มกราคม 2557

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
2014 เที่ยวเชียงใหม่-เชียงราย 23-27 January วันที่1 สนามบินเชียงใหม่-อ่างขาง

สำหรับท่านที่บังเอิญได้อ่านบันทึกด้านล่าง 

ต้องเข้าใจก่อนครับว่า ข้อความข้างล่างไม่ใช่ review แต่เป็นบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว 5 วัน 4 คืน ระหว่างจังหวัดเชียงราย - เชียงใหม่ 

ดังนั้นอาจจะไม่มีภาพสวยๆ หรือคอมเม้นต์ต่างๆอย่างที่ review เขาทำกัน

จุดประสงค์ของการทำบันทึกฉบับนี้คือ แค่ระลึกความทรงจำกับการไปเที่ยวในครั้งหนึ่ง

เพราะว่า...หลายครั้งที่ไปเที่ยวกลับมา พอจะไปอีกรอบ จำไม่ได้ว่าเราไปตอนกี่โมง ถึงกี่โมง แล้ว เราไปไหนต่อ ไปกันยังไง 

ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ทานข้าวที่ไหน  ฯลฯ..

ดังนั้นจึงบันทึกไว้บ้าง เผื่อวันหลังอยากได้ข้อมูลจะได้กลับมาอ่านเพื่อเป็นแนวทาง หรือระลึกความทรงจำ แค่นี้จริงๆ ครับ

*********************************************

ไอเดียเกิดประมาณ ต้นกันยา '13 ก่อนงานเที่ยวไทย

Smiley อากาศไม่หนาวนานแล้ว เสื้อกันหนาวเก่าแล้ว ทำไงดี....เที่ยวเหนือดีกว่า..

Smiley ลูกชายชอบเครื่องบินมากๆๆ อยากลองพานั่งซักครั้ง..

Smiley ไม่อยากไปช่วงปีใหม่ คนเยอะ..

Smiley ไม่อยากแย่งใครกิน...

Smiley ไม่อยากเข้าแถวถ่ายรอคิวถ่ายรูป แค่เข้าคิวถ่ายบัตรประชาชนก้อเบื่อแล้ว...

ไปก่อนหยุดปีใหม่ดีกว่า...

ดูปฏิทินแล้ว แต่ที่ทำงานไม่หยุดวันเสาร์นี้ซะงั้น 

ไปหลังปีใหม่ดีกว่า.. 

.........สัปดาห์แรกติดวันเด็กต้องไปดูเครื่องบิน....ซื่งเป็นภาระกิจประจำปี ขาดไม่ได้ 

ถ้าให้เลือกระหว่างกริพเพน กับ ไปเที่ยว รับรองมาเฟียน้อยเลือกกริพเพน

.........สัปดาห์ต่อมาที่ทำงานไม่หยุดวันเสาร์... สรุปกันที่สัปดาห์ 3 ของเดือนมกรา ลงตัวสุด...

vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

เข้าไปดูตั๋ว นกแอร์ มี promotion 5 คน ไป-กลับ ไม่เกินหมื่น แต่ไม่จองครับ รองานเที่ยวไทยเผื่อได้ถูกกว่า 

พอไปงานเที่ยวไทยแวะไปที่บูทนกแอร์ คนต่อแถวซะยาวเหยียดเพื่อโปร 1,199 บาท

คำนวณแล้ว 5 คนไป-กลับ ประมาณ 12,000 บาทเน็ต แพงกว่าในเน็ตอีก กลับมาจองในเน็ตดีกว่า...

ส่วนค่าเสียหายจากการไปงานนั้นก็ประมาณ 9,000 กว่าบาท 

>> Voucher Sixt rent a carVoucher Sixt rent a car 6,150 บาท 

>> Voucher Chiang Mai Gate Hotel 3,196.00 (2 ห้อง 2 คืน)

กลับถึงบ้านรีบเข้าเน็ต เพื่อจะจองโปรไม่ถึงหมื่นที่เล็งไว้ กะเยอะเย้ยพวกที่ยืนขาแข็งเข้าคิวรอที่งานซะหน่อย

..อ้าว เฮ้ย..โปรที่ดูไว้โดนถอดไปแล้วซะงั้น เริ่มเครียดแล้วครับ รถจองไปแล้ว โรงแรมก็จองไปแล้ว

ต้องหาเครื่องไป.........ทำไงดี ?????

ใช้เวลาพอสมควร กับการหาเที่ยวบิน ไปๆ มาๆ ก็เลยไปจบที่หางแดงประมาณ 13,600 บาท.. ไปวันที่ 23 Jan'14 กลับ 27 Jan'14

หลังจากนั้นเป็นกระบวนการหาห้องพัก..

........เริ่มจากที่อ่างขางก่อนอยากได้คืนวันศุกร์ที่ 24 Jan '14 แต่ไม่มีห้องว่างซะงั้น

ไม่เข้าใจว่าอยากได้ห้องวันศุกร์ เสาร์ที่อ่างขางนี่เขาต้องจองตั้งแต่เดือนไหน 

ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน ไปนอนอ่างขางก่อนค่อยลงมาเชียงใหม่

ได้แพลนออกมาดังนี้

23 Jan'14 ออกเดินทางไฟท์ 06:35 ลงสนามบินเชียงใหม่ นอนอ่างขาง

24 Jan'14 ออกจากอ่างขาง - ท่าตอน-แม่สลอง- นอนเชียงรายโรงแรมนัทนลิน

25 Jan'14 ออกจากเชียงราย-ไร่บุญรอด-เชียงใหม่

26 Jan'14 ในตัวเมือง-รอบๆ เชียงใหม่

27 Jan'14 ซื้อของฝาก -ขึ้นเครื่องกลับ

===================================================

ต่อไปเป็นการเดินทางจริง มาดูกันว่าจะได้ตามที่วางแผนไว้หรือเปล่า

23 มกราคม 2557 

Smiley ออกจากบ้าน 04:45 โดยเท็กซี่จากบริการ 1681 ถึงสนามบิน 05:00  

ค่าใช้จ่าย 140 บาท/ คัน เป็นค่า Meter 100 +ค่าเท็กซี่ Radio 20+ เราจ่ายเพิ่ม 20 

จากนั้นเข้าไป check in และ load กระเป๋าและเดินไปรอที่ Gate 

 นาฬิกาบอกเวลาที่สนามบิน AirAsia คือสายการบินที่เราเลือกสำหรับทริปนี้

Smileyเครื่องออก 6:35 แต่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่สี่สิบห้า ครั้งต่อไป ออกประมาณตีห้าก็น่าจะทันนะ

>>จะว่าไปแอร์ไฟท์นี้หน้าตาดีใช้ได้ทุกคนเลย


>> บนเครื่อง มาเฟียน้อยท่าทางไม่ค่อย Happy น่าจะง่วงเพราะต้องตื่นแต่เช้า ตอนเครื่องขึ้นพอทนได้ ตอนเครื่องลงนี่โวยวายเสียงดังเลย 

"น้องตฤณปวดหู ทนไม่ไหวแล้ว"



แอร์สาวสวยสวัสดีหลังจากสาธิตการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน


Smiley07:45 เครื่องลงที่เชียงใหม่ ติดต่อรับรถที่สนามบินตามที่จองไว้กับ Sixt

ตอนที่ซื้อ Voucher ถามเรื่องที่นั่งเด็ก (Car seat) บอกว่ามีของให้ติดต่อเช่าที่สาขาเชียงใหม่ได้โดยตรงตอนจะรับรถ 

ตอนโทรไปconfirm ก้อถาม ก็บอกว่ามีแบบไม่ค่อยเต็มปากนัก ที่ราคา 214 บาทต่อวัน พอเอาเข้าจริงคือ ไม่สามารถหาให้ได้ 

ถามน้องที่ Sixt เชียงใหม่บอก มี 2 อัน หนึ่งอันมีคนใช้แล้ว อีกหนึ่งอันพัง สรุปไม่ได้ที่นั่งเด็ก 

ส่วน GPS เตรียมไปเองจากบ้านก้อเลยไม่มีปัญหา พูดถึง GPS นี่ค่อนข้างสำคัญสำหรับเราทีเดียว เนื่องจากไม่ใช่คนพื้นที่ 

พอสตาร์ทรถแล้ว จะออกตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ต้องรออย่างเดียว

นี่คือโฉมหลังรถที่เราจองไว้และจะอยู่กับเราไป 4 คืน 5 วัน

ได้ Honda Civic เลขไมล์ 26,191  km นับว่าค่อนข้างใหม่ทีเดียว

โฉมข้างก้อ OK 

เลขไมล์ สังเกตุที่อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 8 โมงกว่าอยู่ที่ 14 'C ได้ยินเพื่อนๆร่วมเที่ยวบินคุยกันว่า เหมือนตอนเครื่องลงนาริตะเลยนะ

เออเนอะ เราก็เพิ่งรู้ว่าอากาศที่ญี่ปุ่นมันประมาณนี้

Smiley08:30 มื้อเช้าที่...เจียงลูกชิ้นปลา อันนี้มั่วไป เพราะไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า 

จำได้แค่ว่า ขับรถออกมาจากสนามบินแล้วเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย แล้วกลับรถ 

ตอนนี้มาเฟียน้อยหลับแล้วเพราะตื่นเช้ามาก

Smiley9:30 ได้เวลาออกจากเจียงเดินทางสู่อ่างขาง โดยมีจุดหมายพักที่โครงการหลวงห้วยลึก และมื้อเที่ยงที่ไชยปราการ



Smiley 11:00 ถึงโครงการหลวงห้วยลึก ต้อง U-Turn รถกลับมานิดนึงเพราะอยู่คนละฝั่ง แต่เหมือนว่าโครงการกำลังซ่อม สร้างอาคารอยู่ 

ศาลาในน้ำที่เคยมาดื่มกาแฟก็หายไป ก็เลยพักนิดหน่อย กาแฟคนละแก้ว



Smiley12:40 บ้าน ไม้หอมฮิโนกิ แห่งเดียวในเมืองไทยเฉพาะตัวบ้าน เจ้าของบ้านสร้างด้วยเงินไทย เป็นจำนวนเงินถึง 9 หลัก 

หากเดินเข้าไปในบ้านจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของเนื้อไม้หอมฮิโนกิ ภายในบ้านจะไม่ติดแอร์ แต่จะรู้สึกเย็นสบาย และสดชื่นตลอดทั้งวัน ...

more information >>//bannmaihomhinokichaiprakarn.com/NP-27193-ประวัติบ้านไม้ฮิโนกิ


 คณะเราเข้าเยี่ยมชม



ห้องพระ  มาเฟียน้อยก็เลยถือโอกาสไหว้พระซะเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าขอพรอะไรไป คุยกับพ่อไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะคุยกับพระรู้เรื่องก็ได้



 โฉมหน้าเจ้าของบ้านกำลังพรีเซ็นต์ที่มาที่ไปและความสำคัญ พร้อมกับโฆษณาเครื่องสำอางค์ว่าท้าชนทุกยี่ห้อในตลาด

และรับประกันคืนเงินเต็มราคา หากไม่พอใจ


ห้องนอนที่เจ้าของบ้านนอนจริงๆหลังจากปิดให้เข้าชม คือหลังจาก 5 โมงเย็น



ไม้แผ่นนี้ไม่ใช่ไม้หอมนะครับ แต่เป็นไม้ประดู่ที่ทางบ้านไม้หอมบอกว่าเป็นแผ่นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียมี 2 แผ่น 

อีกแผ่นได้ขายให้คุณเจริญ เบียร์ช้างไป ได้มาจาก สปป ลาว




ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ


ต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้วิเศษที่มีเทพธิดารักษา เกิดอยู่ในป่าลึก โดยเฉพาะป่าที่มีอาถรรพ์เร้นลับยากที่มนุษย์จะเข้าไปถึงได้ง่ายๆ 

เนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมาก โบราณจารย์เล่าว่าหลายร้อยปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง จัดเป็นของทนสิทธิ์มหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง 

ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ที่ปกปักรักษาดูแล ต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์เพื่อพระศาสนา 

ซึ่งหากกลายสภาพเป็นหิน (คด) เมื่อใด ก็ยิ่งมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ อานุภาพดีเด่นทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชคลาภ 

เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ ความเชื่อ ประวัติ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ 

เรียกได้ 3 ชื่อ แต่ส่วนใหญ่ นิยมเรียกไม้พญางิ้วดำ คือพญาของไม้งิ้ว ต้นงิ้ว พญาของต้นงิ้ว คือไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของบรรดาต้นงิ้ว ไม้นางพญา

ที่เรียกกันเป็นนางพญาเพราะว่าไม้ออกเป็นสีดำ การดูไม้พญางิ้วดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ ตัวไม้จะออกสีดำทั้งหมด 

หากมีแซมไม้ ลายไม้ จะต้องออกเป็นสีชมพู

ส่วนไม้ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับไม้พญางิ้วดำคือไม้มะเกลือไม้ก็ออกเป็นสีดำ ลายแซมแดง จึงต้องสังเกตให้ดี ดูไม้ให้เป็น

(ที่มา //www.dhepnarai.com/index.php/2012-09-14-11-51-26)


ส่วนที่เขียนสลักไว้เป็นของสมเด็จวัดปากน้ำว่าที่สมเด็จพระสังฆราชสลักให้



มาเฟียน้อยกำลังทดสอบนอนเตียงไม้หอม ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนนะ ลุกขึ้นมายังซนเหมือนเดิม แสดงว่าไม่มีสรรพคุณในการลดความซน



เตียงที่ขายกัน 2-3 แสน ที่ทางบ้านบอกว่ายินดีซื้อคืนเต็มราคาหากไม่พอใจ ไม่ว่าจะไช้ไปนานแค่ไหนแล้ว



โซนด้านหน้าเป็นส่วนขายเครื่องสำอางค์ จากการดูด้วยสายตาและคาดการณ์ยอดขายไม่น่าจะน้อยกว่าวันสะแสน 

เพราะโดยเฉลี่ยที่เป็นซื้อๆ ก็ไม่ต่ำกว่าพัน ส่วนดีไม่ดีนั้นต้องขอถามคนที่บ้านก่อน


สรุปที่พอรู้เกี่ยวกับบ้านนี้

1. เจ้าของบ้านรวย พื้นเพเป็นคนศีรสะเกษ เคยไปอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปี มาได้ภรรยาอยู่ที่นี่

2. ไม้ฮิโนกิ เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าต้นไม้แห่งไฟ คนสมัยก่อนชอบนำมาเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจุดไฟบูชา

3. เจ้าของบ้านรวย อยากหางานทำให้คนในท้องถิ่น ด้วยความคิดเงิน 500 บาท ของเจ้าของบ้านกับ 500 บาทของคนแถวนั้นมีค่าต่างกันมาก

4. น้ำมันที่สกัดจากไม้ฮิโนกิขายในราคาลิตรละ 80,000 บาท

----------------------------------------------------------------------------- 


Smiley 13:50 ออกจากบ้านไม้หอม ไม่แวะทานข้าวกะไปรวบที่อ่างขางเลยทีเดียว เนื่องจากเราเดินทางกันวันพฤหัส 

เป็นช่วงกลางสัปดาห์ทำให้ไม่ค่อยเจอรถตามหรือสวนมากนัก 

Smiley 14:45 ถึงสถานีเกษตรอ่างขาง ...สวัสดี อ่างขาง ดินแดนที่ฝันหา 

สำหรับคนที่นอนข้างในแค่บอกชื่อคนจองกับ รปภ ที่ตรงป้อมเขาก้อจะเช็คชื่อห้องพักที่จอง ขับรถตรงเข้าไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม 

แต่ถ้านอนข้างนอกแล้วเข้าไปชมดอกไม้ ถ่ายรูป ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะเราไม่ต้องจ่าย

เราใช้เวลาพอสมควรกับการหาสำนักงานเพื่อติดต่อเรื่องห้องพัก เพราะคนค่อนข้างเยอะและที่จอดรถก้อเต็ม 

ขับรถวนไปเรื่อยๆจนถึงเกือบๆ จะสุด ก็เลยแวะถามเจ้าหน้าที่ ปรากฎว่าเป็นที่ที่เราผ่านมาแล้ว ที่เขานั่งขายของกันเยอะนั่นเอง 

หลังจากได้กุญแจแล้ว ก้อต้องขับรถย้อนกลับเข้าที่พัก AK 13 & AK 14 คือห้องพักของเราคืนนี้ 

ช่วงที่เข้าไปเช็คอิน มีโอกาสถามเจ้าหน้าที่ว่า ที่พักในสถานีเริ่มเปิดให้จองวันไหน เพราะเราเองจองตั้งแต่กันยา ยังได้ช่วงกลางสัปดาห์

อยากรู้ว่าพวกที่ได้ Weekend นี่จองกันตั้งแต่เมื่อไหร่  

คำตอบทำให้เรารู้ว่า 1 พฤษภาคม นอกจากเป็นวันแรงงานแล้ว ยังเป็นวันเริ่มเปิดให้จองที่พักในสถานีเกษตรอ่างขางด้วย


สำหรับบ้าน AK นี่จะมีทั้งหมด 20 หลัง เป็นแถวบนและแถวล่าง แถวบนเป็น AK 1 - 9 ส่วนแถวล่างเป็น AK 10 - 20  AK 10 ใกล้สวน 80 มากที่สุด 

ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะเข้ามาถ่ายรูปด้วยมากที่สุด เป็นส่วนตัวน้อยที่สุด

AK 20 ใกล้ที่จอดรถมากที่สุด จะขนสัมภาระง่ายกว่า แต่ภาพรวมก็ไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไหร่ ให้เจ้าหน้าที่สุ่มให้ก็ OK



ภาพรวมบ้านพัก และห้องที่เราพัก AK13 ในห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้พร้อม

หลังจากเข้าห้องพัก ก็ได้เวลาเดินเล่นที่สวน 80



น่าจะเป็นต้นนี้ที่คนชอบถามหากันตอนไปเที่ยวเหนือว่าบานหรือยัง โรยหรือยัง พญาเสือโคร่ง หรือซากุระ เมืองไทย



จากนั้นได้เวลาอาหารเย็น เราหิวกันมากเพราะตั้งใจจะขึ้นมากินมื้อเที่ยงกันที่นี่ แต่พอมาถึงครัวปิด สงสัยว่ากำลังเตรียมอาหารเย็นให้คนมาพัก 

ทำให้ต้องอดทนรอ 6โมงเย็น เพื่อรวมกันทีเดียว 

อาหารเย็นที่นี่ราคารวมอยู่ในห้องพักแล้วในราคาห้องละ2,100 บาท ราคาห้อง 1,500 + อาหารเย็น + อาหารเช้า ตกคนละ 150 บาท/มื้อ ถือว่าคุ้มมากๆ 

โทรจองห้องพัก 12 Sep'13 เจ้าหน้าที่ไม่ได้ชี้แจงละเอียดทำเอางงเหมือนกัน เพราะราคาใน web กับราคาที่โทรไปไม่เท่ากัน



อ้นนี้เป็นธรรมเนียมจะต้องมีวาดรูปตอนกินข้าว



อาหารเป็นบุฟเฟท์ มีเยอะมาก น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ลาบหมู ผัดผัก ไก่บาร์บีคิว สลัด และอีกมากมาย เรากินได้ไม่ครบทุกย่าง

อากาศจะค่อนข้างเย็น และกินข้าวข้างนอกด้วย เลยต้องหาตัวช่วย



สุดท้าย เขียน Postcard ส่งให้คุณตา ก่อนจะเข้านอน ด้วยความหนาวเหน็บ


---จบวันที่1.


-สรุปเองว่าที่นี่หนาวกว่าเมืองนอกที่ที่มีหิมะตก เพราะตรงนั้นเขาหนาวกันแค่นอกอาคาร ในรถ ในอาคารเขามีฮีทเตอร์

สามารถยืนมองหิมะตกผ่านกระจกได้อย่างสบาย แต่ที่นี่ไม่ใช่ไม่มีฮีทเตอร์ ชุดกันหนาวเท่านั้นที่ช่วยท่านได้






Create Date : 21 มกราคม 2557
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2557 12:57:54 น.
Counter : 3104 Pageviews.

1 comments
  
มีประโยชน์แก่ผู้อ่านมากครับ
โดย: jj IP: 110.77.182.164 วันที่: 7 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:24:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kraft
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]