|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
:วิเคราะห์ การต่อสู้ทางการเมือง เปรียบเทียบระหว่าง ASTV และ PTV
สื่อนอกรีตกับรัฐที่ไร้เครื่องชั่ง
สื่อ คือเครื่องมือทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อความมีเสถียรภาพของรัฐเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเมื่อสื่อมีเสรีภาพมากขึ้นเท่าใด ย่อมเป็นที่รู้กันว่าพลเมืองของรัฐเหล่านั้นมีเสรีภาพมาก และเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความเจริญของรัฐนั้นๆ ด้วย
ASTV และ PTV คือ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV คือสื่อที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐว่าถูกกฎหมาย ขณะเดียวกัน PTV กลับไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐให้ดำเนินงานอย่างถูกกฏหมาย
ทั้งสองมีรูปแบบการดำเนินงานของขั้นตอนในการออกอากาศเหมือนกัน นั่นคือการใช้วิธีออกอากาศส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมของต่างประเทศเข้ามาในประเทศเหมือนกัน และถ่ายทอดผ่านสื่อทีวีในช่องเคเบิลที่ขึ้นอยู่กับการติดตั้งสัญญาณของผู้รับ
ในด้านความต่าง อาจกล่าวได้ว่ามันมีอยู่สุดขั้ว และเหมือนมวยคนละมุม เพราะเจ้าของ ASTV คือ คุณสนธิ ลิ้มทองสกุล หัวเรือใหญ่ในการขับไล่ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัต อดีตนายกรัฐมนตี ก่อนที่จะถูกยึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหาร
ขณะที่ PTV คือ สื่อที่มีพ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลัง แม้ในระยะแรกจะปฏิเสธในการมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายแกนนำ PTV ก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเองเมื่อนายใหญ่อันเป็นที่รักโดนเล่นงาน (ตามกรรมเก่า ) กรณียุบพรรคไทยรักไทย ตามมาด้วยการถูก คตส.อายัดทรัพย์
และนั่นคือสาเหตุของการแสดงที่เปิดเผยให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ว่า แกนนำ PTV คือจอมโกหกที่เต็มไปด้วยความรักต่อเจ้านาย
ดังนั้นวัตถุประสงค์ในการนำเสนอของสถานีทั้งสองจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิงมวยบนเวที ของประเทศครั้งนี้ไม่มีเพียงสองฝ่ายเท่านั้น แต่มันคือนัดพิเศษ เพราะมีฝ่ายรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งมันไม่ใช่การเกี่ยวข้องทางอุดมการณ์เพราะรัฐได้เลือกทางในการปฏิบัติที่เด่นชัดว่านอกจากจะเป็นกรรมการจำเป็นแล้ว ยังทำตัวเป็นฝ่าย ASTV ด้วยกรณีการยอมและเปิดทางให้ดำเนินการตามปกติขณะเดียวกันกลับปิดโอกาสของ PTV ในการนำเสนอข่าวสารตามเจตนารมณ์ของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ภาพลักษณ์ ของความลำเอียงจึงบังเกิดแก่สายตาประชาชนอย่างเด่นชัดโดยเฉพาะเมื่อสำนักข่าว ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์ ได้เปิดเผยบทความวิเคราะห์ ที่ชื่อ ASTV PTV ช่อง 11 ใครผิด ใครถูก ใครเถื่อน โดยเนื้อหาของบทความได้แสดงอย่างชัดเจนว่า รัฐเลือกปฏิบัติกับสถานี ASTV และ PTV ไม่เพียงเท่านั้นยังเอื้อประโยชน์ให้กับ ASTV ผ่านช่อง 11 ด้วย
โดยรายละเอียดของบทความได้เปิดเผยว่า รัฐบาลปัจจุบันระบุว่า PTV คือสถานีที่ผิดกฎหมายจะเปิดดำเนินการไม่ได้
ในขณะที่ ASTV นายสนธิ ได้เปิดเผยว่า สถานีของตนได้รับความคุ้มครองจากศาลปกครองสูงสุดเพราะการจัดตั้งไม่ผิดกฎหมาย ASTV ได้ขายเนื้อหาและภาพให้กับบริษัทต่างประเทศเรื่องดังกล่าวเมื่อมีการวิเคราะห์แล้วพบว่าแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นคือ
ประเด็นแรก วิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปและความจริงในการขายสัญญาณ ASTV แลพบว่าแท้จริงบริษัทที่สนธิอ้างว่าได้ซื้อสัญญาณ ASTV เป็นเพียงนอมินีของสนธิ เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมายเท่านั้น
ประเด็นที่สอง จากการตรวจเช็คข้อมูลอย่างละเอียดพบว่า ผู้เช่าสัญญาณของดาวเทียม NSS 6 ที่ช่อง 11676 H คือ ASTV ไม่ใช่บริษัทต่างชาติอย่างที่อ้างนอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยจากรัฐอีกว่า กรณีของ ASTV ยังมีการฟ้องร้องกันอยู่เพราะเชื่อมโยงมาจากรัฐบาลสมัยที่แล้ว ดังนั้น การป้องกันไม่ให้มีสื่อใดที่ส่อว่าผิดกฎหมายมีการกำเนิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นวิทยุชุมชนหรือสื่อเคเบิลต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดซ้าการบอกกล่าวอาจเชื่อถือได้บ้าง หากความลำเอียงไม่เด่นชัดขึ้นมาอีก เมื่อ เมื่อมีการจัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน ผ่านช่อง 11 ของรัฐตามมาด้วยการปฏิเสธด้วยเหตุผลหลายประการ แต่การจงใจให้รายการมีโลโก้ของช่อง 11 แทนโลโก้ ASTV ย่อมเป็นที่รู้กันว่าช่อง 11 และ ASTV รู้กัน และจงใจหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย
ประเด็นที่สามที่ถูกวิเคราะห์ คือ ASTV ได้มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ซื้อหุ้นทั้งที่ความจริงความกระจ่างขององค์กรดังกล่าวยังไม่ถึงที่สิ้นสุด แต่รัฐกลับปล่อยให้ดำเนินการโดยไม่มีการยับยั้ง แสดงให้เห็นว่ารัฐทำตัวไม่เป็นกลางอย่างแท้จริง
สรุปแล้วรัฐน่าจะลดการเลือกปฏิบัติและความลำเอียงลง โดยปล่อยให้กลุ่มอำอาจเก่าได้มีสิทธิ์พูดบ้าง เพราะระบอบประชาธิปไตย ประชาชนควรจะได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนทั้งสองด้านเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาโชคดีที่ปัจจุบัน PTV มีท่าทีก้าวร้าวเกินกว่าที่ความเป็นปัญญาชนของประชาชนจะรับได้ กรณีความไม่เท่าเทียมในการเลือกปฏิบัติจึงเริ่มลดกระแสลง และดูเหมือนจะจางลงไปทุกทีPTV จึงสามารถกลายเป็นสื่ออย่างเป็นจริงเป็นจังได้ ทำได้แค่ ฝูงชนบ้าคลั่ง หรือ ม็อบ ที่พร้อมจะชวนตีไดตลอดเวลา
ด้าน ASTV หากยังเชิดหน้าชูตาได้ภายใต้อานิสงค์ของรัฐ ถึงแม้คุณสนธิจะออกมาเคลื่อนไหวด้านที่เป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใด แต่หากแท้จริงกฎหมายระบุว่า พวกเขาทำผิดกฎหมาย พวกเขาก็จะกลายเป็นสื่อนอกรีตที่ไม่ต่างอะไรกับ PTV
ขณะที่รัฐเองต้องมองความเที่ยงธรรมของตัวเองสำคัญที่สุด การหวาดกลัว ระแวงจนเกินเหตุ จนนำไปสู่การเลือกปฏิบัติที่ไร้เหตุผล อาจกลายเป็นความเสื่อมของสถาบันในท้านที่สุดก็เป็นได้
Create Date : 10 กรกฎาคม 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 15:37:14 น. |
Counter : 910 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อู๋ (ฟ้าสีส้ม ) 10 กรกฎาคม 2550 8:34:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: อัศวินม้าไม้ (V18 ปุยฝ้าย) (กล่องความทรงจำ ) 12 กรกฎาคม 2550 1:58:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: pangtae (เอวรินทร์ ) 11 สิงหาคม 2550 15:30:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ-นิติ IP: 202.41.167.246 30 เมษายน 2552 18:24:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: za IP: 222.123.179.63 16 พฤศจิกายน 2552 11:08:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|