2013 Paris : ช็อปปิ้งย่านบาสตีล และตามรอยการปฏิวัติฝรั่งเศส

ชื่อบล็อกเป็นซะอย่างงี้ แล้วใครจะเข้ามาอ่านหนอ..
แค่ชื่อก็ชวนหลับขนาดนี้ เหมือนชั่วโมงเรียนประวัติศาสตร์ไม่มีผิด..

แต่ขอบอก.. ของเค้าดีจริงๆ ค่ะ French revolution walk เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพลาดอย่างยิ่ง เมื่อคุณมาถึงปารีส

แค่อี walk tour นี่อย่างเดียว สำหรับอิฉันที่เป็นแฟนกุหลาบแวร์ซายด์ตั้งกะสิบขวบ ก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับทริปฝรั่งเศสครั้งนี้แล้ว อาเฮียจองที่นี่ไว้ //paris.classicwalks.com/tours/paris/french-revolution-walking-tour/ ราคา 20 ยูโรต่อคน ไกด์ที่อิฉันเจอเป็นชาวอังกฤษที่น่ารัก อธิบายได้อย่างฮา และมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่าเสริมมากมาย ประทับใจที่สุดเลย


แต่ walk tour เค้าเริ่มกันช่วงบ่าย ๆ เริ่มตอนสามโมง และใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงจนจบรอบ ดังนั้น ช่วงเช้าเราจึงไปช็อปปิ้งกัน ย่านที่น่าสนใจ เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงกับการช็อปปิ้ง คือ ย่านบาสตีล

เราเริ่มเดินกินลมชมวิวออกจากที่พัก..


เจอวิวแรก..


ตำรวจขนมอไซค์แว๊นท์ที่จอดเกะกะไปเรียบเลยฮ่ะ ใช้รถยกขนไปทั้งแถบ ไม่เสียเวลามานั่งแจกใบสั่ง




สม..



เดินดุ่ย ๆ หนาว ๆ ข้ามสะพานมา..







เพิ่งมาเห็นรูป อีอาเฮียมันจะปรับภาพทำอาร์ตไปทำไมฟระ


สองเท้าพาเราย่ำทั่วปารีส..




เดินเลาะสะพานปลา เอ๊ย.. ที่จอดเรือของผู้มีอันจะกินในปารีส
ลมแร๊ง แรง พัดเหม่งกระจุย..




พัดอาเฮียเกือบปลิว..




ทำไมไม่ปลิวฟระ... ชิส์..









บ้านเรือนแปลกตา..




เจออีเสานี้ มันคือจุดเริ่มต้นของแหล่งช็อปปิ้งของเรา มีทางแยกหลายสาย.. เราเลือกขึ้นมาหนึ่งสายที่น่าจะมีร้านขายของเยอะ ๆ แล้วลุย..




เจอร้านค้าบ้างล่ะค่ะ มีตึกอาคารน่าสนใจเป็นหย่อม ๆ









เดินจนเหนื่อย แต่หาได้ประสบความสำเร็จในการช็อปปิ้งไม่.. เงินยูโรไม่ค่อยกระเด็นออกไปเท่าไหร่... นี่มันเมืองช็อปปิ้งไม่ใช่เร๊อะะะะะะะ...


นั่งชิล ๆ ซดโอเลี้ยงดีกว่ากรู..









เดินกันจนหลงไปไหนต่อไหนขาลากไปครึ่งวัน.. เมื่อเจอรถไฟใต้ดิน เราจึงรีบขึ้นกลับมาเก็บของ..

Metro ที่ปารีสขึ้นชื่อในเรื่องฉกชิงวิ่งราวไม่แพ้เมืองใหญ่ในยุโรปหลาย ๆ เมือง เช่น ปรากหรือบาเซโลน่า

ดังนั้น บางจังหวะ สภาพอาเฮียจึงเป็นเยี่ยงนี้





เราเอาข้าวของไปเก็บ แล้วบ่ายสามออกมาที่จุดนัดพบ เพื่อไปเดินทัวร์ตามรอยปฏิวัติฝรั่งเศสกัน พวกนี้เค้ามักจะนัดกันที่สถานีรถไปเล็ก ๆ ไม่พลุกพล่าน ประมาณว่าคนลงสถานีนี้ก็มีแต่พวกคนที่มาเดินทัวร์นั่นแหละ เพื่อที่จะได้หากันง่าย ๆ

ฝนตกซะเปียกเป็นลูกหมากันเลย.. หนาววววววยะเยือกถึงใจจริงๆ ..

ทัวร์ที่เราไป จริง ๆ มีคนจองไว้อีก 3-4 คน แต่พอถึงเวลากลับไม่โผล่มาเลย ดังนั้น ลูกทัวร์ในทริปนี้ จึงมีแค่อิฉันกะอาเฮียแค่ 2 คน เราแนะนำตัวกะคุณไกด์กันเรียบร้อยก็เริ่มออกเดิน


อิฉันจะพาคุณ ๆ ไปเดิน แล้วเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง ก็เกรงว่าจะหลับกันซะตั้งกะสามบรรทัดแรก ดังนั้น หากท่านใดสนใจเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศส หรือเป็นแฟนออสการ์อย่างอิฉัน แนะนำทัวร์นี้มาก ๆ เลยฮ่ะ To die for จริง ๆ...

โชว์ให้ดูภาพเล็กน้อยละกันเนอะ.. คุณไกด์เค้าจะพาเราเดินไปรอบปารีส แล้วเล่าเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการคุกกรุ่นและมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองขึ้นมา

ดังที่อิฉันเคยเล่าไว้ในบล็อกก่อน ๆ ขอนำมาฉายซ้ำอีกหนึ่งรอบ


"การปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 คนมักจะคิดกันว่ามันเกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันของหลุยส์ที่ 16 ใช้ตังค์กันซะท้องพระคลังกระจุย และเริ่มเบียดบังเก็บภาษีประชาชนกันจนไม่มีจะกิน แต่จริงๆ แล้ว จะไปโทษหลุยส์และมารีอังตัวเนตต์ทั้งหมดก็ไม่ได้ มันเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุ ทั้งการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เช่น หลุยส์ที่ 14 สร้างโน่นนี่นั่นฟู่ฟ่ากันมา รวมทั้งการที่ฝรั่งเศสส่งทหารไปร่วมรบที่อเมริกาในการประกาศอิสรภาพ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็บานตะเกียง ทั้งยังมีพวกกลุ่มคนรุ่นใหม่ (ในสมัยนั้น)ที่ไปเปิดหูเปิดตาดูโลกกว้างที่อเมริกา และพบว่า เออ พวกเมกันไม่มีกษัตริย์ก็อยู่ได้นี่หว่า ทำไมพวกตรูต้องมีด้วย ก็เกิดอยากจะเป็นอย่างคนอื่นเค้าขึ้นมาบ้าง พวกนี้ก็กลับมาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเปลี่ยนแปลง

สมัยนั้น ถึงแม้บ้านสิ่งก่อสร้างจะงามอลังการงานสร้างขนาดนั้น แต่ประชาชนก็ท้องกิ่วหิวกันสุดๆ เหมือนกัน เพราะภาษีที่โดนเรียกเก็บไปใช้ในการรบนั้นมหาศาล ช่วงพีคสุดๆ ขนมปังฝรั่งเศสหนึ่งดุ้น เค้าว่าราคาเท่าเงินเดือนถึง 2 เดือนเลยทีเดียว ใคร๊.. มันจะไปมีปัญญาหามากินวะคะ.. เมื่อประกอบกับทุกอย่างที่อิฉันกล่าวมาข้างต้นประชาชนและไอ้กลุ่มคนอยากเปลี่ยนแปลงจึงเลือกหาแพะขึ้นมา ก็พบว่าหลุยส์ที่ 16 และภรรยานั่นแหละเหมาะที่สุด

นี่จึงเป็นที่มา ของการปฏิวัติฝรั่งเศส และการจับกษัตริย์และราชวงศ์มาบั่นคอซะหมดเกลี้ยง"


**อ้างอิง บล็อกอิฉันเอง โดยข้อมูลจากคุณไกด์ทั้งสิ้น ผิดถูกประการใดโทษคุณไกด์ หุ หุ..



เริ่มต้นกันที่อาคารนี้..





Les Invalides มันเคยเป็นอะไรมามากมายหลายอย่าง เช่น เคยเป็นโรงพยาบาลที่พักของทหารที่กลับมาจากอเมริกา เคยเป็นที่เก็บอาวุธ ดินปืนต่าง ๆ ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ชาวบ้านประชาชีมาบุกลุยที่นี่เพื่อขนดินปืนขนอาวุธไปลุยคุกบาสติลกัน มันจึงเป็นที่ ๆ สำคัญทีเดียวเชียว



ช่วงที่เราเดินดุ่ยๆ ตามคุณไกด์ไป ก็พบกลุ่มชาวปารีสที่ทำ Hobby สุดโปรดของเค้า นั่นก็คือการประท้วง เดินประท้วงกันเป็นกลุ่ม ๆ เงียบ ๆ ปิดถนนกันเล็กน้อย มีตำรวจคอยกันทางถนนหนทาง

อิฉันแอบถ่ายมา กลัวม็อบหันมาตบ..

ไกลจนแทบมองไรไม่เห็นเลย..




เดินไปดูอีกหลาย ๆ จุด..







อีอาคารนี้มันคืออิหยังก็ไม่รู้ จำไม่ได้ แต่เป็นที่ ๆ สำคัญในการประชุมต่าง ๆ ตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะเป็นสภาที่ประชาชนและพวกกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาใช้ประชุมกัน พวกโรเบสปิแอร์ ดังตอง มิราโบ แต่อีรูปที่อยู่เป็นโลโก้นั้น มีแหลม ๆ บนหัวเหมือนเทพีเสรีภาพด้วย น่าจะเป็นพวกที่ก่อสร้างมีการนำตัวอย่างคุณเทพีที่เมกามาเป็นต้นแบบ




เดินอ้อมมาดูด้านหน้า..




เราเดินต่อไปกันจนถึงลูฟ โดยผ่านลานคองคอร์ด (Place de la Concorde) และสวนตุยเลอรี (Tuilelies)


ก็ขออนุญาตนำของเก่าจากบล็อกก่อน ๆ มาหากินอีกรอบนะก๊ะ


"Place de la Concorde นี้ เป็นจตุรัสที่คั่นกลางระหว่างสวนตุยเลอรี (Tuilelies) ซึ่งเป็นสวนแบบอังกฤษที่เค้าจะมีงานศิลปะมาวางโชว์สับเปลี่ยนกันอยู่ตลอด กับ ถนนช็องเซลิเซ่ (Champs Elysees)

ลานนี้เป็นลานที่ออกแบบและสร้างกันตั้งแต่สมัยหลุยส์ที่ 15 เพื่อที่จะวางโชว์รูปพระเจ้าหลุยส์ทั้งหลาย ครือ..ฟังมาจากคุณไกด์อ่ะนะคะ ไม่รู้เธอเล่นมุขหรือเปล่า เธอว่าเนื่องจากสมัยหลุยส์ที่ 15 ไม่ได้สร้างสถาปัตยกรรมอะไรใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวนัก เพราะไอ้ที่ใหญ่ ๆ ปราสาทราชวังบิ๊กเบิ้ม สร้างกันโอ่อ่าฟู่ฟ่า ท่านหลุยส์ที่ 14 ท่านก็สร้างกันเต็มเหนี่ยวไปหมดแล้ว หลุยส์ที่ 15 จึงไม่เหลืออะไรให้สร้างอีก ท่านจึงคิดว่า เออ สร้างสนามหลวง จตุรัสใหญ่สุด ๆ ขึ้นมาดีก่า เอารูปปั้นหลุยส์ที่ 15 วางไว้ด้วย แต่แล้ว เมื่อเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้นมาประชาชี ก็ยกรูปปั้น หลุยส์ที่ 15 ลงมา แล้วเอากิโยตินไปวางไว้แทน เพื่อที่จะไว้หั่นหัวพวกราชวงศ์ และคนที่คิดไม่เหมือนกัน หลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนตต์ก็โดนตัดคอบริเวณนี้ ช่วงที่เค้าฮิตหั่นคอกัน น่าจะตัดกันไปหลายหมื่นคนอยู่ คุณไกด์เธอว่า ลานบริเวณนี้ถึงกับซึมไปด้วยเลือด พื้นนี่เดินยวบยาบ ๆ จากกองเลือดกันกิโยตินซึ่งเป็นเครื่องมีใบมีดใหญ่ ๆ อยู่ด้านบนสำหรับตัดฉับมาที่คอคนนอนรอนั้นถึงกับวางโยกเยกกันเลยทีเดียว ต้องสลับโยกย้ายที่วางกันเป็นระยะ ๆ"


สวนตุยเลอรีนี่จริง ๆ ไม่ใช่แค่สวน แต่เป็นวังด้วย มารีอังตัวเนตต์ช่วงที่ถูกคุมขังก่อนโดนนำไปประหารก็โดนโยกย้ายไปขังหลาย ๆ ที่ วังตุยเลอรีก็นับเป็นหนึ่งที่ที่เคยมาพัก



ทางเข้ามาพระราชวังลูฟท์









คุณไกด์เล่าว่า มันจะมีฝั่งสวยและฝั่งไม่สวย ที่ไม่สวยนี่เนื่องจากตอนที่ค่อย ๆ ทยอยซ่อมนั้น ตังค์ร่อยหรอไปทุกที และถึงจะเป็นวัง แต่ช่วงนึงที่มันปรักหักพังในช่วงหลัง ๆ ของการปฏิวัติก็ถึงกับเปิดให้คนจรจัด คนยากจนเข้าไปพักกันเลยทีเดียว




นาฬิกาพวกนี้ ก็เป็นนาฬิกาที่หลุยส์ที่ 16 เป็นคนทำ (ทำเองจริง ๆ ไม่ได้สั่งให้ใครทำให้ เพราะหลุยส์ที่ 16 มีงานอดิเรกเป็นช่างทำกุญแจ)


สุดท้าย ทัวร์ของเรามาจบที่นี่ The Conciergerie ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษมีนักโทษถึง 2,500 คนจากที่นี่ถูกนำไปหั่นคอกลางเมือง ซึ่งรวมถึงมารีอังตัวเนตที่มีอยู่ที่นี่เป็นที่สุดท้าย และหลุยส์ที่ 17 ลูกชายของเธอด้วย



คุณไกด์เล่าให้ฟังต่อมาถึงลูก ๆ ของมารีอังตัวเนตกับหลุยส์ที่ 16 ว่า มีทั้งสิ้น 3 คน พระโอรสป่วยตายไปซะหนึ่ง พระธิดาไม่ทราบเป็นอย่างไรแต่น่าจะโดนประหารไปด้วย ส่วนพระโอรสที่เหลืออยุ่ที่จะกลายเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 17 นั้น มีข่าวลือกันหลายกระแส เนื่องจากช่วงที่พ่อแม่โดนคุมขัง ลูกก็โดนการ์ดนำไปเลี้ยงแบบให้จำพ่อแม่ไม่ได้ ให้ร้องเพลงล้มล้างราชวงศ์ แต่สุดท้ายก็โดนนำมาประหารตามไป แต่บางกระแสบอกว่ามีการช่วยเหลือออกไปได้ จนกระทั่งมีลูกหลานออกไป แต่สุดท้ายมีการตรวจ DNA ก็พบว่าไม่ใช่ จริง ๆ น่าจะโดนประหารไปกันตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ

การเมือง การชิงอำนาจ มันช่างสร้างความเกลียดชังเหลือเกิน นึกแล้วเศร้าค่ะ..


จบทัวร์ด้วยความประทับใจอย่างมากมาย..

คุณไกด์ค่ะ สเตฟานี่..




ทัวร์จบ.. ฝนหยุดตกพอดี... ได้ภาพรุ้งสวย ๆ กลับมาด้วย..

Create Date : 10 ธันวาคม 2556		1 comments
Last Update : 10 ธันวาคม 2556 22:50:38 น.
Counter : 1695 Pageviews.
Share Tweet