อุบัติเหตุ Japan Airlines Flight 123(ตอน2)
อุบัติเหตุในครั้งนี้นับว่าเป็นอุบัติเหตุทางอากาศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยพาหนะเพียงลำเดียวจำนวนผู้เสียชีวิตถึง 520 คน หลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนเช้า ทีมกู้ภัยได้เข้าพื้นที่ทำลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชัวคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศเข้าพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทโบอิ้งเข้าร่วมวงด้วย โดยจะทำการถ่ายภาพเก็บหลักฐานต่างๆเพื่อไปวิเคราะห์หาหาสาเหตุนำกล่องดำไปถอดเทปที่อเมริกา จากการสืบประวัติเครื่องลำนี้เคยประสบอุบัติเหตุ ที่สนามบินนานาชาติโอซาก้าเมื่อที่ 2 มิถุนายน 1978 หางไปกระแทกรันเวย์ขนะนำเครื่องลง ทำให้ Rear Pressure Bulkhead แตกร้าวและซ่อมไม่ได้เป็นไปตามมาตราฐานของบริษัทโบอิ้ง ทำให้เจ็ดปีต่อมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นปกติ เครื่อง747 จะเช็คละเอียด(A- Check) ทุกๆ600 ชั่วโมงบินครับเจ็ดปีไม่ทราบผ่านการตรวจแบบรื้อดู(D-check) ได้อย่างไรRear Pressure Bulkhead สรุปได้ว่า เครื่องบินบินขึ้นทำให้เกิดความกดอากาศส่งผลให้ Rear Pressure Bulkhead ที่แตกร้าว ซ่อมไม่ดีคราวก่อนแผงกั้นปรับความดันอากาศท้ายซึ่งเป็นโลหะล้าเกิดแรงเครียด ปริและฉีกขาดกระแทกแพนหางขาดในที่สุดเมื่อชุดแพนหางหลุด(Vertical Stabilizer)ส่งผลให้ไฮโดรลิคทั้ง4ตัวไม่ทำงาน แหงล่ะครับมันตรงนั้นซะไม่สามารถควบคุมการเลี้ยวของเครื่องได้นักบินพยายามหาที่ลงฉุกเฉิน แต่ขอชมว่านักบินควบคุมเครื่องได้เก่งเอามากๆนักบินพยายามดึงเครื่องขึ้นสุดชีตในนาทีสุดท้าย แต่เครื่องเสียการทรงตัวเฉี่ยวภูเขาไปหนึ่งรอบก่อนจะหมุนคว้างกระแทกภูเขาระเบิด อีกทั้งเพิ่งเติมน้ำมันมากลางเป็นเพลิงโหมอย่างแรง เผาทุกสิ่งทุกอย่างกว่าจะเคลียร์ได้ก้อรุ่งสาง เพราะหน่วยกู้ภัยมาไม่ถึง ซึ่งทำให้จำนวนผู้รอดชีวิตเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นตำแหน่งรอยร้าวของ Rear Pressure Bulkhead ตัวต้นเหตุ หลังเกิดอุบัติเหตุศรชีคือจุดที่เสียหายจากการกระแทกในอุบัติเหตุครั้งก่อนการซ่อมไม่ได้เป็นไปตามมาตราฐานของบริษัทโบอิ้งโดยทำให้วัสดุเกิดแรงเครียดมาก(ตรงหมุดย้ำ) จนทานแรงไม่ไหวปกติพวกนี้มันเป็น monocoque หล่อแผ่นเดียวตลอดแบบมาตราฐาน มีการถ่ายแรงไปออกไป ไม่เครียดดี-อุบัติเหตุครั้งนี้จำนวนผู้โดยสารของเจแปนแอร์ไลน์ลดลงอย่ารวดเร็วช่วงนั้นยากนักที่จะเรียกลูกค้าให้กลับมาใช้บริการเหมือนเดิมได้-การเดินทางด้วยทางอากาศในหนึ่งปีหลังจากเกิดเหตุในญี่ปุ่น ลดลงไป 25%-Yasumoto ประธานบริษัทรับผิดชอบด้วยการลาออก-หัวหน้าช่างซ่อมบำรุงเครื่องบินลำนี้ ฆ่าตัวตาย โดยมุ่งมั่นขอรับผิดชอบด้วยชีวิต-ผู้โดยสารที่เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรายละ780,000,000 เยน (ประมาณ 6300 ดอลล่าห์อัตราเทียบ ค่าเงินปี 1985)อนุสรณ์สถาน Flight 123 ต่อมาปี 2006 Japan Airlines ได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมความปลอดภัย โดย Yutaka Kanasaki ตั้งอยู่ใน Daini Sogo ในสนามบินนานาชาติโตเกียว โดยศูนย์นี้ถูกสร้างขึ้น เพื่อการฝึกอบรมเพื่อแจ้งเตือนพนักงานของสายการบิน ตระหนักถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบในส่วนหน้าที่ของตนเพื่อความปลอดภัยส่วนรวมศูนย์ซึ่งแสดงเกี่ยวกับ ความปลอดภัย ได้มีการแสดงของอุบัติภัยของJapan Airlines Flight 123แสดงประวัติ รูปต่างๆ เศษชิ้นส่วนเครื่องบิน ข้างของผู้โดยสารจดหมายบันทึกลาตายของผู้โดยสารบนเครื่องก่อนเกิดอุบัติเหตุ และต่างๆหากจะเข้าชมต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันทำการเก้าอี้ผู้โดยสารคลาสต่างๆกล่องบันทึกการบิน หรือกล่องดำRear Pressure Bulkhead ตัวเกิดเหตุนำพาความหายนะการขนRear Pressure Bulkheadต้องระมันระวัง จัดเรียง คลุมอย่างดี เป็นที่สนใจทั้งเจ้าหน้าที่อบรม นักเรียนนักศึกษา ประชาชนทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวจุดที่เกิดเหตุยังคงเงียบสงบ พร้อมลมหายใจ 520ชีวิตที่สิ้นสุดตรงนี้หวังว่าสวรรค์คงรับพวกเขาไปหมดแล้ว ตอไม้ที่ไหม้ไฟจากการระเบิดของเครื่องบินใกล้ที่เกิดเหตุยังคงเก็บเป็นอนุสรณ์อยู่จนถึงปัจจุบัน ที่มาและขอขอบคุณNATIONAL TRANSPORTATION SAFETY COMMITTEEองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหอสมุดแห่งชาติ//www.geocities.jp/joox_tv2/jal123///asukadoremi.hp.infoseek.co.jp/sozai/JAL123_2.swfนิตยสารญี่ปุ่น(อ่านไม่ออก)//www.airliners.netและเว็บไซค์อื่นๆ