Group Blog All Blog
|
2014 เที่ยวเชียงใหม่-เชียงราย 23-27 January วันที่1 สนามบินเชียงใหม่-อ่างขาง สำหรับท่านที่บังเอิญได้อ่านบันทึกด้านล่าง ต้องเข้าใจก่อนครับว่า ข้อความข้างล่างไม่ใช่ review แต่เป็นบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว 5 วัน 4 คืน ระหว่างจังหวัดเชียงราย - เชียงใหม่ ดังนั้นอาจจะไม่มีภาพสวยๆ หรือคอมเม้นต์ต่างๆอย่างที่ review เขาทำกัน จุดประสงค์ของการทำบันทึกฉบับนี้คือ แค่ระลึกความทรงจำกับการไปเที่ยวในครั้งหนึ่ง เพราะว่า...หลายครั้งที่ไปเที่ยวกลับมา พอจะไปอีกรอบ จำไม่ได้ว่าเราไปตอนกี่โมง ถึงกี่โมง แล้ว เราไปไหนต่อ ไปกันยังไง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ทานข้าวที่ไหน ฯลฯ.. ดังนั้นจึงบันทึกไว้บ้าง เผื่อวันหลังอยากได้ข้อมูลจะได้กลับมาอ่านเพื่อเป็นแนวทาง หรือระลึกความทรงจำ แค่นี้จริงๆ ครับ ********************************************* ไอเดียเกิดประมาณ ต้นกันยา '13 ก่อนงานเที่ยวไทย อากาศไม่หนาวนานแล้ว เสื้อกันหนาวเก่าแล้ว ทำไงดี....เที่ยวเหนือดีกว่า.. ลูกชายชอบเครื่องบินมากๆๆ อยากลองพานั่งซักครั้ง.. ไม่อยากไปช่วงปีใหม่ คนเยอะ.. ไม่อยากแย่งใครกิน... ไม่อยากเข้าแถวถ่ายรอคิวถ่ายรูป แค่เข้าคิวถ่ายบัตรประชาชนก้อเบื่อแล้ว... ไปก่อนหยุดปีใหม่ดีกว่า... ดูปฏิทินแล้ว แต่ที่ทำงานไม่หยุดวันเสาร์นี้ซะงั้น ไปหลังปีใหม่ดีกว่า.. .........สัปดาห์แรกติดวันเด็กต้องไปดูเครื่องบิน....ซื่งเป็นภาระกิจประจำปี ขาดไม่ได้ ถ้าให้เลือกระหว่างกริพเพน กับ ไปเที่ยว รับรองมาเฟียน้อยเลือกกริพเพน .........สัปดาห์ต่อมาที่ทำงานไม่หยุดวันเสาร์... สรุปกันที่สัปดาห์ 3 ของเดือนมกรา ลงตัวสุด... vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv เข้าไปดูตั๋ว นกแอร์ มี promotion 5 คน ไป-กลับ ไม่เกินหมื่น แต่ไม่จองครับ รองานเที่ยวไทยเผื่อได้ถูกกว่า พอไปงานเที่ยวไทยแวะไปที่บูทนกแอร์ คนต่อแถวซะยาวเหยียดเพื่อโปร 1,199 บาท คำนวณแล้ว 5 คนไป-กลับ ประมาณ 12,000 บาทเน็ต แพงกว่าในเน็ตอีก กลับมาจองในเน็ตดีกว่า... ส่วนค่าเสียหายจากการไปงานนั้นก็ประมาณ 9,000 กว่าบาท >> Voucher Sixt rent a carVoucher Sixt rent a car 6,150 บาท >> Voucher Chiang Mai Gate Hotel 3,196.00 (2 ห้อง 2 คืน) กลับถึงบ้านรีบเข้าเน็ต เพื่อจะจองโปรไม่ถึงหมื่นที่เล็งไว้ กะเยอะเย้ยพวกที่ยืนขาแข็งเข้าคิวรอที่งานซะหน่อย ..อ้าว เฮ้ย..โปรที่ดูไว้โดนถอดไปแล้วซะงั้น เริ่มเครียดแล้วครับ รถจองไปแล้ว โรงแรมก็จองไปแล้ว ต้องหาเครื่องไป.........ทำไงดี ????? ใช้เวลาพอสมควร กับการหาเที่ยวบิน ไปๆ มาๆ ก็เลยไปจบที่หางแดงประมาณ 13,600 บาท.. ไปวันที่ 23 Jan'14 กลับ 27 Jan'14 หลังจากนั้นเป็นกระบวนการหาห้องพัก.. ........เริ่มจากที่อ่างขางก่อนอยากได้คืนวันศุกร์ที่ 24 Jan '14 แต่ไม่มีห้องว่างซะงั้น ไม่เข้าใจว่าอยากได้ห้องวันศุกร์ เสาร์ที่อ่างขางนี่เขาต้องจองตั้งแต่เดือนไหน ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน ไปนอนอ่างขางก่อนค่อยลงมาเชียงใหม่ ได้แพลนออกมาดังนี้ 23 Jan'14 ออกเดินทางไฟท์ 06:35 ลงสนามบินเชียงใหม่ นอนอ่างขาง 24 Jan'14 ออกจากอ่างขาง - ท่าตอน-แม่สลอง- นอนเชียงรายโรงแรมนัทนลิน 25 Jan'14 ออกจากเชียงราย-ไร่บุญรอด-เชียงใหม่ 26 Jan'14 ในตัวเมือง-รอบๆ เชียงใหม่ 27 Jan'14 ซื้อของฝาก -ขึ้นเครื่องกลับ =================================================== ต่อไปเป็นการเดินทางจริง มาดูกันว่าจะได้ตามที่วางแผนไว้หรือเปล่า 23 มกราคม 2557 ออกจากบ้าน 04:45 โดยเท็กซี่จากบริการ 1681 ถึงสนามบิน 05:00 ค่าใช้จ่าย 140 บาท/ คัน เป็นค่า Meter 100 +ค่าเท็กซี่ Radio 20+ เราจ่ายเพิ่ม 20 จากนั้นเข้าไป check in และ load กระเป๋าและเดินไปรอที่ Gate นาฬิกาบอกเวลาที่สนามบิน AirAsia คือสายการบินที่เราเลือกสำหรับทริปนี้ เครื่องออก 6:35 แต่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่สี่สิบห้า ครั้งต่อไป ออกประมาณตีห้าก็น่าจะทันนะ >>จะว่าไปแอร์ไฟท์นี้หน้าตาดีใช้ได้ทุกคนเลย >> บนเครื่อง มาเฟียน้อยท่าทางไม่ค่อย Happy น่าจะง่วงเพราะต้องตื่นแต่เช้า ตอนเครื่องขึ้นพอทนได้ ตอนเครื่องลงนี่โวยวายเสียงดังเลย "น้องตฤณปวดหู ทนไม่ไหวแล้ว" แอร์สาวสวยสวัสดีหลังจากสาธิตการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน
ตอนที่ซื้อ Voucher ถามเรื่องที่นั่งเด็ก (Car seat) บอกว่ามีของให้ติดต่อเช่าที่สาขาเชียงใหม่ได้โดยตรงตอนจะรับรถ ตอนโทรไปconfirm ก้อถาม ก็บอกว่ามีแบบไม่ค่อยเต็มปากนัก ที่ราคา 214 บาทต่อวัน พอเอาเข้าจริงคือ ไม่สามารถหาให้ได้ ถามน้องที่ Sixt เชียงใหม่บอก มี 2 อัน หนึ่งอันมีคนใช้แล้ว อีกหนึ่งอันพัง สรุปไม่ได้ที่นั่งเด็ก ส่วน GPS เตรียมไปเองจากบ้านก้อเลยไม่มีปัญหา พูดถึง GPS นี่ค่อนข้างสำคัญสำหรับเราทีเดียว เนื่องจากไม่ใช่คนพื้นที่ พอสตาร์ทรถแล้ว จะออกตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ต้องรออย่างเดียว นี่คือโฉมหลังรถที่เราจองไว้และจะอยู่กับเราไป 4 คืน 5 วัน ได้ Honda Civic เลขไมล์ 26,191 km นับว่าค่อนข้างใหม่ทีเดียว โฉมข้างก้อ OK เลขไมล์ สังเกตุที่อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 8 โมงกว่าอยู่ที่ 14 'C ได้ยินเพื่อนๆร่วมเที่ยวบินคุยกันว่า เหมือนตอนเครื่องลงนาริตะเลยนะ เออเนอะ เราก็เพิ่งรู้ว่าอากาศที่ญี่ปุ่นมันประมาณนี้
08:30 มื้อเช้าที่...เจียงลูกชิ้นปลา อันนี้มั่วไป เพราะไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า จำได้แค่ว่า ขับรถออกมาจากสนามบินแล้วเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย แล้วกลับรถ ตอนนี้มาเฟียน้อยหลับแล้วเพราะตื่นเช้ามาก 9:30 ได้เวลาออกจากเจียงเดินทางสู่อ่างขาง โดยมีจุดหมายพักที่โครงการหลวงห้วยลึก และมื้อเที่ยงที่ไชยปราการ
11:00 ถึงโครงการหลวงห้วยลึก ต้อง U-Turn รถกลับมานิดนึงเพราะอยู่คนละฝั่ง แต่เหมือนว่าโครงการกำลังซ่อม สร้างอาคารอยู่ ศาลาในน้ำที่เคยมาดื่มกาแฟก็หายไป ก็เลยพักนิดหน่อย กาแฟคนละแก้ว
12:40 บ้าน ไม้หอมฮิโนกิ แห่งเดียวในเมืองไทยเฉพาะตัวบ้าน เจ้าของบ้านสร้างด้วยเงินไทย เป็นจำนวนเงินถึง 9 หลัก หากเดินเข้าไปในบ้านจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของเนื้อไม้หอมฮิโนกิ ภายในบ้านจะไม่ติดแอร์ แต่จะรู้สึกเย็นสบาย และสดชื่นตลอดทั้งวัน ... more information >>//bannmaihomhinokichaiprakarn.com/NP-27193-ประวัติบ้านไม้ฮิโนกิ คณะเราเข้าเยี่ยมชม ห้องพระ มาเฟียน้อยก็เลยถือโอกาสไหว้พระซะเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าขอพรอะไรไป คุยกับพ่อไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะคุยกับพระรู้เรื่องก็ได้
โฉมหน้าเจ้าของบ้านกำลังพรีเซ็นต์ที่มาที่ไปและความสำคัญ พร้อมกับโฆษณาเครื่องสำอางค์ว่าท้าชนทุกยี่ห้อในตลาด และรับประกันคืนเงินเต็มราคา หากไม่พอใจ
ห้องนอนที่เจ้าของบ้านนอนจริงๆหลังจากปิดให้เข้าชม คือหลังจาก 5 โมงเย็น
ไม้แผ่นนี้ไม่ใช่ไม้หอมนะครับ แต่เป็นไม้ประดู่ที่ทางบ้านไม้หอมบอกว่าเป็นแผ่นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียมี 2 แผ่น อีกแผ่นได้ขายให้คุณเจริญ เบียร์ช้างไป ได้มาจาก สปป ลาว ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ
เนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมาก โบราณจารย์เล่าว่าหลายร้อยปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง จัดเป็นของทนสิทธิ์มหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ที่ปกปักรักษาดูแล ต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์เพื่อพระศาสนา ซึ่งหากกลายสภาพเป็นหิน (คด) เมื่อใด ก็ยิ่งมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ อานุภาพดีเด่นทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ ความเชื่อ ประวัติ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ เรียกได้ 3 ชื่อ แต่ส่วนใหญ่ นิยมเรียกไม้พญางิ้วดำ คือพญาของไม้งิ้ว ต้นงิ้ว พญาของต้นงิ้ว คือไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของบรรดาต้นงิ้ว ไม้นางพญา ที่เรียกกันเป็นนางพญาเพราะว่าไม้ออกเป็นสีดำ การดูไม้พญางิ้วดำ ไม้พระยางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ ตัวไม้จะออกสีดำทั้งหมด หากมีแซมไม้ ลายไม้ จะต้องออกเป็นสีชมพู ส่วนไม้ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับไม้พญางิ้วดำคือไม้มะเกลือไม้ก็ออกเป็นสีดำ ลายแซมแดง จึงต้องสังเกตให้ดี ดูไม้ให้เป็น (ที่มา //www.dhepnarai.com/index.php/2012-09-14-11-51-26) ส่วนที่เขียนสลักไว้เป็นของสมเด็จวัดปากน้ำว่าที่สมเด็จพระสังฆราชสลักให้
มาเฟียน้อยกำลังทดสอบนอนเตียงไม้หอม ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนนะ ลุกขึ้นมายังซนเหมือนเดิม แสดงว่าไม่มีสรรพคุณในการลดความซน
เตียงที่ขายกัน 2-3 แสน ที่ทางบ้านบอกว่ายินดีซื้อคืนเต็มราคาหากไม่พอใจ ไม่ว่าจะไช้ไปนานแค่ไหนแล้ว
โซนด้านหน้าเป็นส่วนขายเครื่องสำอางค์ จากการดูด้วยสายตาและคาดการณ์ยอดขายไม่น่าจะน้อยกว่าวันสะแสน เพราะโดยเฉลี่ยที่เป็นซื้อๆ ก็ไม่ต่ำกว่าพัน ส่วนดีไม่ดีนั้นต้องขอถามคนที่บ้านก่อน
1. เจ้าของบ้านรวย พื้นเพเป็นคนศีรสะเกษ เคยไปอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปี มาได้ภรรยาอยู่ที่นี่ 2. ไม้ฮิโนกิ เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าต้นไม้แห่งไฟ คนสมัยก่อนชอบนำมาเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจุดไฟบูชา 3. เจ้าของบ้านรวย อยากหางานทำให้คนในท้องถิ่น ด้วยความคิดเงิน 500 บาท ของเจ้าของบ้านกับ 500 บาทของคนแถวนั้นมีค่าต่างกันมาก 4. น้ำมันที่สกัดจากไม้ฮิโนกิขายในราคาลิตรละ 80,000 บาท ----------------------------------------------------------------------------- 13:50 ออกจากบ้านไม้หอม ไม่แวะทานข้าวกะไปรวบที่อ่างขางเลยทีเดียว เนื่องจากเราเดินทางกันวันพฤหัส เป็นช่วงกลางสัปดาห์ทำให้ไม่ค่อยเจอรถตามหรือสวนมากนัก 14:45 ถึงสถานีเกษตรอ่างขาง ...สวัสดี อ่างขาง ดินแดนที่ฝันหา สำหรับคนที่นอนข้างในแค่บอกชื่อคนจองกับ รปภ ที่ตรงป้อมเขาก้อจะเช็คชื่อห้องพักที่จอง ขับรถตรงเข้าไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม แต่ถ้านอนข้างนอกแล้วเข้าไปชมดอกไม้ ถ่ายรูป ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะเราไม่ต้องจ่าย
เราใช้เวลาพอสมควรกับการหาสำนักงานเพื่อติดต่อเรื่องห้องพัก เพราะคนค่อนข้างเยอะและที่จอดรถก้อเต็ม ขับรถวนไปเรื่อยๆจนถึงเกือบๆ จะสุด ก็เลยแวะถามเจ้าหน้าที่ ปรากฎว่าเป็นที่ที่เราผ่านมาแล้ว ที่เขานั่งขายของกันเยอะนั่นเอง หลังจากได้กุญแจแล้ว ก้อต้องขับรถย้อนกลับเข้าที่พัก AK 13 & AK 14 คือห้องพักของเราคืนนี้ ช่วงที่เข้าไปเช็คอิน มีโอกาสถามเจ้าหน้าที่ว่า ที่พักในสถานีเริ่มเปิดให้จองวันไหน เพราะเราเองจองตั้งแต่กันยา ยังได้ช่วงกลางสัปดาห์ อยากรู้ว่าพวกที่ได้ Weekend นี่จองกันตั้งแต่เมื่อไหร่ คำตอบทำให้เรารู้ว่า 1 พฤษภาคม นอกจากเป็นวันแรงงานแล้ว ยังเป็นวันเริ่มเปิดให้จองที่พักในสถานีเกษตรอ่างขางด้วย สำหรับบ้าน AK นี่จะมีทั้งหมด 20 หลัง เป็นแถวบนและแถวล่าง แถวบนเป็น AK 1 - 9 ส่วนแถวล่างเป็น AK 10 - 20 AK 10 ใกล้สวน 80 มากที่สุด ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะเข้ามาถ่ายรูปด้วยมากที่สุด เป็นส่วนตัวน้อยที่สุด AK 20 ใกล้ที่จอดรถมากที่สุด จะขนสัมภาระง่ายกว่า แต่ภาพรวมก็ไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไหร่ ให้เจ้าหน้าที่สุ่มให้ก็ OK
ภาพรวมบ้านพัก และห้องที่เราพัก AK13 ในห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้พร้อม หลังจากเข้าห้องพัก ก็ได้เวลาเดินเล่นที่สวน 80
น่าจะเป็นต้นนี้ที่คนชอบถามหากันตอนไปเที่ยวเหนือว่าบานหรือยัง โรยหรือยัง พญาเสือโคร่ง หรือซากุระ เมืองไทย
จากนั้นได้เวลาอาหารเย็น เราหิวกันมากเพราะตั้งใจจะขึ้นมากินมื้อเที่ยงกันที่นี่ แต่พอมาถึงครัวปิด สงสัยว่ากำลังเตรียมอาหารเย็นให้คนมาพัก ทำให้ต้องอดทนรอ 6โมงเย็น เพื่อรวมกันทีเดียว อาหารเย็นที่นี่ราคารวมอยู่ในห้องพักแล้วในราคาห้องละ2,100 บาท ราคาห้อง 1,500 + อาหารเย็น + อาหารเช้า ตกคนละ 150 บาท/มื้อ ถือว่าคุ้มมากๆ โทรจองห้องพัก 12 Sep'13 เจ้าหน้าที่ไม่ได้ชี้แจงละเอียดทำเอางงเหมือนกัน เพราะราคาใน web กับราคาที่โทรไปไม่เท่ากัน
อ้นนี้เป็นธรรมเนียมจะต้องมีวาดรูปตอนกินข้าว
อาหารเป็นบุฟเฟท์ มีเยอะมาก น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ลาบหมู ผัดผัก ไก่บาร์บีคิว สลัด และอีกมากมาย เรากินได้ไม่ครบทุกย่าง อากาศจะค่อนข้างเย็น และกินข้าวข้างนอกด้วย เลยต้องหาตัวช่วย
สุดท้าย เขียน Postcard ส่งให้คุณตา ก่อนจะเข้านอน ด้วยความหนาวเหน็บ ---จบวันที่1.
-สรุปเองว่าที่นี่หนาวกว่าเมืองนอกที่ที่มีหิมะตก เพราะตรงนั้นเขาหนาวกันแค่นอกอาคาร ในรถ ในอาคารเขามีฮีทเตอร์ สามารถยืนมองหิมะตกผ่านกระจกได้อย่างสบาย แต่ที่นี่ไม่ใช่ไม่มีฮีทเตอร์ ชุดกันหนาวเท่านั้นที่ช่วยท่านได้
มีประโยชน์แก่ผู้อ่านมากครับ
โดย: jj IP: 110.77.182.164 วันที่: 7 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:24:08 น.
|
Link |