All Blog |
เส้นทางสะสมบุญ ๔-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ หลวงปู่ศรี มหาวีโร โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 9 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:54:01 น.
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ..จ.ร้อยเอ็ด
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ..จ.ร้อยเอ็ด เป็นสุดยอดอลังการ ของจังหวัด ได้รับการบันทึก อยู่ในคำขวัญ จ. ร้อยเอ็ด ดังนี้คือ สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นองค์พระเจดีย์ขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบขององค์พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกกลาง ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบขององค์พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม สูง 6 ชั้น ยอดฉัตรทองคำ มีความกว้าง ยาว และสูง อย่างละ 101 เมตร รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็ก 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่บนยอดภูเขาเขียว แนวเทือกเขาภูพาน สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม องค์พระเจดีย์รวมสูง 109 เมตร ยอดเจดีย์สร้างด้วยทองคำแท้หนัก 72 กิโลกรัม กำแพงยาว 120 กม. คลอบคลุมพื้นที่ วัด ถึง 2,800 ไร่ กำแพงรอบองค์พระมหาเจดีย์ยาว 3,500 เมตร สูง 5 เมตร กำแพงหนา 4 เมตร ห้องน้ำห้องส้วมที่สร้างอยู่ในกำแพง รวมทั้งหมดมี 1,000 ห้อง งบก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ละชั้นของพระมหาเจดีย์ ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ประดิษฐานรูปเหมือนสลักหินทรายของพระคณาจารย์ ปราชญ์อีสานในอดีตและหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโนในจำนวน 101 องค์ รวมทั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานซึ่งเก็บรวบรวมอัฏฐะบริขารของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้ดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์อีกด้วย ชั้นบนสูงสุด เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมยอดทองคำเป็น 109เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์ รายละเอียดในพระเจดีย์ ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปัน โน 101 องค์ ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสม ถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรี เคยบำเพ็ญธรรมมา ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คำนมัสการพระบรมสารีริกธาตุวัดพระมหาเจดีย์ชัยมงคล: วันทามิ พันเต เตติยัง พุทธปะระมะ สารีริกธาตุง สิระสานะมามิ โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:6:43:21 น.
โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:6:44:37 น.
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปัน โน 101 องค์
โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:6:46:36 น.
โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:6:49:02 น.
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
วัดบรรพต คีรี ( วัดภูจ้อก้อ ) หลวงปู่หล้า เขมปฺตโต เป็นชีวิตแห่งสมณะผู้ละวางลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มุ่งสู่ ความหลุดพ้นอย่างจริงจังมั่นคง ท่านเกิดเมื่อ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2454 ที่บ้านกุดสระ อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี ปี พ.ศ.2486 ท่านได้บวชเป็นพระมหานิกายที่วัดบ้านยางมีพระครูคูณเป็นอุปัชฌาย์ พรรษาแรกก็สอบนักธรรมโทได้ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2488 ท่านได้ญัตติเข้าในคณะธรรมยุต ที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ครั้งเป็นพระเทพกวีเป็นอุปัชฌาย์ และให้ท่านไปพำนักฝึกการปฏิบัติกับหลวงปู่บุญมี ชลิตโต ที่วัดโพธิ์ชัย หนองน้ำเค็ม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่ง หลวงปู่บุญมี เคยได้รับการศึกษาอบรม กับท่านพระอาจารย์มั่น และดำเนินปฏิปทาตามพระบุพพาจารย์ อย่างเคร่งครัด เมื่อออกพรรษาปี พ.ศ.2488 แล้ว ท่าน ได้กราบลาหลวงปู่บุญมี เพื่อไปนมัสการ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งมาพำนักที่วัดป่าบ้านหนองผือนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ท่านออกเดินทางด้วยเท้าค่ำไหน ก็ปักกรดจำวัด จนมาถึงวัดหนองผือ ท่านได้ กราบเท้าขอนิสัยกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านก็ได้ กรุณารับ และได้จำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น อยู่หนึ่งพรรษา หลังออกพรรษา ปี พ.ศ.2489 ท่านได้ออกวิเวกกับพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ออกวิเวกไปตามป่าเขา ต่อมาได้มีโอกาสพบท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำบ้านไผ่ และท่านก็เมตตาช่วยเหลืออนุโมทนา ในกิจธุดงค์ด้วยดี เมื่อได้เวลาอันควรพระอาจารย์หล้า เขมปัตโต ก็เดินทางกลับมากราบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ วัดป่าบ้านหนองผือ นาใน อีกครั้ง หนึ่ง และได้อยู่จำพรรษา ที่วัดนีตั้งแต่ พ.ศ. 2489 จน ปี พ.ศ. 2492 พระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ละสังขาร เมื่อถวายเพลิงสรีระหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตแล้ว ท่านจึงติดตามหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ออกวิเวก และมีโอกาส ติดตามหลวงปู่เทสก์ลงไปทางใต้แถบจังหวัด ภูเก็ต-พังงา และจำพรรษาที่ 6 ที่ โคกกลอย พระอาจารย์หล้า ธุดงค์ไปในเกาะภูเก็ต พังงา และจังหวัดตรัง ช่วงระยะหนึ่งจึงกลับมา กรุงเทพฯ พักที่วัดบรมนิวาส 5-6 วันแล้วกลับไปอีสาน จุดหมายคือ วัดบ้านห้วยทราย (หรือวัดวิเวกวัฒนาราม) อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านพำนักอยู่ที่นี่ ท่านได้พำนักร่วมกับ ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน 3 พรรษา ปลายปี พ.ศ.2500 ชาวบ้านบ้านแวงหนองสูงใต้ มากราบนิมนต์ ท่านไปพำนักที่ภูจ้อก้อ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต จึงได้มาพำนักที่ ภูจ้อก้อ หรือวัดบรรพตคีรี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) บ้านแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่บนภูเขา ทิวทัศน์งดงามร่มรื่นมีก้อนหินน้อยใหญ่ เรียงรายงดงาม ศาสนสถานแห่งนี้ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ท่านเป็นผู้นำศรัทธา ในการสร้างเพื่อถวายไว้เป็น ศาสนสมบัติ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ท่านเป็นพระธุดงคกรรมฐานที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ธรรมเทศนา ของท่าน เป็นธรรมะพระป่าที่เข้มข้นตรงไปตรงมา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ในปัจฉิมวัย ท่านอาพาธด้วย โรคาพยาธิ และในที่สุดท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2539 ก่อนมรณภาพ ท่านขอให้้ตั้ง ศพบำเพ็ญกุศล เพียง 3 วัน จากนั้นให้ฌาปนกิจอย่างเรียบง่าย ชีวิตสมณะของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต เป็นชีวิตพระป่า พระธุดงคกรรมฐานที่องอาจ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว แต่นอบน้อมต่อครูอาจารย์ผู้มีพระคุณเป็นที่สุด ชีวิตของท่าน เป็นชีวิตแห่งสมณะผู้ละวางลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มุ่งสู่ ความหลุดพ้นอย่างจริงจังมั่นคง อย่างแท้จริง โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:8:35:08 น.
หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ปัจจุบันหลวงปู่จาม มีอายุ เกือบ ๑๐๒ ปี
เมื่ออายุ ๗ ขวบ ได้บวชเรียนที่วัดหนองแวง บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร โยมพ่อโยมแม่ ได้ยกให้หลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่น ได้ให้บวชเป็นเณร ได้รับชื่อ และการยกย่อง จากครูบาอาจารย์ สายกรรมฐานว่า ท่าน เป็นเณร ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถร ท่านได้ติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เพื่อศึกษาพระวิปัสสนากรรมฐาน ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือเป็นเวลา ๑๕ ปี ท่านเป็นผู้มีกรรม ที่ท่านต้องประสบ อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ท่านต้องลาสิกขา จากสามเณรออกมาอยู่กับบิดามารดา และไม่ได้บวช พร้อมกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ซึ่งเป็นเณรรุ่นพี่ แก่พรรษากว่าไม่กี่เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องด้วยท่านป่วยหนัก ตกบันได และเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ อุจจาระปัสสาวะเองไม่ได้ อยู่หลายปี จนต่อมาได้หายเอง ด้วยบุญบารมีที่ตั้งใจทำความดีมาตลอด และได้รับเมตตา จากครูบาอาจารย์คือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ซึ่งได้เมตตา ส่งยา และมารับบาตร จากท่านซึ่งกำลังป่วยอยู่เสมอ เมื่อท่านหายดีแล้ว อายุ ๒๙ ปี (พ.ศ. ๒๔๘๒) ท่าน จึงได้บวช เป็นพระภิกษุและได้ธุดงค์ไปภาคเหนือ จำพรรษาอยู่วัดเจดีย์หลวง ๓๒ พรรษา จากนั้น ได้ไปปฏิบัติธรรม กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ จึงกลับมาปักกรด จำพรรษาที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม สร้างวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ให้เป็นที่พำนักนั่งวิปัสสนากรรมฐานสืบมา จากประวัติของท่านที่ได้ศึกษามา ท่านได้ดำเนินปฏิปทาเป็นพระโพธิสัตว์เจ้า เป็นนิตยโพธิสัตว์ เพื่อรื้อวัฏฏะให้สัตว์โลกทั้งปวง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามากกว่า ๖๔ พรรษา ของท่าน ท่านได้ตั้งใจเจริญพุทธคุณ ตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า ถือด้วยใจ ปฏิบัติด้วยใจ เจริญพุทธเนต.ติ ด้วยการประพฤติเพื่อความหนักแน่นในธรรม ผู้ถึงพระพุทธเจ้าด้วยหัวใจเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงธรรม ทรงวินัยอยู่ได้ ท่านยึดมั่นตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหลักใหญ่ รวมทั้งคำเทศนาสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทั้งศีลของพระสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ และศีลอภิสมาจาร ๓,๕๐๐ ข้อ แม้ในกุฏิของท่านก็อยู่อย่างสมถะ ท่านไม่เคยขอเงินบริจาค ไม่มีการจำหน่ายวัตถุมงคล ดังนั้น ในวัดป่าวิเวกวัฒนาราม จึงไม่มีตู้รับบริจาค ท่านสอนเสมอว่า ใครทำใครได้ ท่านเน้นให้ทุกคนเร่งสวดมนต์ภาวนา ทำจิตให้สะอาด เกรงกลัวบาปกรรม เพื่อให้ได้ถึงพระนิพพานกันทุกคน สมควรแล้วที่พวกเราชาวพุทธ จะได้ยึดถือการปฏิบัติธรรมของท่านเป็นแบบอย่าง เพื่อให้เกิดความเจริญในธรรมต่อไป โดย: ไอยรินมาทวงถาม วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:8:42:12 น.
|
ไอยริน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog |