Group Blog
มิถุนายน 2565

 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
5 มิถุนายน 2565
All Blog
การอบรมจิต เมื่ออยู่กับคนชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว หน้าไหว้หลังหลอก
การอบรมจิต เมื่ออยู่กับคนชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว หน้าไหว้หลังหลอก

   คนเอาเปรียบเห็นแก่ตัวในโลกนี้มีทุกที่ จะไปที่ไหนก็ต้องพบเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการที่เราจะอยู่ร่วมกับเขาได้จึงสำคัญ เพราะหากแม้หนีจากที่นี่ได้ ที่อื่นก็มี อยู่ที่จะมีมากหรือน้อยเท่านั้นเอง แต่ไม่มีสักที่ที่จะไม่มีเลย วิธีใช้ชีวิตร่วมกับเขา คือ

1. อย่าเอาความสุขสำเร็จของตนไปผูกขึ้นไว้กับผู้อื่น
..สุขทุกข์มันอยู่ที่ใจของเรา มันเกิดขึ้นที่ใจ ตั้งอยู่ก็ตั้งที่ใจของเรา มันดับก็ดับที่ใจของเรา ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นภายนอก
..ที่ปุถุชนทั่วไปเห็นว่าสุขทุกข์นั้นเกิดมาจากบุคคลนั้น บุคคลนี้ทำให้เป็น แต่แท้จริงแล้วเราแค่ยึดเอาเขามาเป็นตัวแปรความคิดของเราให้เกิดสุขหรือทุกข์เท่านั้น นี่จะเห็นได้ว่าใจเราทำและใจเราเสพย์เองทั้งนั้น
..เมื่อรู้แล้วว่าสุขทุกข์อยู่ใจเราคิดเราทำ เกิดที่ใจ ดับที่ใจ เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาความสุขของตนไปผูกขึ้นไว้กับใครอีกต่อไป ไม่ค้องไปคาดหวังการตอบสนองกลับจากใครให้เป็นไปดั่งที่ใจเราชอบเราต้องการ ไม่ต้องไปคาดหวังการตอบสนองความต้องการในใจเราจากใคร เพราะมันหาประโยชน์สุขแท้จริงใดๆไม่ได้เลย นอกเสียจากทุกข์ และทุกข์เท่านั้น ..เมื่อเราไม่เอาใจไปผูกไว้กับใครคนนั้น คนนี้ ไม่คาดหวังการตอบสนองกลับจากใครว่าเขาทำแบบไหนจึงจะเป็นสุขของเรา เขาแบบไหนเป็นทุกข์เรา เราก็ไม่ทุกข์เพราะเขาอีก
..ดังนี้แล้วเราจึงไม่ควรใส่ใจให้ความสำคัญกับใครมากเกินความจำเป็น ไม่ควรเอาเขามาเป็นสุข หรือทุกข์ของเรา และหากเขาเป็นตัวทุกข์ของเรา เราก็ยิ่งไม่ควรเอาเขามาผูกตั้งไว้กับใจของเราให้เราเป็นทุกข์อีก

2. สุขและทุกข์เป็นของร้อน
..เมื่อเห็นว่าการยึดทั้งสุขและทุกข์มันทำให้ใจเร่าร้อน ดั่งไฟสุมใจแผดเผากายใจตนให้มอดไหม้ ก็ให้รู้ว่า สุข และทุกข์นั้นเป็นแค่เพียง.. ความรู้สึกอันเกิดแต่อารมณ์สัมผัส(คือ ธัมมารมณ์ สิ่งที่ใจรับรู้ทั้งปวง), เป็นความรู้สึกเสวยอารมณ์อันเกิดแต่สัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จะเข้าไปยึดเอาว่า..ขอสุขนี้จงเกิดขึ้นกับเราตลอดไปก็ไม่ได้ จะบังคับความรู้สึกสุขให้อยู่กับเราตลอดไปก็ไม่ได้ ย่อมไม่มีอำนาจใดๆไปบังคับมันได้ เพราะมันเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิตให้ใจเสวยอารมณ์ ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตนของเรา สุขไม่ใช่เรา เราไม่ใช่สุข สุขไม่มีเราในนั้น ไม่มีเราในสุข เป็นเพียงความรู้สึกเสวยอารมณ์อันเกิดแต่สัมผัสเท่านั้นไม่มีอื่นอีก มีความแปรปรวนตลอดเวลา ไม่คงทนอยู่ได้นาน แล้วก็เสื่อม บังคับไม่ได้ ไม่มีอำนาจใดจะไปบังคับมันให้เป็นดั่งใจได้ ็ถ้าสุขทุกข์นั้นเป็นเรส เป็นของเราแล้ว เราก็ย่อมบังคับมันให้เป็นไปดั่งใจได้ แต่ก็หาทำได้ไม่ เพราะสุขและทุกข์ไม่ใช่เรา ไม่มีไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรม  ความเข้าไปยึดถือเอาสุขและทุกข์ อุปาทานยึดเอาตัวตนในสุขและทุกข์ ย่อมเป็นไฟเผากายใจเราให้หมองไหม้ ดังนั้นสุขก็ดี ทุกข์ก็ก็ดี สักแต่มีไว้แค่เพียงให้ระลึกรู้ ไม่ได้มีไว้ให้ยึด เพราะเป็นของร้อน

3. อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
..ให้มองเขาว่าไม่ข้องเกี่ยวกับงานเรา งานนั้นมีเรารับผิดชอบเต็มๆคนเดียว เป็นหน้าที่ของเรา เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหน้าที่ของเรา
..อุปมาเหมือนเวลาเราทำงานร่วมกับใคร แล้วสลับกันพักเที่ยง หรือมีกิจธุระได้รับมอบหมสยงานอื่นให้ทำอยู่ เหลือเราทำงานนั้นๆอยู่คนเดียว เมื่อเราทำงานคนเดียวโดยไม่มีเขามายุ่งเกี่ยว เราก็ยังทำงานนั้นได้ ไม่ว่างานจะเยอะ หรือจะน้อย เราก็ต้องรับผิดชอบทำตามหน้าที่ให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา หรือปริมาณจำนวนนั้นๆ
..ดังนี้จะเห็นว่า งานของเราไม่เกี่ยวกับเขาเลย งานจะมีมากหรือน้อย จะสำเร็จได้มันไม่เกี่ยวกับเขาเลย มันอยู่ที่เราทำทั้งนั้น อย่างนี้เราจะเริ่มละตัวตนของเขาออกไปได้แล้ว เริ่มเห็นเขาไม่มีบทบาทในชีวิตเราแล้ว ไม่มีความคาดหวังการตอบสนองกลับความต้องการในใจของเรา ไม่ใส่ใจให้ความสำคัญกับเขา
..จนที่สุด เขาก็แค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง กองธาตุ ๖ หรือขันธ์ ๕ กลุ่มกองหนึ่งที่มีรายล้อมเราเท่านั้น ไม่ใช่ตัวตน แค่ของว่างเปล่า แม้เรามองเห็นได้ สัมผัสได้ พูดคุยด้วยได้ แต่ไม่มีบทบาทอะไรกับชีวิตเราอีกเลย แค่ของว่าง แค่อนัตตา

เคล็ดลับประครองใจใน 3 ข้อข้างต้น

- วิบากกรรม+ทานบารมี
(หากทานเรามีมากจะมีคนช่วนเหลือเราเอง แต่ที่ไม่มีคนช่วยเหลือ เพราะชาติก่อนไม่เคยวละให้ หรือช่วยเหลือใครไว้เลย หรือเราอาจเคยเอาเปรียบเขามาในกาลก่อน ดังนั้นเราก็ยกให้เขาเป็นทานไป เพื่อสะสมบารมีทานของเราเอง ละเว้นความผูกแค้นคิดเบียดเบียนเขาจนเบียดเบียนใจตนเองให้เป็นทุกข์หมองไหม้สละให้เขาไปเป็นอภัยทาน)
- ให้เจริญเมตตาตนเอง+อานาปานสติ+จาคะ
- ให้เจริญเมตตาแก่ผู้อื่น โดยเอาผลจากการเมตตาตนเองนั้นแผ่ไป

อาฬวกยักษ์ ผู้กระด้างปราศจากความอดทน ดุร้าย สู้รบกับพระพุทธเจ้าอย่างทรหดยิ่งกว่ามาร ตลอดราตรี พระจอมมุนีทรงเอาชนะได้ด้วยขันติวิธีที่ทรงฝึกมาดีแล้ว ด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้นขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน



Create Date : 05 มิถุนายน 2565
Last Update : 5 มิถุนายน 2565 14:45:31 น.
Counter : 67 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1075032
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]