>การละหมาดตะรอวิห์ จำนวนรอกะอัต และ ทัศนะของมัซฮับทั้งสี่

การละหมาดตะรอวิห์ จำนวนรอกะอัต และ ทัศนะของมัซฮับทั้งสี่
การละหมาดตะรอวิห์

[[[


คำว่าอัตตะรอวิหฺ (التراويح ) หมายถึง  การหยุดพัก ในเชิงภาษาอาหรับ  คือ  เป็นพหูพจน์จากคำว่า  อัตตัรวีหะฮ์ (الترويحة ) ท่านอิบนุ มันซูร (إبن منظور ) ให้คำนิยามไว้ว่า "อัตตัรวิหะฮ์ (الترويحة ) ในเดือนรอมะฏอน  ซึ่งที่ถูกเรียกแบบดังกล่าว  เพราะผู้คน(ที่ละหมาด)จะทำการหยุดพักทุก ๆ สี่ร่อกะอัต , ในการพูดว่า  ละหมาดตะรอวิหฺนั้น  เพราะว่า  พวกเขาจะทำการหยุดพัก(ละหมาด)ระหว่างการให้สะลามทุก ๆ สองครั้ง (คือทุกสี่รอกะอัต) และคำว่า อัตตะรอวิหฺ (التراويح )   เป็นพหูพจน์จากคำว่า  อัตตัรวิหะฮ์ (الترويحة ) ซึ่งหมายถึง พักหนึ่งครั้ง..."  ดู หนังสือ ลิซาน อัลอาหรับ  เล่ม 1 หน้า 615

หากพิจารณาคำนิยามในเชิงภาษา  ก็ปรากฏชัดแล้วว่าการละหมาดตะรอวิห์นั้นมีมากกว่า 8 รอกะอัต  เพราะการหยุดพักหนึ่งครั้ง(الترويحة )หลังจากละหมาด 4 ร่อกะอัต  หากหยุดพัก 2 ครั้ง ( الترويحتان ) หลังจากละหมาดมาแล้ว 8 ร่อกะอัต  ดังนั้น  การละหมาด 8 ร่อกะอัต  จึงไม่เรียกว่าละหมาด (التراويح ) ในเชิงของคำนิยามละหมาดตะรอวิหฺ เนื่องจากคำว่าตะรอวิหฺ(التراويح )นั้น  ต้องหยุดพักหลาย ๆ ครั้ง หรือมากกว่าสองครั้งขึ้นไป 

ผู้ทำการละหมาดตะรอวิห์คนแรก

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  คือบุคคลแรกที่ทำการละหมาดตะรอวิห์ 

บุคอรีและมุสลิมรายงาน  จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ความว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมาดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดดำรง(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก่อดัรโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

ท่านบุคอรี  ได้รายงานไว้ในเรื่องละหมาดกิยามุลลัยล์ (ตะฮัจยุด) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  รอฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด  บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาดตามการละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้น  ท่านนบีได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป  ผู้คนจึงมากขึ้น  หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกันในคืนที่สามหรือคืนที่สี่  โดยที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ออกมายังพวกเขา  ดังนั้น  เมื่อถึงเวลาซุบฮิ  ท่านนบีได้กล่าวว่า  ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว  โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉันให้ออกไปยังพวกท่าน  นอกจากเสียว่า  ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรดูเหนือพวกท่านต่างหาก  และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงของเดือนรอมาดอน" 

عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ـ رضى الله عنه ـ لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ ‏.‏ ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ ‏.‏ يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ

จากอับดุรเราะห์มาน บุตร อับดุลกอรี   เขากล่าวว่า  ฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัร บุตร ค๊อฏฏอบ  ในเดือนรอมาดอน  ไปยังมัสยิด  ได้พบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่ม ๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง  คนหนึ่งมีคนละหมาดตามหมู่หนึ่ง  ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า  ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง  ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บุตร กะอับ  จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา  ท่านอุมัรกล่าวว่า "นี่เป็นอุตริ (บิดอะฮ์) ที่ดี  ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยาม  เขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน  แต่ประชาชนจะละหมาดกยามในตอนหัวค่ำ"

จำนวนรอกะอัตของละหมาดตะรอวิห์

นักปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลามทั้งสะลัฟและคอลัฟ ลงมติ(อิจญมาอ์) ว่า  การละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต   ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกยึดถือของมัซฮับทังสี่  คือ มัซฮับหะนะฟีย์ , มัซฮับที่เลื่องลือของมาลิกี , มัซฮับชาฟิอีย์  , และมัซฮับฮัมบาลีย์   และประชาชาติอิสลามที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าละหมาดตะรอวิห์มี 8 รอกะอัต  นอกจากเพิ่งเกิดขึ้นมาในสมัยนี้  ซึ่งสาเหตุดังกล่าวนั้นเพราะว่ามีความเข้าใจผิดต่อซุนนะฮ์ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และไม่มีความสามารถที่จะรวมบรรดาหะดิษต่าง ๆ และยังไม่เข้าใจของหลักการของอิจมาอ์(มติ)ของเหล่าซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม

ผู้ที่กล่าวว่าละหมาดมี 8 รอกะอัตนั้น  เพราะอ้างหลักฐานจากหะดิษท่านหญิงอาอิชะฮ์ที่ว่า

مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً ‏:‏ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا، قَالَتْ عَائِشَةُ - رضى الله عنها - فَقُلْتُ ‏:‏ يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتَنَامُ قَبْلَ أَنْ تُوتِرَ قَالَ ‏:‏ ‏"‏ يَا عَائِشَةُ إِنَّ عَيْنَىَّ تَنَامَانِ وَلاَ يَنَامُ قَلْبِي

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  ท่านานรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้ร่อซูลุลเลาะฮ์  ท่านจะนอนก่อนละหมาดวิติรกระนั้นหรือ?  ท่านนบีกล่าวว่า  โอ้อาอิชะฮ์  แท้จริงสองดวงตาของฉันนั้นหลับแต่จิตใจของฉันไม่หลับ" รายงานโดยบุคอรีย์

ซึ่งหะดิษนี้ได้บอกกล่าวถึงทางนำของท่านบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่เกี่ยวกับการละหมาดกิยามุลัยล์ทั่ว ๆ ไป  โดยมิได้บ่งถึงการเจาะจงเรื่องของละหมาดตะรอวิห์  เนื่องจากการละหมาดตะรอวิห์นั้นถูกเจาะจงเฉพาะในเดือนรอมาดอนเท่านั้น  ซึ่งมีรากฐานจากซุนนะฮ์ของท่านนบี  แต่การละหมาดเป็นวิธีการของท่านซัยยิดินาอุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  หมายความว่า  ประชาชาติอิสลามได้ดำเนินตามสิ่งที่ท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้วางหลักการไว้จากการรวมผู้คนทำให้ทำากรละหมาดตะริวิห์ 20 รอกะอัต  ในทุกคืนของเดือนรอมะดอน  โดยมีอุบัยย์เป็นอิมามนำละหมาด  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

عليكم بسنتى وسنة الخلفاء الراشدين المهديين عضوا عليها بالنواجذ

" พวกท่านจงดำรงไว้ ด้วยซุนนะฮ์ของฉัน และแนวทางของบรรดาค่อลิฟะฮ์ผู้ทรงธรรมอีกทั้งได้รับทางนำ  พวกเขาจงกัด(ยึด)แนวทางนั้นด้วยฟันกราม"

ท่านอิมาม อัลบัยฮะกีย์  ได้ทำการรายงาน  ด้วยสายสืบที่ซอฮิหฺ  จากท่าน อัซซาอิบ บิน ยะซีด รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการละหมาดในสมัยของท่านอุมัร รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ในเดือนรอมะฏอน ถึง 20 ร่อกะอัต"  ดู  สุนันอัลบัยฮะกีย์ 2/492

ท่านอัลบัยฮะะกีย์รายงานอีกว่า จากอัซซาอิบ บิน ยะซีด ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ในสมัยของท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้ได้ทำการละหมาด 20 รอกะอัตในเดือนรอมะดอน  อัซซาอิบ บิน ยะซีด  กล่าวอีกว่า  พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการอ่านถึง 200 อายะฮ์  โดยที่พวกเขาได้ทำการค้ำด้วยไม้เท้าในสมัยของท่านอุษมาน รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  เนื่องจากมีการยืนนาน" ดู สุนัน อัลบัยฮะกีย์ 2/429  และอัลมุวัฏเฏาะอฺ 1/114

ท่านอัลบัยฮะกีย์รายงานที่ซอฮิหฺเช่นกันว่า "ท่านอิมามอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านได้ใช้ให้คนหนึ่งทำการ(นำ)ละหมาดบรรดาผู้คนทั้งหลาย ในเดือนรอมะฏอน 20 ร่อกะอัต" ดู  สุนันอัลบัยฮะกีย์ 2/492

ท่านอิมามมาลิกได้รายงานไว้ใน อัลมุวัฏเฏาะอ์ ความว่า "ประชาชนในสมัยท่านอุมัร  ละหมาดกิยามในเดือนรอมาดอนยี่สิบสามรอกะอัต" อัลมุวัฏเฏาะอ์ 1/115

และท่านอัลบัยฮะกีย์ได้รวมสองรายงานนี้เข้าด้วยกันว่า  อีกสามรอกะอัตนั้นคือละหมาดวิติร

ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมุฆนีย์ ว่า "รายงานถึงท่านอิมามอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านได้ใช้ให้คนหนึ่งทำการนำละหมาดบรรดาผู้คนทั้งหลาย ในเดือนรอมะฏอน 20 ร่อกะอัต นี้ถือว่าเสมือนกับเป็นการอิจญ์มาอ์(มติของซอฮาบะฮ์)"  ท่านอิบนุกุดามะฮ์กล่าวอีกว่า "สิ่งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้กระทำนั้น ดีกว่า และเหมาะสมยิ่งกว่าต่อการเจิรญรอยตาม  และได้มีรายงานว่า  แท้จริง ท่านอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้เดินผ่านบรรดามัสยิดต่าง ๆ  ซึ่งในบรรดามัสยิดนั้น  มี(การจุด)ตะเกียงในเดือนร่อมะฏอน  ดังนั้น  ท่านอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า  ขอโปรดอัลเลาะฮ์ให้รัศมีสว่างต่อกุโบรของท่านอุมัร เหมือนกับกับที่พระองค์ทรงให้แสงสว่างกับบรรดามัสยิดของเรา"  ดู  หนังสือ อัลมุฆนีย์  เล่ม 2/167

ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ สุนัน อัตติรมีซีย์ ว่า "นักปราชญ์ส่วนมาก ได้ดำเนินอยู่กับสิ่งที่รายงานจากท่านอุมัรและท่านอะลี และท่านอื่น ๆ จากบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ว่า(ละหมาดตะรอวิหฺ) มี 20 ร่อกะอัต  และมันคือทัศนะของท่าน ซุฟยาน เษารีย์ , ท่านอิบนุ มุบาร๊อก , ท่านอิมามชาฟิอีย์ , และท่านอิมามชาฟิอีย์กล่าวว่า  เช่นนี้แหละ  ที่ฉันได้ได้พบที่เมืองของเราที่มักกะฮ์  พวกเขาได้ทำการละหมาด 20 ร่อกะอัต"

และมัสยิดหะรอมที่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์  ก็ทำการละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัต  ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันนี้  เพราะปฏิบัติตามแนวทางของท่านคอลิฟะฮ์อุมัร , คอลิฟะฮ์อุษมาน , ท่านอิมามอะลี  และการอิจญมาอ์ (มติ) จากการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์

ยยย


ละหมาดตะรอวิห์ตามทัศนะของมัซฮับทั้งสี่

มัซฮับทั้งสี่มีทัศนะสอดคล้องว่าการละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต

มัซฮับหะนะฟีย์

ท่านอัซซะร๊อคซีย์  ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องละหมาดตะรอวิห์ว่า "ละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  ที่อื่นจากละหมาดวิติรตามทัศนะของเรา และท่านอิมามมาลิก ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า สุนัตในละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 36 รอกะอัต"  หนังสืออัลมับซูฏ 2/144

ท่านอัลกาซานีย์  กล่าวว่า "ขนาดของการละหมาดตะรอวิห์นั้น  มี 20 รอกะอัต  อยู่ใน 10 สลาม  ใน 5 การหยุดพัก  ทุก ๆ 2 การให้สลามนั้น  หยุดพักหนึ่งครั้ง  นี่คือทัศนะคำกล่าวของนักปราชญ์ทั่วไป" หนังสือบะดาเอี๊ยะอฺอัศศ่อนาเอี๊ยะอฺ 1/288

ท่านอัลลามะฮ์ อิบนุ อาบิดีน กล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตนั้น เป็นทัศนะของนักปราชญ์ส่วนใหญ่  และบรรดาผู้คนทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกได้ยึดถือปฏิบัติ" ฮาชียะฮ์อิบนุอาบิดีน 2/46

มัซฮับมาลิกีย์

ทัศนะที่เลื่องลือของมัซฮับมาลิกีย์นั้น  สอดคล้องกับทัศนะของนักปราชญ์ส่วนใหญ่   ท่านอัลลามะฮ์ อัดดัรดีรกล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ในเดือนรอมะดอนนั้น  มี 20 รอกะอัต หลังละหมาดอีชาอฺ โดยให้สลามทุก ๆ สองรอกะอัต"  หนังสือ อัชชัรหุศศ่อฆีร ของท่านอัลลามะฮ์อัดดัรดีร ตีพิมพ์พร้อมกับ ฮาชียะฮ์อัศศอวีย์ 1/404

ท่านอัลลามะฮ์อันนัฟรอวีย์  ได้กล่าวถึงความมีน้ำหนักของทัศนะนักปราชญ์ส่วนมากและกล่าวถึงอีกทัศนะหนึ่งของท่านอิมามาลิกว่า "อัสสะละฟุศศอลิห์ ซึ่งพวกเขาคือบรรดาซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม  ได้ทำการละหมาดในเดือนรอมะดอน ในสมัยของคอลิฟะฮ์อุมัร อิบนุ  ค๊อฏฏอบ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  และด้วยคำสั่งใช้ของท่าน  ในบรรดามัสยิดต่าง ๆ 20 รอกะอัต  และมันยังเป็นทัศนะที่เลือกเฟ้นแล้วของท่านอิมามอบูหะนีฟะฮ์ , อิมามอัชชาฟิอีย์ , อิมามอะห์มัด  และปัจจุบันได้ยึดถือปฏิบัติบนทัศนะนี้ตามเมืองอื่น ๆ ทั่วไป...หลังจากนั้นสะลัฟในยุคต่อมา คือ สมัยของท่านอุมัร บิน อับดุลอะซีซ ได้ทำการละหมาดหลังจากดังกล่าว 36 รอกะอัต ก่อนจากละหมาดวิติร ....และทัศนะนี้ท่านอิมามมาลิกได้เลือกเฟ้นไว้ ซึ่งระบุไว้ในหนังสืออัลมุเดาวะนะฮ์ และท่านนับว่าเป็นสิ่งที่ดี และชาวมาดีนะฮ์(ในสมัยนั้น)ได้ปฏิบัติกัน  และส่วนหนึ่งจากผู้ตามอิมามมาลิกนั้นได้ให้น้ำหนักกับทัศนะแรกที่ท่านอุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบได้ทำการรวบรวมผู้คนทั้งหลายอยู่ละหมาด 20 รอกะอัต  เพราะว่ามีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องตามเมืองต่าง ๆ " หนังสือ อัลฟะวากิฮ์ อัลดะวานีย์ 1/317 - 318

มัซฮับชาฟิอีย์

ท่านอิมามอันนะวีย์ กล่าวว่า "มัซฮับของเราคือ  การละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  10 สลามที่ไม่รับวิติร  และดังกล่าวนั้นมี 5 การหยุดพัก และหนึ่งการหยุดพักนั้นมี 4 ร่อกะอัต  ด้วย 2 สลาม  นี้คือมัซฮับของเรา  และด้วยกับทัศนะนี้  ยังเป็นทัศนะคำกล่าวของท่านอบูหะนีฟะฮ์และสานุศิษย์ของท่าน , ทัศนะของอิมามอะห์มัด , ทัศนะของดาวูด และท่านอื่น ๆ"  มัจญ์มั๊วะอฺ 3/527

ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ตามทัศนะของเรา ที่อื่นจากชาวมะดีนะฮ์นั้น  มี  20 รอกะอัต  เหมือนที่ได้นำมาปฏิบัติกันในสมัยของท่านอุมัร รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  เนื่องจากท่านอุมัรมีนัยยะความเห็นที่เหมาะสมว่าในการรวมผู้คนให้ละหมาดตามอิมามคนเดียวกัน  ดังนั้นบรรดาซอฮาบะฮ์จึงมีความเห็นพร้องกับท่านอุมัร  และพวกเขาได้ทำการละหมาดวิติรหลังจากนั้น 3 รอกะอัต  และเคล็ดลับในการทำละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตนั้น  คือละหมาดรอวาติบที่มุอักกะดะฮ์อื่นจากเดือนรอมาดอนมี 10 รอกะอัต  ดังนั้นจึงเพิ่มอีก 1 เท่า ในเดือนรอมาดอน  เพราะเดือนรอมาดอนนั้นเป็นเดือนความขยันเอาจริงเอาจัง  และอนุญาตให้พวกเขาเท่านั้นเพราะว่าอยู่ใกล้(กุบูร)ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทำการละหมาด 36 รอกะอัต เพราะเป็นการชดเชยสำหรับพวกเขาโดยเพิ่มอีก 16 รอกะอัต  ต่อการตอวาฟของชาวมักกะฮ์สี่ครั้งเจ็ดรอบระหว่างทุก ๆ ช่วงพักหนึ่งครั้งจากละหมาด 20 รอกะอัต จะตอวาฟเจ็ดรอบ (คือเสร็จจากรอกะอัตที่ 1 - 4 ตอวาฟครั้งหนึ่งเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 4 - 8 ตอวาฟครั้งที่สองเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 8 - 12 ตอวาฟครั้งที่สามเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 12 - 16 ตอวาฟครั้งที่สี่เจ็ดรอบ , ส่วนรอกะอัตที่ 16 - 20 นั้นไม่มีตอวาฟเพราะเสร็จสิ้นจากตะรอวิห์  ดังนั้นชาวมะดีนะฮ์จึงเพิ่มจาก 20 รอกะอัตมาอีก 16 รอกะอัต เอารอกะอัตที่ คือเอารอกะอัตที่ 20 - 24 แทนจากการพักเพื่อการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งที่หนึ่ง , รอกะอัตที่ 24 - 28  แทนจากการการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งที่สอง , รอกะอัตที่ 28 - 32 แทนจากการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งสาม , และรอกะอัตที่ 32 - 36 แทนจากการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งสี่ - วัลลอฮุอะลัมครับ)"  หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/240 - 241

ท่านอิมามอัรร๊อมลี  กล่าวว่า "ละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  10 สลาม  ในทุก ๆ คืนของเดือนรอมะดอน  เพราะมีรายงานว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการละหมาดในสมัยของท่านอุมัรในเดือนรอมาดอน 20 รอกะอัต  และอีกสายรายงานหนึ่งของท่านอิมามมาลิกในหนังสืออัลมุวัฏเฏาะอฺ ระบุว่า 23 รอกะอัต  ซึ่งท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ได้รวม 2 รายงานนี้ว่า  พวกเขาได้ทำละหมาดวิติรอีก 3 รอกะอัต"  นิฮายะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/128

มัซฮับฮัมบาลีย์

ท่านอัลลามะฮ์ อิบนุ กุดามะฮ์ อัลมุก๊อดดิซีย์  กล่าวว่า "ทัศนะที่ถูกเลือกเฟ้นตามทัศนะของท่านอบีอับดิลลาฮ์(คืออิมามอะห์มัด) - รอฮิมะฮุลลฮ์ - เกี่ยวกับละหมาดตะรอวิห์นั้น มี 20 รอกะอัต  และด้วยกับทัศนะนี้เป็คำกล่าวของท่านอัษเษารีย์ , ท่านอบูหะนีฟะฮ์ , ท่านอัชชาฟิอีย์ , และท่านมาลิกกล่าวว่า มี 36 รอกะอัต  เพราะอ้างหลักการที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาก่อนและท่านได้ยึดการกระทำของชาวมะดีนะฮ์  และซอลิห์ เมาลาของอัตเตาอะมะฮ์  กล่าวว่า  ฉันได้ทราบว่าบรรดาผู้คน(ในมะดีนะฮ์) ทำการละหมาด 41 รอกะอัต  โดยพวกเขาได้ทำวิติรอีก 5 รอกะอัต"  หนังสืออัลมุฆนีย์ 1/406

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า "บรรดาอุลามาอ์ได้โต้แย้งกันเกี่ยวกับจำนวนละหมาดในเดือนรอมะดอน  เพราะแท้จริงได้รับการยืนยันว่าอุบัยย์ บิน กะอับ  ได้ทำการละหมาดนำผู้คนทั้งหลาย 20 รอกะอัต ในการละหมาดกิยามรอมะดอน(ละหมาดตะรอวิห์)  ดังนั้น  มีนักปราชญ์มากมายมีความเห็นว่า  แท้จริงสิ่งดังกล่าวนั้นคือซุนนะฮ์  เพราะได้มีการกระทำขึ้นท่ามกลางเหล่ามุฮาญิรีนและอัลอันซ๊อร  โดยไม่มีผู้ใดให้การตำหนิคัดค้านเลย" อัลฟะตาวาอัลกุ๊บรอ 2/249

ท่านศาสตราจารย์ ชัยค์ อะลีย์ ญุมอะฮ์ มุฟตีแห่งประเทศอียิปต์  ได้กล่าวสรุปไว้ว่า  "เรามีความเห็นว่า  สิ่งที่บรรดานักปราชญ์ชั้นนำ  บรรดาปวงปราชญ์และมัซฮับของนิติศาสตร์อิสามทั้งหลาย  ตั้งแต่ยุคสมัยที่ผ่านมา  ทั้งยุคสะลัฟและคอลัฟ  ทั้งทิศตะวันออกจวบจนทิศตะวันตกนั้น  มีทัศนะว่า การละหมาดตะรอวิหฺมี 20 ร่อกะอัต  ซึ่งเป็นสุนัตที่ส่งเสริมให้กระทำเป็นอย่างยิ่ง  แต่ไม่ใช่วายิบ  ดังนั้น ผู้ใดที่ละทิ้ง  ก็จะไม่ได้รับผลการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ และผู้ใดที่เพิ่มมากกว่า 20 ร่อกะอัต ย่อมไม่เป็นโทษอันใด และผู้ใดที่ลดน้อยกว่า 20 ร่อกะอัต ก็ไม่เป็นโทษอันใด  นอกจากสิ่งดังกล่าวนั้น จะถูกนับว่าเป็นเพียงแค่ กิยามุลลัยล์(ละหมาดยามค่ำคืนธรรมดา)เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการละหมาดตะรอวิหฺที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  วัลลอฮุตะอาลาอะลาวะอะลัม" ดู หนังสือ อัลบะยาน ลิมา ยัชฆุลุ อัลอัซฮาน หน้า 270


คัดลอกจาก


ที่มาและอ่านความคิดเห็นต่อได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
//www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=1278.15


Free TextEditor




Create Date : 01 สิงหาคม 2554
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 10:23:39 น.
Counter : 1136 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tonyma
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชุมพล ศรีสมบัติ

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

free counters

สิงหาคม 2554

 
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31