แวะช่างชุ่ย เพื่อชิมชา
พูดถึง Community Mall หรือ Lifestyle Mall ใน กรุงเทพ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านหลากหลาย ทั้งชิม ทั้งช้อปปิ้ง และถ่ายรูปสวยๆ อวดเพื่อนนั้น มาแรงมากสำหรับคนกรุงเทพ เพราะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อันแสนจะสั้น ทำให้ไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนไกลๆ ไลฟ์สไตล์ มอลล์เหล่านี้จึงผุดขึ้นมาเพื่อช่วยทำให้วันหยุดของคนกรุงฯ ไม่น่าเบื่อ ใกล้วันหยุดวันแม่แล้ว ทางทีมงานพาไปสำรวจ ช่างชุ่ยกันครับ
มาถึงทางเข้า ก็ งงๆ เล็กน้อยว่า มันเป็น Community Mall หรือ Lifestyle Mall แต่ผมว่ามันน่าจะเป็น Lifestyle Mall มากกว่านะ เพราะเหมือนสถานที่จะเน้นแนว อาร์ตมากกว่าการเดินช้อปปิ้งเหมือน Community Mall ทั่วๆ ไป ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้ามาอีกโลก ที่มีอาคารพื้นที่ และตัวหุ่นปั้น ที่ออกแนวศิลปะสมัยใหม่ป่นการ์ตูนนิดๆ มั้ง (ไม่สันทัดด้านนี้ แต่ชอบนะครับ) ดูๆ แล้วก็แปลกตราดี ว่าแล้วก็หยิบมือถือมาถ่ายเล่นซักหน่อย
เดินดูโน้น นี่ นั่น ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอร้านขายต้นไม้ ซึ่งผมดึงดูดผมอยู่พักนึงเลยแหละ เนื่องจากผมเป็นคนชอบต้นไม้ ใบไม้ และผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับ หลายๆ ท่านที่เข้าชมเวป Top of Living ซึ่งที่นี้จะมีต้นไม้หลากหลาย ที่เหมาะกับการปลูก ทั้งในบ้าน และตามคอนโดฯ (มีต้นไม้มงคลเล็กๆ สำหรับปลูกที่โต๊ะทำงานด้วย) และมีพื้นที่ให้ถ่ายรูปเล่นอีกมากมาย และมีร้านให้เล่น ยิงปืน ปาไม้ดูด(ส้วม) เหมือนงานวัดสมัยก่อนด้วยนะ
มาถึงร้านขายของเล่นและขนมเก่าที่คนอายุไม่ถึง 30 อาจไม่รู้จัก พอเห็นแล้วให้นึกย้อนไปเมื่อยังเด็ก หลายอย่างชอบมาก แบบว่า แคะกระปุก เพื่อมาหาซื้ออะ เห็นแล้วก็นึกถึงอดีตดีครับ ซึ่งทีมงานก็ได้ขนมสันจ่า (ขนมแผ่นแดงขนาดเล็ก รสชาติหวานๆ) และหมากหอมเยาวราชติดมือมา
มาถึง Hi-light ในวันนี้ พอดีมีเพื่อนชวนให้มาลอง ร้านหนึงที่เค้าบอกว่า ราคาแพง แต่อยากให้มาลอง เพราะมีหลายคนบอกมาแล้วว่ารสชาติดี เผอิญทราบว่ามีที่ช่างชุ่ย เลยขอมาโดนซะหน่อย
ร้านชื่อ The tea house ( เดอะ เต เฮ้าส์) ชื่อร้านก็ตรงตัวครับ เค้าขายชา ในใจก็คิดว่า ชาชงเองที่บ้านก็ได้ ทำไมต้องมากินที่นี่ด้วย แต่มาแล้วลองซะหน่อยละกัน
สไตล์ร้านออกแนวสไตล์ฝรั่ง ผสมจีน (โต๊ะกลม) ซึ่งมองแล้วก็สวยดี น่านั่งมาก แต่ผมว่าถ้ารสชาติไม่ผ่าน อะไรก็ดูไม่ดีอะ เช่นนั้นหาที่นั่ง สั่งเลยดีกว่า
สั่งของหวาน + น้ำชา Signature ของเค้า รสชาติดีกว่าที่คิดครับ มันมีกลิ่นหอมของชา ที่เค้าบอกเป็นของฝรั่งเศส ลองรสชาติแล้ว ทำให้รู้สึกตัวเองไฮโซขึ้น (แม้จะชั่วคราวก็ตามที) อ๋อทางร้านบอกว่า ให้รอเวลาตามนาฬิกาทราย ที่เอามาวางให้ด้วย เพื่อให้รสชาติชาดีตาที่เค้าบอก ระหว่างรอชา ก็เลยลองขนมที่สั่งมาก่อน รสชาติดีจริงๆ
ทางร้านแนะนำว่า ชาถ้วนหนึ่ง ถ้าจะให้ดี สามารถเติมน้ำร้อนได้ 2 ครั้ง หากเลยมากกว่านั้น รสชาจะไม่ดีแล้ว (เรียกว่ชาจืดว่างั้น) ทีมงานเลยลอง แค่ 2 ครั้งตามที่ร้านบอกมันก็จะฟินนิดๆ นะ
รูปนี้เติมน้ำร้อนรอบ 2 ก็ยังดูเข้มนะครับ
สุดท้ายขอโชว์ โคมไฟที่ทางร้านตั้งใจตกแต่งตามสไตล์ของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นโคมไฟโคมไฟที่เป็นงานดีไซน์โดยศิลปินที่ออกแบบให้ทางร้านโดยเฉพาะ และโชว์ราคาหน้ามาให้ดูด้วยครับ ซึ่งไม่แพงอย่างที่คิด