แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย ออกจากห้องคนไข้คนสุดท้ายเมื่อเวลา 16.55 น. พยาบาลที่รออยู่หน้าห้องรายงานว่า มีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาคอยพบอยู่ที่ห้องพักร่วมสองชั่วโมงแล้ว มานีรู้สึกตื่นเต้นจนแทบระงับไม่ไหว เธอขอบใจนางพยาบาลคนนั้นพลางถอดเสื้อคลุมและส่งเครื่องมือแพทย์ให้ แล้วรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด มานีรู้ดีว่าสุภาพสตรีคนนั้นคือ ชูใจ ชูใจเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันเลยตลอดเวลา 17 ปี แม้จะได้ส่งข่าวคราวโทรศัพท์ถึงกันและได้เห็นภาพถ่ายอยู่เสมอ ก็ไม่ดีใจเท่าจะได้พบกันในวันนี้ เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 แล้ว พ่อของมานีก็ส่งเธอไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับมานะ ส่วนชูใจเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เพราะย่าของชูใจเสียชีวิต แม่ของชูใจมารับเธอไปอยู่ด้วยที่เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย พ่อเลี้ยงของชูใจเป็นประธานบริษัทเครื่องหนังที่ร่ำรวย เขาเป็นหมันจึงรักชูใจเหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา ชูใจมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ เธอเรียนต่อด้านการออกแบบเครื่องหนังและทำงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงนั่นเอง และแต่งงานกับลูกชายรองประธานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ด้วยกัน วันนี้ชูใจมีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย เพื่อไปร่วมฉลองพิธีการแต่งงานของปิติที่จังหวัดลำปางในอีกสองวันที่จะถึงนี้ ปิติเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พบกับเจ้าสาวของเขาระหว่างเรียนด้วยกัน เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวชาวสวนผู้มั่งคั่งของจังหวัดลำปาง เมื่อมานีผลักบังตาเข้าไปสุภาพสตรีที่นั่งกระวนกระวายอยู่โผเข้ามากอด ทั้งสองกอดกันแน่นหัวเราะพลางร้องไห้พลางด้วยความดีใจสุดขีด
"มานีจ๋า ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน "
"ฉันก็เหมือนกันจ๊ะชูใจเธอน่าจะชวนปีเตอร์มาด้วย"
มานีพูดถึงสามีของชูใจ ชูใจคลายวงแขนออกจ้องมองเพื่อนรักทั้ง ๆ ที่น้ำตายังนองหน้า
"ปีเตอร์เหรอจ๊ะเขาอยากมาจะแย่ แต่ตอนนี้ไม่ว่างคราวหน้ามานีแต่งงาน ฉันพาเขามาด้วยแน่ ๆ "
มานีหัวเราะใช้ผ้าเช็ดน้ำตาให้ชูใจและตนเองจูงเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้
"ฉันคงไม่มีวันนั้นหรอกจ๊ะ"
"อะไรกัน เธอนะทั้งสวย ทั้งดี จันทรเขาเล่าให้ฟังหมดแล้วละ"
"อ้าวไปพบจันทรกับเพชรมาแล้วเหรอ นี่เธอมานานแล้วซี ไหนว่าจะนอนพักซักงีบ เครื่องลงเมื่อตีสี่ไม่ใช่เหรอ"
"ใครจะไปงีบละจ๊ะ หัวใจมันร่ำร้องอยากพบเพื่อน ๆ อากับอาสะใภ้ไปหาฉันที่โรงแรมเมื่อแปดโมง ฉันก็เลยมากับอา ไปบ้านอา ไปกราบคุณแม่ของเธอคุณพ่อยังไม่กลับจากทำงาน ไปบ้านปิติเจอแต่แม่ของปิติเหมือนกันแล้วก็ไปบ้านจันทรกับเพชร ร้านของเขาใหญ่โตดีนะน้าของเขาก็มอบให้จันทรกับเพชรดูแลร้าน ลูกคนเล็กของเขาน่ารักนะ อีกสองคนไปโรงเรียนเลยยังไม่ได้พบถ้าฉันไม่มีทางจะมีลูกได้ ฉันจะขอลูกของจันทรไปเลี้ยงไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า"
ชูใจคุยจ้ออย่างมีความสุข
"คงให้นะ เพราะจันทรกับเพชรก็รักและไว้ใจชูใจมาก เออ..เสียดายครูไพลินกับคุณอาทวีปย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้วเธอเลยไม่ได้พบ"
"นึกถึงความหลังแล้วมีความสุขจัง ถ้าย่ายังอยู่ก็ดีนะ ยายของปิติก็เสียแล้ว พี่มานะอกหักแล้วยังหาใหม่ไม่ได้เหรอจ๊ะ ติดยศพันตรีแล้วไม่ใช่หรือกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยไหมแล้วพี่เขาจะกลับลำปางกับเราไหมจ๊ะ"
มานีหัวเราะเบาๆ
"พี่มานะเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ไม่รู้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ อาจจะได้พาปีเตอร์มาเร็ว ๆ นี้ก็ได้นะวันนี้วันศุกร์พี่มานะมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะมาแต่เช้าไปกับเราด้วย"
"พี่วีระซินะ น่าสงสารคนดี ๆ ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย" ชูใจรำพึงอย่างสลดใจ
"เขามีภรรยาไม่ดีจ๊ะ เลยกลายเป็นคนขี้เมาหยำเป เสียสติเลอะเลือน เพชรต้องดูแลลุงกับป้าแทน เพชรเป็นคนดีมากฐานะของเขาดีทีเดียว น้อง ๆ ได้เรียนสูง ๆ ทุกคน"
"ตอนเขากับจันทรแต่งงานกันไม่มีใครบอกฉันเลย" ชูใจตัดพ้อ
"เขาไม่ยอมให้บอกจ๊ะมีสตังค์แล้วจะพาลูก ๆ ไปเยี่ยมเธอเอง"
"ขอให้จริงเถอะ เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจะไป จะไปไม่เห็นไปสักที" ชูใจค้อนควัก "เพิร์ธน่ะน่าอยู่น่าเที่ยวนะ ฉันไปเที่ยวมาหลายแห่งแล้วไม่ชอบใจเท่าเพิร์ธเลยฉันชอบไปทำบุญที่วัดโพธิญาณกับแม่บ่อย ๆ บางทีพ่อก็ไปด้วยพ่อเลี้ยงของฉันเป็นพุทธศาสนิกชนไปแล้วรู้ไหม"
มานีหัวเราะชอบใจ
"ชูใจยังใช้ภาษาไทยได้ดีอยู่นะจากไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"
"ฉันพูดภาษาไทยกับแม่เสมอ แต่เรื่องเขียนนี่สิต้องขอบใจมานีที่เขียนจดหมายถึงฉันอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ฉันได้อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ลืมภาษาไทยพจนานุกรมที่เธอส่งไปให้นะฉันใช้อยู่เสมอเวลาเขียนจดหมายถึงเธอไม่งั้นคงเหมือนกับโคลงโลกนิติที่ว่าอักขระห้าวันหนีเลยจ๊ะ"
"ชูใจหิวไหมจ๊ะ" มานีถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่หรอกจ๊ะ ก่อนมาหาเธอจันทรเขาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ทาน อร่อยจังเลยไม่ได้ทานนานแล้ว"
"เย็นนี้เราก็จะไปทานข้าวที่บ้านจันทร เธอจะกลับไปค้างที่โรงแรมหรือเปล่าจ๊ะ"
"เรื่องอะไร" ชูใจค้อน "ฉันเตรียมกระเป๋ามาแล้วนอนกับเธอพรุ่งนี้เราก็ไปลำปางกันเลยเพชรเขาจะขับรถพาไป แต่ทางโรงแรมเขาบริการเอง"
"ปิติคงตื่นเต้นดีใจมากนะ นี่คงจะอยากมาหาพวกเราเต็มแก่ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าว"
"ฉันโทรไปหาเขาแล้ว" ชูใจพูดยิ้ม ๆ "ดีใจมากเลยเสียงเอะอะโล้งเล้งตามเคย นี่เดี๋ยวคงโทรมาหาพวกเรา"
"ถ้าเช่นนั้น เราไปบ้านจันทรกันดีว่านะ " มานีพูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ
"เดี๋ยวจะวานให้รถโรงพยาบาลไปส่ง ฉันไม่มีรถใช้แต่จักรยาน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการผู้แสนมัธยัสถ์ ฉันมีรถตู้ของโรงแรมมาส่งและคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลาตามคำสั่งของแด๊ด..เอ๊ย... ของพ่อ พ่อจองโรงแรมให้และสั่งให้โรงแรมบริการทุกอย่างของฝากเธอก็อยู่ในรถ ฉันมีกระเป๋าถือเก๋ ๆ ที่ฉันออกแบบเองมาฝากเธอด้วยละ "
"เฮ้อ...คนมีสตังค์ละก็เนรมิตอะไรได้ทุกอย่างนะ" มานีพูดยิ้ม ๆ
"ชดเชยกับที่ฉันเคยลำบากเมื่อเล็ก ๆ ไงละ แหมคิดถึงย่าจังเลย"
ทั้งสองเดินเกี่ยวก้อยคุยกันไปยังที่จอดรถซึ่งมีรถคันหรูของโรงแรมมีชื่อจอดอยู่
"เธอสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วหรือจะพักร้อนตั้งอาทิตย์เชียวนะเห็นจันทรบอกว่าเธอเป็นหมอที่เอาใจใส่ห่วงงานมาก แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการแล้วก็ตามคนทั้งอำเภอรักเธอ ชอบเธอมากนี่ เมื่อตอนโรคฉี่หนูระบาดเขาว่าเธอไม่ได้หลับได้นอนเลยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"
"จ๊ะตอนนั้นแย่หน่อย หมอ พยาบาล เหน็ดเหนื่อยกันทุกคนตอนนี้ค่อยยังชั่ว ถ้าเธอมาตอนนั้นหรือปิติแต่งงานตอนนั้น ฉันคงลำบากใจเหมือนกัน"
เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถคันงามก็ออกจากโรงพยาบาลมุ่งไปสู่ตัวเมืองมานีกับชูใจนั่งคุยกันไปตลอดทางสมกับความรัก ความคิดถึงที่มีต่อกัน มิตรภาพอันอบอุ่นเมื่อเยาว์วัยหวนกลับมาสู่หัวใจของคนทั้งสอง ชูใจมองเพื่อนรัก แล้วพูดเบา ๆ ว่า
"แล้วเราก็ได้พบกันนะมานี แต่อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกัน"
"แล้วเราก็จะได้พบกันอีกไม่ใช่หรือชูใจตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะได้พบกันแน่นอน"
"แน่นอนจ๊ะมานี เราจะได้พบกัน" ชูใจตอบพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อนึกถึงเวลาแห่งความเบิกบานที่จะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดสัปดาห์นี้แล้ว...แล้วเราก็ได้พบกัน
เมื่อได้อ่านแล้วก็ทำให้นึกย้อนไปเมื่อสมัยเด็ก ๆ ตอนเรียนชั้นประถม ตอนนี้ไม่มีแล้ว ก็อยากมาแบ่งปันให้ได้อ่านกันค่ะ ใครที่เคยอ่านแล้ว ก็ลองอ่านอีกสักรอบนะค่ะ อ่านไปยิ้มไปค่ะ
ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้ระลึกถึงความหลังยังเยาว์วัย..