*ขอบคุณ..ที่ผ่านมาให้กำลังใจกัน*
Group Blog
 
 
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
เล่าเรื่องรามเกียรต์ : กำเนิดพลลิง

วันก่อน......เล่าถึงตัวร้ายแล้วชิมิ...
คราวเน้มาฟังเรื่องของฟากพระเอกมั่ง....
พอพระนารายณ์ปราบนนทุกเสร็จสรรพก็กลับไปนอนต่อ...
ดูเป็นเทพที่รักการนอนซะเจงเจง...
ปล่อยให้นนทุกไปเกิดเป็นทศกรรฐ์ล่วงหน้าอยู่หลายปี....




พิเภก



เมื่อพระอิศวรทราบว่า นนทุกซึ่งไปเกิดเป็นทศกรรฐ์นั้น
ไม่เป็นยักษ์นิสัยดีเหมือนเดิม แต่ดุร้ายเป็นพาลยิ่งนัก
พระองค์ก็ทรงกลัวว่าต่อไปข้างหน้า ชาวโลกจะเดือดร้อนเพราะทศกรรฐ์
จึงให้เทพบุตรเวสสุญาณ มาเกิดเป็นพิเภก และประทานแก้ววิเศษมาด้วย
เพื่อได้ดูเหตุการณ์ได้รู้หมด ทุกอย่าง
เพื่อจะได้ช่วยการศึกของพระนารายณ์อวตาร


อ่ะ...เพิ่งจะเห็นนี่แหละ...ว่าพระอิศวรก็รอบคอบเหมือนกัน
ส่งไส้ศึกมาเกิดในเมืงลงกา...
ดังนั้นนางรัชดาจึงประสูติโอรสอีกองค์ ชื่อพิเภก ฉลาดและสามารถในการพยากรณ์
ต่อมาท้าวลัสเตียนก็มีโอรสธิดา กับนางรัชดาอีกคือ ทูษณ์, ขร, ตรีเศียร และนางสำมนักขา . . .



อ่ะ..ทีนี้กระโดดไปดูพลลิง...ทหารพระรามกันหน่อย..ว่าเป็นมากันยังไง


กาลครั้งหนึ่ง...(อีกแล้ว) ยังมีเมืองหนึ่ง ชื่อเมืองสาเกต
อยู่ในเขตเดียวกับเมืองอโยธยา ท้าวโคดม ซึ่งเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกตไม่มีโอรสธิดา
เกิดเบื่อหน่ายโลก จึงไปบวชเป็นพระฤาษีโคดมอยู่ในป่า
จนหนวดเครายาวรุงรัง
และมีนกกระจาบผัวเมีย มาออกไข่ทำรังอยู่ในหนวดพระฤาษีนั้น


เย็นวันหนึ่ง นกกระจาบตัวผู้ ไปติดอยู่ในดอกบัว กลับมารังไม่ได้ตลอดคืน
รุ่งเช้าแดดออก ดอกบัวบานจึงกลับมาได้ นางนกกระจาบไม่เชื่อว่าพ่อนกกระจาบจะไปติดอยู่ในดอกบัวทั้งคืน
คิดว่านกกระจาบผู้ผัวต้องไปเที่ยวค้างคืนที่อื่นเป็นแน่ และตัวก็หอมฟุ้งมาด้วย
ท่าทางจะต้องไปโคลอนเซ่ รึโพไซดอนมาเป็นแน่แท้


นางนกกระจาบ ต่อว่าต่อขานต่างต่างนานา
พ่อนกจึงบอกว่า มาตรแม้นว่าฉันนอกใจเธอแล้ว ขอให้บาปของพระฤาษีโคดมจงเป็นของฉันแต่ผู้เดียวเถิด
พระฤาษีโคดมได้ยินดังนั้นก็สงสัยจึงถามว่า ทำไมจึงว่าฉันมีบาปจ๊ะ พ่อนก
ในเมื่อฉันบำเพ็ญพรตตลอดมา แถมยอมให้พวกเธอมาอาศัยทำรังในหนวดของฉันฟรี ๆ ไม่คิดค่าเช่าค่าออน
พ่อนกจึงตอบว่า ท่านบาป เพราะท่านไม่สามารถมีโอรสธิดาสืบราชสมบัติ
การมาบวชเป็นฤาษี เท่ากับทำให้ขาดวงศ์กษัตริย์ปกครองบ้านเมืองต่อไปนี่แหละเป็นบาปอันใหญ่หลวง





พระฤาษีคิดดูก็เห็นจริง จึงตั้งพิธีบริกรรมหน้ากองไฟ จนบังเกิดนางงามขึ้นนางหนึ่ง
ให้ชื่อว่า นางกาลอัจนา พระโคดมจึงอยู่กินกับนางจนเกิดลูกสาวแสนงาม ชื่อ นางสวาหะ
โอ้ว...เป็นฤาษีนี่ดีแท้ๆ...อยากได้ภรรเมียก็เสกเอาจากกองไฟ....
สงกาสัยต้องไปบวชเป็นฤาษีมั่งซะแล้วววววววววววววว



วันหนึ่งพระโคดมไปหาผลไม้ในป่า
ฝ่ายพระอินทร์เมื่อทรงรู้ว่า ทศกรรฐ์นั้นมีฤทธิ์ร้ายกาจ ก็ทรงจัดกำลังทหารเอกไว้รอท่า พระนารายณ์อวตาร
และเผอิญมองลงมาจากวิมานเห็นกาลอัจนามีความน่ารักจับใจก็เกิดปิ๊งปั๊งขึ้น
เหาะลงมาหาในระหว่างที่ฤๅษีออกจากอาศรมเข้าป่าไปหาอาหาร
ฝ่ายกาลอัจนาเห็นพระอินทร์รูปร่างหน้าตาสะสวยองอาจก็เกิดรักเช่นเดียวกัน
ทั้งสองก็เล่นจ้ำจี้กัน ต่อมา นางกาลอัจนาก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตร เป็นชายงามผิวสีเขียว





ต่อมาเมื่อคราวที่ฤๅษีออกจากอาศรมเข้าป่าไปอีกครั้ง
นางกาลอัจนานั่งอยู่ชานอาศรมมองขึ้นไปเห็นพระอาทิตย์มีรูปร่างหน้าตางดงามผึ่งผายก็หลงรัก อีกแล้วครับท่าน
ฝ่ายพระอาทิตย์ซึ่งรู้ว่ากาลอัจนาหลงรักก็เหาะลงมาเล่นผีผ้าห่มด้วย
นางกาลอัจนาก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตร เป็นชายงามผิวสีแดง


พระโคดมเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองอย่างดี เพราะนึกว่าเป็นลูกของตัวเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งพระโคดมไปชายน้ำ พาลูก ๆไปด้วย จึงอุ้มลูกชายคนเล็ก ไว้ที่เอวข้างขวา
ลูกชายคนกลาง ให้ขี่หลัง ส่วนลูกสาวนั้น จูงด้วยมือซ้าย เพราะเห็นว่าโตแล้ว
นางสวาหะ ด้วยความน้อยใจ อีกอย่างโตแล้วนิ...รู้เรื่องดี แอบดูแม่เล่นจ้ำจี้กับชายอื่น
จึงบ่นว่า

อนิจจาหลงรักลูกเขา.......................ช่างเอาอุ้มชูแล้วให้ขี่
ลูกตนให้เดินปฐพี.....................ไม่ปราณีบ้างเลยพระบิดา


พระโคดมได้ยินก็สงสัย เอชักยังไง...ทำไม๊..ทำไม..ลูกพูดเช่นนี้
จึงซักถาม นางสวาหะก็เล่าเรื่องที่มีมาแต่เหตุพระอินทร์กับพระอาทิตย์ลอบมาเป็นชู้ให้ฟัง


พระโคดมจึงอธิษฐานจับลูกทั้งสามโยนลงน้ำ ถ้าแม้นใครเป็นลูกตัว ก็ให้ว่ายน้ำมาหา
ถ้าใครไม่ใช่ลูกแล้ว ก็จงกลายเป็นลิงขึ้นฝั่งเข้าป่าไป
ดังนั้นเมื่อพระโคดมโยนลูกทั้งสามลงน้ำ นางสวาหะจังว่ายน้ำกลับมาหาพ่อได้คนเดียว
ส่วนลูกชายทั้งสอง กลายเป็นลิงสีเขียว กับลิงสีแดง ขึ้งฝั่งเข้าป่าไป ตามคำอธิษฐานของ พระโคดม
พอเห็นดังนั้นแล้ว พระโคดมก็โกรธนางกาลอัจนามาก เลยสาปให้กลายเป็นศิลา
รอพระนารายณ์อวตารมาขนไปทิ้งทะเล ทำถนนข้ามไปเมืองลงกา


ส่วนนางกาลอัจนา ก็โกรธนางสวาหะที่ไม่รู้คุณแม่ ปากดี..ช่างฟ้องนัก
จึงสาปให้ไปยืนตีนเดียวมือเหนี่ยวต้นไม้ และอ้าปากกินลมอยู่ในป่า
จนกว่าเมื่อไรออกลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป
แล้วนางกาลอัจนาก็กลายเป็นศิลา ส่วนลูกสาวก็ไปยืนตีนเดียว อยู่ในป่าเชิงเขาจักรวาล
อ้าปากกินลม และมือเหนี่ยวกิ่งไม่ไว้...
โถ...น่าสงสารแท้ๆ......


ฝ่ายพระอินทร์กับพระอาทิตย์ เล็งเห็นเหตุการณ์ดุเดือดนี้ ก็สงสารลูกชาย
จึงมาเนรมิตเมืองให้อยู่ และตั้งบุตรของพระอินทร์ เป็นพระยากากาศ เจ้าเมืองขีดขิน



พระยากากาศ หรือ พาลี



แล้วตั้งบุตรพระอาทิตย์ เป็นอุปราชเมืองขีดขิน ชื่อสุครีพ พร้อมกับสั่งสอนวิชาและคาถาวิเศษให้ด้วย
ต่อมา พระยากากาศ ได้เพื่อนรัก เป็นท้าวมหาชมภ ูเจ้าเมืองชมภูอยู่ทางเหนือของเมืองขีดขิน
ท้าวชมภูมีมเหสี ชื่อนางแก้วอุดร แต่ไม่มีโอรสธิดา ท่านท้าวมีฤทธิ์มาก
ไม่ยอมไหว้นับถือใคร นอกจากพระอิศวร กับพระนารายณ์ พระอิศวรจึงเมตตา
และประทานวานรลูกชายของพระกาล คือ นิลพัท มาให้ท้าวชมภูเลี้ยง เป็นหลาน
เพื่อช่วยเหลือกิจการบ้านเมือง



สุครีพ


กลับมาเรื่องที่ค้างไว้...ตอนพระอิศวรเห็นรูปนางอัปสร ร่างจำแลงของพระนารายณ์
เมื่อคราจะไปปราบยักษ์นนทุก
เกิดกำหนัดพุ่งปรี๊ด...พระอิศวรจึงมีโองการให้พระพายพัดกำลังส่วนที่ปรี๊ดออกมาพร้อมกับเทพอาวุธ ๓ อย่าง คือ คทา ตรี และจักร
ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ

มีคทาเพชรเป็นสันหลัง ตลอดหางเพื่อให้เหาะได้ ให้ตรีเพชรเป็นกาย เป็นมือเป็นเท้า
ให้จักรแก้วเป็นศรีษะ ทั้งหมด รวมกันเป็นกายวานร ผู้แกล้วกล้า
และถ้าจะรบกับข้าศึก ก็ให้ชัก ตรีเพชรออกมาจากอก ได้ทันทีและใช้รบได้ชนะตลอดกาล
แล้วพระอิศวรสั่งพระพายอีกว่า


แล้วดูแลป้องกันอันตราย ..............อย่าให้ใครกล้ำกลายดวงสมร
ตัวท่านนั้นเป็นบิดร...................................วานรในครรภ์นางเทวี



ดังนั้น นางสวาหะจึงตั้งครรภ์
และเนื่องจากไม่ใช่ท้องลูกคนธรรมดา นางจึงตั้งครรภ์อยู่นานสามสิบเดือน จึงคลอดบุตร เป็นวานรเผือก
โดยบุตรนั้น เผ่นออกมาทางปากมารดา แล้วเหาะได้ด้วยฤทธิ์เดชที่พระอิศวรประทานมา

ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี.......................... รัศมีโชติช่วงในเวหา
มีกุณฑลขนเพชรอลงกา .......................เขี้ยวแก้วแวฟ้ามาลัย
หาวเป็นดาวเดือนรวิวร...........................แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่
สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร...............แล้วลงมาไหว้พระมารดา
ทั้งองค์พระพายเรืองเดช........................สำคัญว่าบิตุเรศนาถา
ก็เข้าอิงแอบแนบกายา.................................วานรชื่นชมยินดี





หนุมาน



พระพายก็เบ่งกำลัง และฤทธิ์ให้ลูกวานรเผือกอีก และตั้งชื่อ หนุมาน ตามเทวบัญชา
แล้วนางสวาหะก็พ้นคำสาป
แล้วบอกหนุมานว่าถ้าผู้ใดมาทักเกี่ยวกับกุณฑลขนเพชรในตัว คนนั้นคือพระนารายณ์
ให้เข้าสวามิภักดิ์แก่ผู้นั้น ต่อมาพระพายได้พาหนุมานไปเฝ้าพระอิศวร
พระอิศวรจึงให้คาถามหามนต์ แปลงกาย หายตัว นะจังงัง ร่างกายคงทนต่ออาวุธ อายุยืน
และหากถูกฆ่าตาย เมื่อถูกลมพัดก็จะฟื้น ต่อมาพระอิศวรจึงให้หนุมานและโอรสชื่อชมพูพาน
ซึ่งเกิดจากเหงื่อไคลของพระองค์ ไปอยู่กับพระยากากาศ และสุครีพ ที่เมืองขีดขิน



จำเนียรกาลผ่านไป
เมื่อถึงฤดูฝน เหล่าเทวดาจะมาร่ายรำเล่นฝน พระอรชุนก็มาร่วมด้วย
นางมณีเมขลาที่มีหน้าที่เฝ้า พระสมุทร ก็นำแก้วมณีไปร่ายรำด้วย
รามสูรเห็นเข้าจึงเข้าแย่ง เมื่อไม่ได้จึงโกรธ ขณะนั้นพระอรชุนเหาะผ่านมา
รามสูร จึงเข้าไปทำร้ายจนถึงต่อสู้กัน พระอรชุนถูกรามสูรจับขาฟาดเข้ากับเขาพระสุเมรุ
จนเป็นเหตุให้เขาพระสุเมรุเอนเอีงทรุดลง


พระอิศวรจึงให้นำพระยานาคพันยอดเขา และให้เหล่าเทวดา คนธรรพ์ นาค ครุฑ
พระยากากาศ สุครีพ ช่วยกันดึงแต่ไม่สำเร็จ
สุครีพจึงจี้สะดือของพระยานาค พระยานาคบิดตัวอย่างแรง
ทำให้ฉุดเขาพระสุเมรุให้ตั้งตรงได้


ต่อมาเมื่อพระยากากาศขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร
ด้วยความดีความชอบในครั้งที่ช่วยฉุดยกเขาพระสุเมรุ
พระอิศวรจึงพระราชทานชื่อพระยากากาศว่า พระยาพาลี
พร้อมกับให้พรว่า ผู้ใดมาต่อสู้ด้วยให้กำลังลดลงครึ่งหนึ่ง
และประทานตรีเพชรให้ด้วย จากนั้นก็ฝากผอบใส่นางดาราให้สุครีพ
จากความดีความชอบที่ใช้ปัญญาทำให้เขาพระสุเมรุตั้งตรงได้


พระนารายณ์ได้ค้านว่าไม่ควรฝากไป เพราะพระยาพาลีเป็นชาย
เกรงว่าจะอดใจไว้ไม่อยู่
พระยาพาลีก็ถวายสัตย์ว่าจะไม่เปิดผอบ
หากเสียสัตย์ก็ขอให้ตายด้วยศรของพระราม
เมื่อกลับถึงเมืองก็เปิดผอบดูพบนางดารา เห็นความงามของนางเลยอดใจไว้ไม่ไหว
จึงยึดเอาไว้เป็นภรรยาตัวเองซะงั้น
อย่างเง้เขาเรียกเสร็จโจร....




เรื่องราวจาเป็นอย่างไรต่อไป...โปรดติดตามอย่างกระชั้นชิด...




Create Date : 25 มีนาคม 2552
Last Update : 25 มีนาคม 2552 16:07:15 น. 19 comments
Counter : 9840 Pageviews.

 
อัพซะเย็นเลย จาไปอ่านตอนไหนเนี่ย


โดย: butbbj วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:16:45:35 น.  

 
มาอ่านแล้วค่ะพี่
แต่ว่าติดตอนนี้ไว้ก่อนเดี๋ยวต้องกลับไปอ่านตอนหน้านี้ก่อนนะคะ

...พี่โทรหาพี่ไม่ได้อ่ะ
หลังไมลล์ด้วยนะคะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:22:13:20 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะพี่ชาย
ดีดีมารับน๊า




โดย: d__d♥ (มัชชาร ) วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:7:38:31 น.  

 
งงง่ะ แล้วซัดไปเข้าปากนางสวาหะทำไม


โดย: butbbj วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:7:55:40 น.  

 


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:8:57:48 น.  

 
โคลอนเซ่ กะ โพไซดอน...อืมไม่เห็นนะ ป้าทำงานแถวๆ นั้นไม่เคยเจอเลยอ่ะ...มากลางวันหรือกลางคืนหว่า...


โดย: เหนือฟ้า พาไป วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:14:45:28 น.  

 
ไปปลีกวิเวกแถวไหนอ่ะพี่


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:21:15:46 น.  

 

โอ บิ๊กเก่งมาก จำได้หมดเลย กลอนก็จำแม่น ไม่อยากไปสอนเด็กโตเหรอ อุ อุ

ผมลืมเกือบหมดแล้ว มาอ่านทวนซ้ำ อ่านแบบประณีตเลย

ทศกรรฐ์ หรือ ทศกัณฐ์ ล่ะ หรือถูกทั้งสองคำ ..อยากรู้ เลยขอถาม กูรูบิ๊ก


โดย: yyswim วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:23:07:21 น.  

 
สวยจับใจ แถมมีเรื่องราวให้ติดตามซะด้วย..เก๋ซ๊า

สำบายดีเปล่าจ๊า


โดย: Why England วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:19:32:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับบีแอล








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:8:08:01 น.  

 
หวัดดีครับบีแอล

ขอฝากการบ้านแถ่กไว้หนึ่งอัน
ทำเสร็จนึกถึงบีแอลทันที
รบกวนไปรับโจทย์ที่บล็อกด้วยนะครับ อิอิอิ

ขอบคุณครับ






โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:7:09:52 น.  

 
ตามมาจากบ้านคุณดำรงค์ฮาโน่นค่ะ
ฮามาจากโน่น ตามมานี่ มีแต่สาระดี ๆ ทั้งนั้นแฮะ
ติดไว้ก่อนนะคะ เพราะเดี๋ยวต้องไปข้างนอก
แล้วจะกลับมาอ่านค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:7:29:08 น.  

 
อ้าววว นี่มาเจอตอนกลางเรื่องเข้าไปแล้ว งงอะสิ รามเกียรตินอกจาก พระรรามนางสีดา ทศกัณท์ หนุมาน นอกนั้น ไม่รู้จักเรยเหอๆ


โดย: ซซ วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:9:36:58 น.  

 
โฮะๆๆๆ ดีใจจริง เจอตัวแล้ว

ฮ่าๆๆๆๆๆ


โดย: be-oct4 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:20:33:45 น.  

 
ตอบคุณพี่สิน....
มะได้จำเก่งหรอกครับพี่...จำได้มะหมดเหมียนกัลลลลล
ต้องไปสืบค้นตำราก่อนแล้วค่อยมาเล่าใหม่

ส่วนเรื่องที่สงกาสัยว่า
ทำไม๊...ทำไม....ทศกรรฐ์...บ้าง...ทศกัณฐ์บ้าง

มีคำตอบให้ได้ว่า
ใช้ได้ทั้งสองคำครับ...แปลว่าผู้มี ๑๐ คอทั้งคู่...
กัณฐ์ และ กรรฐ์...แปลว่าคอครับ.....

ส่วนท่านอื่นๆ...ขอบคุณที่มีมิตรจิตมิตรใจ..มาเยี่ยมเยียนถามไถ่นสารทุกข์สุกๆดิบๆ


ตอนเน้จขช.สบายดี...ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยประการทั้งปวง
ออกจะมีอารมณ์หงุดหงิดกับอากาศร้อนบ้าง
แต่ไม่ถึงขั้นคอแข็ง...นำลายฟูมปาก
(แบบว่าฉีดยากันไว้ก่อนแล้ว)

และช่วงระยะนี้อาจไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนบ้านนะครับ
อย่าเพิ่งน้อยใจ...
แบบว่า...มีปัญหาทางการสื่อสารเล็กน้อย

เน็ตเต่าเหลาเหย่..ประกอบกับ...
เงมีร้านเน็ตไฮสปีดเร็วปี๊ด...
มาเปิดทำการข้างๆ
ทำให้เน็ตเต่ากลายร่างเป็นเน็ตหอยทากไปในบัดดล....

ยังไงซ๊า.....ก็....รักทุ๊กกกกกกคน...เหมือนเดิมนะ...



อ้อ...ลป....ลืมไป...สวัสดีครับพี่บี...
ขอบคุณที่ยังระลึกถึงอยู่ครับพี่...
เสียใจกับการจากไปของพ่อบูด้วยนะครับ
วันก่อนเจอพี่หมอดาว...
ฝากความคิดถึงกับพี่หมอไปส่งถึงพี่บีป่าวไม่รุ๊....


ส่วนคุณพี่วีรกิจศิษย์สองหมิง....
รับแซ่บ...เดี๋ยวจาไปเอามาทำคั่นเวลา...
เพราะต้นฉบับบตอนต่อไปยังมะได้พิมพ์ซ๊ากกาตัว....


โดย: เจ้าที่... IP: 124.120.56.229 วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:8:38:00 น.  

 


โดย: เหนือฟ้า พาไป วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:9:05:48 น.  

 
+ หุๆ ย้าว ยาว อีกแล้น ... เรื่องเหล่าเน้คุ้นๆ หู ถือว่าอ่านทบทวนความทรงจำอ่ะงับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:13:31:36 น.  

 
ปาป๊าหล่อจัง


โดย: bv IP: 125.24.169.2 วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:9:33:00 น.  

 
เล่ๅเรื่องได้กระชับดี


โดย: สยามกูรู IP: 67.228.166.108 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:20:26:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายรถซุง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




หัวใจดวงน้อย
ที่คอยจะมอบความรัก
ให้กับใครซักคน..หมดหัวใจ

(โอ้ว..น้ำเน่าคอด..คอด..)


* ข้อควรระวัง *

เจ้าของบ้านสันดานเสีย
ไม่ค่อยชอบตอบบล๊อกนะครับ


start 8 Dec.08
free counters คุณชลอ ครับผม

Friends' blogs
[Add นายรถซุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.