Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 

ย้ายไป Aberdeen .. ปัญหาค่าบ้าน

อาทิตย์หน้าเนี่ยก็จะได้ย้ายไป Aberdeen เเล้วล่ะ
Scotland หนาววววว หิมะตกเเล้วด้วย

อะไรๆ ก็เหมือนจะดี
อย่างน้อยจะได้ไปพ้นๆ จากคนดัชท์ซะที
เเต่ที่ไม่ดี คือ ทาง Personnel manager ดันมาเล่นเเง่ซะ

จะไม่จ่ายค่าบ้าน Housing Allowance เราซะอย่างงั้น


Netherlands เนี่ยตามสัญญาจ้างเป็น Housing Provided
คือบริษัทเช่าบ้าน เช่ารถให้

ส่วน UK ตอนเเรกนึกว่าเป็น Housing Assistance
ซึ่งทางบริษัทให้ค่าเช้าบ้านรายเดือน
เเต่จริงๆ ก็เป็น Housing Provided เช่นกัน
เเต่บริษัทเล่นกล ไม่อยากยุ่งยากจัดการ
ก็เลยให้ตังค์เเทน

คราวนี้ ย้ายเพื่อหน้าที่การงานคุณ Ernst
โดยคุณเธอตั้งเราเป็นเงื่อนไขการย้าย

เราเองก็อยากย้ายด้วย ส่วนหนึ่งก็ได้เงินนั้นเพิ่ม
ส่วนหนึ่งก็หน้าที่การงานเราในวันหน้า

เเต่เเล้วก็ปิ๋ว

เครียดนะเนี่ย ปวดหัว กินไม่ได้ นอนไม่หลับเลย

เลยเเวะกลับไปตั้ง กระทู้ ที่สวนลุม

ตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้จะได้คำเเนะนำ หรือจะโดนยิงเละ
สวนลุม บทจะดี ก็ดีใจหาย
บทจะใจร้าย ก็ร้ายถึงใจ

เอากระทู้มาเก็บในบล็อคด้วยละกัน
เก็บรายละเอียด ขี้เกียจพิมพ์อีกรอบน่ะ




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2548
11 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2548 10:48:20 น.
Counter : 1130 Pageviews.

 

เรื่องมีอยู่ว่า เรากับเเฟนทำงานบริษัทนานาชาติเครือเดียวกัน เเต่คนละส่วนงาน เรื่องงบ เรื่องพนักงาน เนี่ยก็เป็นคนละบัญชีกัน เป็นเเค่บริษัทในครอบครัวเดียวกันที่ชอบเสเเสร้งว่าเป็นบริษัทเดียวกัน (งงไหมคะ)

ทีนี้ เพื่อความก้าวหน้าทางการงานของคุณเเฟนเรา เขาจึงขอย้ายประเทศที่ทำงานออกจาก Netherlands ไป UK ซึ่งสำหรับเราเเล้ว UK คือสำนักงานใหญ่อยู่เเล้ว เราเองก็ถูกทางนั้นเรียกไปทำงานให้บ่อยๆ อีกอย่างช่วงนี้ทาง UK ต้องการวิศวกรตำเเหน่งเราจำนวนมาก เราจึงเห็นเป็นโอกาสดี พอเเฟนเราเอ่ยบอกถามเราว่าจะเป็นไรไหมถ้าเงื่อนไขของการย้ายของเขาต่อบริษัทคือเราต้องไปด้วย เราก็โอเค

จริงๆ เเล้วเขาจะไปไหนก็ได้ เราจะไปไหนก็ได้ ถ้ามีตำเเหน่งให้เขาโต (เเผนกเขาที่นี่ทางตันเเล้ว) เราเองทำงานที่ไหนก็เหมือนกัน ที่เลือก UK ก็เพราะเป็นประเทศที่ใกล้ที่สุด มีการเปลี่ยนเเปลงทางหน้าที่การงานน้อยที่สุด เเละที่สำคัญคือตำเเหน่งที่เขาหมายตาไว้ที่ UK ว่างพอดี .. ส่วนทางเเผนกเราที่นั่นก็ต้องการคนมากๆๆ เช่นกัน ดังนั้นการย้ายครั้งนี้ เหมือนจะเป็น win-win ของทุกฝ่าย... เเต่เรื่องมันไม่ง่ายๆ อย่างนั้น

ที่ UK พนักงานต่างชาติทุกคน จะได้ค่าบ้าน ค่ารถ เป็นเงินก้อนต่อเดือน ซึ่งต่างจากที่ Holland ที่บริษัทเช่าบ้าน เช่ารถให้ ... ทีนี้ปัญหามีอยู่ว่า เพราะเราเป็นเเฟนกัน ทางบริษัทจะให้ค่าบ้านเเค่คนเดียว (เเต่ค่ารถเป็นสองส่วนเเยกกัน) เพราะเขาจะนับเราเหมือนคู่เเต่งงาน ซึ่งส่วนนี้ เราเสียประโยชน์ เดือนละ 900 ปอนด์เลยทีเดียว

เเต่สำหรับสวัสดิการอื่นๆ เช่น ค่าเครื่องบิน เรายังได้ เหมือนเป็นโสด คือเราไม่สามารถเบิกเงินจากส่วนของเราให้เเฟนเราได้ .. เเฟนเราบ้านใกล้อ่ะค่ะ วงเงินค่าตั๋วที่เบิกได้เเต่ละปีของเขาใช้เบิกค่าเเทกซี่ก็หมดเเล้ว ซึ่งในส่วนนี้ ทำให้เราเสียโอกาสเพราะ ถ้านับว่าเราเเต่งงานกัน เราสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบินให้เเฟนเราเวลาบินกลับเมืองไทยด้วยกันจากวงเงินค่าตั๋วเครื่องบินเราที่เหลือทุกปีปีละหลายพันยูโร ถ้านับว่าเราเเต่งงานกัน เราก็จะเบิกเงินส่วนนั้นออกมาได้ ไม่ตกเบิกให้เสียประโยชน์

เรื่องค่าตั๋ว บริษัทอ้างในคู่มือพนักงาน ที่เขียนว่า ทางบริษัทจะนับเป็นสถานภาพสมรสก็ต่อเมื่อพนักงานทำการสมรสตามกฎหมายเท่านั้น .. หมายถึงเราสามารถเบิกให้ได้เเต่สามีทางกฎหมายเท่านั้น

จริงอยู่ ทางเรายื่นเงื่อนไขการย้ายประเทศ ว่าต้องการไปด้วยกัน เเละให้เหตุผลเพิ่มเติมกับทางเเผนกบุคคลว่าเราวางเเผนจะเเต่งงานกันสิ้นปีหน้า เเต่ในขณะนี้สถานะทางการเเต่งงานไม่ได้เปลี่ยน คือยังเป็นโสดทั้งคู่

เราส่งอีเมลประท้วงไป หนึ่งรอบ โดยเหตุผลข้างบน ทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลอ้างว่าเป็นเรื่องปกติของโปรเเกรมช่วยเหลือคู่เเต่งงาน .. ซึ่งไม่ได้มีระบุไว้ในเอกสารใดๆ ตามที่เราค้นหา เเละในทางตรงกันข้ามเรื่องสถาภาพโสด หรือสมรสกลับระบุไว้ชัดเจน

เราหงุดหงิด ปวดหัวมาก ทะเลาะกับเเฟนไปหลายรอบเเล้ว เพราะถึงเขาไม่เห็นด้วยกับเเผนกบุคคล เเต่ก็กลัวไม่ได้ย้ายจนหัวหด เสนออะไรมาก็เอา เลยไม่ได้ช่วยเราต่อสู้ เเถมบางทีความอยากเลี่ยงปัญหาของเขา ทำให้เราหงุดหงิดมากๆๆๆๆ ขึ้นไปอีก

ส่วนเรา ยังไงๆ เราเห็นว่าเรื่องการย้ายเป็นเรื่องที่ทุกๆฝ่ายได้ประโยชน์ เราไม่เห็นว่าทำไมต้องมาพยายามตัดประโยชน์อันชอบธรรมที่เราควรได้ (เพราะเราเป็นพนักงานคนหนึ่ง ทำงานเท่าๆกับคนอื่น สวัสดิการก็ควรได้เสมอกันกับคนในระดับเดียวกัน) เราเลยอยากจะสู้ให้ถึงที่สุด อย่างมีเหตุผลอ่ะนะ .. เราไม่ได้งกเงินหน้าเลือด (เเต่นั่นก็ไม่ใช่เงินน้อยๆนะ อ่ะ งกก็ได้) เเต่เรามาทำงานก็เพื่อเงินเหมือนกัน ไม่ใช่การกุศล This is job.. This is what I do for living, not charity! (เราไม่ได้งัดไม้ตายนี้ออกมาเถียงหรอกนะ เหมือนเด็กๆ อ่ะ)

เเต่เราควรจะเริ่มคุยยังไง ไม่ให้เขารู้สึกว่าเราเรียกร้องมากเกินไป หรือว่าหน้าเงิน เราอยากได้เเค่สิ่งที่เป็นสิทธิของเรา สิ่งที่ทุกๆคนได้กัน .. หรืออย่างน้อยก็ใช้ standard เดียวในกรณีเดียวนี้ ไม่ใช่นึกอยากจะตัดอะไรก็ตัด

ขออภัยล่วงหน้า ถ้าอ่านกระทู้นี้เเล้วทำให้งง หรืออารมณ์ขุ่นมัว เพราะตอนนี้เราหงุดหงิดมากกกกกกกค่ะ

สุดท้าย ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำเเนะนำค่ะ

 

โดย: น้ำผึ้งหยดเดียว 26 พฤศจิกายน 2548 10:49:02 น.  

 

การย้ายประเทศเป็นเรื่องปกติในหน้าที่การงานเราอยู่เเล้ว ไม่ย้ายพร้อมกันตอนนี้ เราก็ขอต้องย้ายของเราเองปีหน้าอยู่ดี เเล้วที่ที่จะได้ไป ก็อาจจะไม่พ้น UK เพราะความเหมาะสมอย่างที่ว่าไปเเล้วข้างบน (ที่สำคัญคือทางโน้นต้องการคนมากๆๆๆ)

เพื่อนวิศวกรด้วยกันที่นู่นยังบอกเลยว่า กรณีนี้อย่าไปยอมง่ายๆ เพราะคือสิทธิทุกๆคนได้ เเละเงินก้อนนั้นอาจจะเรียกว่าค่าบ้านก็จริง เเต่จริงๆเเล้วเป็นเงินชดเชยสำหรับพนักงานต่างชาติกินเงินเดือน USD เเล้วมาอยู่มาใช้เงินปอนด์

ศูนย์ช่วยเหลือการโยกย้ายที่เราปรึกษายังอึ้งเลยตอนที่เราบอกว่าเรายังไม่ได้เเต่ง (ในเอกสารที่บริษัทเราส่งให้ศูนย์ระบุว่าเราเเต่งเเล้วเฉยเลย) เพราะกฎบริษัทเราเรื่องการเเต่งงาน การนับสถานภาพสมรสชัดเจนมาก (อย่างถ้าพนักงานที่มีเเฟนเป็นคนนอก จะไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ถ้าต้องการพาเเฟนมาด้วย ต้องเป็นคู่สมรสตามกฎหมายเท่านั้น)

ดังนั้น มองในเเง่ที่ว่า ไม่ใช่ 2 ย้ายเดี่ยว ในมุมมองนี่ยิ่งนี่ถือเป็นการประหยัดให้บริษัทค่ะ

เเล้วก็ไม่ใช่เเค่ 900 ปอนด์นะคะ .... เเค่นั้นเราอาจจะยอมหยวนได้ ถือว่าเป็นค่าเราย้ายมาด้วยกัน เเต่นี่ 900 ต่อเดือนค่ะ ปีละ 10800 ปอนด์ เกือบ 20000 ดอลล่าห์ เท่ากับกว่าครึ่งล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว จะทนเงียบยังไงไหว

อ่านเเล้วไม่เข้าใจ หมั่นไส้ ก็ขอให้ผ่านไปเถอะค่ะ

เเต่ละคนมีปัญหาของตัวเอง ปัญหานี้ของเราอาจดูไร้สาระสำหรับคุณ เเต่เราเครียดมากๆ เลยต้องมาถามที่นี่ เรามีภาระต้องใช้เงินทางบ้าน เเละเงินก้อนนี้มากเกินกว่าที่เราจะยอมเสียไปโดยไม่ทำอะไรเลยได้ อย่างน้อยเราอยากจะลองต่อรองดูก่อน ถ้าทางนู้นยืนยัน เราก็ต้องยอมรับ

ถ้าเงินไม่ได้ เราเเค่ต้องการให้เขานับสถานะเเต่งงานไปให้ถึงที่สุด ...(หลักๆคือ ให้เราใช้วงเงินค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านของเราจ่ายให้เเฟนเราได้ ).. ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้
ขอเบิกค่าเครื่องให้เเฟน "ไม่ได้ค่ะ คุณโสด"
ขอเบิกค่าบ้านให้ตัวเอง "ไม่ได้ค่ะ เเฟนคุณได้เเล้ว เรานับว่าคุณเเต่งงานกัน"

 

โดย: น้ำผึ้งหยดเดียว 26 พฤศจิกายน 2548 10:49:45 น.  

 

ปวดหัว เครียด ทะเลาะกับคุณเเฟนไปหลายรอบ ...

ทางนั้นอยากเลี่ยงปัญหาง่ายๆ ก็บอกเรามาเหมือนกันว่า จะให้เราหมดเลย เขาไม่เอาเลยก็ได้ค่าบ้าน เเต่มันไม่ใช่เเค่ว่าเราต้องการเงิน เเต่ปัญหามันอยู่ที่ความถูกต้องตะหาก

เรื่องเงิน อาจจะดูเป็นสิ่งที่ทุกคนมองว่าเราเห็นเป็นปัญหาใหญ่ ใช่ เรายอมรับ .. เเต่ที่ใหญ่กว่าคือความอยุติธรรม เเละการเเบ่งเเยก

เรากำลังเสียสิทธิที่ชอบธรรมในฐานะพนักงานคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิทธิที่เราควรได้ตามสัญญาจ้างงาน ด้วยเหตุผลที่ว่าเรากำลังจะเเต่งงาน (ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า)

เราเป็นผู้หญิง ตัวคนเดียวที่นี่ เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องอะไรไม่มีทั้งนั้น เรายังไม่ได้เเต่งงาน ดังนั้นตามกฎหมายไม่มีอะไรปกป้องสิทธิของเราได้

หน้าที่เขาทำงานในเมือง อยู่ออฟฟิส

เราทำงานไซต์กลางทะเล ครั้งละหลายๆอาทิตย์

งานที่ UK หนักกว่าที่ Holland มาก.. วิศวกรออกทะเลกันครั้งละ 3 อาทิตย์ หยุด 3 วันเเล้วออกไปอีก

ถ้าวันหนึ่ง เรากลับมาจากกลางทะเล ถึงบ้านพบว่าอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม พบสาวสวย ผมทอง ตาฟ้า นั่งอยู่ในที่ของเรา ... เพราะคนของเราเบื่อที่จะรอคอย เเล้วเราจะทำยังไง

ไม่ใช่เราไม่ไว้ใจ หรือไม่มั่นใจในคนของเรา ..
เรายอมรับว่าเราวิตกจริต..

ถึงเวลานั้นจริงๆ นอกจากเราต้องทำใจเเล้ว เราต้องบากหน้ากลับมาหาหัวหน้าฝ่ายบุคคล ร้องขอค่าบ้านของเรา ..

ความเสี่ยงมันมี เหมือนในชีวิตคู่ทั่วไป หรือยิ่งกว่าซะอีก

ถ้าเราเงียบวันนี้ หากวันนั้นมาถึง ทางบริษัทก็จะอ้างได้ว่าเราไม่ได้โต้เเย้งอะไร

ตอนนี้เราเครียดหลายเรื่อง ตื่นกลางดึกมาร้องไห้หลายครั้ง ไม่รู้ว่านี่เหมือนกับความเครียดของผู้หญิงที่กำลังจะออกเรือนรึเปล่า... กลัวเขาทิ้ง เขาทิ้งไปจะทำยังไง

วันนี้รักกัน ใช่ .. ต้องเชื่อมัน

ความเสี่ยงเป็นของเรา เรารับได้

วันนึงที่มีปัญหา ฝ่ายบุคคลคงช่วยอะไรเราไม่ได้

เเล้ววันนี้ เราเรียกร้องมากเกินไปหรือ ที่จะพยายามรักษาสิทธิของเราไว้ จนกว่าจะเเต่งงานกันเปลี่ยนสถานะตามกฎหมาย วันนั้นกฎหมายคุ้มครองเเล้วค่อยมาตัดสิทธิพนักงานเราก็ยังได้

อ่านเเล้วสับสนไหมเนี่ย .. คนเขียนก็สับสนอ่ะ

ถึงได้เป็นปัญหาสุขภาพจิตไง เเหะๆ อย่าถือสานะ

ถ้าหลงผ่านเข้ามาในกระทู้นี้ ก่อนออกไปก็ขอข้ออ้างงามๆให้เราไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายอาทิตย์หน้าเนี่ย เราว่าเรามีเหตุผลนะ อย่างที่ว่าไปเเล้วข้างบน เเต่เราไม่รู้จะลำดับยังไง เเละไม่เเน่ใจว่านั่นมันเป็นเหตุเป็นผลสำหรับเราคนเดียวที่คนอื่นไม่เข้าใจรึเปล่า (อ่าน คคห 1/2 เเล้วหมดกัน ยิ่งเเย่ใหญ่ กำลังใจหดเเห้ง)

ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำนะคะ เปิดรับทุกอย่าง เเต่ของดคำประชดประชันเเล้วกันนะคะ เพราะสภาพจิตใจตอนนี้รับไม่ไหวจริงๆ

 

โดย: น้ำผึ้งหยดเดียว 26 พฤศจิกายน 2548 10:50:52 น.  

 

สู้เค้าครับ สิทธิของเรา

 

โดย: .สักวันเราคงจะรู้จักกัน IP: 58.64.127.163 28 พฤศจิกายน 2548 16:07:10 น.  

 

กำลังใจจากใครหนอ

ใกล้เทศกาลแล้ว ยังงัยก็อย่าคิดมากนักนะคะ

 

โดย: Angel Tanya 10 ธันวาคม 2548 6:33:02 น.  

 

สู้เพื่อสิทธิ์ของเราค่ะเงินเยอะด้วยค่ะ

สู้ๆๆๆๆๆ

 

โดย: yadegari 15 ธันวาคม 2548 1:02:44 น.  

 

ช่าย สู้ต่อไปครับ

 

โดย: นายรักแท้ 15 ธันวาคม 2548 2:59:26 น.  

 

เป็นกำลังใจให้สู้ เพื่อสิทธิ์ของตัวเองครับ

มีน้องสาว คนรู้จักกัน ทำงานและเรียนอยู่ ลอนดอน

นิสัยดี อยากแนะนำให้รู้จักครับ จะได้เป็นเพื่อนกัน

เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน

 

โดย: หลังคาดำแดง 16 ธันวาคม 2548 10:33:11 น.  

 

มาปิดหัวข้อบล็อคค่ะ

สรุปว่า ไม่ได้นะคะ ค่าบ้านนั่นน่ะ

คุยเเล้ว ไม่ได้ .. ดีกว่าไม่ได้คุย นิดนึง (นิดเดียวจริงๆ)

ข้ออ้างกำปั้นทุบดิน ว่าอยู่ด้วยกัน ก็บ้านเดียว
ถ้าเลิกกันเมื่อไหร่ ก็ได้สองเท่า

เราเลยถอยค่ะ กลับมาคุยกัน ว่างั้นเลิกกันดีกว่านะ

ไม่ได้เลิกจริงซะหน่อย เเต่เเฟนเราทำท่าหัวใจสลายมากเลย น่าสงสาร

เราเลยได้เเต่ทำใจค่ะ

ดีขึ้นมาหน่อย ตอนว่าที่พ่อสามี ผู้เหลือกินเหลือใช้
เสนอ "ซื้อ" อพาทเมนต์ให้

อ่านะ คบลูกคนมีกะตังเนี่ย มันดีอย่างนี้เอง

คิดซะว่า เงินที่ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ของเรา
เงินที่ได้จากบริษัทเลยไว้กินไว้ใช้อย่างเดียว
ค่าบ้าน พ่อให้ ก็ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเสียดายอะไรเเล้ว

ว่าเเล้ว ก็เอาสมองไปเครียดอย่างอื่นดีกว่า อิอิ

 

โดย: น้ำผึ้งหยดเดียว IP: 134.146.0.6 17 ธันวาคม 2548 3:32:35 น.  

 

อิจฉา ๆ ๆ

 

โดย: BloodyHell IP: 202.93.98.148 18 มกราคม 2549 4:00:53 น.  

 

มาอัพใหม่

ไปทะเลาะมาอีกรอบเพราะฝ่ายบุคคลจะมายึกยัก
จ่ายค่าที่พักชั่วคราวระหว่างโยกย้ายไม่ครบ

อ้างว่า "งบหมด"

จะไปหมดได้ไง หนึ่งเท่าเงินเดือนของสองคนไม่น้อยนะ

ที่ไหนได้ กลับไปดูเอกสาร .. งบประมาณช่วงระหว่าง
การโยกย้าย ได้แค่หนึ่งเท่าเงินเดือน Ernst
แล้วของตูล่องหนไปไหนฟะ!!!!

พอดีกับที่รู้ ผู้จัดการบุคคลเข้าออฟฟิสพอดี ..
ก็เคาะประตู ขอเข้าไป.. ระเบิดลง

ตูมๆ ตามๆ แรงกันไป แรงกันมา แต่ไม่หยาบนะ

เรื่องนี้ทั้งเรื่อง ก็ถูกรื้อโครมลงมาใหม่

ทะเลาะกันได้ที่ เรารู้สึกว่ายังไงก็ไม่ได้อะไรดีขึ้นมา
คำสุดท้ายเขาบอกว่าจะต้องแฟร์กับทุกคน
เราบอกว่าแค่กับเราก็ไม่แฟร์แล้ว เราไม่มีทางเลือกอื่นเลย
เมื่อบริษัทบังคับให้เราอยู่กับErnst เราก็ต้องทำ
ไม่เป็นไร .. เราเข้าใจแล้วว่าเราไม่มีทางเลือก

ว่าแล้วก็จะเดินออกจากห้อง (ไม่ได้นั่งน่ะ ไม่เชิญ ก็ไม่นั่ง)

กำลังหมุนตัวออก น้ำตาก็คลอออกมา

คือมันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอะไรแล้ว
สิทธิของเราทั้งๆที่เราทำงานเท่ากับทุกคนกลับถูกริบไป
เพียงเพราะเรามีแฟนเป็นคนใน

ผู้จัดการก็ตาไว ... เห็นว่าเราจะร้องไห้ก็เรียกไว้
บอกให้ไปปิดประตูแล้วมานั่งคุยกันใหม่

ทีนี้เปลี่ยนเสียง ถามเราว่ามีปัญหาไรกับ Ernst ไหม

เท่านั้นแหละ ทำนบแตกออกมาเลย

เรื่องหลักๆ คือสิทธิของเราที่ถูกริบไป

เรื่องที่เราเหมือนถูกบังคับให้อยู่ก่อนแต่ง
ซึ่งขัดกับวัฒนธรรมไทย (เขาเข้าใจ ภรรยาเข้าเป็นจีน)

เรื่องที่เรา"ต้อง" อยู่กับ Ernst มากกว่าที่เราจะ"เลือก"อยู่กับเขา

เรื่องที่เขาขอย้าย เราเป็นเงื่อนไขการย้าย
ย้ายมาในที่ที่ต้องการเรา แต่เราเสียสวัสดิการทุกอย่าง

และอีกหลายๆเรื่อง พูดความจริงในส่วนที่อัดอั้น
ทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่พร้อมกับการอยู่ก่อนแต่ง

ก็เลยได้ข้อตกลงมาใหม่ ว่าถ้า Ernst ตกลง
เขาจะไปพิจารณาสวัสดิการเต็มจำนวนให้
มีข้อแม้ว่า เราไม่ได้อยู่กับ Ernst
แต่เขาจะ "พยายาม" ไม่ย้ายเราไปประเทศอื่น
ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว ตำแหน่ง Ernst มีสัญญากับลูกค้า
ว่าอย่างต่ำสองปี และตำแหน่งเราที่นี่กำลังขาดแคลน
ดังนั้นเรื่องย้าย ไม่ใช้ปัญหา

เข้าทางเราล่ะ .. กลับมาเราก็คุยกับ Ernst บอกข้อตกลง
เรื่องที่อยู่เหรอ ง่ายจะตาย เราก็ขอที่อยู่เพื่อน
เสนอจ่ายให้เดือนละร้อย .. แค่นี้เราก็ได้สวัสดิการเราเต็มๆ

เราไม่ได้โกงนะ เพราะวิศวกรแชร์ที่อยู่กันตั้งหลายคน
เราก็ถามเขาว่าทำไมเรื่องนั้นไม่มีปัญหา ไม่มีใครโดนตัด

เขาบอกว่า ก็คนพวกนั้นไม่ได้เป็นแฟนกัน (รู้ได้ไง)

ดังนั้นเราก็ไม่ผิด และจริงๆแล้วเขาไม่มีสิทธิมาตัดเราด้วยซ้ำ

.. จะเริ่มได้ตังค์ตั้งแต่เดือนหน้าแล้วจ้า ..

แล้วแผนการต่อไป เมื่อแต่งงานแล้ว
คราวนี้เราจะเปลี่ยนคนคุยด้วย

ในเมื่อสวัสดิการ ฝ่าย operation เป็นผู้จ่าย เป็นเจ้าของเงิน
จะไปคุยกับ Personnel ทำไม.. ถ้า Ops จ่ายซะอย่าง
Personnel ก็ต้องยอม..

เหตุผลหลักคือ วิศวกรสองคน สองแผนกแต่งงานกัน
บริษัท"เสีย" อะไร .. จะประหยัดแค่ไม่กี่ร้อยปอนด์ต่อเดือน
หรือจะเสียวิศวกร "อย่างน้อย" หนึ่งคน

คือถ้าจะตัดอีก คราวนี้ ไม่เราก็ Ernst ออกแน่ๆ

แล้วเห็นดีกัน ฮี่ๆๆๆๆๆ

 

โดย: น้ำผึ้งหยดเดียว 21 มกราคม 2549 21:17:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


น้ำผึ้งหยดเดียว
Location :
Luanda Angola

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add น้ำผึ้งหยดเดียว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.