*ขอบคุณ..ที่ผ่านมาให้กำลังใจกัน*
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ต่อว่ากันด้วยเพลง

บล๊อกที่แล้วกล่าวถึงหลวงพ่อพร ภิรมย์ไปแล้วชิมิ...
วันนี้ก็ต้องมาว่ากันถึงคนนี้เลย


ชาย เมืองสิงห์



ชาย เมืองสิงห์ หรือ นายสมเศียร พานทอง
เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๒
ณ บ้านเลขที่ ๒๐ ตำบลบางมัญ หมู่ ๓ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
เป็นบุตรชายโทนคนเดียวในจำนวนพี่น้องทั้งสิ้น ๔ คน
บิดาชื่อ นายสี มารดาชื่อ นางป่วน พานทอง
มารดาแต่งาน ๒ หน หนแรก มีลูกสาว ๓ คน
จากนั้นก็ครองตัวเป็นหม้ายมาเนิ่นนานจนกระทั่ง
มาพบ พ่อสี จึงตกลงปลงใจแต่งงานอีกครั้ง
โดยคุณแม่ป่วนนั่นมีอายุมากกว่าคุณพ่อสีถึง ๑๓ ปี อยู่กินกันมาถึง ๘ ปีเต็มๆ
ก็ไม่ได้บุตรสืบสกุลสักคน ที่สุด แม่ป่วนจึงต้องไปบนบานศาลากล่าว
กับหลวงพ่อ วัดลำโพงกลางทุ่ง แล้วปาฎิหารย์ก็เกิดขึ้นเมื่อแม่ป่วน
ได้ให้กำเนิดบุตรชายสมใจนึก นั่นคือเด็กชายเสียน พานทอง
(ญาติพี่น้อง เรียกชื่อเล่น ว่า "ดิงดิ๊") เปลี่ยนชื่อเป็น สมเศียร
ตั้งแต่เข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๑


จากวัยเด็ก...กระโดดข้ามไปเลยแล้วกัน..เพื่อความว่องไว


คืนวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๐๔ วงดนตรีจุฬารัตน์ ของครูมงคล
อมาตยกุล
ซึ่งเป็นวงดนตรีลูกทุ่งที่มาตรฐานที่สุดในยุคมาปิดวิกแสดง
ที่วิกศรีตลาดพลู พี่เบิ้ม เป็นคนพา สมเศียรไปหาครูมงคล ที่หลังโรง
เพื่อต้องการฝากให้ได้เป็นน้กร้องในสังกัดจุฬารัตน์สักคน
แต่ครูเพลงไม่สนใจมีเพียง กุงกาดิน หรือ นคร ถนอมทรัพย์
ซึ่งเป็นผู้ช่วยครูมงคลเท่านั้นที่เปิดโอกาสให้ได้แสดงความสามารถบนเวทีในคืนนั้น
พอร้อง เพลงจบ กุงกาดิน พร้อมทั้ง สัมพันธ์ อุมากูร นักแสดงตลก
และนักแต่งเพลงประจำคณะได้ขอให้ครูมงคล ยอมรับเข้าคณะ
แต่ครูมงคลก็ยังใจแข็งพร้อมทั้งยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่
เลยไม่ยอมรับ เพียงแต่บอกว่า ถ้าอยากจะเป็นนักร้องจุฬารัตน์จริงๆ
ก็ให้ไปพบกันที่ เวทีสถานีวิทยุ ปชส.๗ ใต้สะพานพุทธจะให้แหล่โต้สดๆ กับพร ภิรมย์
ออกอากาศ วิทยุด้วย ถ้ากลัวก็ไม่ต้องไป

แล้วในคืนวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๐๔ ที่สถานีวิทยุ ปชส.๗ เชิงสะพานพุทธฝุ่งพระนคร
สมเศียร พานทอง นักร้องเชียร์รำวงไม่มีชื่อเสียงก็อาจหาญร้องเพลงแหล่โต้กับพร ภิรมย์
นักร้องลูกทุ่งอันดับหนึ่งของประเทศในขณะนั้นออกอากาศสดๆ
โดยมีผู้ชมเต็มสถานี และผู้ฟังทางบ้านเป้นสักขีพยาน
เสียงปรมมือเมื่อต้อนรับน้กร้องไม่มีชื่อ
ดังสนั่นหวั่นไหวเพราะความกล้าหาญ
และ ด้วยน้ำเสียงลีลาแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร

ในที่สุดครูมงคล อมายกุล ถึงกับออกไปประกาศด้วยตัวเองว่า
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปวงดนตรีคณะจุฬารัตน์
ขอต้อนรับนักร้องลูกทุ่งคนใหม่เข้าประจำวงโดยตั้งชื่ให้ว่า " ชาย เมืองสิงห์"
อันเป็นชื่อที่ครูเตรียมไว้ให้ สุรพล พรภักดี นักร้องนักแต่งเพลงเลือดสิงห์บุรีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในวง
ก่อนหน้าแล้ว สุรพล พรภักดีเลยต้งใช้ชื่อในด้านการร้องเพลงและแต่ง
เพลงในภายหลังว่า "พล พรภักดี"

จากชีวิตนักเชียร์รำวง กลายเป็นนักร้องมีสังกัดตั้งแต่บัดนั้นโดยได้รับ
การสนับสนุนอย่างดีจาก ครูมงคล อมายกุล, ครูสัมพันธ์ อุมากูร,
ครูไพบูลย์ บุตรขัน, ครู ป.ชื่นประโยชน์ , กุงกาดิน หรือ นคร
ถนอมทัรพย์ , มนตรี แสดงเอก , สุรพล พรภักดี , ฉลแง วุฒิวัย ,
พร ภิรมย์ , คำปัน ผิวขำหรือ ปอง ปรีชา







เพราะเป็นนักร้องในวงเดียวกันกับพร ภิรมย์ แต่มาทีหลัง
เลยอยากนำเสนอต่อเนื่องกันเลย

และเพลงที่อยากให้ได้ฟังก็เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสืบเนื่องกัน
โดยเป็นการต่อว่าต่อขานกันระหว่างนักร้องในวงดนตรีจุฬารัตน์
อันมี พร ภิรมย์ และ ชาย เมืองสิงห์เป็นตัวหลัก เริ่มด้วย





เพลงที่ ๑ มอดกัดไม้
เป็นเพลงที่ครูมงคล แต่งให้ชาย เมืองสิงห์ ร้องต่อว่าพร ภิรมย์



เนื้อเพลง มอดกัดไม้

อยากจะเตือนเพื่อนเรา ที่โง่เขลาลืมตัว
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว หลงเมามัวลืมตัวไปได้
หลงลืมพระคุณผู้ที่การุณได้อย่างไร อย่าเป็นมอดกัดไม้ ต่อไปจะต้องลำเค็ญ

แสนสงสารคนคิดผิด เผยอฤทธิ์ว่าเป็นดาว
คิดดูหมิ่นเวหาหาว จะกลายเป็นดาวกระเด็น
แต่เดิมทีไม่มีชื่อ ก็มักดูซื่อหนักหนา
พเนจรร่อนเร่มา จนเป็นดาราดวงเด่น

ทำมืออ่อนปากหวาน เที่ยวขอทานชื่อเสียง
ล้วนเอ่ยถ้อยสำเนียง ปากหวานส่งเสียงทำเด่น
ที่อวดเป็นนักธรรมะ ปากว่าสละกิเลส
แต่ทำสิน่าทุเรศ ดูน่าสมเพชเหลือเข็ญ

มีความรู้อย่างนกแก้ว พูดแจ้วแจ้วปากตลาด
คิดดูแล้วให้อนาถ เป็นคนขี้ขลาดซ่อนเร้น
เรื่องลูกเมียและแม่ยาย อย่านึกว่าใครเขาไม่รู้
น่าสงสารคนทั้งคู่ นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น

แม่ยายคนดีอยู่ในหลุม พ่อลูกเขยกลุ้มขึ้นมา
ขุดเอาคนตายขึ้นมาด่า ช่างสรรค์วาจาด่าเล่น
อันไม้หลักปักเลน ย่อมโอนเอนไปตามน้ำ
เจ้ากลับช่วยผลักซ้ำ มันน่าขำไม่ใช่เล่น

ยามเมื่อเจ้าอับจน เจ้าดั้นด้นมาเกาะไว้
พอได้ที่ตื้นยืนได้ เจ้ากลับเขี่ยไม้กระเด็น
เจ้ากลายเป็นมอดกัดไม้ กัดเสียบรรลัยไปทุกสิ่ง
กัดแม้สัจจะความจริง กัดเสียทุกสิ่งไม่เว้น

คนเอาสัจจะไปขาย ก็จะต้องตายทั้งเป็น






เพลงที่ ๒ ไม้หลักปักเลน
เป็นเพลงที่พร ภิรมย์ แต่งขึ้นตอบโต้ครูมงคล อมาตยกุล


(ยังหาเพลงมาให้ฟังไม่ได้ ดูเนื้อกันไปก่อนแล้วกัน...ที่มีอยู่มันไม่ใช่ไฟล์ MP๓ แปลงไฟล์ไม่เป็น... )
เนื้อเพลง ไม้หลักปักเลน

จะขอสาธกยกลิขิต ถึงชีวิตอันไร้แก่นสาร
เกิดแก่กาย ย่อมวายปราณ มัจจุมารเขาไม่ปราณี
เมื่อมีชีวิตอย่าริษยา จงอุตส่าห์สร้างความดี
เอื้อเมตตาและปราณี พรหมวิหารสี่พึงสังวรณ์
พกหินไว้ให้ใจหนักหนัก ตรงตามหลักพระธรรมสอน
คนทุกคนไม่พ้นกองฟอน มีที่นอนแค่เพียงฝังกาย
อย่าละโมบโลภแต่ลาภ ไม่อายบาปชั่วเหลือหลาย
ยามปลดปลงต้องลงอบาย อย่าก้าวก่ายแย่งกันกิน
อย่ายุอย่าแยงตะแคงแสะ ส่อเสียดเซาะแซะเดาะแดะดีดดิ้น
ไก่เห็นตีนงูต่างรู้มลทิล ว่าใครผิดศีลเสียไม่สร่างเซา
เหาบนหัวของตัวไม่เห็น คนอื่นไม่เป็นกลับเห็นตัวเหา
ช่างไม่ส่องกระโหลกชะโงกมองเงา ว่าตัวเป็นเหาควรเกาตัวเอง
เป็นผู้ใหญ่ต้องใจหนักหนัก ต้องเหมือนไม้หลักที่ปักตรงเผง
อย่ากระดกชิวหาให้เด็กด่ากันเอง คนเราเกรงกันด้วยความดี
อย่าเป็นไม้หลักที่ปักชายเลน ใครเหนี่ยวก็เอนผิดธรรมวิถี
คนดีไม่ได้ก็เพราะไม่ทำดี ขาดพรหมวิหารสี่หมดดีในตัว
คนซื่อจริงจริงทำนิ่งไม่เห็น ปากหวานไม่เป็นกลับเห็นเป็นชั่ว
อย่านึกว่าเหมือนกันแล้วไม่สำคัญเท่าตัว ตราดีตราชั่วจะติดตัวจนตาย







เพลงที่ ๓ ดาวลืมฟ้า
เป็นเพลงที่ พล พรภักดี (สุรพล พรภักดี)
ในฐานะลูกศิษย์ของครูมงคล แต่งเองร้องเอง เพื่อตอบโต้ พร ภิรมย์




เนื้อเพลง ดาวลืมฟ้า

ดวงดาวทอแสงสกาวพราวฟ้า เจ้าคงลืมเสียว่าแสงดาวมีค่าเมื่อยามราตรี
เย่อหยิ่งผยองลำพองว่ารุ่งรังสี หากฟ้าสิ้นความปราณีดาวน้อยดวงนี้คงหมดความหมาย
เจ้าเป็นดาราเพราะฟ้าเมตตาอุ้มชู เจ้ายังคิดลบหลู่พระคุณฟ้าได้อย่างไม่อายใจ
เจ้าทรนงหลงตนว่าเด่นกว่าใคร ดาวเอ๋ยไม่มีสิ่งใดที่จะจีรังยั่งยืน

คืนใดเพ็ญโสมชโลมลูบฟ้า เจ้าก็คงไร้ค่าน้ำตาเจ้าต้องหลั่งนองทั้งคืน
จะเปล่งรังสีแข่งจันทร์นั้นสุดจะฝืน ผลลัพธ์คือความขมขื่นเจ็บช้ำจำฝืนสะอื้นในทรวง
จงจำเอาไว้เถิดดวงดาวจ๋า โปรดอย่าลืมเสียว่านภาคือเจ้าแห่งดาวทั้งปวง
ถ้าหากวันไหนเจ้าลือมอ้อมอกแดนสรวง วันนั้นเจ้าจะลับล่วงสู่ดินสิ้นความเป็นดาว






เพลงที่ ๔ ดาวเดียว
เป็นเพลงที่พร ภิรมย์ ร้องเพื่อตอบโต้พล พรภักดี และชาย เมืองสิงห์





เนื้อเพลงดาวเดียว

ไม่ต้องเตือนพี่หรอกน้อง เพราะพี่มองดูตัว
รู้กงจักรรู้ดอกบัว รู้ดีรู้ชั่วทั้งปวง
ไม่เนรคุณผู้ที่การุญใหญ่หลวง
แต่กลับถูกล่อลวง ดาวต้องขว้างดวงกระเด็น

ฟังวาจาสาธก น้องกระดกลิ้นด่า
ช่างไม่พิจารณา ด้วยปัญญาให้เห็น
ว่าพี่เป็นมอดกัดไม้ เจ้ามาใหม่ตามัว
ไม่รู้ใครดีใครชั่ว เขาจึงปั่นหัวเจ้าเล่น

สังคมที่เจ้าชุมนุม น่ะ มีแมลงมุมตัวใหญ่
คอยอ้าปากชักใย ปิดชั่วเอาไว้มิดเม้น
เหมือนภูติผีปีศาจ กระหายหยาดโลหิต
คอยเบียดเบียนเบือนบิด ถืออภิสิทธิ์เครื่องเซ่น

เรารู้ทันไม่ยอมเป็นทาส กลับว่าขี้ขลาดกักขฬะ
หาว่ากัดสัจจะ เป็นนักธรรมะชื่อเหม็น
ยามเราดีใช้ได้ พอยามไข้ซิไม่มอง
ขอเราซื้อข้าวเช่าห้อง เมื่อสิ้นเงินต้องลำเค็ญ

โอ้ลิ้นเอ๋ยลิ้นนรก จงหยุดกระดกลิ้นชั่ว
มองเงาหัวตัวเสียบ้าง จะตายอย่างเลือดเย็น
อันพระเจ้าเบื้องบน ไม่เข้ากับคนคิดชั่ว
เกิดเป็นคนต้องคนให้ทั่ว คนดีคนชั่วรู้เช่น

เสียดายแรงงานมันสมอง ทั้งจำนำเพชรทองช่วย
เพื่อน แต่เพื่อนเรากลับเผาเรือน ลาละเพื่อนขอเผ่น
ขืนเป็นเวสสันดรชาดก หลีกชูชกไม่พ้น
มีแต่ร้อยลิ้นกระลาวน ใครดีกว่าตนตื่นเต้น

ดาวกระเด็นจากฟ้า โปรดอย่าว่าดาวร้าย
เพราะฟ้าเอาดาวเร่ขาย อย่างไม่ละอายกรรมเวร
ดาวกระเด็นไม่เหม็นคาว เพราะไม่ใช่ดาวเหลือเดน...






เพลงที่ ๕ ดาวหาง
เป็นเพลงที่ชาย เมืองสิงห์ ร้องเพื่อตอบโต้พร ภิรมย์ เช่นเดียวกัน



เนื้อเพลงดาวหาง

เพลงรำวงที่ชื่อว่าดาวลืมฟ้าเพลงนี้เขาเขียนขึ้นมาไม่เจตนาว่าใคร
ขอฝากเพลงนี้ไว้เป็นสติเตือนใจ หญิงชายทั่วไปรับฟังกันได้ทุกคน
ฟังวาจาเฉลยเอ่มาน่าขัน ออกร้อนออกรับฉับพลันไม่ทันตริตรองและมองเหตุผล
กินปูนร้อนท้องไปเที่ยวป่าวร้องกับทุกทุกคน ว่าตนทำดียามไข้ไม่มีผู้ใดสงสาร

ทำไมทำตัวเหมือนดังเช่นวัวสันหลังหวะ คอยเผ่นผงะเมื่อยามฝูงกาบินผ่าน
เป็นนักธรรมะควรจะตรึกตรองและมองให้นาน รักการทำดีใยเจ้าจึงหนีหน้าไป
ดาวเรรวนศักดิ์ศรีไม่ควรคู่ฟ้า ดาวน้อยจึคล้อยจากลาหลงโทษฟ้าพาเจ้าไปเร่ขาย
ความจริงนั้นหนาดาวเจ้าขายฟ้าที่เคยฝังกาย แสงดาวพราวพรายจึงต้องสลายจากสรวงสวรรค์

น่าสงสารดาวน้อย ที่เคยลอยอยู่คู่ฟ้า
สำคัญผิดคิดว่า เลิสกว่าดารานับพัน
ด้วยความปราณีจากฟ้า สร้างเจ้าขึ้นมาเป็นดาว
อาศัยบารมีดาวเก่า ส่งเจ้าเป็นดาวพราวพรรณ

พอได้ดีมีชื่อ ความสัตย์ซื่อเจ้าก็หมด
เหลือไว้เพียงความทรยศ มองฟ้าหมดความสำคัญ
เจ้าเป็นเหมือนศิษย์คิดล้างครู เป็นลูกไม่รู้คุณพ่อ
ลืมถิ่นกำเนิดเกิดก่อ สู้แม้แต่พ่อของมัน

เจ้าตีตัวเสมอฟ้า ทำเป็นปีกกล้าขาแข็ง
เจ้าเป็นหิ่งห้อยน้อยแสง ยังคิดกำแหงแข่งจันทร์
เสียงเพลงที่เขาร้องมา เจ้าก็ว่าเป็นลิ้นนรก
ส่วนลิ้นของเจ้าที่สกปรก กลับว่ามีค่าอนันต์

แสนสงสารเจ้าดาวน้อย ที่เจ้าล่องลอยโดดเดี่ยว
เจ้าเปล่งแสงอยู่ดวงเดียว ขับเคี่ยวกับดาวนับพัน
เจ้ามีแสงเพียงรางราง พยายามแบ่งจนหางงอก
ใครใครก็รู้ว่าหางเจ้าออก งอกมาเป็นดาวหางนั่น

เจ้าอย่าเอาหางเที่ยวฟาดฟ้า จะถูกประชาลงทัณฑ์







เพลงที่ ๖ อัดอั้นตันใจ เป็นบทสรุปของตำนานเพลงชุดนี้
ขับร้องโดยพนม นพพร และแต่งโดยวิเชียร คำเจริญ (ลพ บุรีรัตน์)




เนื้อเพลง อัดอั้นตันใจ


อัดอั้นตันใจแทบเป็นบ้า บีบคั้นอุราผมอยู่ร่ำไป
พี่น้องขาดการปรองดองรักใคร่ ผมเป็นน้องจะพูดอย่างไร
อัดอั้นตันใจอยู่ทุกวัน แก่งแย่งชิงดีและชิงเด่น

ดั่งมิใช่เป็นสายเลือดเดียวกัน มุ่งหมายแต่คอยที่จะห้ำหั่น
คิดอิจฉาคอยด่าแช่งกัน ต่างคนเดียดฉันท์ไม่มีวันดี
พ่อแม่ มีแต่ความกลุ้มกมล ว่าใครไม่ได้สักคนจำฝืนทนทุกข์โศกทวี
ขิงก็ราข่าก็แรงขัดแย้งชิงดี น้ำตาพ่อแม่ไหลปรี่เพราะต่างมีแต่ความอิจฉา

โปรดเลิกนินทาหาความใส่ ไม่เห็นว่าใครดีเด่นขึ้นมา
อย่าร้ายต่อกันดีกันดีกว่า มิฉะนั้นเป็นเหยื่อโอชาให้มวลหมู่กาเข้ามาจิกกิน














ซึ่งเพลงชุดนี้ในภายหลังมีการออกมากล่าวถึงว่าเป็นแค่แผนโปรโมท ลับสุดยอด
ที่ รุ้กันระหว่าง ครูมงคล ชายเมืองสิงห์ และ พรภิรมย์ เท่านั้น


เขาว่ากันยังงั้นนะ...เท็จจริงประการใด...ไม่อาจรู้ได้...
แบบว่า..เกิดไม่ทัน.....



Create Date : 24 กรกฎาคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 9:32:47 น. 10 comments
Counter : 3086 Pageviews.

 
ผมส่องกระจกตอนเช้าเจอคนหล่อ
แต่บีแอลส่อง
ก็ต้องเจอคนไม่หล่ออะดิ 555555








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:24:00 น.  

 
อาเด๊ะ...ลูกทุ่ง

ทำไมเด็กรุ่นนี้ยังมีฟังลูกทุ่งอีกฟร๊ะ

โกงยุเป่า


โดย: runch วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:12:22 น.  

 
เพลงนี้ไม่มีความหลัง ตะก่อนชอบแซวแต่ เมียพี่มีชู้ จ๊ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:36:26 น.  

 
โห.. ไม่น่าเชื่อบีแอลชอบแนวนี้ สงสัยวัยจะใกล้เคียงคนร้อง



โดย: บิ๊กไม่รู้หรอกว่าครายยยยยยย... IP: 58.136.204.172 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:30:11 น.  

 
ตอนก่อนอ่านชื่อ โต๊ะจายนึดนุง
นึกว่านรซ.ลงรูปตัวเองซะเบ้อเริ่ม

แล้วจาชวนเราไปถอนเมาที่หนายเหย๋อ?


โดย: เป๋อน้อย วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:40:25 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะมาฟังเพลงค่ะ
ชอบมากกกกกก


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:16:37 น.  

 
เพลงเก่ามากๆทั้งนั้นเลย ช่างไปคัดเลือกมา


โดย: yyswim วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:24:26 น.  

 
อ้าว แล้วเพลงทะเลใจ มันมาจากบ๊อกๆ ไหนฟระ เดี๋ยวเด็จน้องไปตามหาต้นตอก่อนเน้อ


โดย: butbbj วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:43:27 น.  

 
เป็นอุทยานเพลงเก่าไปซ่ะเเล้ว
บงบอกถึงอายุอานาม จขบอ่ะป่าวค่ะ


โดย: pranfun วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:46:05 น.  

 


มาสไตล์ไหนจ่ะ น้องบิ๊ก


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:33:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายรถซุง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




หัวใจดวงน้อย
ที่คอยจะมอบความรัก
ให้กับใครซักคน..หมดหัวใจ

(โอ้ว..น้ำเน่าคอด..คอด..)


* ข้อควรระวัง *

เจ้าของบ้านสันดานเสีย
ไม่ค่อยชอบตอบบล๊อกนะครับ


start 8 Dec.08
free counters คุณชลอ ครับผม

Friends' blogs
[Add นายรถซุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.