้จริง


...อ้อมกอดของเขตธารา













เรฤดีผละจากประตูห้องของเขตธารามา กดรอลิฟท์แล้วปั้นหน้านิ่ง ทิ้งรอยเศร้าที่พยายามไม่ให้ชายหนุ่มได้เห็น ความทรงจำในอดีตเธอจะต้องกลบฝังมันไปให้หมด ไม่เช่นนั้นมันจะกลับมาทำร้ายเธอเอง

...มันไม่เป็นไรแล้ว เรไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

นั่นคือประโยคที่หญิงสาวบอกชายหนุ่มไป และเธอต้องทำให้ได้ด้วย ลืมมันไปให้หมด อย่าไปนึกถึงมันอีก บอกตัวเองซ้ำๆ เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างเรฤดีคนเดิม คนที่ไม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใด

ลิฟท์มาพอดี ก้าวเข้าไปด้านใน กดปิด ...

ขณะที่ลิฟท์กำลังจะปิดลง มือแข็งแรงของใครบางคนก็แทรกเข้ามาอย่างกระทันหัน และเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงของแทนไทก้าวเข้ามาด้านใน เคียงข้างหญิงสาว แล้วลิฟท์ก็ปิดลง เขาหันมายิ้มให้หญิงสาว แต่เรฤดีเพียงแต่ปรายตามองแล้วพยักหน้าให้นิดนึง แทนไทเพิ่งมาทำงานกับเขตธาราไม่กี่ปี แต่หญิงสาวไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเลย เพราะในท่าทางสุภาพเป็นมิตร ในแววตาของเขายามมองดูเธอ มันแฝงไว้ดูความระอากึ่งดูแคลน

หรือหญิงสาวจะคิดมากไปเองก็ไม่รู้...

"ไม่เมื่อยบ้างหรือไงคุณ" แทนไททัก หน้าเปื้อนรอยยิ้ม

เรฤดีหันมามองเป็นเชิงถาม...ชายหนุ่มพยักหน้าใส่

"ก็คอคุณนะ ผ่อนคลายบ้างก็ได้นะครับ เห็นกี่ทีๆ ก็เป็นแบบนั้น คุณไม่เมื่อย แต่ผมเมื่อยแทน"

"คนบ้า"...เรฤดีพูดเพียงเท่านั้น แล้วก็หันหน้าหนีอย่างเคืองใจ แต่ไม่ต่อปากต่อคำ เพราะเริ่มชินกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้าเสียแล้ว เจอกันกี่ทีๆ เป็นต้องพูดจาทักทาย ยิ้มแย้มแต่ค่อนขอดอยู่ในทีเป็นประจำ ปะทะคารมกันกี่ครั้งกี่หน หญิงสาวก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกทีไป ทำได้เพียงเชิดคอแข็งใส่ เขาพูดอะไรมา หญิงสาวก็ไม่รับฟังเสียก็เท่านั้น

ใครกันหนอ ที่บอกว่าผู้หญิงอย่างเรฤดีแกร่ง แท้ที่จริงแล้วก็เพียงภายนอกนี่แหล่ะ และเขตธารารู้ดีกว่าใคร

แทนไทเหลือบตามองต่ำลงมาที่กลางลำตัว เรฤดีมองตาม จึงเพิ่งเห็นว่ามือตนทาบทับหน้าท้องของตัวเองไว้ลูบไล้อย่างใจลอยทนุถนอม ไม่ทันได้คิดอะไร เพียงแต่ทำไปโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่คิดถึงอดีตความรู้สึกปวดแปลบบริเวณท้องน้อยก็เกิดขึ้นทุกคราไป

"หิวหรือ คุณทานอะไรมาหรือยัง" คำถามนั้น ทำให้หญิงสาวนึกขึ้นมาได้อีกอย่าง ว่าที่จริงแล้วเธอมาหาเขตธาราในวันนี้ เพราะอยากจะชวนเขาออกไปหาอะไรทานกันเหมือนเคย แต่เมื่อมาถึง ก็คุยคุยกันเรื่องอื่นจนลืมไปเสียสนิท

"คุณเขตเขาไม่ว่างไปไหนมาไหนกับคนอื่นหรอก ช่วงนี้...ผมว่านะ "แทนไทพูดขึ้นอีก เรฤดีชักสีหน้าใส่

"ใครขอความเห็นคุณมิทราบ"

ลิฟท์มาถึงชั้นสี่แล้วหยุดเพราะมีคนเรียก แต่พอประตูลิฟท์จะเปิด มือใหญ่ของแทนไทก็กดปิดเสีย กักขังเขาและหญิงสาวไว้เพียงสองคน

"ทำบ้าอะไรของคุณ" หญิงสาวชักสีหน้าใส่ ตวัดเสียงห้วน แต่เขากอดอกตัวเอง หันมาแล้วทิ้งแผ่นหลังกว้างพิงผนัง สายตามองมาที่หญิงสาว กวาดมองตั้งแต่ดวงหน้าสวยสง่าเชิดสูง ไหล่ตั้งตรง เสื้อผ้าชุดหรู ไล่ลงไปถึงเรียวขาขาวที่โผล่พ้นชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่าไปมาก ข้อเท้าเล็กๆ ที่หายไปในรองเท้าคัทชูหัวแหลมส้นสูงปรี๊ดสีน้ำเงินประกายมุก

ไม่รู้เป็นอะไรสิ..

แทนไทคิด เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ทีไร เขาอยากจะแกล้งยั่วให้เธออารมณ์เสียทุกที ยิ่งได้เห็นคอตั้งๆ นั้นเชิดสูง เขายิ่งมีความสุข อมยิ้มบนมุมปากอย่างยียวน

"ผมก็ไม่อยากออกความเห็นอะไรหรอก แต่ผมเห็นใจคุณนะ" เขาว่า น้ำเสียงก็กวน "คุณจะเกาะตามติดเขาไปถึงไหน"

ประโยคนั้นแทงใจดำเรฤดีไม่น้อย หญิงสาวเม้มปาก หันมาทำตาวาวใส่เขาอีกครั้ง

"แล้วมันธุระกงการอะไรของคุณไม่ทราบ" ห้วนสุดๆ แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน

"ไม่รู้สิ" เขาตอบ "แต่ผมแค่คิดว่า ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ น่าจะไปได้ไกลกว่าการเป็นแค่ตัวสำรองในเวลาที่ตัวจริงเขาไม่อยู่"

จบประโยคกล่าวหานั้น หญิงสาวโกรธจนมีความรู้สึกว่าเลือดวูบขึ้นหน้าตัวเองจนร้อนไปหมด มองเห็นโลกภายนอกพร่าพราย เรฤดียกมือขึ้นและฟาดใส่ หวังจะตบปากช่างเจรจาของคนตรงหน้า จะสั่งสอนให้เขารู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสแก้มสากๆ ของเขาด้วยซ้ำไป โลกทั้งใบก็วูบดับลง

ลิฟท์มาถึงชั้นหนึ่ง พร้อมๆ กับที่แทนไทรับร่างของหญิงซึ่งล้มพับลง ไว้ในอ้อมแขนได้อย่างพอดิบพอดี

"คุณไปได้ไกลกว่านั้น ผู้หญิงอย่างคุณ ควรจะมีใครที่เห็นคุณค่าของคุณมากกว่านั้น เพียงแค่คุณควรจะรู้ตัว ว่าคุณควรจะอยู่ตรงไหนจริงๆ เท่านั้นเอง"

นั่นคือเสียงแผ่วๆ สุดท้ายที่หญิงสาวได้ยิน หรืออาจจะไม่ได้ยินมัน

ไม่มีใครรู้...



**********




ตอนบ่ายแก่ๆ ใกล้จะเย็น ชนิตาออกไปตลาดเป็นเพื่อนป้ารัตน์ เพื่อไปซื้อกับข้าว หญิงสาวถือเสียว่าไปเปิดหูเปิดตาตัวเองด้วย ตอนแรกไปซุปเปอร์มาเก็ตก่อน เพื่อซื้อของเข้าบ้านและซื้อของใช้ส่วนตัว และซื้อผ้าใหม่ๆ อีกนิดหน่อย ตอนอยู่ที่เชียงใหม่ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองเลย มัวแต่หมกตัวเขียนหนังสือ หรือไม่ก็ตระเวณไปสอนพิเศษเด็กๆ ชาวเขาเป็นอาสาสมัครช่วยเพื่อนๆ ที่เป็นคุณครูอยู่บนดอย

จากนั้นก็แวะไปตลาดสด เพราะป้ารัตน์ไม่ชอบซื้อกับข้าวให้ห้าง ป้าแกบอกว่า ไปซื้อที่ตลาดดีกว่า สดกว่า และเป็นความเคยชิน ชนิตาก็ตามใจ เพราะยามไปเดินตลาดที่ผู้คนขวักไขว่ มัวแต่วุ่นว้ายกับการซื้อของ ต่อราคาของ ก็รู้สึกว่าสนุกดีเหมือนกัน

บางครั้งหญิงสาวก็เหลียวซ้ายแลขวาเป็นระยะๆ มีความรู้สึกคล้ายใครบางคนคอยจดคอยจ้องดูอยู่ แต่เมื่อหันมามองหาก็หาไม่เจอ จึงได้แต่คิดว่าตัวเองคงจะหลอนไปเองเสียมากกว่า

แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ก็รู้สึกได้ว่า สายตาที่จดจ้องอยู่เบื้องหลังนั้นไม่หายไปไหน...


กลับมาถึงบ้านก็ใกล้ค่ำทีเดียว จะขันอาสาช่วยทำกับข้าวแต่ป้ารัตน์ก็ไม่ยอม หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจไปเล่นกับเจ้าชะอม สุนัขตัวโปรดของตนแทน

คล้ายๆ มีใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้าน ชนิตาจึงเดินออกมาดู เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ยืนเกาะรั้วอยู่ เมื่อหญิงสาวเปิดประตูเล็กด้านข้างออกไป ชายผู้นั้นก็มีท่าทางแปลกพิกล จ้องมองมาที่หญิงสาวอยู่ชั่วครู่ สายตาสานสบกัน ทำให้ชนิตาตัวชาไปเลยทีเดียว

"มาหาใครคะ" ชนิตาถามเสียงหวั่นๆ

ชายผู้นั้นไม่ยอมตอบ แล้วเขาก็รีบเดินจากไปทันที เดินเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ชนิตารีบปิดประตูลงด้วยความแปลกใจ คล้ายจะกังวล แต่แล้วเมื่อเจ้าชะอม วิ่งมาหา มาคลอเคลียขาหญิงสาว จนกระโปรงยาวคลุมเท้าพันกันไปหมด ชนิตาก็ลืมความแปลกใจไปเสียสิ้น หันมาโอบเจ้าชะอม แล้ววิ่งไล่กันสนุกสนานจนลืมเวลา



แสงสุดท้ายของวันมาเยือน ดวงอาทิตย์อัสดงสีส้มอมม่วงบนเส้นขอบฟ้าส่องประกายความสว่างพร่าพราย และที่ทำให้หัวใจของเขตธารากระตุกขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อก้าวลงจากรถยนต์ ก็คือภาพของชนิตาที่นั่งพับเพียบอยู่บนสวนหย่อมหน้าบ้าน กระโปรงสีสดใสบานอยู่รอบตัว ราวกับว่าหญิงสาวกำลังนั่งอยู่กลางสวนดอกไม้หลากสี และสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาอุ่นขึ้นแล้วอ่อนยวบลงก็คือมือเรียวขาวของหญิงสาวนั้นกำลังลูบไล้และเกาท้องให้เจ้าชะอม ซึ่งนอนหงายอย่างสบายอารมณ์จนเขานึกอิจฉามัน

พอเขาเดินไปหา เจ้าชะอมก็สะบัดตัวแล้ววิ่งมาเคล้าเคลียชายหนุ่มด้วยท่าทางจงรักภักดี จนคนที่เกาท้องให้เมื่อครู่มองด้วยความแปลกใจเอ่ยทีเล่นทีจริง

"ดูนะ พอเจ้านายใหม่แกมา แกก็ลืมเจ้านายเก่าไปเลยนะ" ต่อว่าต่อขานสัตว์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้วก็ลุกขึ้นสะบัดกระโปรง หันมาสบตากับเขตธาราพอดี พอเห็นสายตาเขาเหลือบมองดูที่ลำคอซึ่งหญิงสาวพันผ้าพันคอเอาไว้ ชนิตาก็ขยับผ้าพันคอให้เข้าที่ หน้าแดงเรื่อ

"อากาศก็ไม่หนาวนะ" เขาเปรยขึ้นก่อน เมื่อหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะทักทายเขา สายตาก็ทำให้อึดอัดแล้ว คำพูดเปรยๆ นั้นยิ่งทำให้ร้อนขึ้นเป็นสองเท่า ไม่กล้านึกถึงรอยแดงเป็นจ้ำบนลำคอ ชนิตารีบเปลี่ยนเรื่อง

"เจ้าชะอมมันดูดีกว่าเดิมอีกนะคะ อ้วนท้วนเชียว ขอบคุณที่ดูแลมันแทนฉันอย่างดี"

"ทำไงได้ล่ะ เจ้าของมันไม่รัก เอามาเลี้ยงแล้วก็ปล่อยทิ้ง" เขาเอ่ยเปรยๆ ไม่จริงจัง พูดแล้วยังคงทอดสายตามองลำคอหญิงสาวไม่เลื่อนสายตาไปไหน

"ใจจริง ฉันตั้งใจจะเอาเจ้าชะอมขึ้นไปอยู่ที่โน่นด้วย แต่ฉันไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านเท่าไหร่" ชนิตากล่าว แก้ตัวลอยๆ กับข้อกล่าวหาของเขา


ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เขาพาเธอไปเที่ยวทะเลแล้วเจอเจ้าชะอม ซึ่งตอนนั้นมันตัวนิดเดียว เดินโต๋เต๋อยู่ริมชายหาดไม่มีเจ้าของ แว๊บแรกที่มันหันมาจ้องตาชนิตา ซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ หญิงสาวก็เรียกมันเข้ามาหา และมันก็เข้ามาอย่างว่าง่าย ในนาทีนั้นหญิงสาวตัดสินใจที่จะเอามันกลับบ้านด้วย

"ถ้าตาอยากเลี้ยงสุนัขซักตัว เดี๋ยวพี่จะซื้อให้ แต่ต้องไม่ใช่ไอ้ตัวนี้ ไปหาซื้อที่ร้านขายสุนัขดีกว่า" เขตธาราบอก เมื่อชนิตาเอ่ยร้องขอ

"ไม่เอา ตาไม่อยากได้ตัวอื่น ตัวนี้แหล่ะ มันน่าสงสารออก" ว่าพลางยื่นสุนัขขมุกขมอมในอ้อมแขนตัวเองให้เขาดู แต่ชายหนุ่มยังคงส่ายหน้าอยู่ดี

"พี่เขตดูสายตามันสิคะ ดูสายตาเวลาที่มันมองตาสิคะ ราวกับว่ามันเกิดมาเพื่อเป็นของตาคนเดียว...ดูสิคะ" หญิงสาวในวันนั้นออดอ้อน แล้วสุดท้ายชายหนุ่มก็ยินยอม ยินยอมเพียงเพราะประโยคนั้น

ราวกับว่ามันเกิดมาเพื่อเป็นของตาคนเดียว...


ณ วันนี้ ขณะที่กำลังยืนมองชนิตาอยู่ เขาก็อยากบอกเหมือนกัน ว่าบางทีผู้ชายคนนี้ ก็อาจเกิดมาเพื่อเป็นของเธอคนเดียวก็ได้

"เข้าไปข้างในกันเถอะ" เขาบอก แล้วเดินเคียงข้างหญิงสาวไปด้านในตัวตึก

ชนิตาเหลือบตามองเขา ... เสี้ยวหน้าคมเข้ม

เมื่อคืนนี้ จำได้ว่าตอนดึกๆ เธอตื่นขึ้นมาอย่างสลึมสลือ เพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างข้างตัว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขตธารานั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวข้างๆ เขามองเธอนิ่ง...แต่ด้วยความง่วงงุน ตาหญิงสาวก็ปิดลงอีก รู้สึกตัวเลือนลางว่าตัวเองลอยขึ้น หญิงสาวจึงรีบคว้าคอเขาไว้ จะว่าหลับก็ไม่หลับเสียทีเดียว จะว่าตื่นก็ตื่นไม่เต็มที่ รู้แต่ว่ากลิ่นหอมจางๆ ของเสื้อเชิ้ตบริเวณแผงอกที่ศีรษะและจมูกของเธอจรดไว้ช่างหอมกรุ่น กลิ่นหอมของเขาช่างอบอุ่นจนชนิตาอยากจะซุกหน้าอยู่ตรงนั้นให้นานแสนนาน

เขาอุ้มเธอขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องของหญิงสาว ก่อนจะวางลงบนเตียงนุ่มนวล หญิงสาวพลิกตัวหันหลังให้เขา ทำราวกับคนนอนหลับยังไม่ตื่น เขานั่งลงข้างเตียงไม่ไปไหนอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียว ก่อนจะก้มลงมาแตะแก้มนวลเบาๆ ด้วยฝ่ามือ ริมฝีปากเขาตามติดลงประทับอยู่ตรงนั้น แล้วก็เคลื่อนลงมายังซอกคอ แย้มริมฝีปากและดูดคลึงเบาๆ อย่างอดใจไม่ไหว

"อื้อ..อ.." เรียกเสียงคลางของคนที่หลับตาอยู่ออกมาจนได้

"ตา..." เขาเรียก แต่ชนิตายังคงหลับตา ไม่กล้าลืมตา แต่ขยับปากตอบ

"อะไรคะ"

"พี่.."

เงียบ...รอฟัง

"เรามาเริ่มต้นกันใหม่ไหม" เขาถาม และชนิตาลืมตาในที่สุด แต่มองเขาได้ไม่เต็มตา เพราะมีเพียงแสงไฟสลัวจากด้านนอก โครงหน้าหล่อเหลาเป็นเงาจาง หญิงสาวถามด้วยเสียงเครือด้วยความมึนงงง่วงงุน

"หมายความว่ายังไงคะ"

"ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เรามาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ไหม ลืมเรื่องในอดีตไปให้หมด" เขาว่า แต่หญิงสาวไม่ตอบว่ากระไร ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ "เราอาจจะเข้ากันไม่ได้ในบางเรื่อง ตาอาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ มาแต่งงานกับพี่ด้วยความเต็มใจของตาเอง แต่เราไม่ได้เกลียดกันไม่ใช่หรือ ตาเกลียดพี่หรือเปล่า" เขาถาม

หญิงสาวส่ายหน้า

"งั้นพรุ่งนี้ กลับมาเป็นชนิตาคนเดิมนะ แล้วเรามาคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์"

เขาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะดึงผ้าแพรจากปลายเตียงมาห่มคลุมร่างให้หญิงสาว ก้มลงจุมพิตหน้าผาก แล้วเดินจากไป ไม่ได้อยู่เพื่อรอคำตอบ ซึ่งถึงเขารออยู่ หญิงสาวก้คงไม่มีคำตอบให้เขา

เสียงประตูปิดตามหลังชายหนุ่มดังคลิ๊ก...

น้ำตาของชนิตาเอ่อซึมขึ้นมา

...ใช่สิ เขาไม่ใช่คนถูกทรยศนี่ ถึงได้มาขอให้ลืมวันคืนเก่าๆ ในอดีตได้อย่างง่ายดายนัก

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ทำไมหัวใจถึงอ่อนยวบยาบขนาดนี้ มันอ่อนลงแล้วพร้อมจะลืมความปวดร้าวในใจได้ง่ายๆ เลยหรือไง ... สมองสั่งให้บอกว่า...ไม่

แต่หัวใจมันอยากได้พี่เขตคืนมา...พี่เขต... หญิงสาวอยากเรียกขานเขาแบบนั้นอีกครั้ง

อยาก...

อีกซักครั้ง...



ปล. ตอนที่หกมาแล้ว 80% อีก 20% จะตามมาทีหลังจ้า...





Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2554 20:05:32 น. 9 comments
Counter : 295 Pageviews.

 
ลงชื่อไว้ก่อนนะจ๊ะแจงเด๋วพรุ่งนี้มาอ่าน อิ อิ

วันนี้เด๋วไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนง่วงมั่กๆ


โดย: อ้อมกอดของความเหงา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:21:24 น.  

 
สวัสดีสายๆครับ..น้องแจง



มีโชคลาภ ร่ำรวย เงินทอง สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สวยงาม
จิตใจสดชื่นแจ่มใส การงานเจริญก้าวหน้ามั่นคง
มีคนรักและอุปถัมป์ค้ำชูมากมาย ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจสมปารถนา

祝:春 节 快 乐,
万 事 如 意 ,恭 喜 发 财!
身 体 健 康,合 家 欢 乐!


โดย: Little Knight วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:59:52 น.  

 


สุขสันต์วันตรุษจีน 2554
ขอให้มีความสุข
สุขภาพดี ทำมาค้าขึ้น
เสมอไปนะครับ




โดย: nulaw.m วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:37:33 น.  

 
โอ้ว ไม่ได้ตามมาอ่านวันสองวัน ปาเข้าไป
ตอนหกแล้ว .. งานนี้มีกี่ตอนเหรอค่ะน้องแจง ?

ชนิตาใจแข็งเน้อ .. คริๆ เป็นพี่ ไปแระ


โดย: JewNid วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:33:13 น.  

 
สงสัยจะมีลุ้นอีกคู่ระหว่างแทนไทกับเรแน่ๆ ชิมิจ๊ะแจง อิ อิ

และก็ยังลุ้นเขตกับตาอยู่เหมือนเดิมล่ะน๊าาา



โดย: อ้อมกอดของความเหงา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:48:00 น.  

 
จะรอกว่า 20จะมาค่ะ


โดย: siamview วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:10:17 น.  

 
ซินเจี่ยยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ เฮงเฮง คะ
เขตธารา เริ่มรุกแล้ว


โดย: naikinya IP: 111.84.236.19 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:14:55 น.  

 
รออ่านอีก 20% ที่เหลือและตอนต่อๆไปอยู่นะจ๊ะ อิ อิ

ปั่นไวๆน๊าาา


โดย: อ้อมกอดของความเหงา วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:58:07 น.  

 
^
^
เดี๋ยวเอายี่สิบเปอร์เซ็นต์นี้
ไปรวมยอดกับบทใหม่เลยดีกว่าค่ะอิน
จะพยายามรีบปั่นมาลงให้นะคะ..แป๊บนึง


โดย: nikanda วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:20:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.