มุ่งไปสู่จุดหมาย สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ One Piece
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
ทริปพม่า

เริ่มต้นก็มีคนซื้อทัวร์ไป 7 คน(รวมพวกเรา) แต่พอไปถึงสนามบินถึงได้รู้ว่ามีแค่ " 5คน " แน่นอนว่าไม่มีไกด์ไทยไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญที่ดีสุดๆหรือป่าว ที่บริษัททัวร์ได้เลือก 1 ในลูกทัวร์เป็น "ไกด์จำเป็น" แน่นอนว่าเราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะทางบ.ทัวร์ก็ได้เตรียมไกด์ท้องถิ่นที่พูดภาษาไทยได้ไว้ให้แล้ว(เชื่อสนิทใจ) และพวกเราทั้งหมดก็แนะนำตัวกันทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย เริ่มต้นที่คนแรก ลุงทุม 2. พี่อ้อ (ไกด์จำเป็น) 3. พี่เอ 4. เรา และ 5. หลิน(น้องสาวเราเอง) แล้วการผจญภัยแบบนกกระจอกแตกรังก็เริ่มขึ้น

ทันทีที่ไปถึงสนามบินพม่า พวกเราก็ได้เจอกับไกด์ท้องถิ่น ซึ่งดูเด็กมากกว่าที่เราคิดเอาไว้ แถมพูดไทยได้ป๋อเลย สำเนียงไม่ผิดเพี้ยน เหมือนคนเหนือมากกว่าคนพม่าซะอีก 555 (ในความรู้สึกของเรานะ) ท่าทางเรียบร้อย ดูนิ่งๆ พูดน้อยอีกต่างหาก การเที่ยวในวันแรกก็สุดแสนจะธรรมดา พอถึงที่เที่ยวไกด์ก็จะอธิบายประวัติความเป็นมาให้ฟัง ซึ่งต้องพยายามอยู่ใกล้ไกด์เข้าไว้จะได้ได้ยิน ประมาณว่าถ้าเดินตามมาทีหลังก็จะไม่รู้ว่าไกด์พูดอะไร ซึ่งเป็นอย่างนี้ตลอดทริป แต่พวกเราส่วนใหญ่เคยมาเที่ยวพม่าแล้ว ยกเว้น ลุงทุม ดังนั้นในตัวย่างกุ้งเอง จะเป็นอะไรที่ทำเวลาในการเที่ยวแต่ละสถานที่ได้ดี จนเหลือเวลาเที่ยว "ชเวดากง" ได้นานขึ้น(คนพม่าเรียกอย่างนี้จริงๆ) และก็ปิดการเที่ยวในวันแรกได้เร็วกว่ากำหนดอีก อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจคิดว่า " มันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนิ" เรื่องมันจะเริ่มต่อจากนี้ อิอิ

สถานที่เที่ยววันแรก -- วัดพระเขี้ยวแก้ว / เจดีย์กาบาเอ / พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี / เจดีย์โบตะทาวน์ / maha wizara / ชเวดากอง

ส่วนที่พัก chatrium hotel



วันที่ 2 พุกาม

หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มทำความคุ้นเคยกะไกด์มากขึ้น โดยการชวนไกด์คุย(ไกด์ไม่ค่อยพูดก็ชวนคุยซะเลย) คุยมันสารพัดเรื่อง ตั้งแต่เรื่องที่เที่ยวยันเรื่องสัตว์เลี้ยง ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญที่ส่วนใหญ่เลี้ยงหมาเหมือนกัน แต่ไกด์เลี้ยงหมากะแมว(ไม่รู้อยู่ด้วยกันได้ไงเนอะ) ในวันที่ 2 ของการเที่ยว พวกเราทั้งหมดก็เดินทางไปพุกาม อ้อ! ลืมบอกไปว่าทริปนี้ต้องบินไปเมืองนู้นเมืองนี้แต่เช้าทุกวัน ตื่นกัน ตี 4 บ้าง ตี 5 บ้าง แล้วแต่ไฟต์บิน(คล้ายทัวร์ทรมานเนอะ 555) บางวันก็อาหารกล่อง(เพราะออกแต่เช้า) ส่วนใหญ่จะได้กินมื้อเช้าที่โรงแรม

ที่พุกามนี่จะแห้งแล้งเหมือนอีสานยามแล้งน้ำ ดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย ปีนึงๆฝนตกไม่กี่วันและก็ตกไม่มากด้วย นี้ก็คงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้โบราณสถานของที่นี่ไม่ทรุดโทรมเร็ว วันที่พวกเราไปฝนก็ตกด้วย ตกแค่พอหน้าดินชื้นๆ แต่ก็ไม่ได้ตกทั้งวันนะ ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก ช่วงเช้าฝนยังไม่ตกเริ่มตกช่วงบ่าย ตามโปรแกรมจะเที่ยว 4-5 ที่ในแต่ละวัน(เฉลี่ยๆนะ) แต่วันนี้ได้นอกโปรแกรมหลายที่ เพราะคนขับรถท้องถิ่นจะรู้ที่ดีกว่าไกด์(ชำนาญพื้นที่มากกว่า) เค้าก็จะพาแวะตรงนุ้นตรงนี้(แน่นอนว่าเค้าคุยกันก่อนแล้วค่อยบอกพวกเรา) ซึ่งบอกตามตรงว่าเราเองก็จำไม่ได้ว่าตลอดทริปไปเที่ยวที่ไหนบ้าง(ไม่ได้จดไว้ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง) ระหว่างเดินทางก็จะมีคำถามถามไกด์บ้าง ในเรื่องเที่ยวบ้างนอกเรื่องเที่ยวบ้าง ที่กินที่พักก็เหมือนเหมาร้านเอาไว้เลย อย่างร้านที่ไปกินมื้อกลางวันก้อมีลูกค้าแค่ 2 โต๊ะเอง ที่พักก็มีแค่กรุ๊บเรา+1 ห้อง(ใครก็ไม่รู้)เท่านั้นเอง ยิ่งร้านที่ไปกินมื้อค่ำนะ กินกันจนจะหมดแล้วเพิ่งมีลูกค้าคนอื่นๆ( 2 คน)เข้ามา กินเสร็จก็กลับเข้าที่พัก

ระหว่างทางกลับไกด์ก็ชี้ให้ดูเนินข้างหลัง(แล่นรถผ่านมาแล้ว) แล้วก็เล่าให้ฟังว่า "เพื่อนของเค้า(ไกด์)มาเจอทีเด็ดที่นี่" ทำเอามองหน้ากันเลย เพราะว่ามันเป็นตอนกลางคืนไงเหมาะกับบรรยากาศเล่าเรื่องผีนักเชียว แล้วเรื่องผีๆก็ถูกเล่าออกมาหลายเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่พุกาม เนินที่พูดถึงเมื่อกี้ มักจะมีคนเจอบ่อยๆ และเป็นเส้นทางที่แทบจะทุกคนต้องผ่าน พวกที่เจอมักจะเป็นพวกที่เดินมา หรือไม่ก็ขี่จักรยาน ประมาณว่า "ขี่ขึ้นเนินไม่ได้" ทั้งๆที่มันเป็นเนินนิดเดียวเอง เหมือนมีคนมาซ้อนท้ายอะ กรณีของเพื่อนไกด์นั้นคือ เพื่อนไปฉี่แถวๆนั้นแล้วไม่ได้ขอขมาไง ก็เลยโดนซะเลย เพราะอย่างนั้นไกด์เลยต้องรีบพามากินแล้วรีบพากลับ แต่สำหรับคนที่ไปเที่ยวเองแล้วไม่รู้เรื่องนี้ คุณๆทั้งหลายอาจสงสัยได้ว่า "ทำไมคนที่ร้านเค้าถึงได้ให้คุณๆทั้งหลายรีบกินรีบกลับ" ยิ่งถ้าไม่ได้มาด้วยรถยนต์แล้วหละนะ เชื่อเค้าแล้วรีบๆกลับจะดีกว่า

โรงแรมในพุกามแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ พุกามเมืองเก่า และ พุกามเมืองใหม่ ที่โรงแรมในพุกามเมืองเก่าก็เหมือนกัน มี 2 โรงแรมที่ใครไปพักก็โดน เป็นโรงแรมที่นักท่องเที่ยวชอบไปพักกันด้วย แต่เราจำชื่อไม่ได้อะนะ ถ้าใครจะไปเที่ยวก็เลือกพักที่พุกามเมืองใหม่ละกัน ปลอดภัยกว่าชัวร์ พวกเราเองก็พักที่พุกามเมืองใหม่ คืนที่ 2 นี้เรานอนหลับไม่สนิทเท่าไหร่ เพราะกลัวตื่นไม่ทันและ ก็หลอนๆด้วย

อ้อ! อีกเรื่องนึง ถ้าใครได้ไปเที่ยวพระธาตุอินแขวน แล้วพักที่ข้างบน ห้องพักที่อยู่ฝั่งเดียวกับห้องอาหาร ห้อง 5A ห้ามพักเด็ดขาด ห้องที่อยู่ข้างๆกันก็อย่าไปพัก ไม่งั้นได้หลอนกันไปข้างนึงแน่ๆ เรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้หรอก เพราะโรงแรมก็กลัวลูกค้าหนี ไกด์ก็กลัวลูกทัวร์กลัว ห้องที่พูดถึงนี้นะ เจ้าของนิมนต์พระมาสวดแล้ว แต่ผีก็ยังไม่ยอมไปนี่ดิ แต่จริงๆฝั่งนี้จะเป็นพวกไกด์พักนะ นอกจากว่าเป็นช่วงท่องเที่ยวจริงๆ นักท่องเที่ยวอาจได้มาพักที่ฝั่งนี้ เป็นความซวยของคนไปพักจริงๆ เป็นความโชคดีที่เริ่มสนิทกับไกด์แล้ว ไกด์ก็เลยเล่าให้ฟัง

สถานที่เที่ยววันนี้ -- ชเวสิกอง / วัดอนันดา / วัดมนุหา / วัดติโลมินโล / เจดีย์สัพพัญญู / วิหารธรรมยันจี /เจดีย์พุพยา / เจดีย์ชเวซานดอว์

ที่พัก thazin garden



วันที่ 3 มัณฑะลย์

เช้านี้กินมื้อเช้าที่โรงแรม อากาศดีมาก แต่ก็ง่วงนอน(ปกติตื่นสายไง ) อาหารก็ไม่มีอะไรมาก เพราะยังเช้า(มาก)อยู่ ก็มีขนมปัง ไข่ดาว น้ำผลไม้ สิ่งที่คุณจะหาไม่เจอก็คือ ซอสมะเขือเทศ และสารพัดซอสที่มันควรจะมี แต่ไม่มีนี่สิ ที่จะตั้งอยู่บนโต๊ะก็มีแค่ เกลือ พริกไทย เป็นความทรมานของคนที่กินไข่กับซอส หรือแม็กกี้เลยอะ เศร้าใจอย่างแรง

ที่มัณฑะเลย์นี่เราก็เที่ยวกันตามโปรแกรม ที่แรกก็ไปสะพานไม้อูเบ็ง /วัดมหากันดายง /วัดมหามุนี แล้วก็ไปกินข้าวกลางวัน ช่วงบ่ายก็เริ่มเที่ยวอีกครั้ง 1 ในโปรแกรมเที่ยวที่พวกเราไปเจอทีเด็ดแบบน้ำจิ้มๆ คือ พระราชวังมัณฑะเลย์ที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ พอเดินเข้าในส่วนที่เป็นตำหนักที่พักของเจ้าเมือง พี่อ้อก็เกิดอาการอึดอัด ยิ่งเดินเข้าก็ยิ่งอึดอัด พี่เค้าเลยขอเดินข้างนอกแทน พวกที่เหลือก็เดินเข้าไปกัน ระหว่างนั้นเราก็ได้กลิ่นตัวคนพม่า เหม็นสาบเหม็นเขียวอะ "มีพม่าเดินมาเหรอวะ" (คิดในใจ) แล้วก็หันไปมองหา แต่ไม่เจอใครอะ เพื่อเป็นการพิสูจน์ เราเลยเดินเข้าไปใกล้ๆไกด์ แต่ไม่มีกลิ่นอะ ( ปกติไม่มีกลิ่นนะ ) แล้วก็เดินต่อไปอีกห้อง ซึ่งมันก็อับๆ เราเลยคิดว่า "คิดมากไปเองหรือป่าววะเนี่ย" แต่ ณ เวลานั้นเราไม่ได้บอกใครเลย แล้วก็เดินเที่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนกลับเข้าที่พักแหละถึงได้พูดให้พวกที่ไปด้วยกันฟัง

ที่สุดท้ายที่พวกเราไปคือ mandalay hill แต่ตอนที่ไปกำลังต่อเติมซ่อมแซมกันอยู่ ก็ได้แต่รูปวิวทุ่งนาอะ กะจะดูพระอาทิตย์ตกดินกันซะหน่อย แต่ต้องรีบลงเพราะลิฟปิด 6 โมงเย็น และวันนั้นพระอาทิตย์ตกช้าด้วยอะ ระหว่างที่เดินเล่นบนนั้น ก็เห็นใครบางคนกำลังจับกลุ่มกัน เลยเดินเข้าไปดูปรากฏว่า พี่อ้อ พี่เอ และไกด์จับกลุ่มคุยกันอยู่นั้นเอง เราเลยตามเข้าไปสมทบด้วย ขี้เกียจเดินแล้วด้วย ก็นั่งคุยฆ่าเวลาระหว่างรอลุงทุมถ่ายรูป ด้วยความที่ไกด์อายุน้อยกว่าลูกทัวร์ส่วนใหญ่ ( ยกเว้น หลิน ) และเรียบร้อย ไม่เถียง ทำให้พวกเราชอบแหย่และแกล้งไกด์ แต่แบบฮาฮานะ ไม่ได้แบบโหดร้าย ของลุงนี่สิโหดกว่า มักจะออกนอกเส้นทาง ไกด์ต้องไปตามหายบ่อยๆ โหดแบบไม่ได้ตั้งใจ 555

ส่วนอาหารกลางวันวันนี้ก็เป็นอาหารไทย เผ็ดได้ใจเลย(เอาใจลูกทัวร์จริงๆ) ส่วนมื้อเย็น จะเป็นลูกผสมพม่าจีนซะส่วนใหญ่ แต่เราว่ามันเกือบจะจีนเลยมากกว่านะ 555 อาหารส่วนใหญ่ที่กินตามร้านจะคล้ายๆกันออกแนวจีนๆ สีสันเหมือนจะเผ็ดแต่ไม่เผ็ดอย่างที่เห็น ส่วนจานสุดท้ายก็จะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล ที่ได้กินก็จะเป็น มะละกอ แคนตาลุบ สัปปะรด จะเป็นบางมื้อที่มีกล้วยด้วย เป็นกล้วยหอมนะ แต่ไส้สีส้มๆ รสชาด หวาน ตรงไส้จะอมเปรี้ยวหน่อยๆ

ที่พัก sedana mandalay



วันที่ 4 เฮโฮ

วันนี้ก็ต้องรีบตื่นเหมือนกับวันอื่นๆ แล้วก็รีบกินข้าวเช้าที่โรงแรม จากนั้นก็นั่งเครื่องไปลงเมืองเฮโฮ ต่อด้วยนั่งเรือไปทะเลสาบอินเล สำหรับใครที่จะไปที่นี่ แนะนำให้เอาหมวกที่มีเชือกผูกไปด้วย(กันหมวกปลิว) และก็แว่นกันแดด แต่ถ้าลืมก็หาซื้อก่อนลงเรือได้ ในราคาใบละ 1000 จ๊าด ที่พักของเราอยู่ในทะเลสาบ โรงแรม G.I.C. ตั้งอยู่ในทะเลสาบ 2 แห่ง ที่แรกจะใหญ่กว่า มีห้องพักมากว่า ให้นึกถึงแมงมุม นั้นคือการวางตำแหน่งที่พัก โค้งหน้าโค้งหลัง แต่พวกเราพักที่โรงแรมที่ 2 ซึ่งมีห้องพักน้อยกว่า ได้วิวที่ดีกว่า เบอร์ห้องของทุกคน คือ 104 ไกด์ 107 เรา+หลิน 108 พี่อ้อ+พี่เอ 109 ลุงทุม หลังจากเข้าไปเก็บสัมภาระแล้ว ก็รอกินข้าวที่นั้น จริงๆต้องไปกินที่อื่น แต่เพราะฝนตก กินเสร็จก็รอให้ฝนหยุด จากนั้นก็เริ่มเที่ยวตอนบ่าย ไปหมู่บ้านทอผ้าอินปอขม แล้วก็วัดแมวกระโดด อันนี้ถ่ายมาไม่ติดอะ ฝีมือการถ่ายยังไม่ถึงขั้น แล้วก็วัดพองดออู ระหว่างทางก็จะได้ดูไร่มะเขือเทศ ปลูกกันกลางทะเลสาบเลย และก็วิวตลอดทาง ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนจริงๆ วิวสวย อากาศดี



วันที่ 5 ย่างกุ้ง

เช้าวันนี้ก็ต้องรีบตื่นเหมือนทุกวัน กินไข่ทอดกับเกลืออีกแล้ว แม็กกี้ จ๋า แม็กกี้ พกมาซะก็ดี < T-T > ข้ามไปที่ย่างกุ้งเลยละกัน วัดแรกที่ไปนี่อยู่นอกโปรแกรม ไกด์บอกว่าพอมีเวลาเลยพาแวะวัดนี้ก่อน ชื่อ " วัดอะเล็งงาซิ่น " ภายในมีพระพุทธรูปสีเขียว ที่สำคัญวัดนี้คนมักมาขอพรเกี่ยวกับการทำธุรกิจ และที่สำคัญกว่านั้นคือ วัดนี้มักปิดก่อนเวลา และก็เปิดตามอารมณ์(ของใครก็ไม่รู้) ซึ่งถือเป็นโชคดีมากๆที่เปิดพอดี(กำลังทำความสะอาดกันอยู่) เพราะตัวไกด์เองเคยไปกับเพื่อน พอไปถึงปรากฏว่าปิด ก็ต้องกลับกันตามระเบียบ จากนั้นก็ไปวัดพระหินอ่อน ซึ่งก็มีการเกี่ยงงอนเรื่องที่เที่ยวกัน เพราะไม่อยากไปดูช้างเผือก อยากให้พาไปที่อื่นแทน แต่ไกด์ก็ไม่พาไป ก็เลยตกลงกันที่ 4 คนนี้ขออยู่ที่วัดพระหินอ่อนก่อน ส่วนไกด์ก็ไปกะลุงทุม (ไปรเวทสุดๆเลยนะคุณลุง) ดูช้างเผือกเสร็จค่อยมาเจอกันที่วัดพระหินอ่อน จากนั้นก็ไปถ่ายรูปเจดีย์ซูเล อยู่กันคนละฝั่งถนนเลย 555 ไม่ได้เข้าไปไง แค่ผ่านถ่ายรูป จากนั้นก็ไปตลาดสก็อต ระหว่างที่เดินอยู่ในตลาด เราก็เล่าเรื่องกลิ่นที่เจอในวังให้ไกด์ฟัง ไกด์ขนลุกเลย แล้วก็พูดว่าเคยมีคนเจอเหมือนกัน(แต่ในลักษณะที่ต่างกัน) ซึ่งตอนที่อยู่ในวังนั้นไกด์ก็เล่าในฟังเหมือนกันว่า มีลูกทัวร์เข้าไปแล้วร้องไห้กลับออกมา มารู้ตอนหลังว่า "เค้าเห็นลูกทัวร์คนอื่นๆถูกทหารล้อมไว้" แล้วพวกนั้นก็บอกว่า "ถ้าเข้ามาจะฆ่าพวกนี้ให้หมด" เค้าเลยไม่ยอมเข้าไปไง ยังดีที่ตอนไปมันเป็นตอนกลางวัน ก็เลยไม่ค่อยฝ่อกันเท่าไหร่ กลับมาที่ตลาดอีกรอบ ไกด์พาลูกทัวร์ไปช้อปปิ้งเสื้อยืด ซึ่งเป็นร้านที่ไกด์ไปซื้อบ่อย เป็นผ้าของพม่าและลายก็เฉพาะของทางร้านด้วย เราซื้อมา 2 ตัว ส่วนคุนพี่ทั้ง 2 ได้มาอีกคนละหลายตัว(ช้อปทุกที่จริงๆ) ไกด์ได้มา 1 ตัว หลินก็ 1 ตัว จากนั้นก็ไปร้านรองเท้าที่ไกด์ไปซื้อประจำ(อีกแล้ว) ได้ค่าคอมมิชั่นมะเนี่ย คุนๆทั้ง 3 (ยกเว้นเรากะไกด์) ก็เลือกกันให้มันส์ไปเลย อ้อ-ที่ไม่พูดถึงคุณลุงก็เพราะ แยกกันตั้งแต่ร้านเสื้อแล้ว เลยไม่รู้ว่าไปไหนไง 555 หลังจากได้รองเท้าอีกคนละ 1 คู่ ก็ไปขึ้นรถ "ลุงทุมอะ?" "หายไปไหนอีกแล้ว" "ช่วยกันหาหน่อย" "นู้นๆอยู่ฝั่งนู้น" ความอลมานเกิดขึ้นทุกครั้งที่ลุงหายไป แล้วมื้อเย็นวันนี้ก็เป็นอาหารจีน กุ๊กออกมาต้อนรับเองเลย แต่ละจานเยอะมาก กินกันไม่หมด แล้วก็กลับที่พักจัดข้าวของเตรียมตัวบินกลับไทย


เช้าวันที่ 6

เช้านี้ไกด์ดูสดใสผิดหูผิดตา เลยโดนแซวซะ ว่า " ดีใจที่พวกเรากลับแล้วใช่มะ จะได้ไม่โดนแกล้ง" เค้าก็หัวเราะๆ แล้วก็บอกว่า "ไม่ใช่" ทริปนี้ เค้ารู้สึกว่าเหมือนกับไปเที่ยวกับเพื่อนกับพี่มากกว่า เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน(ปากหวานจริง ทิปในซองมันไม่เพิ่มขึ้นหรอกน้องเอ๋ย อิอิอิ) ไม่รู้สึกเหมือนกับไปกับลูกทัวร์ หน้าบานกันไปเป็นแถวแล้วตอนนี้ อยู่บนรถก็ยังเฮฮากันดี แล้วเวลาแห่งการจากลาก็มาถึง ส่งพวกเราเสร็จ ไกด์ก็ต้องไปรับลูกทัวร์อีกกรุ๊ปที่เพิ่งมา แทนพี่ที่บริษัทที่ติดธุระด่วน ระหว่างรอขึ้นเครื่อง หลินก็เล่าเรื่องที่เจอที่อินเลให้ฟัง ทุกคนพูดเหมือนกันเลยว่า "ทำไมไม่เล่าให้ไกด์ฟัง จะได้ไม่จัดให้ลูกทัวร์คนอื่นๆลงห้องนี้" กลับไปดูเร็วๆว่าห้องไหน ก่อนจะเล่าให้ฟังต่อ 555

เรื่องมีอยู่ว่าคืนนั้น จัดของไปได้นิดหน่อย เราก็มาคหน้า แล้วเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาก็เลยจัดของต่อจนดึกเหมือนกัน ระหว่างนี้หลินก็ตื่นขึ้นมาขอยาแก้ปวดหัว นอนไม่สบาย เพราะไม่ได้เปิดหน้าต่าง ลมไม่เข้า ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราเปิดหน้าต่างไว้ แต่พนักงานมาปิดและก็จัดห้องไว้ให้ ก็เลยต้องเปิดกันใหม่ แล้วก็ไปนอน จัดเสร็จเราก็ไปนอน ตัวเราเองไม่เจออะไรนะ แต่หลินเจอในรูปความฝัน ฝันว่า มีเด็กมาวิ่งเล่นรอบๆเตียง แล้วก็วิ่งไปจับถุงนู้นถุงนี้ (ถุงหิ้วที่เราไว้ใส่ของ) แล้วก็มีเสียงคนพูดกัน(น่าจะเป็นภาษาพม่า) สุดท้ายเป็นเสียงคนแก่ พูดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า" ไปด้วยกันไหม" ซึ่งหลินก็ตอบปฏิเสธไป "ไม่ ไม่ไป"(กรุณาใส่อารมณ์มากๆเพื่อความสมจริง) อ้อ! ข้ามไปอีกช็อตนึง ก่อนที่จะฝันก็โดนผีอำด้วย ดีที่ไม่บอกเราตั้งแต่คืนนั้น ไม่งั้นคงสติแตก ประสาทหลอนไปแล้วแน่ๆ(ตั้งแต่รู้ว่าผีอำนะ) พอเล่าจบทุกคนก็ประมาณว่าโวยวายหน่อยๆที่ไม่ยอมเล่าตั้งแต่แรก มาบอกตอนนี้ก็บอกไกด์ไม่ได้อะดิ สงสัยกลัวไม่มีคนโดนเหมือนกันมั้ง เดี๋ยวจะน้อยหน้ากัน 5555



ปล. มีความเชื่อว่าถ้าสวมแหวนหางช้างแล้ว จะไม่เจอเรื่องพวกนี้ ยกเว้น โดนผีอำ หางช้างช่วยไม่ได้นะจ๊ะ จากการพิสูจน์ของไกด์ เพราะเมื่อก่อนเจอบ่อย ตั้งแต่ใส่แหวนก็ไม่เจออีกเลย เลยใส่ไม่ถอดเลย






Create Date : 12 กันยายน 2552
Last Update : 13 กันยายน 2552 12:15:14 น. 1 comments
Counter : 666 Pageviews.

 
พอดีมาอ่านตอนใกล้เลิกงาน ยังอ่านไม่จบนะ แต่ขอชมจากใจจริงเลยเพื่อน ขยันจริงๆเลยแก


โดย: aum IP: 127.0.0.1, 125.27.208.195 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:16:53:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kokoro_no_Chizu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kokoro_no_Chizu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.