เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ
กวางเจาที่เรารัก

ใกล้สิ้นปี คนอื่นปั่นงาน ข้าพเจ้าขอเก็บงาน ปั่นการเล่าทริปเก่าให้เสร็จ (จะได้เปิดหน้าทริปใหม่รับปีใหม่ ฮี่) สุดท้ายของทริปจีนคือ เมืองกวางเจา นี่แล คิดว่าคงจะมีแค่สองตอน คือกวางเจากับเกาะชาเมี่ยน ฉะนั้น เริ่มกันเลย

จริงๆ กวางเจาของคนไทย หรือกวางโจวของคนจีน เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งสวน ทั้งภูเขา ทั้งพิพิธภัณฑ์ ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง การเดินทางก็สะดวกง่ายดายด้วยรถไฟใต้ดินหลายสาย ให้เล่าจริงๆก็คงไถลเถลือกไปได้หลายตอนอยู่ แต่เนื่องจากคนเล่าชักใจร้อน เลยขอข้ามไปแบบรวบรัด

เริ่มต้นจากความสดใสสดชื่นอย่างสถานที่ธรรมชาติอย่างภูเขา สวน ก็แล้วกัน








ไป่หยุนชาน (ภูเมฆขาว) เป็นยอดเขาสวย ออกไปจากตัวเมืองพอสมควร แต่ไปไม่ยากเลย จากเชิงเขา นั่งรถเคเบิลขึ้นไปไม่นานก็ถึง หรือใครอยากเดินขึ้นก็ได้ (แต่ขอกระซิบว่าแค่เดินลงก็แทบอ้วกแล้วนา) เราเลือกนั่งรถกระเช้าขึ้น จากนั้นจึงค่อยเดินดูอะไรต่ออะไรลงมาเรื่อยๆ ทิวทัศน์ข้างบนสวยดี สวน ตึก กรงนก วัด และสิ่งก่อสร้างที่มีให้ชมดูบนเขาก็เยอะอยู่ ไปแต่เช้าอากาศเย็นสดชื่น เดินสบาย

ลงมาถึงเชิงเขา ถ้ายังไม่เหนื่อยไม่เมื่อย ก็มีตลาดให้ชมและช็อปของที่ระลึกต่ออีกเล็กน้อย แต่เท่าที่เดินวนๆดู ไม่เห็นอะไรเตะตาเท่าไหร่ เลยซื้อแต่ของกิน (ฮา) เตรียมไปตุนเพราะกะจะเดินอีกยาว

สำหรับคนที่มีเวลาว่างๆ ถ้าไม่ขี้เกียจ แนะนำเดินเลาะตามถนนไปเรื่อยๆจะเจอสวนสวยและทะเลสาบแสนสงบ พอดีตอนนั่งรถเมล์ขามา เห็นดอกไม้สวยยาวตลอดถนน เลยหมายตาเอาไว้ ตั้งใจจะย้อนกลับไปดู แต่ไม่รู้จะขึ้นรถเมล์สายไหนดี เลยใช้วิธีเดินเอา เรียกได้ว่าไม่ประมาณตัวเอง เพราะปรากฏว่าเดินกันลิ้นห้อย กว่าจะเจอ






ทัศนียภาพส่วนหนึ่งของสวนริมถนนที่สวยมาก จริงไหม


พอเจอแล้ว ถ่ายรูปแล้ว ยังหาทางกลับไม่ถูก ก็เลยเดินต่อไปเรื่อยๆ ถนนสายนั้นก็ช่างกระไร มีอะไรสวยๆให้เดินดูได้เรื่อยๆ เหนื่อยก็มีศาลาให้นั่งพักตลอดทาง เนื่องจากอากาศดี ไม่มีแดด เลยเดินสบาย ไม่มีอะไรให้บ่น เป็นวันหนึ่งที่ประทับใจทีเดียว

นอกจากสวนสวยนี้แล้ว ยังมี สวยสาธารณะเหย่ซิ่ว ประจำเมืองที่มีแพะห้าตัวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซึ่งใครๆก็ไม่อยากพลาด สามารถไปได้ด้วยรถไฟใต้ดิน นอกจากแพะผู้โด่งดัง ในสวนสาธารณะประจำเมืองก็มีพิพิธภัณฑ์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะด้วย ถ้ามีเวลาก็ลองแวะเข้าไปชมดู แต่เช็ควันเวลาเปิดปิดให้ดีด้วย เผื่อไม่ให้แห้วรับประทานจ้ะ


เก้าอี้และโคมไฟในสวน


มุมหนึ่งของแพะผู้โด่งดัง




อาคารภายนอกและหลังคาพิพิธภัณฑ์ในสวนเหย่ซิ่ว


เมื่อว่าด้วยพิพิธภัณฑ์ในสวนแล้ว ก็มาต่อด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญในเมืองกันเลยก็แล้วกัน

แม้จะไม่ได้เข้าพิพิธภัณฑ์กวางโจว (ดันไปวันที่มันปิดอ่ะ) แต่ก็นั่งรถเมล์ตุ้งแช่ ไปแบบดุ่ยๆ (เพราะอ่านไม่ออกและพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง 55) จนไปเจอพิพิธภัณฑ์ของ ดร.ซุนยัดเซ็น อยู่หลังสวนเหย่ซิ่ว อลังการใหญ่โต แต่เนื่องจากแวะบ้านของท่านที่เซี่ยงไฮ้มาแล้ว อันนี้ก็ขอไปแบบผ่านๆ


โคมแดงและดอกไม้ในเขตบ้าน


โบราณสถานในเมืองกวางเจาอีกแห่งหนึ่งที่น่าแวะชมก็คือ บ้านตระกูลเฉิน ที่นี่มีมุมสวยๆหลายมุม ทั้งในบ้านนอกบ้าน แต่มีบางห้องก้ห้ามถ่ายภาพ ต้องดูป้ายดีๆ ในห้องขายของที่ระลึกมีช่างทำตราประทับสีแดงๆให้ด้วย เผื่อใครสนใจ


หลังคากำลังซ่อมแซมใหม่




กระจกสีฟ้าสวย ถ่ายจากในห้องหนึ่งออกมา


สำหรับวัดวาอาราม มีมากมายหลายแห่ง อาทิ ลิ่วหรงลู่ สามารถเดินลัดเลาะไปมาหากันได้ หรือใครจะนั่งสามล้อก็ยังได้ แต่เนื่องจากข้าพเจ้าสับสนอลหม่านกับการตั้งชื่อ ก็เลยขออนุญาตเอามารวมๆให้ดูโดยไม่บอกว่าที่ไหนเป็นที่ไหน เพราะอาจจะผิดพลาดได้ ขออภัยด้วยค่ะ






เจดีย์ในดงไม้ ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นลิ่วหรงลู่


หลวงพี่ที่วัดลิ่วหรงลู่เช่นกัน


นอกจากนี้ ยังมีย่านตึกแถวโบราณที่เรียกว่า ฉีโหลว (ถ้าฟังไม่ผิด) เป็นตึกแถวที่มีประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมยาวนาน น่าสนใจ ถ้าใครคิดจะไปเดินช็อปปิ้งอยู่แล้ว เดินไปแถวๆซ่างเซี่ยจิ่วก็มีตึกเก่าให้ดูพอเป็นกระษัย ถ้าจะเดินชมอย่างเอาจริงเอาจัง (แบบเรา) ก็ต้องเลาะไปตามตรอกซอกซอย โอกาสหลงมีมาก ทำให้เสียเวลาท่องเที่ยวไปเปล่าๆ แต่ถ้าสนใจหลังไมค์ละกันเนอะ








ตากกันสนุกไปเลย เสียดายลวดลายบนเพดาน


ย่านช็อปปิ้ง
มีถนนคนเดินชื่อ ถนนปักกิ่ง ก็มีของขายเยอะ เดินเพลินๆ บนถนนนี้ เราแวะร้านขายหนังสือ ได้หนังสือภาพสวยๆมาหลายเล่ม (แม้ว่าจะอ่านไม่ออก) ถ้ากระเป๋ามีที่ คงได้หมดตัวกันบ้าง เพราะหนังสือในเมืองจีนค่อนข้างถูก เมื่อเทียบคุณภาพกับราคานะ


รวมมิตรภาพจากถนนปักกิ่ง ราวกับถนนโฆษณาแบรนด์ดังก็ไม่ปาน


แต่โดยส่วนตัว รู้สึกว่าถนนปักกิ่งเดินไม่สนุกเท่า ซ่างเซี่ยจิ่ว มันเป็นตลาดที่ต่อราคากันได้มันมาก แล้วก็กว้างขวาง มีสินค้ามากมาย คิดว่าถ้าจะเดินเอาจริงเอาจัง อาจจะต้องมีครึ่งค่อนวัน แต่เราไม่เน้นช็อปปิ้ง ก็เดินชมบรรยากาศ ซื้อขนมไปนั่งกินตามเก้าอี้ว่างๆ ดูคนเดินไปเดินมา แค่นี้ก็เพลินแล้ว นั่งไปเรื่อยๆก็ได้ยินซาวนด์แทร็กภาษาไทยแทรกมาเป็นระยะ พอให้หายคิดถึงบ้าน


โคมแดง ดูท่าจะมีประจำทุกถนน


รูปปั้นประดับถนน มีมากมายหลายสิบตัว


คนสวมชุดไก่ แต่ไม่รู้ขายอะไร


ส่วนคนที่ชอบซื้อของเยอะๆ มีร้านขายส่งหลายย่านเหมือนกัน เรามีโอกาสแวะไปที่ห้างหนึ่ง ชื่อ OneLink เป็นห้างรวมร้านขายส่ง น่าจะเดินสบาย เพราะติดแอร์เย็นฉ่ำ ถึงพูดจีนไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา เครื่องคิดเลขมีก็กดกันเข้าไป ต่อจนได้ราคาที่พอใจ เห็นมีของหลายอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าหัวใสเอามาขายในเมืองไทย (จริงๆ ข้ามไปฮ่องกงมาเก๊า ก็เจอสินค้าเดียวกันที่ขายแพงกว่าหลายเท่าแล้ว) เรายังได้ของที่ระลึกกระจุกกระจิกติดมือกลับมาเลย ขนาดตั้งใจว่าจะไม่ซื้ออะไรนะเนี่ย




บรรยากาศของตลาดโดยรวมๆ



+++



Create Date : 29 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 17:37:32 น. 0 comments
Counter : 1053 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.