สำหรับซีซั่นนี้แม้จะมาแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ กว่าไคลแม็กจะมา เอาจนหยดสุดท้ายจริงๆ ทั้งที่เนื้อหาของซีซั่นนี้ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ ตัวละครอยู่ในระหว่างพัฒนาการ แต่ด้วยเนื้อเรื่องมันธรรมชาติจนเราอินไปกับมัน เป็นหนึ่งในซีรีย์ที่เล่นน้อยได้มาก ทั้งๆที่ฉากก็เดิมๆ ตัวละครก็เดิมๆวนอยู่ไม่กี่ตัว แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องอย่างฉลาด เนื้อหาของบทที่รัดกุมนั้นเขียนได้ดีจนผลกระทบและอิทธิพลที่ส่งผลถึงกันมันวิเศษจริงๆ
ความเดิมตอนที่แล้ว จากที่ชัดอัดเสียงของจิมมี่ได้ว่าเขาไปแก้ไขเอกสารคำฟ้อง และล่อให้จิมมี่บุกเข้าบ้านพี่ชายไปทำลายเทปได้ แต่ศาลเห็นว่านี่เป็นคดีระหว่างพี่น้องจึงให้มีการชะลอการฟ้องในข้อหาบุกรุกทำลายข้าวของ เพียงแต่ชดใช้ทางแพ่งเท่านั้น ชัดอ้างเอาเหตุนี้ไปฟ้องให้สภาทนายเพิกถอนใบอนุญาตของจิมมี่ ประมาณว่าทนายความไม่ควรทำผิดกฏหมายซะเอง ดังนั้นเกินครึ่งของซีซั่นจะเป็นเรื่องนี้ซะส่วนใหญ่ แต่ฝ่ายจิมมี่ก็ทำเป็นว่าชัคพี่ชายเขาป่วย ที่เขาพูดไปแบบนั้นเพื่อให้พี่ชายสบายใจเฉยๆ ทั้งๆที่จริงๆจิมมี่ทำไปเพื่อช่วยให้คิมได้ลูกความที่ชัดจงใจจะแย่งไป โดยพิสูจน์ในศาลได้ว่า อาการของพี่ชายนั้นเป็นอาการทางจิต เนื่องจากแม้จะแอบใส่แบตเตอร์รี่มือถือที่มีเเบตเต็มไว้ในเสื้อสูทแต่ชัคไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้เลยตลอดการให้การในศาล ทำเอาชัคระเบิดอารมณ์ ด่ากราดน้องชายกลางศาล จนทุกคนเห็นว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้
อย่างไรก็ตามสภาทนายมีมติให้พักใบอนุญาตว่าความของจิมมี่ 1 ปี บวกกับทำบริการชุมชนอีกหลายชั่วโมง ทำให้จิมมี่ว่าความไม่ได้ แต่เขายังมีรายจ่ายค่าสำนักงานที่อยู่กับคิม โฆษณารับว่าความที่เขาลงทุนเหมาจ่ายรายปีก็ยังเหลืออีกหลายเดือน ทำให้เขาคิดจะหารายได้ด้วยการเอาโฆษณาทางทีวีไปขายต่ออีกที เขาจึงติดต่อทีมวัยรุ่นรับทำโฆษณาให้ร้านค้าท้องถิ่น แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลยและยังได้เงินมาไม่มากนักอีกด้วย นอกจากนี้จิมมี่ยังลองไปถามบริษัทประกันสำหรับทนายเพื่อขอเงินประกันคืน สำหรับเดือนที่เหลือที่ว่าความไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าประกันไม่คืนเงินให้ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา ตอนแรกเกือบเชื่อแล้วนะเนี่ย ร้องไห้เนียนมาก ความจริงเขาไปเล่าเรื่องชัคระเบิดอารมณ์ในศาลในทางประกันฟัง
ทางประกันจึงไปเจรจากับบริษัทHHM ของชัคเพื่อขอขึ้นเบี้ยประกัน ประกัน อันนี้คือ ช่วยจ่ายในกรณีถูกลูกความฟ้องร้อง ถ้าตัวทนายความมีปัญหาทางจิตหรือพฤติกรรม ก็ยิ่งมีโอกาสที่ลูกความจะฟ้องได้สูง ค่าเงินที่เก็บเลยต้องสูงตาม นั่นทำให้ชัดโมโหมากเพราะอาการเซ้นซิทีฟต่อไฟฟ้าของชัคกำลังดีขึ้น เขาไม่ยอมรับข้อเสนอของบริษัทประกันและขู่จะฟ้องกลับ ทำให้ฮาวเวิร์ดหุ้นส่วนรุ่นลูกที่สนับสนุนชัคมาตลอดตัดสินใจบังคับให้ชัคผู้เป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งเลิกเป็นทนายความซะ แต่ชัคไม่ยอม นอกจากบริษัทจะจ่ายเงินส่วนแบ่งราว 9 ล้านตามสัญญาให้ ซึ่งบริษัทไม่ได้มีเงินสดเหลือมากขนาดนั้น ไม่งั้นก็จะฟ้องเอาเงินให้ได้ ทำให้ฮาร์เวิร์ดหัวเสียมาก
ฝ่ายจิมมี่ซึ่งกำลังร้อนเงินไปเยี่ยมลูกความเก่าคือคุณยายไอรีนซึ่งเป็นตัวแทนของการดำเนินคดีแบบกลุ่มและพบว่า คดีบ้านพักคนชราโกงเงินคนแก่ยังไม่จบเสียที เขาจึงยังไม่ได้ส่วนแบ่งที่เป็นคนเริ่มทำคดีนี้ HHM ต้องการดึงเกมให้ได้เงินอีกล้านสองล้าน แต่จิมมี่ไม่อยากรอจึงวางแผนยุแยงให้เพื่อนๆอิจฉาว่าคุณยายไอรีนมีเงินเยอะ เลยไม่ยอมจบคดี แทนที่จะแบ่งเงินให้ทุกๆคนได้ตั้งแต่ตอนนี้ จนคุณยายไอรีนทนการบอยคอตไม่ไหว ตัดสินใจจะขอจบคดี ทำให้จิมมี่ดีใจมากที่จะได้ส่วนแบ่งเป็นเงินล้านกว่า แต่หลังจากแผนสำเร็จ จิมมี่พยายามไปทำให้เพื่อนๆกลับมาคืนดีกับคุณยายไอรีนอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ ทำให้เขาผิดหวังมาก
ระหว่างนั้นคิมประสบอุบัติเหตุเพราะโหมงานหนัก ทั้งคู่ได้พักเพื่อคุยกัน จิมมี่ตัดสินใจไปบอกความจริงเรื่องแผนของเขาให้พวกคุณยายฟัง พวกคนเเก่จึงกลับมาคบยายไอรีนอีกครั้ง แต่พากันเกลียดจิมมี่ และเงินที่เขาจะได้ก็ต้องรอต่อไปอีกเพราะยายไอรีนเปลี่ยนใจไม่จบคดีนอกจากนี้เขายังตัดสินใจไปขอโทษพี่ชาย แต่ชัคไม่หายโกรธ บอกว่าไร้ประโยชน์ที่จะขอโทษเพราะจิมมี่ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองเลย แทนที่จะรับมาตรงๆว่าเปลี่ยนสันดานแบบนี้ไม่ได้ยังจะกล้าหาญกว่า ซึ่งก็จริง ชัคพูดถูกทุกอย่างกี่ยวกับน้องชาย จิมมี่เป็นคนที่เป็นห่วงคอยดูแลคนรอบข้างแต่เป็นคนที่ไม่แคร์วิธีการ ตราบใดที่ทำให้ตัวเขาและคนที่เขารักได้ผลประโยชน์ ชัคยังพูดอีกว่าน้องชายไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้น อย่าได้สำคัญตัวเองผิดไป จิมมี่กลับออกไปด้วยความเสียใจ เขากับคิมจำต้องปล่อยสำนักงานทนายที่เช่าอยู่และบอกเลิกจ้างเวโรนิก้าผู้ช่วยไปเพราะไม่มีเงินพอ
ทางด้าน HHM ฮาวเวิร์ดตัดสินใจไล่ชัคออกจากบริษัทแล้วเอาเงินส่วนตัวจ่ายค่าชดเชยให้(ทำให้ชัคแปลกใจมากเพราะไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานรุ่นลูกจะเกลียดเขาถึงขนาดเอาเงินส่วนตัวกระทั่งยืมเงินคนอื่นมาจ่ายให้ ชัคจำใจออกจากบริษัท กลับไปบ้านเขาอาการกำเริบจึงพยายามเลิกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่าง แต่ไฟยังเดิน เขาทำลายผนัง พื้น ชั้นหนังสือเพื่อหาต้นตอสายไฟ แต่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งตัดสินใจทำลายมิเตอร์ไฟ ตกดึกคืนนั้นเขานั่งอยู่ในบ้านอันมืดมิด แสงสว่างอันน้อยนิดมาจากตะเกียงบนโต๊ะ เขาเตะมันไปเรื่อยๆจนมันตกลงพื้น ภาพจากภายนอกเปลวไฟค่อยๆลุกโชนขึ้น
1.ที่ชอบมากๆตั้งแต่ bb แล้วคือมันแสดงให้เห็นเลยว่า แม้ต้นเหตุจะเกิดจากอะไรหลายๆอย่าง แต่ผลการกระทำทุกอย่างมันมาจากการตัดสินใจของตัวเองทั้งนั้น
อย่างการทำลายบ้านเป็นภาพขนานของการทำลายตัวชัคเอง คิดดูว่ามันเศร้าแค่ไหนที่ไม่เหลือใครมาขัดขวาง มาช่วยชีวิต มาช่วยเหลือ อย่างที่หลายๆคนช่วยตลอดมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดชัคกลับขับไล่ไสส่ง จนพวกเขาหนีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเมีย เพื่อนร่วมงาน พี่น้อง ที่เขาทำไปด้วยความดื้อด้าน เพราะนิสัยชัคที่มีอีโก้สูง อิจฉาและอยากเอาชนะน้องชาย ความมีทิฐิ ถือตัวว่าเป็นทนายความอาวุโส รู้กฏหมายดี ทำอะไรทำได้ พฤติกรรมของเขาเลยไล่คนรอบตัวไป วินาทีที่เขารู้ว่าฮาวเวิร์ดอุตส่าห์ออกเงินตัวเอง รวมทั้งหยิบยืมเงินมาบางส่วนเพื่อตอบแทนแลกกับให้เขาออกจากหุ้นส่วน HHM ชัคก็รู้แล้วว่าฮาร์เวิร์ดอยากให้เขาจากไปมากแค่ไหน ท่ามกลางเสียงปรบมือที่รายล้อม เขาก็สูญเสียเพื่อนร่วมงานดีๆคนสุดท้ายไป ยิ่งหลังจากเขาทำร้ายจิตใจจิมมี่ โรคสัมผัสไวต่อไฟฟ้ายิ่งกำเริบ(เป็นตอนที่ดูแล้วรู้สึกอึดอัดนะ เสียงดนตรีประกอบทำได้ดีมาก) ภายในบ้านที่พังยับเยิน ชัคเตะตะเกียงบนโต๊ะเรื่อยๆ ตุ๊บ ตุ๊บ จนตะเกียงตกพื้น
เฮ้ย เราอุทานอย่างแรงในใจ แกฆ่าตัวตายนี่นา บ้านท่ามกลางความมืด ไฟค่อยๆลุกโชนขึ้น คือเป็นหนึ่งในคนที่ไม่คิดเลยนะว่าจะตาย แล้วตายแบบนี้ แต่ถ้าไม่ตายก็คงกลายเป็นแบบดาร์ธเวเดอร์แล้วแหละ อยู่กลางกองเพลิงขนาดนั้นไม่น่าช่วยทัน
โดยตอนสุดท้ายมีชื่อตอนว่าตะเกียง เหมือนที่ช่วงต้นๆมีฉากย้อนอดีตสมัยที่ชัคเป็นเด็กชายวัยรุ่นตั้งแคมป์จุดตะเกียงเล่านิทานให้น้องฟัง คือมันร้าวลึกนะ จากตะเกียงที่เป็นแสงสว่างเป็นความทรงจำอันสวยงามในความสัมพันธ์กลับกลายมาเป็นเครื่องมือในการฆ่าตัวตาย บางทีก็สงสารว่าอาการที่ชัคเป็น มันจริงสำหรับเขาที่รู้สึกหายใจลำปาก แน่นหน้าอกเจ็บตามร่างกายเมื่อสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ด้วยการทดลองแล้วมันเป็นอาการทางจิตชัดๆ ต่อให้ทุกคนสงสารชัคแค่ไหน พฤติกรรมบางอย่างก็เกินทนจริงๆ
ยิ่งในฐานะทนายความด้วยแล้ว มันไม่สามารถใช้โรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ มาเป็นข้ออ้างแก้ตัวในการระเบิดอารมณ์ เอะอะอะไรก็ฟ้อง อย่างที่ชัคเป็นได้เลย ต่างกับจิมมี่ที่รู้สึกผิดเพราะเขาทำให้คุณยายไอรีนโดนเกลียดชัง เขาเลือกจะบอกความจริงกับผู้สูงอายุทุกคนในบ้านพักคนชรา ซึ่งความจริงจะไม่บอกก็ได้ เพราะเรื่องนี้มียายไอรีนที่เสียหายคนเดียว ถึงแม้จะถูกเสียงประณามสาปแช่ง ได้เงินช้าลง ตัดโอกาสในอาชีพทนายความด้านพินัยกรรมของผู้สูงอายุุ แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้อง แล้วก็ยังมีคิมอยู่เคียงข้าง
2. ต่อมาเราจะเห็นได้ชัดเลยว่า กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ถึงมันจะไม่ได้มาในรูปการติดคุก หรือลงโทษเสมอไป มันอาจจะยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม แต่มันมักจะมีอะไรที่ต้องแลกเปลี่ยนเสมอ เช่นเดียวกับ จิมมี่ ทนายผู้ไม่คิดว่าตัวเองต้องซื่อตรงกับใคร ขนาดชนะไม่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นทนาย แค่พักไว้ปีนึง ก็ยังต้องพบปัญหาเรื่องการบริการสาธารณะ การทำมาหากิน ที่กว่าจะหาได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็ต้องชมพี่แกสู้ชีวิตจริงๆ มีศักดิ์ศรีพอตัวไม่รับเงินใคร ถึงจะใช้วิธีซิกแซก สกปรกอยู่บ้างก็ตาม
3. ฉากยาวๆไร้คำพูด = ไม่ได้บอกให้รู้แต่แสดงให้เห็น ชอบหลายๆฉากที่ใช้การถ่ายภาพ มุมกล้อง ตัดต่อเล่าเรื่องราวได้ดี ดูแล้วสัมผัสได้ว่าตัวละครรู้สึกอะไรอยู่โดยไม่ต้องใช้คำพูดให้มากความ เท่าที่สังเกต bcs มีความรุนแรงน้อยกว่า bb พอสมควร อาจจะด้วยโทนเรื่องเกี่ยวกับทนาย ที่เลือกทำร้ายกันด้วยคำพูดหรือเลือกจะใช้พวกสัญลักษณ์แทนการยิงกันแบบเถื่อนๆ
4.ฉากสั้นๆแต่สื่อความได้ลึกซึ้ง ที่เห็นได้ชัดก็สำหรับนาโช เมื่อคนขายยาไม่ได้เงินตามเป้า นาโชบอกให้เอามาใช้คราวหน้าแต่เฮคเตอร์ผู้เป็นนาย สั่งให้ซ้อม เวลาต่อมานาโชยังคิดมาก ระหว่างนั่งเย็บเบาะเขาเหม่อจนเข็มอันใหญ่ๆทิ่มลึกเข้าที่นิ้ว เขามองมันนิ่งๆก่อนจะค่อยๆถอนมันออกอย่างเย็นชา มันแสดงให้เห็นเลยนะว่าใจจริงแล้วหนุ่มเม็กซิกันก็ไม่ได้อยากทำรุนแรงเลย ต่อมาเฮคเตอร์จะมาใช้กิจการพ่อเขาส่งยา นาโชขอให้บอสละเว้นเถอะเพราะพ่อเขาเป็นแค่คนทำมาหากินธรรมดาๆ แต่เฮคเตอร์ไม่ฟัง นาโชจึงตัดสินใจโค่นเจ้าพ่อ โดยเปลี่ยนยารักษาโรคที่เฮคเตอร์กินอยู่ ตอนเปลี่ยนนี่อย่างลุ้น แม้แต่ตอนที่นาโชไปคุยกับพ่อ
ให้ยอมๆเฮคเตอร์ไปก่อน จนพ่อไม่พอใจไล่เขาออกจากบ้าน นาโชยังไม่ลืมล้างแก้วนมก่อนจากไป
5. เข้าใจแล้วว่าทำไมลุงกริ๊งงงงๆๆ ถึงได้เข้าชิงรางวัลดาราสมทบทั้งที่ไม่ได้พูดอะไรเลย พอแกมาเล่นเองแล้ว ปังมากกกก บทยียวนกวนประสาท น่าเตะจริงๆ ที่ชอบสุดคืออังกฤษสำเนียงสเปนนี่น่ารักมว๊าากกก
6.คิม เธอคือ mvp ของซีซั่นนี้ก็ว่าได้ เราชอบความเป็นทนายความมืออาชีพของเธอมากเลย หลังจากตัดสินใจออกจากบริษัทใหญ่มาตั้งสำนักงานของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นลมใต้ปีกของจิมมี่ เป็นผู้หญิงที่เดินเคียงข้างไปพร้อมๆกันได้ ให้คำแนะนำที่ดีได้ มีน้ำใจ เวลาเกิดอะไรขึ้นก็ไม่โทษจิมมี่ ในฐานะทนายความก็วางตัวดี เวลาตัดสินใจอะไรก็เด็ดขาด แม้ว่าช่วงซีซั่นนี้จะโหมงานมากไปหน่อยจนพักผ่อนไม่พอ หลับใน ขับรถตกถนนแต่นั่นก็ทำให้เธอกลับมาคิดได้ ว่าอะไรสำคัญ ฉากที่เลขาบอกคิมว่าเธอโชคดีมากๆที่แค่แขนหัก รถพัง เพราะถนนเส้นนี้มีคนตายตลอดแหละ เราขำหน้าคิมเลย
7.ลุงไมค์ซีซั่นนี้ไม่มีอะไรมาก เริ่มไปทำงานกับกัสแล้วให้กัสช่วยฟอกเงินให้ กับช่วยแนะนำนาโช ตอนเห็นบริษัทฟอกเงินแล้วเข้าใจเลยว่าการจะผลิตยาเสพติดนี่ไม่ง่าย ทั้งเรื่องหาวัตถุดิบ การขนส่ง การเอาเงินออกมาใช้
8. อารมณ์ตลก ซีซั่นนี้มีค่อนข้างน้อย แต่ออกมาก็เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย อย่างเช่น โฆษณาที่จิมมี่สร้างขึ้นเพื่อขายเวลาโฆษณาตัวเอง ส่วนฉากอื่นๆก็เป็นแบบตลกร้ายนิดๆหน่อยๆ