ดำน้ำ สิมิลัน ภาค5 แล้วค่อยมาเจอกันใหม่
เหลืออีกไดว์นึง อุตส่าห์เก็บไว้โพส์ได้อีก 1 ครั้ง กว่าจะได้ไปถ่ายอีกคงอย่างน้อยก็เดือนสิงหาครับ แต่จะไปไหนดีหว่า อยากไปฟิลิปปินส์ ไม่ก็อินโดจัง
คราวนี้มีอุปกรณ์ถ่ายรูปเพิ่มขึ้มมาอีก1อย่าง แฟลชYS-60
แขนจับก็มีแล้ว (แต่ใส่กันยังไม่ได้ครับ มันคนละยี่ห้อ ต้องเข้าworkshopทำตัวต่ออีกแล้ว ดีที่มีเครื่องตัดเลเซอร์ วาดในCADก็ตัดออกมาเป๊ะ แต่ต้องแอบใช้ของที่ทำงาน) เหลือรอตัวDigital AdapterรับแสงแฟลชInternalมาแปลงเป็นสัญญาณยิงตัวYS-60
ชีวิตต้องสู้ครับ ซื้อมาไม่เคยได้ใช้โดยที่ไม่ต้องดัดแปลงเลย
หลังจากดำที่หินปูซาหรือElephant Head rockแล้วก็เหลือdiveอีกหนึ่ง แต่ก่อนจะดำเรือก็ไปจอดหลบคลื่นที่เกาะสี่ เลยถือโอกาสลงไปเดินเที่ยวกันครับ
ภาพนี้ถ่ายตอนลงdingy จะเห็นคนสิงคโปร์ใส่speedoรัดตื้วบนดาดฟ้า เหอๆ เวลาลงบันไดเรือมา หลอนมาก แทบจะชนหน้าคนยืนรอบันได
พอไปถึงหาดเล็กก็มีแต่ฝรั่งที่ลงจากเรือที่มาหลบคลื่นเต็มไปหมด ไม่มีคนไทยเลย นึกว่าอยู่แถวคาริเบียนซะอีก เดินให้อาหารยุงไปจนถึงหาดหน้าที่พักกรมป่าไม้ หาดสงบกว่าเยอะครับ แต่ในน้ำไม่มีปะการังเลย มีแต่ทราย คุ้นๆว่าเมื่อ18ปีก่อนแถวนี้แน่นไปด้วยปะการังกับปลิงทะเล
แต่ยังไงๆก็ยังสวย
เห็นซากอารยธรรมอยู่ลิบๆ สะพานที่ยังไม่ได้แกะพลาสติกออก พังซะแล้ว ไม่เห็นจะต้องใช้สะพานเลยครับ เสียทัศนียภาพเกาะหมด มาทะเลแล้วไม่อยากปีนเรือ
กลัวขาเปียกก็ไปสวนสยามก็ได้ครับ....
ว่ายน้ำ อาบแดดกันบนสะพานจนหนำใจแล้ว แล้วเตรียมกลับเรือ
Diveสุดท้ายก็ดำกันขำๆครับ หลายคนเลยถือโอกาสไม่ใส่wetsuitซะเลย คนที่ไม่แพ้พวกพิษจากแตนทะเล (บางทีก็คือลูกแมงกระพรุนนั่นแหละ) ก็ถอดเสื้อลงเลย
ผมกะบัดดี้ไม่เอาด้วยล่ะ จริงๆก็อยากแต่ที่อุตส่าห์ใส่Wetsuitแขนขายาวมาทุกวัน มาผื่นขึ้นวันสุดท้ายล่ะต้องเกาไปอีก2-3อาทิตย์เชียว แถมเห่อเป็นรอยอีก
ตกลงกันว่าดำที่เรือนกล้วยไม้เกาะ5-6นี่แหละ ว่าแล้วก็โดดกัน กลุ่มแตกกระจาย ใครไปไหนก็ไป
คู่เราก็ค่อยๆลง เจอใครก็ไปแจมแล้วกัน เท่าที่เห็นปลาผีเสื้อที่นี่ตัวใหญ่มากครับ บางตัวเกือบฟุตได้ นึกว่ากระดาษA4ลอยผ่าน
ว่ายไปมา เห็นสีขาวสะดุดตา อะไรหว่า... โอ้ ปะการังฟอกสีนี่เอง
ขาวสนิทแบบนี้ไม่รอดแน่ๆ ยังดีที่มีแค่กอเดียวครับ
สำหรับคนที่ไม่รู้ ปะการังฟอกขาวคือ ผลกระทบที่เกิดจากเอลณีโญ่ เมื่ออุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เย็นเกินไป 3-5องศาประมาณ5-10วัน หรือร้อนเกินไป 1-2อาศาเป็นเวลา5-10อาทิตย์ก็เกิดปรากฏการณ์นี้ได้ครับ แสงUVที่มากไปจากโอโซนที่ลดลงและน้ำที่นิ่ง(ไม่หักเหแสง)ก็ส่งผลได้เช่นกัน
สาเหตุที่ขาวก็เพราะพวกสาหร่ายเซลเดียวในเนื้อเยื่อของปะการังที่เห็นเป็นสีต่างๆ(สีปะการังจริงๆแค่ขาวหรือใส)ซึ่งคอยสังเคราะห์แสง ให้พลังงานแก่ปะการังก็พากันตายไป เหลือแต่หินปูนขาวๆของปะการังในภาพ ถ้าการสูณเสียสาหร่ายเซลเดียวเป็นแค่เล็กน้อย ปะการังก็ไม่มีผลกระทบ ซักพักพวกสาหร่ายก็แบ่งเซลออกมาใหม่ แต่ถ้าสูญเสียไปมากกว่า60-90%อย่างในภาพ ปะการังคงบอบช้ำมาก ไม่สามารถคืนชีพได้ครับ ถ้าสนใจไปอ่านเพิ่มเอา ในคู่มืออันดามันเล่ม1ก็มี
ดำไปดำมาก็มารวมกลุ่มครูหลงได้ไงนี่ ใส่ชุดไปเที่ยวซะด้วย หันมาเห็นทำท่าOKเลย กล้องครูเดี้ยงไปแล้ว เหอๆ
ไปถึงหัวเกาะ5ก็เจอฝูงปลาผีเสื้อคอขาวว่ายกันเป็นกลุ่มแบบในโปสการ์ดไม่มีผิด แถมเลี้ยวพร้อมกันอีก น่ารักชะมัด ปรกติปลาผีเสื้อจะอยู่โดดเดี่ยวหรือเป็นคู่เท่านั้นครับ มีเจ้านี่กับปลาโนรี ที่อยู่เป็นกลุ่ม
ทีนี้ต้องว่ายวกกลับทวนน้ำไปหาหินเรือนกล้วยไม้ เฮ้อ เหนื่อยอีกละ เลาะโขดหินไปๆมา ก็เจอทากปุ่มอีก เจอเยอะมากครับทริปนี้ ตัวสีๆไม่ค่อยเจอเลย
คราวนี้ IDได้ครับ lizaeหรือlizard phyllidia ตัวแต่3ซมเอง ได้มาโครของกล้องช่วยขยาย กว่าจะถ่ายมาโครได้นี่เกือบพลาดไปหลายทีละ ปรับแสงแล้ว ต้องกดโหมดมาโครแล้วปรับแฟลชให้ต่ำสุด ลืมแฟลชทุกทีเลย ถ่ายซัก3รูปถึงจะได้ที่พอใจ คราวหน้ามีแขนแฟลชให้ขยับอีก
ดูโน่นดูนี่ไป เอ ทำไมกลุ่มมันใหญ่ขึ้นหว่า แถมมีแต่ฝรั่ง เหอๆ ลืมดูทาง เกือบได้เปลี่ยนกลุ่มแล้วไง ดันมาว่ายตัดกันอีก เหลือบไปเห็นปลาสิงโต2ตัว ใต้โขดหิน แถมกลับหัวกลับหาง
และเจ้านี่อีกล่ะ ปลาเหยี่ยวจมูกยาว ตัวเท่ากุ้งแต่ว่ายเร็วมากครับ พุ่งไปพุ่งมา แต่ไปได้ไม่ไกลก็จอด เอาครีบยันตัวแล้วพักเกาะกับหิน ปะการัง ปลาเหยี่ยวจะมีพฤติกรรมแบบนี้หมดเลย ลุกลี้ลุกลน
กะกุ้งทำความสะอาด อย่างที่เคยเล่าไปครับว่า สีแดงของกุ้งจะบ่งบอกให้ปลารู้ว่า สถานีทำความสะอาดอยู่ที่นี่ ปลาก็จะยอมอยู่เฉยๆให้กุ้งกินเศษเนื้อเยื่อ หรือแผลโดยไม่ว่ายหนีหรือกินกุ้ง ส่วนปลาขนาดใหญ่หรือแมนต้านั้นก็ มีปลาที่ใหญ่ขึ้นเช่นปลานกขุนทองที่กินเศษอาหารไม่เลือก ทำความสะอาดให้อีกที ถ้าคงต้องใช้กุ้งเป็นพันๆตัวรุมทึ้งทั้งตัวแน่ อารมณ์starship trooper แบบนั้น
อยากลองอ้าปากให้กุ้งเข้าไปเหมือนกัน แต่กลัวเผลอกลืนไปด้วยน่ะครับ คงไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ว่ายทวนน้ำอยู่ประมาณ6-7นาทีก็อากาศหมดกันเป็นแถว ระหว่างพักน้ำก็ปล่อยลอยไปตามน้ำ แล้วตูจะเปลืองอากาศว่ายอยู่กะที่ทำไมหว่า
ได้โอกาสก็ถ่ายภาพเพื่อนร่วมทริปนี้ออกมา ชอบองค์ประกอบมากครับ เหมือนเงือกยังไงก็ไม่รู้ครับ แถมมีสมุน2คนคอยอยู่ห่างๆ เหอๆ พริ้วเชียว
ปรกติเขารวบผมกันมั้ง ที่เห็นทำมือทำไม้นั่นเกาอยู่ครับ ขึ้นมาเป็นผื่นเห่อเชียว อันเป็นภาพใต้น้ำรูปสุดท้ายของทริป เย้ จนกว่าจะคราวหน้า บ๊ายบาย สิมิลัน
Create Date : 20 มีนาคม 2549 |
|
47 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 8:07:57 น. |
Counter : 2192 Pageviews. |
|
|
|
เห็นแล้วอยากไปทะเลจัง
อ้อ ๆ ได้ความรู้เรื่องปะการังฟอกสี
และกุ้งทำความสะอาดเพิ่มขึ้นด้วย