รักเด็กตาหวาน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

Diary ของ มิว . Part II

15 มกราคม 2008


ตื่นแต่เช้าออกไปวิ่ง กลับมาอาบน้ำกินข้าวเช้า รู้สึกสดชื่นขึ้น อารมณ์ดี ที่สำคัญเขียนเพลงสุดท้ายสำหรับคอนเสริตเดือนหน้าเสร็จเสียที

Libเพลงลงไอพอด จะเอาไปให้เพื่อนๆ น้องๆ ในวงลองซ้อมดู เปิดประตูบ้านก็เจอหญิงพอดี ยิ้มให้กันรับเช้าวันใหม่ หญิงถามไถ่อาการป่วยของเรา เบ่งกล้ามแห้งๆให้ดู หญิงขำบอกสงสัยยาจะทำให้เราเพี้ยนไป

เดินไปรอรถเมล์พร้อมหญิง ระหว่างทางโต้งโทรเข้ามา ถามว่าเราเป็นไงบ้าง ก็ตอบไปว่าดี คุยกันเรื่องวิชาภาษาไทยที่ อาการหนักทั้ง เรา หญิง และโต้ง หญิงแนะว่าถ้าว่างน่าจะนัดติดด้วยกัน จะลองคิดดู เพราะเกรดแต่ละคนก็ไม่เกินมีน เท่าไหร่

ส่งหญิงขึ้นรถไปก่อน คุยกับโต้งต่อ แนะให้โต้งดู 2046 แต่ท่าทางโต้งจะไม่ชอบ คราวที่แล้วก็ชวนดู หนังแอคชั่น รถมาพอดี กำลังจะก้าวขึ้นรถ มอเตอร์ไซค์ แฉลบมาจากไหนไม่รู้ เฉี่ยวเราล้มลงไปกระแทกกับฟุตบาท หน้าแข้งเลือดไหลเป็นทางจนเราเองก็ตกใจ ขาสั่น ควานหามือถือที่หลุดมือไป ซวยจริงๆ มือถือแตกกระจายเป็น 3 ส่วน โชคดีอาเฮีย พี่ชายหญิงขับรถกลับมาจากตลาด ม๊าหญิงโวยวาย ตกใจ จนเราก็ตกใจกว่าเดิมไปด้วย อาศัยรถบ้านหญิงไปหาหมอที่คลีนิคใกล้ หมอมองหน้าเราแล้วขำ แกคงคิดในใจ เรานี่ท่าจะอยากเป็นลูกค้าประจำ เมื่อวันก่อนก็เป็นหวัด วันนี้โดนรถเฉี่ยว

โทรหาป้าอรให้มาช่วยพากลับบ้าน เอ็กซเรย์แล้วกระดูกไม่แตก แค่เป็นแผลลึก ต้องเย็บ 10 เข็มพักอีก 2 – 3 วันก็ออกไปวิ่งเล่นได้ เจ็บชิบหมอให้เย็บสดด้วย แผลจะได้หายเร็ว

ได้ป้าอรประคองมาถึงบ้าน กำลังจะเปิดประตู มือใครคนนึง ประคองไหล่เราไว้แทนป้าอร โต้ง โต้งได้ยินเสียงเราร้องตอนโดนเฉี่ยว ตกใจเลยรีบมาดู กำลังจะถามว่าไม่ไปโรงเรียนเหรอ ปลายตาก็เห็นน้านีย์ กำลังจอดรถอยู่ข้างๆซอย ใจเราหายวาบ น้านีย์จะหาว่าสำออยเรียกโต้งมาหารึเปล่าเนี่ย เราไม่กล้าสบตาโต้ง ได้แต่ปล่อยให้โต้งประคองเราที่ขากระเผลกเข้าบ้าน น้านีย์ตามเข้ามาไม่นาน

ป้าอรไปเอาน้ำมาให้เรากินยา โต้งถามอาการเราซ้ำอีกที ก็บอกไปว่าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลหมอเย็บให้แล้ว น้านีย์ถามเราเบาๆ ว่าจะกินยา กินข้าวแล้วหรือยัง ป้าอรตอบแทนว่า กินโจ๊กแล้ว พร้อมกับยื่นยาสีขาว เหลือง ให้เราสองเม็ด ขมชะมัด

นึกได้ว่าต้องโทรไปลาโรงเรียน กับ บอกพี่อ๊อด โต้งเดินไปหยิบโทรศัพท์มาให้ กลืนน้ำลายไม่ค่อยลง ยาขมมาก
ต่อ
จำได้ไม่ว่า ไอ้แวนพูดอะไร แต่พวกมันจะพากันมาเยี่ยมเย็นนี้ พี่อ๊อดบอกให้ไปทำบุญด่วนที่สุด อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ เราถอนหายใจเสียงดัง โต้งนั่งอยู่ข้างๆ น้านีย์ นั่งอยู่ตรงข้าม ที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อครั้งมาพูดให้เราเลิกคิดเรื่องคบกับโต้งเกินความเป็นเพื่อน ป้าอร ขึ้นไปทำความสะอาดตามปกติ คงเห็นเรามีคนอยู่ด้วย ทั้งที่ตอนนี้เราอยากให้แกอยู่กับเรามากกว่า
บรรยากาศตอนนี้อึดอัดชะมัด ไม่รู้ว่าอาการเจ็บที่ขา กับ อาการหายใจไม่ค่อยออกนี่อย่างไหนทรมานกว่ากัน โต้งมองเราเหมือนอยากจะคุยด้วย แต่ต่อหน้าน้านีย์ เราพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
สุดท้ายเป็นน้านีย์ ที่พูดขึ้นว่า โต้งจะไปเรียนหรือจะอยู่เป็นเพื่อนเราที่นี่ มือเราสั่นจนต้องกุมไว้แน่น แต่หูยังรอฟังคำตอบจากโต้ง ทั้งที่รู้ว่าไม่สมควรแต่เราก็แอบหวัง จนโต้งบอกเบาๆ ว่า ตอนบ่ายอาจารย์ จะเก็บคะแนนครั้งสุดท้ายก่อนสอบไฟนอล เราคิดว่าเก็บอาการได้ดีพอสมควร ก็บอกขอบคุณโต้งกับน้านีย์ที่มาเยี่ยม เรามีป้าอรคอยดูแลอยู่ไม่เป็นไร ได้แต่ยิ้มส่งให้โต้งที่เดินตามน้านีย์ออกไป
โต้งกระซิบเบาๆ ข้างหูเราว่า แล้วจะโทรมาเย็นนี้
ทั้งสองคนออกไปนานแล้ว แต่เรายังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองแผลที่ขา มันเจ็บแต่ก็ยังน้อยกว่าที่หัวใจ ไม่รู้ว่าไอ้แวนกับไอ้เอ็กซ์มาเยี่ยมตอนไหน เพราะหลับตลอด
ปล. ฝากขอบใจอาเฮีย กับ ม๊าหญิงด้วยนะ เราโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่พอล้มปุป รถเฮียหญิงก็เลี้ยวมาพอดี




 

Create Date : 11 มีนาคม 2551
8 comments
Last Update : 11 มีนาคม 2551 23:02:27 น.
Counter : 776 Pageviews.

 

แวะมาอ่านย้อนหลัง ลงบ้านนูนแล้วก้เก็บบ้านนี้เป้นหอสมุดชาติ ด้วยสิครับ อย่างน้อยก็ไม่โดนดันไปไกล


ตามอ่านอยู่นะ แต่อย่าออกแปซิฟิคมากล่ะ บางมุกไม่ค่อยเกต บ้านอยู่หลังเทือกเขาพนมดงรัก พึ่งเข้ากรุงมาไม่กี่ปีเอง


ด้วยรัก
ยอนซานคนเดิม

 

โดย: Yeonsan 21 มีนาคม 2551 1:01:02 น.  

 

16 มกราคม 2008


เอ่อ เอาไงดี เริ่มอย่างนี้ก็แล้วกัน ก็............................................



เมื่อวาน เรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ เริ่มเป็นไข้ตัวร้อนรุมๆ ป้าอรเลยให้รีบกินข้าว มียาแก้อักแสบและอื่นๆ รออยู่อีกหลายขนาด ป๊าโทรมาถามอาการ บอกให้รีบไปทำบุญอีกคนแล้ว จะฝากน้ำมนต์จากวัดที่ระยองมาให้อาบด้วย เริ่มเชื่อแล้วว่าเราคงจะซวยจริงๆ อะไรจะเจ็บตัวได้บ่อยขนาดนี้ โต้งบอกจะโทรมาตอนเย็น นี่ก็จะสองทุ่มแล้ว เราถอนใจอีกเป็นรอบที่ร้อย แค่โทรมาถามข่าวคราวกันสักคำเองนะ น้านีย์ ก็เห็นว่าเราเจ็บจริงไม่ได้คิดจะหาข้ออ้าง เข้าใกล้โต้งสักหน่อย ชักจะแย่ละนายมิว เจ็บตัวแค่นี้ งอแงเป็นเด็กๆ เคยขาหัก แขนเดาะมากกว่านี้ก็อยู่คนเดียวมาได้ จะมาสำออยอะไรเอาตอนนี้

เปิดเผ่นเพลงจีนเก่าๆของอาม่า เล่นเปียโนคลอไปเพลินๆ จู่ๆโต้งก็เปิดประตูบ้านเข้ามา หน้าตาเราคงตลกหน้าดู เห็นโต้งขำมองเราตั้งแต่หัวจดเท้า ชักสงสัย พอก้มมองดูตัวเอง ให้ตายดันใส่เสื้อกลับด้าน โต้งถามว่ากินข้าวกินยาหรือยัง รู้สึกเป็นเด็กลงไปอีก โดนถามคำถามนี้ทั้งวันเลย ความจริงเราอายุน้อยกว่าโต้งแค่ สามเดือนเองนะ ในมือโต้งถือถุงใส่แอ๊ปเปิ้ลกับส้มมาด้วย ดีเลยกำลังอยากินอะไรเล่นๆ


โต้งถามว่าทำไมยังไม่นอน เหลือบมองนาฬิกาจะสามทุ่มครึ่งแล้ว ตาก็ชักจะปิด โต้งจะช่วยประคองเราขึ้นไปบนห้องนอน ก็ดีนะ ขาเดี้ยงแบบนี้ให้ปีนขึ้นไปเองกว่าจะถึงคงหอบ ระหว่างตะเกียกตะกายขึ้นบันได โต้งถามว่าอาบน้ำรึยัง ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้หน้าเราแดงจนร้อน โต้งอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ก็นะ เราก้มหน้าตอบว่าไม่ได้อาบ มีไข้ป้าอรช่วยเช็ดตัวให้ โต้งไม่ว่าอะไร เราเขินทำไมวะ

นั่งคิดอยู่บนเตียงว่าจะกลับด้านเสื้อนอนดีไหม ต่อหน้าโต้งเลยนะ แล้วก็ตัดสินใจใส่มันทั้งอย่างนี้แหละ เพิ่งสังเกตุโต้งสะพายเป้มาด้วย เรามองโต้งไม่ได้ถามแต่ทำหน้าสงสัย โต้งวางเป้ข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือ หันมายิ้มให้เรา บอกว่า จะมาอยู่เป็นเพื่อนสองสามวัน เออ พูดไม่ออกไม่แน่ใจว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ยิ้มออกมา ได้แต่ขอบคุณโต้ง

โต้งอาบน้ำอยู่ เราเลยรีบเขียนไดอารี่ บันทึกความทรงจำนี้ไว้ เพราะคงจะไม่ได้เขียนอีก จนกว่าโต้งจะกลับ

ปล. หน้าหญิงตอนเห็นโต้งที่ห้องเรา ตลกมากเลย แต่เราว่าหน้าเราคงตลกพอกัน

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:00:07 น.  

 

17 มกราคม 2008

ไม่ได้เขียนไดอารี่มาหลายวัน เพราะโต้งมาค้างด้วย จะแอบเขียนก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี สมองมันคิดอะไรไม่ค่อยออก ไว้เขียนทีเดียวดีกว่า

เมื่อวันอังคาร พอหายจากการเป็นหวัด ก็มาซวยโดนรถเฉี่ยวให้เลือกไหลโกรก ต้องเย็บซะสิบเข็ม บังเอิญตอนนั้นคุยกับโต้งอยู่ โต้งเลยมาเยี่ยมเราพร้อมน้านีย์ แล้วยังไงก็ไม่รู้ คืนนั้นโต้งมานอนค้างด้วย
เราคิดถึงน้านีย์ แต่ก็ไม่ได้ถาม ได้แต่พยักหน้ารับรู้ เหมือนโต้งมาค้างกับเราบ่อยๆ

ใจเราค่อยๆเต้นแรงขึ้นๆ โดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ความรู้สึกของเรากับโต้งมันไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่เพื่อนเก่า แต่เป็นคนที่มีใจให้กัน ต้องมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แค่เอื้อมมือถึง มันช่างทรมานและแสนหวานในคราวเดียว

คืนนั้น เราพยายามนอนนิ่ง ๆ ไม่กล้าชวนโต้งคุย โต้งก็นั่งอ่านหนังสือสรุปภาษาไทย อยู่ข้างๆ ฤทธิ์ยาแก้อักแสบบังคับให้ร่างกายเราพักผ่อน เพื่อให้กลไกรักษาตัวเองทำงาน ก่อนจะหลับสนิท เหมือนๆ โต้งจะก้มลงมาหอมแก้มเรา แต่ก็ไม่แน่ใจ คิดไปเองมั้ง

ตื่นแต่เช้าเหมือนเคย ตกใจเรามานอนซบโต้งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย อายชะมัดเลย รีบกระเพลกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว กลัวโต้งจะตื่นขึ้นมาก่อน เจ็บแผลจนต้องกัดฟัน อาบน้ำไม่ไหว ได้แต่เช็ดตัว จนแต่งตัวเสร็จ โต้งก็ยังไม่ตื่น คงอ่านหนังสือดึก ให้นอนไปก่อนละกัน

หยิบหนังสือภาษาไทยที่โต้งอ่านเมื่อคืน มานั่งอ่านที่โต๊ะเขียนหนังสือ ดูผ่านๆ เล่มนี้สรุปดีเหมือนกัน ไปซื้อบ้างดีกว่า จะเจ็ดโมงแล้วโต้งก็ยังไม่ตื่น เราก็บ้ามองคนนอนอยู่นั่นแหละ จนโต้งลืมตาตื่นมาเจอเราจ้องอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง หลบไม่ทัน ได้แต่ยิ้ม รีบหันมาอ่านหนังสือแก้เขิน ไอ้บ้ามิว

โต้งมองเราที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านเรียบร้อย ถามขึ้นว่าทำไมไม่ปลุก เราตอบทั้งที่ยังหันหลังให้ ก็เกรงใจ ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆเอง ได้ยินเสียงโต้งลุกขึ้น ก่อนออกจากห้อง โต้งบอกว่า ก็ถ้างั้นจะมาค้างด้วยทำไม

ป้าอรเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้ามาถามว่าเราจะกินข้าวเลยไหม บอกแกว่าโต้งมาค้างด้วย ให้ทำเผื่อ ป้าอรยิ้ม บอกดีที่เรามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนตอนเจ็บ น้ำตาปริ่มๆเจียนจะหยด แต่เรากระพริบตากันไว้ โต้งอุตส่าห์เป็นห่วง แต่เรากลับคิดอะไรทำอะไรงี่เง่า จนโต้งรู้สึก

คิดจะขอให้โต้งช่วยพาลงมาชั้นล่าง แต่ป้าอรยกอาหารเช้าขึ้นมาบนห้อง เลยกินก่อน สายๆ ค่อยตะกายลงไป โต้งฉีกปลาท่องโก๋เป็นชิ้นๆ ใส่ชามเรา เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ที่เราชอบกินโจ๊กแบบใส่ปาท่องโก๋พูนชาม ขอบคุณนะที่ยังจำเรื่องเล็กๆ อย่างนี้ได้ เราก้มหน้ากินโจ๊ก ไม่สนใจคนที่นั่งกินด้วย จนโต้งทักขึ้น ว่าเราเจ็บแผลหรือเปล่า เราพยักหน้ารับแทนคำตอบ โจ๊กกับปาท่องโก๋ วันนี้มันอร่อยเป็นพิเศษ

เกือบเจ็ดโมงครึ่ง ได้ยินเสียงหญิงทักป้าอรก่อนวิ่งขึ้นมา หญิงอ้าปากค้างตอนเห็นโต้งในห้องเรา โต้งแซวว่า หญิงจะมายืมดิคเหรอ ทำให้พวกเราขำ คลายความอึดอัดในห้องไปได้ทันที หญิงเดินเข้ามาดุแผลที่ขาเรา ถามโน่นถามนี่ แต่เรารู้หรอกหญิงอยากถามเรื่องคนที่นั่งอยู่ข้างเรามากกว่า สุดท้ายก็มาจบที่วิชาภาษาไทย บอกหญิงว่าหนังสือโต้งดีมากเลย เย็นนี้หญิงจะแวะสยาม ฝากซื้อมาด้วยสองเล่ม เผื่อไอ้เอ็กซ์ด้วย

โต้งมีเรียนตอนบ่าย เราเลยขอให้ช่วยพาลงมาข้างล่าง แต่โต้งอยากให้เราพักอยุ่บนห้องมากกว่า เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกันตอนโต ที่เราสองคนเถียงกัน สุดท้ายเราก็ชนะ เพราะเราเป็นคนป่วย การอยู่กับโต้งเกือบทั้งวัน เหมือนย้อนเวลากลับไปตอนเด็ก ก่อนที่โต้งจะย้ายบ้าน ป้าอรมาช่วยเช็ดทำความสะอาดแผลให้ เราไม่กล้าดู เจ็บมากตอนเช็ดแอลกอฮอล์ โต้งมายืนให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ ป้าอรไม่ให้ช่วยเพราะกลัวจะทำเราเจ็บกว่าเดิม เลยจำได้เมื่อตอนเป็นเด็กเราเคยหกล้ม แต่ไม่อยากให้อาม่ารู้ โต้งมาช่วยทำแผล ยังไงก็ไม่รู้ ทำเอาเราไข้ขึ้น ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะแผลอักแสบ ช่วยให้เราเจ็บตัวหนักขึ้น

ไอ้แวนโทรเข้ามาว่าจะแวะมาเยี่ยมตอนเย็น ก่อนไปซ้อม คงมากันทั้งวง พี่อ๊อด โทรมาบอกเพลงที่เราส่งไปไม่ผ่าน แกอยากให้เพิ่มความรื่นเริงเข้าไปในเพลง ยังไงวะ ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องเอากลับมาแก้อยู่ดี

มีต่อ

นั่งแก้เพลงจนเย็น ก็ยังไม่รู้จะใส่ความรื่นเริงเข้าไปในเพลงได้ยังไง ไอ้เอ็กซ์ ไอ้ต่อ ไอ้แวน น้องปิงปอง น้องแมค น้องอาร์ม ขนขบวนมาเยี่ยม พร้อมขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่ มาเยี่ยมคนป่วยนะไอ้พวกนี้นี่ แต่เราก็ร่วมกินกับพวกมัน จนเกือบทุ่ม โต้งกลับมา ไม่มีใครตกใจ เพราะเราบอกทุกคนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว ไม่อยากให้โต้งโดนล้อ ไอ้พวกนี้ก็ปากหมาใช่ย่อย กว่าจะยกขบวนกันไปซ้อมได้ พี่เดียวโทรมาด่าเป็นรอบที่สิบละมั้ง ไอ้แวนมองโต้ง แล้วยักคิ้วให้เราก่อนออกไป ไอ้บ้า

ป้าอรไล่ทั้งเราและโต้งให้รีบอาบน้ำ อากาศเมื่อวานเย็นอยู่เหมือนกัน เราก็ยังไม่ได้รับอนุญาติให้อาบน้ำ ได้แต่เช็ดตัว คราวนี้เราไม่ดื้อ ยอมให้โต้งช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า อายก็อายแต่พยายามคิด ผู้ชายเหมือนกัน โต้งไม่พูดหรือแสดงสีหน้าอะไร ช่วยเราได้เยอะ ระหว่างรอโต้งอาบน้ำ เราเอาเนื้อเพลงมาดูอีกรอบ จู่เราก็นึกถึงหน้าโต้งเมื่อเช้า เรายิ้มกับตัวเอง ฉีกเนื้อเพลงทิ้ง หยิบโน๊ตเปล่ามาเขียนใหม่ทั้งหมด

เช้าวันใหม่

เพียงลืมตาเมื่อพบกับวันใหม่
ที่ดูสดใสและสวยงามกว่า
ได้ยินเสียงนกน้อยร้องทักทาย
ถามว่าวันนี้ทำไมถึงดูดีแปลกตา

จึงบอกว่าเช้าทุกเช้าของวันหนึ่งวันถ้าเราเป็นความหวัง
ให้ใจมีพลัง ทุกอย่างจะดีขึ้นมากมาย

ฮู้วววว
ในยามเช้าเริ่มวันให้ดีทั้งใจกาย
ทุกทางที่เราไปจะพบสิ่งไหนก็สวยงาม

ไม่ว่าจะท้องฟ้า ต้นไม้ สายลมบางเบา
แดดยามเช้าวันแสนอุ่น
โลกที่หมุนให้เราไปพบไปเจอ

กับวันนี้ที่สดใสอะไรก็สวยงาม
ช้าดาด้า ดาดาดา
ออกมาพบเรื่องราวสุขสันต์ด้วยกันในวันใหม่

เธอรู้ไหมเช้าทุกเช้าในวันหนึ่งวันที่ฉันมีความหวังเพราะเธอคือพลัง
ให้ฉันนั้นได้ก้าวไป

เพียงเธอยิ้ม(เพียงเธอยิ้ม)โลกก็งามขึ้นทันใด
เมื่อเห็นก็เข้าใจว่าความสุขนั้นก็คือ

ทุกครั้งที่เธอยิ้ม เธอหัวเราะหรือว่าร้องเพลง
แค่ตรงนี้มีเธออยู่ โลกจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนถึงเมื่อไร
ไม่ว่าจะทุกข์สุขสันต์กันอีกเท่าไร
แค่ตรงนี้มีเธอใกล้อยู่ในเช้าวันใหม่ของเธอกับฉันเท่านั้นพอ

ทุกครั้งที่เธอยิ้ม เธอหัวเราะหรือว่าร้องเพลง
แค่ตรงนี้มีเธออยู่ โลกจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนถึงเมื่อไร
ไม่ว่าจะทุกข์สุขสันต์กันอีกเท่าไร
ขอตรงนี้มีเธอใกล้อยู่ในเช้าวันใหม่แค่เธอกับฉัน

ในยามเช้าที่สดใส ชาดาด้าดา แค่ตรงนี้มีเธออยู่
แค่ตรงนี้มีเธอกับฉันด้วยกัน
ในยามเช้าที่สดใส ชาดาด้าดา ขอตรงนี้มีเธอใกล้
อยู่ในเช้าวันใหม่ของเธอกับฉันเท่านั้นพอ

เรากับหญิงเพิ่งส่งโต้งขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ม๊าหญิงท่าจะชอบโต้งมาก ยัดเยียดขนมเปี๊ยะให้ตั้งสองกล่อง แกบอกถ้ามีลูกชายหน้าตาน่ารักอย่างนี้รักตายเลย เฮียหญิงก็แซวเราใหญ่ ว่าเดี๋ยวนี้ริพาแฟนมาค้าง เราทำหน้าไม่ถูก ดีที่แกไม่ได้พูดต่อหน้าโต้ง หรือ คนอื่นๆ

ปล. เริ่มเห็นด้วยกับหญิงแล้วว่า เฮียแกปากหมาจริงๆ

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:01:08 น.  

 

18 มกราคม 2008

แผลที่ขาเริ่มตกสะเก็ด หมอบอกยอมเจ็บตัวเย็บสด ก็หายเร็วอย่างนี้แหละ โต้งกลับไปเมื่อวานตอนเย็น เพราะเราแอบได้ยินโต้งคุยโทรศัพท์กับน้านีย์ บอกว่าอาการเรายังไม่ค่อยดี ต้องนอนอยู่บนห้องตลอดเวลา ขำหน้าโต้งตอนโกหกแม่ แต่ก็เจ็บจี๊ดในใจ ถ้าต้องโกหกเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน สู้ไม่ต้องเจอหน้ากันเลยดีกว่าไหม แล้วเราก็บอกโต้งไปตรงๆ เรารู้โต้งเป็นห่วง แต่อย่าให้น้านีย์มารู้ทีหลังเลยนะ
โต้งยอมกลับไปโดยดี แลกกับ

อืม จูบครั้งที่สองนี่ ทำเอาเราไม่อยากให้โต้งกลับเลย ดีที่เรียกสติกลับมาได้ทัน ถ้าเราไม่หยุดก็ไม่รู้ว่าโต้งจะหยุดก่อนไหม เขินจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ตอนโต้งลุกไปเก็บของ หูเราก็ดันได้ยินโต้งพูดกับตัวเองเบาๆว่า ทำไมไม่ขาหักนะ โต้งบ้า แช่งเรานะเนี่ยแค่นี้ก็เจ็บจะตาย แค่สองวันสองคืนที่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็มีความสุขมากพอแล้ว

ไอ้แวนมาถึงตอนสองทุ่ม วันนี้ได้พัก มันเลยจะมาต่อเพลงกับเรา ไอ้เอ็กซ์กับไอ้ต่อจะตามมาดึกๆ พวกมันคงเตรียมมาค้างเสาร์อาทิตย์เลย มาถึงไอ้แวนก็สอดสายตาหาโต้ง เราบอกกลับไปตั้งแต่ตอนเย็น ไอ้แวนบ่นเสียดาย อยากเห็นเราอ้อนโต้งอีก อยากกระโดดถีบมัน ดีที่ขาเจ็บ บ้าดิมึง กูไปอ้อนเมื่อไหร่วะ มันยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ

ห้าทุ่มไอ้เอ็กซ์กับไอ้ต่อมาถึง ไอ้แวนรีบเสนอหน้ารายงานว่า โต้งกลับไปแล้ว ไอ้เอ็กซ์ทำหน้าผิดหวังมาก เดินมาตบไหล่เรา บอกว่า ทีหลังมึงจะออเซาะกันขอร้อง เกรงๆใจพวกกูหน่อย เราเถียงว่าไม่ได้ทำ พวกมันสามตัวก็ยิ้มแบบมีเลศนัย อะไรเนี่ย หรือเราจะอ้อนโต้งจริงๆ

มานั่งนึกว่าทำอะไรไปวะ ก็ขาเจ็บจะให้เดินไปหยิบอะไรๆเองได้ไง แล้วเราก็เปิดถุงขนมไม่ออกโต้งนั่งใกล้เราที่สุด อากาศเมื่อวานหนาวเลยให้โต้งขึ้นไปเอาเสื้อมาให้ นี่เรียกว่าอ้อนเหรอ เราก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนี่ ป้าอรมาช่วยเช็ดตัวให้ เลยถามว่าเราขี้อ้อนเหรอ ป้าอรยิ้ม พยักหน้า แกบอกยิ่งเวลาไม่สบาย ถ้ามีคนมาดูแลยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง เพิ่งรู้นะเนี่ย โต้งก็ไม่เห็นบ่นอะไร คงเกรงใจคนเจ็บ รู้สึกเป็นเด็กชะมัด


ไอ้สามตัวขนที่นอนไปปูเอง ชำนาญมาก เพราะมาบ่อย ขาเรายังขัดๆ แต่ก็เดินเองได้ คิดถึงโต้ง ถ้ายังอยู่เราคงอ้อนให้ประคองขึ้นบันไดอีก จดไว้ตัวใหญ่ๆ เลิกอ้อนได้แล้ว โตซะทีนายมิว

พรุ่งนี้ต้องซ้อมหนัก อู้มาหลายวัน พักผ่อน


ปล. เก็บเงินค่าหนังสือจากไอ้เอ็กซ์เพิ่มอีก 50 บาทโทษฐานพูดมาก หญิงเอาไปซื้อขนมกินนะ

เราว่าโต้งหอมแก้มเราก่อนนอนจริงๆนะ คืนแรกไม่แน่ใจ แต่คืนที่สองนี่ชัวร์ๆเลย บ้าว่ะมิว ยิ้มคนเดียวก็ได้ ไอ้สามตัวมันมองมาอีกแล้ว เออ กูจะยิ้มพวกมึงจะทำไม

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:02:41 น.  

 

19 มกราคม 2008

อีกไม่ถึงครึ่งเดือนพวกเราออกัสจะมีคอนเสิรตใหญ่ พี่อ๊อดแวะมาดูเราที่บ้านแต่เช้า ยังไม่ได้อาบน้ำกันเลยทั้งสี่คน แกมองเราตั้งแต่หัวจดเท้า ตบหัวเราเบาๆบอกขำๆว่า มิวเอ๊ย ไปเหยียบตาปลาใครเข้ารึเปล่าวะ ซวยโคตรๆเลย แล้วแกก็ต้อนพวกเราขึ้นรถไปซ้อม หลังจากให้เวลาอาบน้ำรวมกัน 5 นาทีถ้วน ไอ้สามตัวอาบรวมกัน เราเช็ดตัว เหนื่อยแทบตาย

ซ้อมทั้งวัน เหนื่อยมาก เราได้อภิสิทธิ พักมากกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้พักเท่าไหร่ ใครต่อใครเดินเข้ามาถาม
โน่นถามนี่ทั้งวัน เพิ่งรู้ตัวว่าคิดถึงบรรยากาศการซ้อมมากแค่ไหน ตอนบ่ายสอง พี่เดียวเอามือถือเครื่องใหม่มาให้เบอร์เดิม หักไปจากค่าตัวเรา จนชิบ พอเปิดเครื่อง ไอ้เอ็กซ์ก็โทรเข้ามา หันไปมอง มันยักคิ้วให้ บอกเจิมเครื่อง ทุกคนในวงก็เลยโทรเข้ามาเจิมเครื่องอย่างสนุกสนาน ปิงปองส่งรูปมาให้แอดเพิ่มด้วย สุดท้ายส่ง SMS ให้โต้งกับหญิง ว่ามือถือใช้ได้แล้ว ซ้อมต่อ

เพลงที่พี่อ๊อดให้เราแก้ ออดิชั่นผ่านฉลุยไม่น่าเชื่อ ได้รับคำชมมหาศาล ไอ้แวนมีแซว ถ้าขาหักเราคงแต่งได้ทั้งอัลบั้ม เออไว้คราวมึงนะ พี่เดียวเดินมาบอกเรื่องสำคัญ พรุ่งนี้จะไปถ่ายมิวสิควิดีโอ”เพลงกันและกัน” ที่สยาม ทุกคนมองขาเราเป็นตาเดียว พี่อ๊อดถามว่าไหวไหม เราพยักหน้าตอบ ไหวครับ แกยิ้ม แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แกหันมาบอกพวกเราว่า ทุกคนห้ามเจ็บห้ามตายจนกว่าจะถึงวันคอนเสริต เข้าใจไหม ฮามาก ซ้อมต่อจนลืมเวลา ทุ่มนึงแล้ว หยุดพักกินข้าวเย็น ความจริงเป็นเบอร์เกอร์คิง เออ เพิ่งรู้มีบริการส่งถึงบ้านด้วย

โทรหาโต้งบอกว่าสบายดีแล้ว ซ้อมหนัก ไม่ได้บอกโต้งเรื่องมิวสิควีดีโอ ให้เห็นเองจะได้เซอรไพรส์ กลับไปซ้อมต่อจนสี่ทุ่ม รถตู้มาส่งถึงหน้าบ้าน อยากอาบน้ำแต่เหนื่อยมาก ป้าอรช่วยเช็ดตัวให้ ดูแผลแล้วพรุ่งนี้คงอาบน้ำได้ แค่เลี่ยงๆ หน่อย ไอ้ต่อกับไอ้เอ็กซ์ซักแห้ง

ปล. ได้แค่โบกมือให้หญิงทางหน้าต่าง อยากไปคุยด้วยนะ แต่เหนื่อยจริงๆ

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:44:13 น.  

 

20 มกราคม 2008

ไปถึงสยามตอนตีสี่ แต่งหน้าไปสองชั่วโมง ทุกคนในวงมองหน้ากันไปมา เพราะหน้าตาก็ออกมาเหมือนเดิม เอ็มตั้งข้อสังเกตุ พวกเราคงแต่งเต็มที่ได้แค่นี้ อยากจะขำแต่ก็เศร้า เออว่ะ มองกระจกแล้วปลง ลูกคนจีนแท้ๆ ทำไมดำจังวะ หน้าตาก็ตลก มิน่าคนมองกันเต็มเลย ไอ้แวนเดินมามองหน้าเรา บอกว่าแต่งหน้าแล้วเราหล่อดี มันคงปลอบใจ คนเริ่มมุงมากขึ้น จนพี่เดียวต้องเข้ามากันพวกเราไปที่เซ็ท

ได้บทเป็นพระเอกมิวสิค ต้องเดินไปเดินมา ลิปซิงค์เพลงตัวเอง ทำตาซึ้งๆ เดินๆ หยุด ๆ มองไปที่ร้านโน้นร้านนี้ พี่อ๊อดสั่งให้จินตนาการว่า กำลังร้องเพลงให้คนรักฟัง อืม ทำไม่ได้ว่ะ ล่อไปยี่สิบเทค พี่อ๊อดสั่งคัท พักกองครึ่งชั่วโมง เครียดทำไงดีวะ ไอ้เอ็กซ์ หยิบมือถือเรามาส่งให้ บอกให้โทรหาโต้ง คิดอยู่เกือบสิบนาที โทรดีไหมวะ หันไปมองพี่อ๊อดกับพี่เดียว แกทำตาเขียวใส่เรา เลยรีบกดเบอร์โต้ง ขอให้พูดอะไรหวานๆหน่อย โต้งคงงง ถามว่าเราไม่สบายหรือเปล่า เรายิ้มกับความเปิ่นของตัวเอง บอกโต้งว่า ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากได้ยินเสียง โต้งจะคุยต่อแต่พี่เดียวเดินหน้าเหี้ยมมาหา เราเลยรีบวาง

สิบห้านาที ต่อมา นายมิวก็กลายเป็นพระเอก เดินทำซึ้งไปทั่วสยาม อายมากแต่งานจะมาเสียเพราะเราคนเดียวไม่ได้ กว่าจะถ่ายจบก็สี่โมงเย็น เพื่อนๆเข้ามาให้กำลังใจ ปิงปองชมว่าเราเล่นเก่งมาก ไอ้แวนยื่นกาแฟเย็นสตาร์บัคให้ เพิ่งคิดได้ ถ่ายเราคนเดียวแล้วคนอื่นในวงทำอะไรกันวะ อ้อพวกมันไปดูหนังกัน ยังดีอุตส่าห์เหลือพิซซ่าไว้ให้เราสองชิ้น

วันนี้ไม่มีซ้อม ไอ้แวน ไอ้ต่อ ไอ้เอ็กซ์ กลับบ้าน ให้รถตู้ไปส่งพวกมัน เราจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง



น้านีย์โทรเข้ามา เรารู้ดีหลังจากโต้งกลับไป ไม่ช้าก็เร็วเราคงต้องเผชิญหน้ากับน้านีย์ อีกครั้ง ตอนที่กดรับสาย มือเราสั่นจนหยุดไม่อยู่ น้านีย์ถามอาการเจ็บของเรา ตอบไปตามตรง น้านีย์จอดรถอยู่ที่ศูนย์หนังสือจุฬาชั้นสิบ ให้เราไปหามีเรื่องจะคุยด้วย เราตอบรับ รีบเดินไปทันที











ปล. ได้ยินป้าอรบอกว่าหญิงได้โควต้าบัญชีจุฬา ดีใจด้วยนะ

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:45:27 น.  

 

21 มกราคม 2008

ซ้อมดนตรี ไปสัมภาษณ์ที่ ไก่คุ้ยตุ่ยเขี่ย ชอบพี่ตุ่ยตลกดี มีขอเบอร์โทรเราหลังไมค์ด้วย

ปล. สบายดีหญิง


22 มกราคม 2008

ไปสอบโควต้าศิลปกรรมจุฬา กลับมาซ้อม มีถ่ายแบบลงหนังสือสองเล่ม ใส่ชุดนักเรียนเล่มนึง อีกเล่มไปถ่ายที่ลานโบวลิ่ง ถ่ายเสร็จก็เล่นกันต่อ ทำสไตรค์ได้ตั้งสามรอบโชคดี

ปล. สบายดีหญิง


23 มกราคม 2008

ได้ตารางสอบปลายภาค ภาษาอังกฤษเช้า ภาษาไทยบ่าย ตายๆๆๆๆๆ
ไปซ้อม

ปล. สบายดีหญิง


24 มกราคม 2008

จู่ๆบราเดอร์สมชาย ก็เดินมาบอกว่า เราได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่น จะมีพิธีมองประกาศนียบัตรวันปิดภาคเรียน ตกใจ ดีใจ

ซ้อมวันนี้แย่ เสียงไม่ถึง อารมณ์ไม่ได้ เครียด ปวดท้อง กินแอร์เอ็กซ์หมดไปสองแผงแล้ว

ปล. ก็ยังสบายดีหญิง


25 มกราคม 2008

อีกสองวัน


26 มกราคม 2008

ปรับเสียงให้เข้ากับดนตรีได้หมดแล้ว เครียดน้อยลง แต่ยังกินแอร์แอ็กซ์อยู่ เริ่มติดอร่อยดี

อีกวันเดียว

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:45:52 น.  

 

27 มกราคม 2008

นอนไม่หลับ แต่ตื่นเช้าเหมือนปกติ นัดเจอกับน้านีย์ ตอนเก้าโมงเช้าที่ศูนย์หนังสือจุฬา เราคิดมาทั้งอาทิตย์ หวังว่าน้านีย์คงพอใจกับคำตอบของเรา ถอนหายใจอีกเป็นรอบที่ร้อย เปิดมือถืออ่านข้อความจากโต้ง มีทั้งเป็นห่วง ด่าเล็กๆ เล่าอะไรบ้าๆบอๆ โต้งคงไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องขอเวลา 1 อาทิตย์ ไม่เจอไม่คุย ก็เรามีเรื่องต้องคิด ต้องตัดสินใจ ขอโทษนะ ไม่ใช่เราไม่อยากเจอโต้งหรอก แต่เราไม่อยากให้โต้งมาทำให้เราไขว้เขว ในช่วงอาทิตย์นี้น่ะ

อาทิตย์ที่แล้วตอนไปถ่ายมิวสิคที่สยาม น้านีย์ บังเอิญเห็นเรา เลยโทรมาขอเจอ ความจริงเรากลัวที่จะเผชิญหน้ากับน้านีย์ แต่การหนีไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เรารู้ดี เราไปคุยกับน้านีย์ในรถ น้านีย์มองหน้าเรานิ่งๆ อยู่นาน ก่อนจะเล่าให้เราฟัง เรื่องตอนที่พี่แตงหายไป ตอนนั้นน้านีย์ กับน้ากร แทบจะบ้าตาย การต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรัก ทำให้น้านีย์แทบหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู๋ต่อไป แต่น้านีย์จะอ่อนแอไม่ได้ เพราะยังมีน้ากร มีโต้งที่ต้องการความแข้งเข็งจากน้านีย์ ความรักที่ยังเหลืออยู่มีค่ามากพอที่จะประคับประคองกันต่อไป แม้จะไม่สมบูณ์พร้อมเหมือนเมื่อก่อน เราแอบเห็นหยดน้ำตาคลอๆ อยู่ที่ตาน้านีย์ ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าน้านีย์เล่าให้เราฟังเพื่ออะไร แต่เราก็เศร้ากับสิ่งที่ได้ยิน เราเองก็เคยสูญเสีย คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่าง อาม่า ไปเหมือนกัน

น้านีย์หันมามองหน้าเรา ถามเราด้วยคำถามเดิมว่า แล้วตอนนี้เราคบกับโต้งอยู่ในฐานะอะไร มีรอยยิ้มเล็กๆ แต่ดูออกว่าฝืนยิ้ม ประกอบคำถามด้วย เราไม่กล้าสบตาน้านีย์ ได้แต่ตอบเบาๆ ว่า เรายังเป็นเพื่อนกันครับ น้านีย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ บอกว่า ตอนที่โต้งรู้ว่าเราโดนรถชน โต้งกระวนกระวายมาก เร่งให้น้านีย์ขับรถเร็ว ๆ ไม่สนใจว่าน้านีย์ไม่ค่อยพอใจที่โต้งจะคบกับเราเกินเพื่อน ทั้งที่ปกติ โต้งค่อนข้างเกรงใจน้านีย์ เวลาจะโทรหา หรือมาเจอเรา อันนี้เราเพิ่งรู้

น้านีย์ถามเราว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นวันที่โต้งไปค้างใช่ไหม เราหน้าแดง หันไปมองหน้าน้านีย์ทันที แทบไม่ต้องคิดเราตอบเสียงดัง ไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างเรากับโต้ง (จูบที่สองนั่นไม่นับ) น้านีย์ ยิ้มบางๆให้เรา บอกเราว่า เห็นเราทำงานเมื่อวาน ชื่นชมกับความตั้งใจ และ พยายามของเรามาก เราเก่งดูแลตัวเองมาได้ถึงขนาดนี้ เราขอบคุณ แต่ตาเราคงเต็มไปด้วยคำถาม เพราะประโยคต่อมาของน้านีย์ ตอบข้อสงสัยทั้งหมดของเรา

น้านีย์ถามว่า รู้ไหมเราเป็นคนหน้าตาดี มีความสามารถ และคงจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า โต้งก็แค่เด็กหน้าตาธรรมดา เรียนก็ปานกลาง อนาคตยังไม่มีอะไรแน่นอน น้านีย์บอกให้เราคิดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ เพราะในที่สุดแล้วเป็นเราที่ต้องรับผิดชอบกับผลจากการกระทำนั้น เรานิ่งเงียบไม่รู้จะพูดอะไร เพราะไม่เคยคิดถึงอนาคต น้านีย์ไม่เร่งรัดคำตอบจากเรา แต่บอกว่า อาทิตย์หน้าจะมีคุมสอบตอนสิบโมงมาตอบตอนนั้นก็ได้ จะได้มีเวลาคิด

มีต่อ

เกือบเก้าโมง เรานั่งอยุ่กับน้านีย์ที่ร้านกาแฟ กุมมือที่ยังสั่นไม่หยุดแน่น น้านีย์ยิ้มให้เรา เราเรียบเรียงคำพูดมาดีแล้ว ตอบน้านีย์ไปว่า เรากับโต้งก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์นี้ น้านีย์วางใจได้ ไม่รู้เสียงเราสั่นหรือเปล่า เพราะหูอื้อ เราไม่ได้โกหก เพราะเราแน่ใจแล้วว่า ระหว่างเรากับโต้ง จะวันนี้ หรืออีกกี่ปีข้างหน้า จะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ ถ้าคำว่าเพื่อนมีความหมายว่า จะดูแล ห่วงใย ใส่ใจซึ่งกันและกัน เป็นกำลังใจให้กันในทุกๆเรื่อง เราไม่ต้องการคำว่า แฟน หรือ คู่รัก มาผูกมัด ขอให้คำว่า “เพื่อน” เป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างเรากับโต้ง ถ้าวันนึงเราไม่รักโต้งแล้ว เราจะยังคงมีความรุ้สึกดีๆ ให้โต้งในฐานะเพื่อนอยุ่ดี ดังนั้นโต้งจะไม่มีวันสูญเสียเราไป น้านีย์ยิ้มให้เรา พูดเบาๆกับตัวเองว่า โต้งโชคดีที่มีเพื่อนอย่างมิว


น้านีย์ไปคุมสอบ ส่วนเรายังนั่งนิ่งๆอยุ่ที่ร้าน กาแฟเย็นเหลือแต่น้ำแข็ง เราทบทวนคำพูดของเราอีกครั้ง ถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่ซินะความหมายคำว่า “ก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการก้าวถอยหลัง” รู้สึกภูมิใจเล็กๆ โตขึ้นแล้วนะนายมิว กดมือถือโทรหาโต้ง โดนถามเป็นชุด จนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี เลยไม่ตอบ แต่บอกโต้งว่า แค่อยากคิดอะไรนิดหน่อย ตอนนี้ไม่อะไรแล้ว ชวนโต้งมาดูหนังที่สยามตอนเที่ยง วันนี้มีซ้อมตอนเย็น


หิวเหมือนกัน แต่รอโต้งก่อนดีกว่า


ไอ้สามตัวปากหมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้เพิ่มน้องปิงปอง กัน แมคมาเป็นลูกคู่ โต้งเฉยมากคงชิน มีเราเขินอยุ่คนเดียว พยายามไม่มองหน้าโต้ง กว่าจะซ้อมเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ดีที่ให้โต้งกลับไปก่อน ไม่งั้นคงต้องไปค้างบ้านเราอีก คราวนี้คงไม่สนุก เพราะไอ้สามตัวแพคกระเป๋ามาเรียบร้อย ทั้งที่ยังไม่ได้ขอเราสักคำ น่าให้นอนข้างถนนซะให้เข็ด


ป้าอรชงไมโลมาให้กินก่อนนอน แกคงเหนื่อย ช่วงนี้มีแขกมาบ่อย หรือแกจะชอบใจก็ไม่รู้


ปล. ไม่รู้เราจะสอบได้หรือเปล่า ยังไงก็หวังว่าจะได้อยุ่มหาลัยเดียวกันนะหญิง

 

โดย: kwanmanee 4 เมษายน 2551 12:46:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kwanmanee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kwanmanee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.