เซินเจิ้น มากกว่าที่ใจคิด
รอบๆเรียงๆ หลังกลับจากเมืองจีนทริปที่แล้ว ถัดไปอีกไม่กี่เดือน ก็ได้ไปเลาะตะเข็บแผ่นดินใหญ่อีกครั้งตอนไปฮ่องกงมาเก๊า (ไม่ต้องแปลกใจที่เพิ่งอัป ก็แค่ช้าไปเกือบปีเท่านั้น) จริงๆแผนการเดินทางก็รู้ล่วงหน้าอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ฉลาดขอวีซ่าแบบมัลติเพิลซะให้รู้แล้วรู้รอด ทำให้ต้องตะกายไปสถานทูตจีนเสียหลายรอบ คราวนี้ไปเล็มเลียบแถวเซินเจิ้น + กวางเจา ตามประสาคนมัก (มีเวลา) มาก
แต่ด้วยความที่ข้อมูลอ่อนด้อย ก็เลยวางแผนแวะเซิ่นเจิ้นแบบเสียไม่ได้ เข้าทำนองไหนๆก้ไปแถวนั้นแล้ว แวะซะหน่อยให้ได้ชื่อว่าไปมาแล้ว เนื่องจากไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีอะไรมากไปกว่าแหล่งช็อปปิ้ง ประเภทมาบุญครองเชิ่นเจิ้น และโชว์อลังการวันเดอร์เวิลด์ต่างๆ อย่างที่นักท่องเที่ยวออนไลน์หลายคนรีวิวไว้ ซึ่งเป็นหัวข้อการท่องเที่ยวที่เราไม่สนใจนัก แถมที่พักที่รีวิวไว้ในเว็บต่างๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีดีอีกต่างหาก
พอเอาเข้าจริงๆ ก็ต้องประหลาดใจแสนสาหัส เมื่อไปเห็นด้วยตาและสัมผัสด้วยใจแล้ว พบว่าเซินเจิ้นไม่ใช่แค่เมืองท่าขายสินค้า (ปลอมๆ) เพียงอย่างเดียวแต่มีหลากซอกหลายมุมให้ชมดู สามวันที่อยู่ที่นั่น นอกจากย่านตงเมินแล้ว เราแทบไม่ได้ย่างเท้าเข้าใกล้สถานที่ช็อปปิ้งเลยแม้แต่ก้าวเดียว แถมยังเหลือที่ที่อยากไปอีกตั้งหลายแห่ง แต่จองที่พักในกวางเจาไว้แล้ว และไม่แน่ใจว่าภาษาจีนเท่าหางอึ่งที่มีจะทำให้การเจรจาเลื่อนการเดินทางสัมฤทธิผลหรือไม่ ก็เลยตัดใจไปตามแผนเดิม อืมม์...ถึงจะมักและมีเวลามากแค่ไหน ก็คงต้องทิ้งเอาไว้งวดหน้าบ้างละนะ โยม
เซินเจิ้นลอฟต์ เริ่มจากที่พักก็แล้วกัน เนื่องจากเราไปคนเดียวและไม่คิดจะช็อปปิ้ง ก็เลยไม่เลือกโรงแรมแถวๆสถานีรถไฟที่รู้สึก (ไปเองว่า) พลุกพล่าน แต่ยอมเสี่ยงเลือกโฮสเตลที่อยู่ไกลออกไปหน่อย ค่อนไปทางสุดปลายสายรถใต้ดินโน่นเลย เป็นโฮสเตลเล็กๆ ชื่อ "เซินเจิ้นลอฟต์" ซึ่งได้โบรชัวร์มาจากโฮสเตลที่เคยพักคราวก่อน
เป็นรถฉลุลายที่สวยมาก เห็นแล้วสะดุดเลย จริงไหม
ตอนเดินลงจากรถไฟใต้ดินแล้วเดินดุ่ยไปแบบหลงๆ รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะท้องถนนแถวนี้ดูไร้ร้างผู้คน แม้ว่าจะดูปลอดภัยและสงบเงียบก็เถอะ แต่เดินๆไปใจก็ผ่อนคลายไปเรื่อยๆ (แม้ว่าเป้จะหนักขึ้นเรื่อยๆป แต่พอไปถึง ลงทะเบียนเสร็จ เอาของเข้าห้องเรียบร้อย เดินดูบรรยากาศรอบๆ ใจก็ฟูบานว่าเลือกไม่ผิด
บรรยากาศโดยรวมของที่นี่เข้าข่าย "ท็อปออฟมายลิสต์" ของโฮสเตลในจีนในใจเราเลย ทั้งเซตติ้ง...ที่อยู่ในย่านศิลปะ ทำให้การเดินเข้าเดินออกแต่ละทีเพลินตาเพลินใจยิ่งนัก ทั้งความสะอาดสะอ้าน ของห้องนอน เตียงนอน และห้องน้ำ ทั้งพนักงานต้อนรับ ที่ดูวัยรุ่น หนุ่มสาว พูดภาษาอังกฤษได้ และกุลีกุจอช่วยเหลือดี และทั้งฟังก์ชั่นของการเป็นโฮสเตล นั่นคือมีห้องครัวให้ทำกับข้าวนิดๆหน่อยๆ ห้องน้ำ สวน และเครื่องซักผ้าบริการ ข้อเสียอย่างเดียวในความรู้สึกของเราก็คือมันเดินไกลจากสถานีรถใต้ดินไปนิสสสส...
ห้องนอนในโฮสเตลส่วนใหญ่เป็นห้องนอนรวม ใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่หลายคนเดือดร้อน แต่เราไม่เดือดร้อนอะไร มีแค่ไปลุ้นกันว่าห้องจะมีกี่เตียง จะมีเพื่อนร่วมห้องกี่คน จะขึ้นบันไดชันแค่ไหน เท่านั้น บัตรโฮสเตลที่ถืออยู่ทำให้ได้ราคาคืนละ 55 หยวน ลดจากราคาเต็ม 65 หยวน (ซึ่งก็ถูกเป็นบ้าแล้ว)
ห้องที่เราพักอยู่ชั้นสอง มีสามเตียง เตียงเดี่ยวหนึ่ง เตียงสองชั้นหนึ่ง เพื่อนร่วมห้องเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้ เขาเพิ่งมาทำงานที่เมืองนี้ ก็เลยมาพักที่นี่ระหว่างหาบ้านพัก เราเลยโชคดีมีที่ปรึกษาการท่องเที่ยว ห้องน้ำอยู่ห่างจากประตูไปสามก้าว สะอาดและใหม่ มีคนทำความสะอาดทุกวัน แถมข้ามถนนไปยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตให้ซื้ออะไรกินอีก สะดวกสบายในราคาแค่นี้ ก็เอาแล้วนะ ชิมิ
ย่านตงเมิน ถนนคนเดินที่เป็นย่านท่องเที่ยวและช็อปปิ้งสำคัญของเขา ยังไงก็ต้องแวะไปชมดูเสียหน่อย บรรยากาศตอนหัวค่ำสนุกและพลุกพล่านดี แต่สินค้าส่วนใหญ่ รวมไปถึงวัยรุ่นและผู้คนที่เดินผ่านไปมา ก็ไม่แตกต่างจากบ้านเรา เดินไปเวียนหัวก็ยึดเก้าอี้ที่วางไปตลอดเส้นถนนให้พัก
ส่งถุง ขายถุง ให้แม่ค้า
ช็อปจนหลับ
บรรยากาศละแวกถนนคนเดินยามหัวค่ำ
หมู่บ้านศิลปะ
นี่เป็นหมู่บ้านที่ขายภาพศิลปะ นั่งรถเมล์ไปจากใจกลางเมืองไม่ไกลเท่าไร อารมณ์เหมือนนั่งออกจากตัวเมืองไปรังสิต แต่พี่คนขับให้ความรู้สึกเหมือนคนขับรถ บขส.สีส้ม (ไม่ติดแอร์) มาก ทั้งความซิ่ง ทั้งการพูดการจา ทั้งการแต่งตัว
โฉมหน้าอาตี๋ คนขับรถ
จักรยานขนที่นอน ขี่อยู่บนถนนใหญ่ (หน้ารถเมล์คันที่อาตี๋ขับ) โดนบีบแตรไล่ยังไงก็ปั่นมันไปเท่าเดิม รถเมล์แซงไม่ได้เพราะที่นอนกว้างมิใช่น้อย คนขับหงุดหงิด ผู้โดยสารแอบฮา
จริงๆที่นี่ไม่น่าจะเรียกหมู่บ้านหรอก ดูแล้วเหมือนเป็นย่านมากกว่า เพราะสิ่งที่ประกอบรวมกันไม่ใช่บ้านเป็นหลังๆ แต่เป็นห้องแถวซ้อนๆกันสักสามสี่แถว (ประมาณสวนมะลิหรือชุมชนแถวโรงพยาบาลกลาง) แทบทุกคูหาขายภาพเขียน หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ประเภทใส่กรอบ ขายสี อะไรทำนองนั้น แม้ว่าภาพจะเป็นภาพก๊อปปี้ (ลอกเลียนภาพดังๆของศิลปินดังๆตามสั่ง อันเป็นธรรมดาของธุรกิจในจีน) แต่ก็ยังคงต้องใช้ฝีมืออยู่ดี หรือไม่จริง
นานาสารพัดภาพ ทั้งวาดเอง ลอกแบบ ลายเส้น สีน้ำมัน สีน้ำ สีอะคริลิก เลือกได้ตามชอบใจ
บรรยากาศในลานนั่งเล่น มียกพื้นที่จัดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเล่น ท่ามกลางประติมากรรมบรรเลงเพลง
เดินๆไปเจอศิลปินกำลังทำงาน วาดภาพล้อให้ลูกค้าใกล้เสร็จพอดี เลยขอสวมวิญญาณนักข่าว แอบพาตัวเข้าไปผสมโรงกับจีนมุงแถวนั้น ถึงจะเตี้ยและแทรกไม่เก่งเท่าอาหมายอาตี๋แถวนั้น แต่ก็พอได้ภาพมาให้เห็นฝีมือคนวาดละนะ (แม้จะไม่เห็นหน้าก็เถอะ)
คราวหน้าจะพาไปดูสุดยอดความประทับใจที่ทำให้เราแอบโหวตให้เซินเจิ้นเป็นเมืองที่ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใน...อืมม์ ในอะไรดี
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2552 16:53:42 น. |
Counter : 1519 Pageviews. |
|
|
|