เมื่อเธอรักตัวเองเธอจะรักการอ่าน เมื่อเธอรักคนอื่น เธอจะรักการเขียน – เป้ สีน้ำ ...
Group Blog
 
 
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
[Review]Fargo the series Season 1+ 2 (Spoil แหลกลาญล้านแปด)






Fargo เอาตั้งแต่ชื่อเรื่องเลยละกัน ความจริงมันเป็นชื่อเมืองในเนื้อเรื่อง แต่ Fargo หลังจากที่มีหนังออกมาจะสื่อถึงเรื่องเล็กๆที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเพราะความ !@#%^&*(^& ของคนทั้งหลาย  ถ้าจะแปลไทยตรงๆก็คงแปลว่าไกลปืนเที่ยง,ไปไกล  แต่เราขอเรียกว่า "เลยเถิด"  ละกัน เพราะมันรวมเอาความเข้าใจผิด ความตั้งใจ ความบิดเบือน สารพัดสารเพของเหตุการณ์ความเป็นไปต่างๆนานา ทำให้ตัวละครธรรมดาๆเผยให้เห็นความไม่ธรรมดาเกินกว่าที่ใครๆจะคาดคิดได้

ซีรีย์ fargo ประกอบด้วย 
1.คดีที่เริ่มในตอนต้นในตอนแรก แสดงให้เห็นในทุกขั้นตอนของการลงมือ ตอนที่เหลือก็เป็นการสืบสวนไปเรื่อยๆ 
2.มีคนธรรมดาที่ต้องเจอกับบททดสอบครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต
3.คนเหี้ยมโหดที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างมันบัดซบมากยิ่งขึ้น
4.กลุ่มตำรวจครอบครัวอบอุ่น
5.บรรยากาศอันเย็นชา หิมะ ต้นสน แสงแดด




ในส่วน season 2 ที่จบไปเป็น prequal  ของซีซั่นแรก โดยลู โซลเวอร์สัน ตำรวจในเรื่องคือคนที่เป็นชายแก่เจ้าของร้านฟาสต์ฟูดใน season 1 พ่อของมอลลี่ และเด็กหญิงตัวเล็กๆก็คือ มอลลี่ ตำรวจหญิงตัวอ้วนใน season 1 นั่นเอง   


 โดยเล่าเรื่องครอบครัวเกอฮาร์ดที่ออตโต้ ประมุขแก๊งค์ป่วยเป็นผัก ลูกชายทั้งสามก็ไม่ได้ความ(ตอนแรกนึกว่าจะมีใครเป็นไมเคิล แต่ไม่มีแฮะ)และกำลังมีเรื่องแบ่งเขตอิทธิพลกับพวกแคนซัส     ไรน์ลูกชายคนสุดท้องเกิดไปฆ่าคนแล้วบาดเจ็บ เลยบังเอิญถูกเพ็กกี้ ช่างทำผมขับรถชน  แต่แทนที่เธอจะพาเขาไปโรงพยาบาล เธอกลับขับรถกลับบ้าน ทำทุกอย่างไปตามปกติด้วยความช็อก.....  จนเอ็ด สามีของเธอกลับมาพบ ไรน์ที่ฟื้นขึ้นมาก็พยายามฆ่าสองผัวเมีย  แต่เอ็ดชิงฆ่าเขาได้ก่อน  ทำให้ทั้งคู่ต้องแก้ไขความผิดพลาดด้วยการกลบเกลื่อนเรื่องราวไปเรื่อยๆ   ขณะที่ฝ่ายแคนซัสรู้ว่าลูกชายของเกอฮาร์ดหายตัวไป จึงหวังจะจับตัวเขาเพื่อมาเป็นแต้มต่อในการต่อรอง   ฝั่งเกอฮาร์ดเองก็ได้ส่งฮานซี อินเดียนแดง ซึ่งเป็นลูกน้องออกตามหาลูกชายเช่นกัน  


โดยรวมซีซั่นสองบทสนุกขึ้นมาก ไม่มี plot hole หรือข้อสงสัยที่เห็นได้ชัดอย่างซีซั่นแรกเช่นเรื่อง ทำไมอยู่ดีๆมัลโวอินดี้ฆ่าคนให้ชายที่เพิ่งรู้จัก  ทำไมมัลโวหนีหายไปจากห้องใต้ดินได้ราวกับหายตัว  ทำไมเลสเตอร์ต้องไปทักมัลโวอีกรอบนำความหายนะมาสู่ชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์     กัสเอาสิทธิ์อะไรไปยิงมัลโวตอนท้ายเรื่อง    รวมทั้งการตัดต่อ การเล่าเรื่องก็รวบรัด plot ย่อยที่ใส่เข้ามาใส่ได้ถูกจังหวะ ไม่ใช่ใส่แล้วดูรกๆหรือยืดเยื้อแบบซีซั่นแรก   ที่มา ภูมิหลัง ความคิดของตัวละครแต่ละตัวยังใส่มาได้อย่างมีเหตุผล มีเรื่องแนวสัญลักษณ์อุปมาอุปไมยมาเล่าเหมือนเดิม  และที่น่าประทับใจที่สุดคือการเล่นจังหวะปล่อยของ เป๊ะมาก ปล่อยแล้วปัง! ปัง! ปัง!   จังหวะลุ้นก็ลุ้นเยี่ยวเล็ด   แถมเพลงประกอบยังมีเนื้อหาเข้ากับสถานการณ์มากๆ ช่วยให้ความสนุกเพิ่มขึ้นอีก 50%




ซีซั่น 2 นี่เรียกได้ว่าเป็น Godfather ในฉบับซีรีย์เลยก็ว่าได้  มีหลายฉากที่รู้สึกถึงจิตวิญญาณของหนังในตำนานอย่างการปราศรัยหาเสียงของเรแกนที่พล่ามพูดเรื่องมโนธรรม ขณะที่เเก๊งค์เกอฮาร์ดไล่ฆ่าพวกเเคนซัสเหมือนกับตอนที่ดอนไมเคิลทำพิธีศีลจุ่มของหลานขณะที่สั่งให้กวาดล้าง 5 ตระกูล    การฆ่าหลานสาวโดยอาของเธอก็คล้ายๆการฆ่าเฟรโด้ ที่ไปเป็นสายให้ฝ่ายตรงข้าม ทรยศครอบครัวตัวเอง  แม้แต่ด็อดก็ถอดบุคลิกซันนี่มาเอง  โดยเขาไม่ใช่แค่เห็นพ่อตัวเองฆ่าคนอีกแล้ว   ตาออตโต้นี่ใช้ลูกในแผนการฆ่าล้างฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ     แถมการส่งคำเตือนก็ไม่ใช่แค่หัวม้า แต่เป็นหัวคนซะด้วย




          การเล่าเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงให้ตัวละครหญิงโผล่มาเป็นตัวสำคัญมากขึ้น เช่น  บทฟรอยล์ เมียผู้เข้มแข็งของออตโต้ที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งค์  หลานหญิงของฟรอยล์   กระทั่ง เพ็กกี้  ที่โดดเด่นเอามากสังเกตว่าบทกระจายกันได้ทั่วๆอยางสมดุลมากขึ้น ทั้งในฝั่งตำรวจ ฝั่งคนร้าย ฝั่งคนธรรมดา ต่างจากซีซั่นแรกที่เด่นกันอยู่สองคนระหว่างเลสเตอร์กับมัลโว  ซีซั่นสองบทตัวประกอบเริ่มมีบทบาทขึ้น เช่น คาร์ลทนายความขี้เหล้า  โนรีน  ชาร์ลี หลานชายเกอร์ฮาร์ด



ตัวละครที่อยากพูดถึง



ไมค์ กิลลิแกน เรียกได้ว่าเป็นตัวตายตัวแทนของมัลโวได้เลย ในด้านการที่ชอบพูดปรัชญา ศาสนา การเมือง โหดเท่าที่จำเป็น แต่ออกทีไรดูเจ๋งเป้งทุกรอบ จนกระทั่งหยดสุดท้าย 




เพ็กกี้ บลูมควิส ช่างเสริมสวยซึ่งพลอยโลกสวยตามไปด้วย  ดูทีวีแล้วอินจัดคิดว่าชีวิตจริงจะเป็นไปตามนั้น คิดเพ้อฝันว่าทุกอย่างเราทำได้ เราจะผ่านมันไปได้ ทุกอย่างจะเรียบร้อย  แต่ถึงจะบ้าๆเจ๊แกก็เข้มแข็งนะ เป็นผู้หญิงที่มีฝันเป็นของตัวเอง มั่นใจในตัวเอง ถึงจะแก้ปัญหาไม่ถูกวิธี ทำให้เรื่องต่างๆมันเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ  ส่วนสามีอย่างเอ็ดที่มีความฝันที่จะสร้างครอบครัว มีลูกหลายคน ใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆ ได้เป็นเจ้าของร้านขายเนื้อ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น




ฮานซี โผล่มาฮาในฉากแรกของซีรีย์ แล้วค่อยทวีความสำคัญขึ้นทีละน้อย จนไปพลิกชะตาของใครหลายๆคนในภายหลัง   ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นอินเดียนแดงที่ถูกใครๆดูถูก เหยียดหยาม  และเห็นเป็นแค่คนรับใช้   กลับจุดประกายให้กลายเป็นชนวนเหตุการนองเลือดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์




ข้อสังเกต
- ตำรวจที่หวังจะได้ผลงาน ใช้ความเด็ดขาดอย่างเดียว
ไม่สนใจชีวิตตัวประกันถูกฆ่าตายหมดเลย  
- ตอนแรกก็ลุ้นๆอยู่ว่าใครตาย   ดูมาเรื่อยๆกลายเป็นลุ้นว่าใครจะรอดแทน มีลุ้นทุกตอน  
- ตอนแรกๆนี่ดูแล้วแทบกินหมูบดไม่ลง 
-ว่าแล้วว่าตอน 9 เสียงใครคุ้นๆ martin freeman มาบรรยายเป็นเสียงเล่าให้ด้วย
-ตึกที่ไมค์มานั่งทำงานน่าจะเป็นตึกเดียวกับตึกที่มัลโวโชว์เทพบุกยิ่งเดี่ยว
-ลุ้นๆลู ต้องรอดดิเพราะมีชีวิตอยู่ต่อมา อ้าวมียานอวกาศโผล่มาด้วย



ฉากเจ๋งๆ
ซีซั่นแรก ยกให้ฉากเลสเตอร์ขย่มเมียของเพื่อนคู่แค้นจนภาพของเพื่อนตกลงมา  คือ ฮาร้ายกาจมากจนต้องหัวเราะออกมา                              แล้วก็ฉาก จะเอาอย่างนี้จริงๆใช่ไหม.....ในลิฟต์ของมัลโว  
ซีซั่นสอง เด็กผู้ชายต้องรู้จักโตเป็นบุรุษ...แกไม่น่าให้ลูกมาด้วยเลย...ไม่ทันขาดคำ ฉึก
เราต่างกันเกินไปเพ็กกี้ ฉันรักเธอนะ ฉันแค่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม....คร่อก(เสียดายเพิ่งรู้)

โดยสรุป Fargo เป็นซีรีย์ตลกร้าย หักมุม รุนแรงแบบเงียบๆ เงิบๆนิ่งๆชาๆแต่เชือดเฉือน คล้ายๆ Breaking Bad แต่ไม่อบอุ่นหรือสร้างแรงสั่นสะเทือนเท่า breaking bad เพราะมันเป็นซีรีย์ที่จบในซีซั่นเดียว  อาจจะเพราะตัวละครส่วนใหญ่แบ่งข้างมาแล้ว แค่ไปลุ้นตัวคนธรรมดาเท่านั้นเองว่าจะ เลยเถิดไปแค่ไหน 


ข้อคิด 
- เรื่องใหญ่โตมีสาเหตุจากเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างในกรณีของฮานซี ด้วยความเหลือทนหรืออย่างไรไม่ทราบได้ การนองเลือดในช่วงท้ายมาจากคำยุยงของเขาทั้งนั้น  อย่างที่พ่อตาลูพูดในตอนท้าย
ฉันกำลังคิดถึงเรื่องการเข้าใจผิด นั่นไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้ง สงคราม หรอกรึ สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราได้ยินมา มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป  ฉันคิดนะว่า ถ้าเรามีภาษาเดียว ภาษาสากลของสัญลักษณ์อย่างภาพที่เห็นได้ชัดกว่าถ้อยคำ  เราจะเข้าใจกันได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสียหายลง







- มีสติเถอะ แค่ความโกรธหรือการทำอะไรโดยไม่คิดแค่ชั่ววูบเดียวมันทำลายได้ทั้งชีวิตในแบบที่ไม่คุ้มกันเลย  ไมว่าจะเป็นเลสเตอร์ ไนการ์ดที่ฆ่าเมียหรือเพ็กกี้ที่ขับรถชนคนแทนที่จะไปโรงพยาบาลแล้วไปแจ้งตำรวจ  ทั้งคู่มีโอกาสแก้ตัว แต่แทนที่ทั้งคู่จะเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ถูกต้อง  ทั้งคู่กลับเลือกที่จะปกปิดมันไว้ด้วยการทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อตัดปัญหา และยิ่งคิดว่าทำอย่างนั้นมันถูก ก็ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ นำไปสู่ความหายนะของตัวเองและใครต่อใครอย่างคาดไม่ถึง 


“Once you start down the dark path, forever will it dominate your destiny, consume you it will.”
– Yoda








Create Date : 20 มกราคม 2559
Last Update : 20 มกราคม 2559 17:42:29 น. 0 comments
Counter : 4196 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2412014
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2412014's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.