มีเพียงชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต Only a life lived for others is a life worthwhile
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ความต่างกับผลลัพธ์ที่เหมือน


ความต่างกับผลลัพธ์ที่เหมือน








เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ ที่เรียกได้ว่า เป็นสถานศึกษาทางสังคมและวัฒนธรรมชั้นเยี่ยมของกรุงเทพมหานครขณะนี้ นั่นคือ วัดโพธิ์ ชุชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ และวัดสุทัศน์ ที่แท้จริงสถานที่เหล่านี้ต่างใช้ความรู้สึกในการสัมผัสทั้งสิ้น

ในวันนั้นผู้เขียนได้พบว่ามีสองสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่คาดเดาได้ไม่ยากว่าทั้งสองสิ่งนี้มีผลลัพธ์ที่เหมือนกันแน่นอน

การเยี่ยมชมวัดโพธิ์ของผู้เขียนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มันคล้ายการกลับมาเยี่ยมสิ่งที่เคยคุ้นเคยมาก่อน และผู้เขียนก็ได้พบว่ามีเพื่อนบางคนมาที่นี่เป็นครั้งแรก มันคงเป็นสิ่งที่แสดงได้อย่างชัดเจนว่าทำไมกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของนักท่องเที่ยวจึงเป็นชาวต่างชาติ

วัดโพธิ์เปลี่ยนแปลงไปมาก ด้วยกาลเวลาที่ถาโถมไม่หยุดหย่อนบวกกับสภาพอากาศวิปริตของประเทศ ผลลัพธ์จึงกลายเป็นสภาพชำรุดและทรุดโทรม ทำให้ทัศนียภาพ ณ ขณะนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศการซ่อมบำรุงเกือบครึ่ง

โบสถ์หลังใหญ่หลายหลังกำลังได้รับการบูรณะอย่างเร่งรีบ เพื่อตอบรับนักท่องเที่ยวที่กระหายทิวทัศน์บนความงดงามของวัด

แต่แล้วผู้เขียนก็ต้องหยุดสายตากับทิวแถวของเจดีย์อันงดงาม เพราะตรงบริเวณหน้าโรงเรียนที่เปิดบริการนวดแผนไทยมีเจดีย์องค์หนึ่งปลายยอดของเจดีย์ มีสภาพเอียงใกล้หักเต็มทีไม่มีใครมองเห็นเลยหรือ ?

อาจมองเห็น แต่คงเพราะมันคือสิ่งชำรุดที่เล็กน้อยเกินไป เทียบไม่ได้กับโบสถ์ขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่รอบๆ

เมื่อเวลาในการเยี่ยมชมของผู้เขียนและเพื่อนหมดลงตามแผน พวกเราได้นักรถประจำทางเพื่อจุดมุ่งหมายที่รอเราอยู่ มัสยิดจักรพงษ์






ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ ถูกถ่ายทอดเรื่องราวจากคุณลุงโอภาส มิตร์มานะ รองโต๊ะอีหม่ามประจำมัสยิดจักรพงษ์ ตำแหน่งที่ถือว่าเป็นเหมือนรองเจ้าอาวาสของศาสนาพุทธนั่นเอง

“ ชุมชนนี้ตั้งขึ้นสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์อพยพชาวปัตตานีมาอยู่ที่นี่คงด้วยเหตุผลทางความมั่นคงของประเทศ ชุมชนนี้จึงมีอายุยาวนานพอๆกับกรุงเทพมหานคร”

แม้คำพูดของลุงโอภาสหรือ ครูที่พวกเราเรียกอย่างเป็นกันเองขณะพูดคุย จะเป็นคำพูดที่แสดงถึงความภูมิใจในความเป็นชุมชนจักรพงษ์ และผู้เขียนสัมผัสได้ลึกๆ แล้วในคำพูดที่ฉาบมาอย่างสวยหรูนั้น มีนัยยะบางอย่างซ่อนอยู่

การสนทนาดำเนินไปอย่างเข้มข้นปนอารมณ์ขัน เพราะครูเล่าสาระประโยชน์ที่คาดว่าไม่สามารถรับอรรถรสที่ใดได้ดีไปกว่าการรับฟังจากผู้รู้โดยตรง

กระทั่งครู เล่าถึงปัญหาที่ชุมชนกำลังเผชิญจากสภาพสังคมที่รับวัฒนธรรมอย่างไม่เลือกของคนไทย

ครูระบายด้วยความอัดอั้นว่า ตั้งแต่ถนนข้าวสาร กลายเป็นถนนแห่งอารยธรรมของทุกชาติ กลับมีคนไทยจำนวนมากที่ย่ำยีจนทุกวันนี้กลายเป็นถนนแห่งโลกีย์ก็ว่าได้

“ ฝรั่งที่มาถนนข้าวสาร เค้าเที่ยวแบบติดดิน แบบมีรสนิยม แต่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ที่มากลับทำให้ถนนสายนี้เสื่อม”

ด้วยความใกล้เพียงแค่ตึกกั้นของชุมชนกับถนนข้าวสาร ทำให้ครูและผู้ใหญ่ทุกคนในชุมชนต่างต้องคอยระแวดระวังว่าเด็กๆ ในชุมชนอาจเตลิดด้วยสิ่งยั่วยุจากพฤติกรรมที่ไม่สมควรของคนกลุ่มหนึ่งจากถนนข้าวสาร

ครูโอภาส และผู้นำชุมชนคนอื่นๆ เคยนำเรื่องกังวลนี้ปรึกษากับทางเขต แต่เหมือนกับว่าทางนั้นไม่ได้ยินหรือรับรู้ใดๆ

คงเพราะทางกรุงเทพพิเคราะห์แล้วเห็นว่าถนนข้าวสารคือถนนเศรฐกิจสำคัญสายหนึ่งของไทย ดังนั้นการปล่อยให้ชุมชนเก่าแก่ชุมชนหนึ่งต่อสู้อยู่เพียงลำพัง จึงไม่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่ครูกังวลเกี่ยวกับเด็กในชุมชนเป็นจริงขึ้นมา ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์จะมีสภาพเป็นเช่นใด?

นี่คือความต่างที่ท้ายสุดผู้เขียนมั่นใจว่าหากปล่อยทิ้งไว้ จะก่อกำเนิดความเหมือน บนคำจำกัดความที่ว่า “พัง” เจดีย์พัง ชุมชนพัง
มันคือจุดเล็กๆ ของสังคมเราอย่างแท้จริงมองเห็นหรือไม่คือระดับชั้นของสามัญสำนึก

ยอดเจดีย์ที่ไม่มีใครบูรณะ สุดท้ายก็จะโค่นหักลงมา กลายเป็นวัตถุที่ย่อยยับจากการถูกกระแทกด้วยความสูงขณะร่วง ไม่สามรถนำกลับมาต่อได้เหมือนเดิม ซ้ำร้ายยังต้องหล่อมันขึ้นมาใหม่ ซึ่งเนื้อแท้ของมันคือเทียมไม่ใช่ของเก่าล้ำค่าที่นักท่องเที่ยวถวิลหาควรค่าแก่การเยี่ยมชมแต่อย่างใด

ชุมชนเล็กๆ ซึ่งขณะนี้ถูกตั้งข้อสงสัยด้วยเหตุผลทางการเมืองจากบรรยากาศทางภาคใต้ แม้จะเริ่มมีผู้ใหญ่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญ แต่ชุมชนนี้ยังคงมีค่าน้อยกว่าถนนข้าวสารอยู่ดี

เมื่อผู้ปกครองเมืองให้ความสำคัญกับชุมชนต่างกันไป หนึ่งในชุมชนที่ถูกลดความสำคัญไปตามกาลเวลาอย่าง ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ จึงต้องดิ้นและช่วยเหลือตัวเอง

หวังเพียงว่าความเสื่อมทรามจากตึกใกล้เคียง คงไม่ทำร้ายเด็กๆในชุมชนมากเกินไป มันคือวัฏจักรทางสังคมหรือ? ผู้เขียนเองก็มิอาจแน่ใจได้ แต่ในเมื่อทุกคนที่รับรู้คือมนุษย์ คือผู้มีปัญญา กลับเลือกสิ่งที่ไม่ควรทำและหลีกสิ่งที่ควรทำ

สังคมของเราคงคล้ายกับการกำลังเดินทางเข้าสู่ดินแดนซึ่งถูกขนานนามว่า ดินแดนแห่งความเสื่อมทรามเป็นแน่





 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
2 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 15:58:07 น.
Counter : 843 Pageviews.

 

ผมก็พึ่งเห็นครับ

 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) 26 กรกฎาคม 2550 22:32:47 น.  

 


ดูคร่าวๆ ยังไม่Comment
ไว้วันว่างๆค่ะ
anyway
หนูเข้าที่ 2 นะค่ะ

 

โดย: คุณครูตัวกลม (คุณครูตัวกลม ) 27 กรกฎาคม 2550 12:15:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Melanin
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะทุกคน และสวัสดีเพื่อนๆที่รักเจ้าแมวเหมียว






Google




Friends' blogs
[Add Melanin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.