*ขอบคุณ..ที่ผ่านมาให้กำลังใจกัน*
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ธรณีสูบ




ผู้ตัองธรณีสูบ
ในสมัยพุทธาล มี ทั้งหมด ๕ คนคือ

๑ พระเทวทัต

พระเทวทัต ในสมัยพระพุทธกาลเป็นพี่ของพระนางยโสธรา (พิมพา)
พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร และเป็นลูกของลุง
พระพุทธเจ้าเองพระเทวทัตนั้นตามจองล้างพระพุทธเจ้ามานานหลายชาติ
อดีตชาตินานมาแล้วนั้นพระเทวทัตเป็นพ่อค้าวานิช
มีจิตละโมบทุจริตและในชาตินั้น
พระพุทธองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพ่อค้าวานิชด้วยเช่นกันแต่เป็นฝ่ายสุจริต


วันหนึ่ง หญิงชราซึ่งเป็นผู้ดีตกยาก
มีถาดทองคำของต้นตระกูลเหลืออยู่ จึงนำออกมาขาย
พระเทวทัตเห็นเช่นนั้นจึงลวงด้วยเล่ห์ต่อหญิงชรานั้นว่า
ถาดนั้นมิใช่ทองคำแท้เป็นทองปลอม จึงเสนอขอซื้อราคาถูก
แต่หญิงชรานั้นรู้ดีว่าถาดที่แกนำออกมาขายนั้นทำด้วยทองคำแท้
จึงมิยอมขายให้ ในเวลาเดียวกันนั้น
พระพุทธองค์ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพ่อค้ามาพบเข้า
เห็นเป็นถาดทำด้วยทองคำแท้ก็ให้ราคาตามความเป็นจริง
สร้างความโกรธแค้นให้แก่พระเทวทัตเป็นยิ่งนัก
ถ้าไม่มีพระพุทธองค์มาซื้อถาดทองคำนั้น
ในมิช้าหญิงชราก็จักต้องนำถาดทองคำมาขายแก่ตนเพราะความยากจน
ด้วยเหตุนี้พระเทวทัตจึงผูกพยาบาทด้วยการกอบเม็ดทรายขึ้นมา ๑ กำมือ
หว่านลงกับพื้นดินประกาศว่า
.. เราจะจองล้างจองผลาญท่านต่อไปเท่าเม็ดทรายในกำมือ
๑ เม็ด เท่ากับ ๑ ชาติ จึงตามเบียดเบียนพยาบาทจองเวรกันมา
นับภพชาติไม่ถ้วน

เรื่อยมาจนกระทั่งพระชาติสุดท้าย
ก่อนจะที่จะมาตรัสรู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือได้เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร
พระเทวทัตได้มาเกิดเป็นพระพราหมณ์นามว่า “ ชูชก ”
จนกระทั่งมาถึงพระชาติที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระเทวทัตมีจิตริษยาพระพุทธเจ้านับตั้งแต่เยาว์วัย
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
เจ้าชายเทวทัตได้ออกบวชด้วยเช่นกัน เมื่อบวชแล้วได้โลกีย์ญาณ
มีความชำนาญในอภิญญา สามารถนิรมิตกายเหาะเหินเดินอากาศได้
จึงเกิดความกำเริบใจเพราะอกุศลกรรมเข้าสนับสนุน
ใช้ฤทธิ์แปลงกายเป็นพระศาสดา
กล่าวให้ร้ายในพรหมจรรย์ของพระพุทธองค์
ว่ายังอนุญาตให้สงฆ์สาวกฉันเนื้อสัตว์ที่ถูกนำมาถวายเป็นพระกระยาหาร
และก็เริ่มต้นสร้างความเลื่อมใสด้วยการฉันมังสวิรัติ
ให้เห็นว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ยินยอมให้พุทธสาวกปฏิบัตินั้นคือความเสื่อม

มิเพียงเท่านั้น ยังลวงเจ้าชายอชาติศัตรูให้กบฏต่อพระราชบิดา
แล้วตั้งตัวเองเป็นพระราชา
พระเจ้าอชาติศัตรูนั้นเคยเลื่อมใสพระพุทธองค์
แต่เมื่อถูกพระเทวทัตลวงก็ตัด อุปนิสัยแห่งมรรคผลเบื้องต้นเสีย
ทำตัวเองไปสู่ความพินาศอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นทำกรรมหนัก
ปลงพระชนม์พระราชบิดา
พระเทวทัตเองก็คิดปลงพระชนม์พระพุทธองค์
แล้วจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง
อกุศลกรรมที่พระเทวทัตก่อขึ้นตั้งแต่ต้น
คือส่งนายขมังธนูเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์
ยุยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูมอมเหล้าช้าง “ นาฬาคีรี ”
จนมึนเมาดุร้ายแล้วปล่อยออกไปทำร้ายพระพุทธองค์
ตลอดจนกระทั่งยุยงหมู่พระสงฆ์ให้เห็นความมัวหมองในพรหมจรรย์
ของพระพุทธองค์ ขณะเดียวกันพระเทวทัต
ได้หันมาฉันมังสวิรัติเป็นการโอ้อวดพรหมจรรย์ที่สูงกว่า
ความเลวร้ายของพระเทวทัตนั้นหนักหนา
จนแผ่นดินที่รองรับอยู่นั้นทนมิได้ แยกตัวออก
และสูบเอาพระเทวทัตตกสู่ขุมนรกอเวจี
ยืนเสวยอกุศลวิบากอีกนานเท่านาน จนแทบจะนับกาลเวลาไม่ได้



๒ นันทมานพ

นันทมานพมิได้ทำร้ายพระพุทธองค์
แต่ทำร้ายสาวกของพระพุทธองค์ คือพระ “ อุบลวรรณาเถรี ”
พระอุบลวรรณาเถรีเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ
ออกบวชตั้งแต่อายุ ๑๖ มีความสวยงามมาก
ซึ่งก่อนนั้นที่เป็นฆราวาสความสวยเป็นที่เลื่องลือ
และเป็นที่หมายปองของพระราชาคหบดี และมหาเศรษฐีมากมาย
แต่พระอุบลวรรณาเถรีเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส
เห็นเป็นทุกข์จึงออกบวชเป็นภิกษุณี เมื่อบวชได้ไม่นาน
ก็บรรลุอรหัตผลมีฤทธิ์มาก
แต่ว่านันทมาณพมีความต้องการด้านกามราคะฝังแน่นในใจมาช้านาน

วันหนึ่งนันทมานพทราบว่า พระอุบลวรรณาเถรีจำพรรษาอยู่ในป่า
ในกระท่อมเล็ก ๆ ด้วยจิตอันฝังแน่นด้วยราคะตัณหา
นันทมาณพได้แฝงตัวแอบรออยู่จนถึงเช้า
พระอุบลวรรณาเถรีออกบิณฑบาตแล้ว
นันทมานพได้หลบเข้าไปแอบซ่อนอยู่ใต้เตียงนอนในกระท่อม
เมื่อพระอุบลวรรณาเถรีกลับจากบิณฑบาต
ยังมิได้ฉันข้าว นั่งพักสงบอยู่บนเตียง
นันทมาณพได้ออกมาจากที่ซ่อนเข้าปลุกปล้ำ
พระอุบลวรรณาเถรีแม้นจะร้องหาคนช่วยก็ไม่เป็นผล
เพราะไม่มีใครอยู่ใกล้ จึงกล่าวให้สติแก่นันทมาณพว่า
“ จงอย่าทำเช่นนี้ .. ความหายนะจะมาสู่ท่าน ”
นันทมาณพมิได้ฟังกลับปลุกปล้ำพระอุบลวรรณาเถรี
จนสำเร็จความใคร่ดังใจปรารถนา
พอก้าวลงจากแคร่ก็ถูกแผ่นดินสูบตกลงสู่มหานรกอเวจี
ด้วยกรรมลามกนั้นหนักมาก

พระอุบลวรรณาเถรี ถูกวิจารณ์ว่าการสัมผัสเช่นนี้
พระอุบลวรรณาเถรีจะไม่มีความยินดีไม่ได้
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสบอกต่อพุทธสาวก...
“ พระอรหันต์นั้นมิใช่ไม้ผุ ไม่มีกิเลส ไม่มีความยินดีในกิเลส
เฉกเช่นตุ๊กตาที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันใด
พระอรหันต์ก็เป็น เช่นนั้น ..”



๓. นันทยักษ์

นันทยักษ์มิได้สร้างกรรมต่อพระพุทธองค์
แต่กระทำเบียดเบียนต่อพระสารีบุตร ผู้บำเพ็ญธรรม ..
ครั้งนั้น นันทยักษ์ ผู้มีฤทธิ์เดชเหาะมาบนอากาศพร้อมด้วยเหมตายักษ์
เมื่อเหาะมาถึงตรงที่พระสารีบุตรกำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ในอากาศธาตุ
ในบริเวณนั้นว่างเปล่าจากอากาศธาตุนันทยักษ์เหาะผ่านไม่ได้
จึงเกิดบันดาลโทสะ ด้วยในชาติปางก่อนนั้น
นันทยักษ์ได้อาฆาตพยาบาทพระเถระเอาไว้
จึงมีจิตคิดกระทำปาณาติบาตต่อพระสารีบุตรด้วยความพาลในสันดาน
เหมตายักษ์ได้ทัดทานให้ละเว้นเสีย แต่นันทยักษ์ก็มิฟัง
เหาะขึ้นบนอากาศ ใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธแห่งตนฟาดลงบนศีรษะ
ของพระสารีบุตร ความแรงแห่งการฟาดนั้น
สามารถพังภูเขาในคราวเดียวกันได้ถึง ๑๐๐ ลูก
แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในนิโรธสมาบัตินั้น
หาได้รับอันตรายจากการประทุษร้ายของนันทยักษ์ไม่
เมื่อเห็นพระสารีบุตรมิได้รับอันตราย
นันทยักษ์ก็บังเกิดเพลิงเร่าร้อนในอารมณ์ กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า
“ เราร้อน ... เราร้อน ” แ
ล้วตกลงมาจากอากาศ แผ่นดินเปิดช่องดึงร่างของนันทยักษ์
หายลับตาไปในบัดดลดิ่งลงสู่มหานรกอเวจี อันลึกสุด





๔. นางจิญจมาณวิกา

นางจิญจมาณวิกาเบียดเบียนพระพุทธองค์โดยรับอาสาจากพวก
“ ปริพาชก ” บุคคลในลัทธิอื่นที่มีจิตริษยาในลาภสักการะของพระพุทธองค์
จึงคิดกลั่นแกล้งด้วยการจ้างนางจิญจมาณวิกา แกล้งทำเป็นคนท้อง
ให้เขากลึงไม้นูนผูกรัดไว้ที่เอว แล้วก็ไปร้องบอกสมณะโคดม
ขณะนั่งประทับเทศนาว่า “ ท่านสมณะโคดม ”
จะมัวมานั่งเทศน์หน้านวลอยู่ทำไม
นี่เธอทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้กลับมิดูแล
อย่ามัวเทศน์โปรดพุทธบริษัทอยู่เลย จงไปตัดฟืนไว้เพื่อฉันดีกว่า
เวลาคลอดแล้วลูกเราจะได้มิลำบาก ”

พระพุทธองค์ได้ทรงสดับ จึงหยุดเทศนาและกล่าวกับนางจิญจมาณวิกาว่า

“ ภัคคินี ดูก่อนน้องหญิง เรื่องที่เธอกล่าวนั้น
คนอื่นเขามิได้รู้เรื่องด้วยดอกนะ
จะมีเธอกับฉันเพียงสองคนเท่านั้นละที่รู้กัน ”

พระพุทธองค์ทรงกล่าวด้วยความอิ่มเอมใจ
ท่ามกลางความสงสัยของพุทธบริษัท
เรื่องนี้เดือดร้อนถึงพระอินทร์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง
จึงทรงแปลงกายเป็นหนูไปกัดเชือกที่ผูกไม้
ทำให้ไม้ที่ผูกติดไว้เหมือนเช่นคนมีครรภ์นั้นหลุดตกลงมา
พุทธบริษัทเห็นมารยากล่าวให้ร้ายที่นางจิญจมานวิกา
กระทำต่อพระพุทธองค์ ดังนั้นก็ดุด่าไล่ขว้างด้วยก้อนหินและไม้
นางจิญจมาณวิกา ได้วิ่งหลบหนี พอพ้นคลองจักษุของพระพุทธองค์
นางจิญจมาณวิกา ก็ถูกธรณีสูบลงสู่นรกมหาอเวจีด้วยกรรมอันหนักนั้น

นางจิญจมาณวิกาเมื่อชาติก่อนหน้านั้นนางเกิดเป็น
นางอมิตตดา ภริยาของชูชกหรือพระเทวทัตในชาติเดียวกัน
กับที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพระเวสสันดรนั่นเอง



๕. พระเจ้าสุปปพุทธะ

พระเจ้าสุปปพุทธะเป็นกษัตริย์โกลิยะวงศ์
เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัต เมื่อทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบ
ลงมหาอเวจีนรกก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ
กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์
เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ
พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะเป็นหม้าย
จึงกลั่นแกล้งพระพุทธองค์ด้วยการเกณฑ์อำมาตย์ข้าราชบริพาร
ไปนั่งเสพเมรัยขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกบิณฑบาตโปรดเวไนยสัตว์
ซึ่งทางนั้นมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดำเนินไปได้
เมื่อเสด็จดำเนินผ่านไม่ได้เพราะพระเจ้าสุปปพุทธะกับบริวารขวางอยู่วันนั้น
พระพุทธองค์ทรงอดพระกระยาหาร ๑ วัน
พระอานนท์จึงทูลถามอยากจะทราบโทษของพระเจ้าสุปปพุทธะ
พระพุทธองค์จึงทรงได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า
“ อานันทะดูก่อนอานนท์ หลังจากนี้ไปนับได้ ๗ วัน
พระเจ้าสุปปพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป ”


เมื่อบริวารของพระเจ้าสุปปพุทธะกลับไปถวายรายงาน
พระเจ้าสุปปพุทธะก็มีจิตต้องการให้พุทธฎีกาของพระพุทธองค์
มิเป็นความจริง จึงขึ้นประทับ ณ ปราสาท ๗ ชั้น
แต่ละชั้นมีนายทวารป้องกันแข็งขัน
ทรงตรัสกับนายทวารที่มีร่างกายกำยำนั้นว่า
“ ในระหว่าง ๗ วันนี้ ถ้าฉันลงมาละก็
พวกเธอจงขัดขวางเอาไว้ไม่มีใครทำโทษ ”

โดยประกาศต่ออำมาตย์ ข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ไว้ดังนั้น
เพื่อมิให้นายทวารทั้งหลายต้องโทษ จนกระทั่งถึงวันที่ ๗
วันนั้นปรากฏว่า ม้าแก้ว ซึ่งเป็นม้าทรงศึกที่พระเจ้าสุปปพุทธะโปรดปราน
อาละวาดกระทืบโรง ร้องเสียงดังมาก
พระเจ้าสุปปพุทธะเกิดเป็นห่วงม้า
ด้วยอาการขาดสติจึงทรงลงจากปราสาทชั้น ๗
แต่ปรากฏว่านายทวารมิได้ขัดขวาง ด้วยคิดว่าเลยครบกำหนด ๗ วันแล้ว
พอพระเจ้าสุปปพุทธะย่างพระบาทเหยียบแผ่นดิน
ก็ถูกพระธรณีสูบหายไปสู่มหานรกอเวจี
ตรงตามพุทธะฎีกาที่ตรัสไว้แก่พระอานนท์

















ก็เอามาให้อ่านกันเล่นๆ...ให้กลัวบาปกลัวกรรมกันนิดนึง...
จะได้เป็นคนดีศรีสังคม
บ้านเมืองจะได้สงบสุข...


ไม่แน่นะ..พุทธศักราชล่วงมา ๒๕๕๓ ปี
พระไตรปิฎกอาจจะต้องจารึก..
ผู้ต้องธรณีสูบ รายที่ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ก็ได้นะ...






 

Create Date : 30 เมษายน 2553
11 comments
Last Update : 30 เมษายน 2553 13:57:33 น.
Counter : 2254 Pageviews.

 

จะมีใครนึกกลัวกันบ้างมั้ยคะ
อยากให้รู้สึกกลัวกันบ้างจัง

 

โดย: nupaew 30 เมษายน 2553 13:32:10 น.  

 

ธรณีสูบกับทรายดูดแมนอันเดียวกันบ่ป้า

 

โดย: ซซ 30 เมษายน 2553 13:34:42 น.  

 

น่ากลัวจัง

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 30 เมษายน 2553 14:15:05 น.  

 

น่าจะสูบหลายๆคนเลยอ่ะ

 

โดย: มัยดีนาห์ 30 เมษายน 2553 15:38:29 น.  

 

สงสัยสมัยนี้แผ่นดินเป็นคอนกรีต เลยไม่สูบคนชั่วลงไปแล้ว

ไม่งั้น คงต้องสูบลงไปตั้ง 2-3 ปีก่อนหน้านี้แล้ว

 

โดย: NATSKI13 30 เมษายน 2553 16:14:54 น.  

 

รายที่ 2 เคยมีเพื่อนตอนเด็กๆ ที่ขี้โฒ้ เล่าให้ผมฟัง ผมนึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง กลายเป็ฯเรื่องจริงหรอกเหรอเนี่ย...

 

โดย: Joji IP: 202.176.90.132 30 เมษายน 2553 16:34:57 น.  

 

 

โดย: เหนือฟ้า พาไป 30 เมษายน 2553 19:15:14 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: ฟ้ายังมองเรา IP: 58.9.207.13 30 เมษายน 2553 20:32:57 น.  

 

ธรณีสูบรายที่ 6 มีการจองตัวไว้แล้วมั้งเนี่ย

มิน่าล่ะ ไม่กล้ากลับไทย

 

โดย: Shallow Grave 1 พฤษภาคม 2553 11:38:51 น.  

 

เราเชื่อค่ะว่า .. คนที่คิดร้าย ปองร้าย
กับคนที่มีบุญคุณล้นเหลือไมว่า
จะด้วยทางใดทางหนึ่ง มันก็คงได้รับ
ผลกรรมสักวัน .. เชื่อแน่นอนค่ะ

เอ ไม่แน่เหมือนกันเน๊าะ ผลกรรม
มันกำลังสำแดงฤทธิ์อยู่ล่ะค่ะ
ธรณีสูบก็ไม่แน่อีกอาจจะเกิดได้
และก็คงเป็น "คนนั้น" ล่ะที่อาจจะได้
เป็นหนึ่งที่จะได้ไปเยือนเมืองใต้ธรณี

 

โดย: JewNid 2 พฤษภาคม 2553 6:59:32 น.  

 

น่าจะสูบหลายคนในแผ่นดินตอนนี้เลยล่ะครับ
บ้านเมืองจะได้สงบเร็วๆ






 

โดย: กะว่าก๋า 4 พฤษภาคม 2553 7:37:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นายรถซุง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




หัวใจดวงน้อย
ที่คอยจะมอบความรัก
ให้กับใครซักคน..หมดหัวใจ

(โอ้ว..น้ำเน่าคอด..คอด..)


* ข้อควรระวัง *

เจ้าของบ้านสันดานเสีย
ไม่ค่อยชอบตอบบล๊อกนะครับ


start 8 Dec.08
free counters คุณชลอ ครับผม

Friends' blogs
[Add นายรถซุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.