ตรวจสุขภาพ "ตา" ประจำปี

ได้เวลามาตรวจสุขภาพตาประจำปี มาตรวจวันเดียวกันกับลูก เรามาตรวจที่เดิมทุกๆปี 



วันนี้เราเดินทางมาตรวจสุขภาพ "ตา" ประจำปี  วันที่มาตรวจนี้ไม่มีอาการทางตา ตาปรกติค่ะ มาตรวจที่สถาบันตาโรงพยาบาลวิทยาลัยชิคาโกเเห่งอิลลินอยส์



เราขับรถมาค่ะ สถาบันตาเเห่งนี้อยู่ในดาวน์ทาวน์ชิคาโก ต้องขับรถผ่าเข้าไปในเมือง วันนี้อากาศดี มีเเดดออก เก็บภาพบรรยากาศชิคาโกระหว่างรถติดไฟเเดงมาฝากค่ะ









ใครที่ขับรถมาดาวน์ทาวน์ ที่นี่หาที่จอดรถยากมาก ค่าจอดรถก็เเพง จอดรถสุ่มสี่สุ่มห้า จะโดนตั๋วหรือไม่ก็โดนลากรถไปได้ง่ายๆ  ต้องไปหาจอดตามตึกจอดรถสูงๆเเบบในภาพ คิดค่าจอดเป็นชั่วโมง

ตึกสีน้ำตาลซ้ายมือ ตรงข้ามตึกจอดรถที่เห็นในภาพ เป็นตึกอิมมิเกรชั่น เรามาสาบานตนเป็นพลเมืองอเมริกันตอนเปลี่ยนสัญชาติที่ตึกนี้ค่ะ



ขับเลยออกมาจากดาวน์ทาวน์ไม่ไกลก็ถึงที่ตรวจตา เรามาตรวจที่นี่ทุกปี คนเยอะทุกครั้งที่มา เราตรวจฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีประกันสุขภาพค่ะ



ขับรถมาจอดที่ตึกจอดรถ ห้ามจอดข้างถนนนะคะ มีเจ้าหน้าที่เขียนตั๋วเดินไปเดินมา จ้องเลยค่ะ  นอกจากนั้น ในบางพื้นที่ ยังมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ร้ายสุดโดนยกรถไปเลยค่ะ (เราเคยโดนมาเเล้ว) เนื่องจากที่นี่พลุกพล่าน เทียบคล้ายโรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลจุฬา, โรงพยาบาลตำรวจประมาณนั้นค่ะ



เอารถมาจอดที่ตึกจอดรถที่เขาจัดใว้ให้ ต้องเสียค่าจอดรถด้วย ที่นี่ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำบูทคอยเก็บตังค์นะคะ เราต้องกดบัตรจอดรถเเละจ่ายค่าจอดรถจากเครื่องอัตโนมัติด้วยตัวเอง



 อัตราค่าจอดรถ (วันธรรมดา)
0-4 ชั่วโมง ค่าจอด 5 ดอลล์
4-6 ชั่วโมง ค่าจอด 15 ดอลล์
6 ชั่วโมงขึ้นไป ค่าจอด 30 ดอลล์

ค่าจอดรถวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ค่าจอด 5 ดอลล์



เก็บบัตรจอดรถที่กดมาจากเครื่องให้ดี ห้ามทำหาย ถ้าบัตรหายเรื่องใหญ่เลยค่ะ ต้องเสียเวลาไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เเละต้องจ่ายค่าจอดรถป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง ถึงเเม้เราจะจอดไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม เป็นกฏของเขาค่ะ การจ่ายเงินที่ตู้อัตโนมัต รับทั้งเงินสดเเละบัตรเครดิตการ์ด



มาถึงเเล้วก็มาเช็คอินที่เค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ เสร็จเเล้วนั่งรอเรียกชื่อ ตอนนี้มาโรงพยาบาลยังต้องใส่หน้ากากอนามัยนะคะ

 หลายคนคิดว่าตาไม่เป็นไร ตราบใดที่การมองเห็นยังดีอยู่คงไม่ต้องตรวจก็ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะโรคตาบางโรคมาเงียบๆ ช่วงแรกอาจไม่มีอาการเลย โดยเฉพาะต้อหินชนิดเรื้อรังในคนวัย 40 ปีขึ้นไป เราสามารถตรวจสุขภาพตาได้ทุกช่วงอายุไม่จำเป็นต้องตรวจตอนอายุมาก

 หลายคนตรวจพบความผิดปกติโดยบังเอิญ เช่น ต้อหินหรือสายตาผิดปกติโดยไม่ทราบมาก่อน เพราะไม่เคยทดสอบการมองเห็นด้วยตนเองด้วยการปิดตาทีละข้าง

คุณหมดตาจะตรวจอะไรให้เราบ้าง?
1. ตรวจการมองเห็น โดยการทดสอบการมองเห็นทีละข้าง ถ้าผิดปกติ จะต้องหาสาเหตุว่าเป็นจากโรค หรือเป็นจากสายตา ถ้าเป็นจากสายตาก็ตัดแว่น ถ้าเป็นโรคก็รักษา หมอเขาจะบอกเราเองหลังจากตรวจเสร็จเเล้วค่ะ
2. ตรวจความดันลูกตา ในคนอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์บ่อยๆ ต้องตรวจความดันลูกตาเสมอเพื่อดูว่าเป็นต้อหินหรือไม่
3. ตรวจดูความใสของกระจกตาและแก้วตา ว่ามีการอักเสบหรือต้อกระจกหรือไม่
4. ตรวจดูจอตาและประสาทตา ในคนที่มีโรคทางกายหรือกินยาประจำ ต้องดูว่ามีผลแทรกซ้อนจากโรคหรือจากยาต่อจอตาหรือขั้วประสาทตาหรือไม่ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน หรือกินยารักษาโรคภูมิแพ้ ยาต้านวัณโรคบางตัว
5. ตรวจลานสายตา ในคนที่เป็นเนื้องอกในสมอง เส้นเลือดสมองตีบตัน หรือต้อหิน ลานสายตาจะแคบกว่าปกติ
6. ตรวจระบบการสร้างและระบายน้ำตา ในคนตาแห้งหรือตาเปียกมีขี้ตา ต้องดูว่าท่อน้ำตาอุดตันหรืออักเสบหรือไม่



ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตา?
1. เด็กวัยก่อนเข้าเรียนและวัยเรียน ควรตรวจสายตา และกล้ามเนื้อตา เพื่อดูว่าสายตาผิดปกติต้องใช้แว่นสายตาหรือไม่ บ่อยครั้งที่เราพบว่าเด็กวัยนี้สายตาผิดปกติแต่ไม่บอกผู้ปกครอง ทำให้มีปัญหาการเรียน หรือมีพฤติกรรมต้องหยีตา หรือปวดศีรษะบ่อยๆ

2. ผู้มีอาการทางตา เช่น ปวดตา ปวดศีรษะบ่อยๆ ตามัว ตาแดง เห็นภาพซ้อน น้ำตาไหล ตาแฉะ ควรตรวจตาให้ละเอียดว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือไม่ บ่อยครั้งที่พบว่าผู้ป่วยเป็นต้อหิน ต้อกระจกซ่อนอยู่

3. มีประวัติต้อหินในครอบครัว หรือตาบอดไปข้างหนึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรตรวจตาว่าเป็นต้อหินหรือไม่ เพราะโรคต้อหินเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ ควรได้รับการตรวจความดันตาและประสาทตาในคนอายุ 35 ปีขึ้นไป

4. คนอายุ 40 ปีที่เริ่มมีปัญหาทางสายตา ผู้สูงอายุที่ต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ แต่รู้หรือไม่ว่าคนวัยนี้มีโอกาสเป็นต้อหิน 1% ฉะนั้นก่อนจะตัดแว่นควรพาไปพบจักษุแพทย์ให้ตรวจตาก่อนทุกครั้ง



5. มีสายตาสั้นมากหรือยาวมาก ควรตรวจตาประจำปี สายตาสั้นมากมีโอกาสเป็นต้อหินชนิดเรื้อรัง และจอตาฉีกขาดเป็นรูง่ายกว่าคนทั่วไป ส่วนพวกสายตายาวมากก็มีโอกาสเป็นต้อหินชนิดมุมปิดได้มาก การวัดความดันตาและการตรวจประสาทตาจึงมีความสำคัญอย่างมาก

6. ผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรตรวจตาดูว่ามีผลแทรกซ้อนทางตาหรือไม่ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมานานปีแม้จะคุมเบาหวานได้ดีก็มีผลแทรกซ้อนทางตาได้ ผู้เป็นเบาหวานควรตรวจตาทุกปี และควรตรวจบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของจักษุแพทย์เมื่อเบาหวานขึ้นจอประสาทตาแล้วเพื่อรับการรักษาแต่เนิ่นๆ

7. ผู้ที่ต้องกินยาบางอย่างนานๆ เช่น สเตียรอยด์รักษาโรคภูมิแพ้ เพราะมีโอกาสเป็นต้อกระจก และความดันตาขึ้นเป็นต้อหิน ยาคลอโรควินรักษาโรคไขข้อก็มีโอกาสเป็นจอประสาทตาส่วนกลางเสื่อม ยาต้านวัณโรคบางตัวก็อาจทำให้ขั้วประสาทตาอักเสบ ตามัวลงได้

8. ใส่คอนแทคเลนส์ประจำ ควรได้รับการตรวจตาทุก 3 เดือน ดูว่ามีการอักเสบของเยื่อบุตาหรือไม่เพื่อพิจารณาให้หยุดชั่วคราวและรักษาให้หายก่อนจึงกลับมาใช้ใหม่ มิฉะนั้นอาจเกิดการอักเสบของกระจกตาได้ 

9. ผู้ที่ใส่แว่นตาอยู่แล้ว  ก็ควรได้รับการตรวจตาเช่นกัน เพราะแว่นที่ใช้อยู่อาจไม่ถูกต้องกับสภาพสายตาปัจจุบันของท่านก็เป็นได้




  ตรวจสุขภาพตาเสร็จเเล้ว ผลออกมาตาปรกติ ไม่มีโรคทางตา พอออกมาข้างนอก ตาสู้เเสงไม่ได้ ทางโรงพยาบาลให้เเว่นกันเเดดมา บอกว่าต้องใส่นะ 

 ที่ตาสู้เเสงสว่างไม่ได้ เนื่องจากหยอดยาขยายรูม่านตา ทำให้ตาชา เเละสู้เเสงไม่ได้

เหตุผลที่ต้องใช้ยาขยายรูม่านตา เหตุเพราะ โดยปกติรูม่านตาของคนเรามีขนาดเล็กประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 - 4 ม.ม. และจะมีขนาดเล็กลงเมื่อถูกแสงสว่าง ซึ่งในการตรวจอวัยวะภายในตา ทั้งแก้วตา น้ำวุ้นตา จอตา ตลอดจนขั้วประสาทตา ล้วนต้องใช้ไฟส่องผ่านรูม่านตานี้ทั้งสิ้น และเมื่อปากโอ่งลดขนาดลง..แน่นอนว่าการจะตรวจดูภายในโอ่งคงไม่ได้ละเอียดมากพอ แล้วจะทำยังไงให้ปากโอ่งกว้างเท่ากับความกว้างของตัวโอ่ง เพื่อตรวจดูภายในโอ่งได้ชัดเจน การหยอดยาขยายม่านตาจึงเป็นคำตอบที่ดี!!



เหตุผลดีๆ ที่ทำไมถึงควรหยอดยาขยายม่านตา
 ขยายให้รูม่านตากว้าง เพื่อตรวจภายในลูกตาได้ละเอียดยิ่งขึ้น  ช่วยในการผ่าตัดภายในดวงตา ทั้งต้อกระจก (การผ่าตัดเลนส์แก้วตา) น้ำวุ้นตา ตลอดจนจอประสาทตา รวมทั้งการรักษาด้วยแสงเลเซอร์บริเวณจอประสาทตาตา เป็นต้น

ในบางกรณีที่มีการอักเสบภายในลูกตา ทำให้ม่านตาอาจไปติดกับส่วนต่างๆ ที่อยู่ใกล้ เช่น เลนส์แก้วตา กระจกตา น้ำวุ้นตา ตลอดจนมุมระบายน้ำในลูกตา ทำให้เกิดต้อหิน ต้อกระจก ม่านตาปิดจนบังสายตา ในกรณีนี้การขยายม่านตาจะลดการติดกับส่วนต่างๆ ของม่านตาได้

 ยาขยายม่านตามักจะมีฤทธิ์ลดการเพ่งของตา จึงเหมาะในการรักษาโรคของม่านตาและโรคของเนื้อเยื่อในลูกตาที่เรียกว่า ciliary body ยาขยายม่านตาทำให้เกิดการพักของม่านตาและ ciliary body ลดอาการปวด ช่วยให้การอักเสบหายได้เร็วขึ้น

 ช่วยในการวัดสายตาได้แม่นยำยิ่งขึ้น (ฤทธิ์ลดการเพ่งของตา) โดยเฉพาะการวัดหาค่าของสายตาในเด็กหรือในแว่นตาคู่แรกควรวัดโดยการหยอดยานี้ เนื่องจากเด็กมักจะเพ่งสายตาตลอด ทำให้สายตาที่วัดได้ผิดไปจากค่าที่แท้จริง



ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดขยายม่านตา
 ตาสู้แสงไม่ได้ เนื่องจากม่านตาไม่หดเมื่อเห็นแสง แสบตา เคืองตาเวลาพบแสง แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนกว่าจะหมดฤทธิ์ของยาที่หยอด
 มองใกล้ไม่ชัด เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเพ่งทำงานไม่ได้
 ในผู้ป่วยบางรายที่ช่องที่อยู่ส่วนหน้าของลูกตาแคบ อาจเป็นเหตุให้เกิดภาวะต้อหินเฉียบพลันได้



คำแนะนำหลังได้รับการหยอดยาขยายรูม่านตา
 หลังหยอดยาขยายม่านตาจะทำให้ตามัวประมาณ 6-8 ชั่วโมง ไม่สามารถขับรถและอ่านหนังสือได้
 ผู้ป่วยต้องมีญาติมาด้วยทุกครั้งและ/หรือไม่ควรขับรถเองหลังได้รับการขยายม่านตา หากผู้ป่วยมา คนเดียว และประสงค์จะขยายม่านตาแนะนำให้ผู้ป่วยนั่งรถ Taxi กลับ หรือ รอญาติมารับ
 ในกรณีต้องส่งผู้ป่วยไปตรวจแผนกอื่นต่อหลังจากขยายม่านตา ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้รถนั่งในการเคลื่อนย้ายทุกครั้ง  เนื่องจากอาจทำให้เกิดการพลัดตกหกล้ม  หรืออันตรายอื่นๆ กับผู้ป่วยได้
 ใช้แว่นตาดำเพื่อช่วยลดความจ้าของแสง

ที่สถาบันตาเเห่งนี้รับตรวจสายตา, ตัดเเว่น, ซ่อมเเว่น, ดัดเเว่น เเละมีคอนเทคเลนส์ ราคาย่อมเยาว์ ติดต่อสอบถามตามเบอร์โทรศัพท์ที่เห็นในภาพ รับทั้งคนที่มี/ไม่มีประกันสุขภาพค่ะ



ตรวจตาเสร็จ เป็นเวลาอาหารกลางวันของที่นี่ ด้านนอกตึก มีรถทรัคขายอาหารกลางวันเเก่คนทั่วไปเเละเจ้าหน้าที่



เราเเวะซื้ออาหารที่นี่ทานค่ะ



คนขายเป็นเเมกซิกัน ขายอาหารเเมกซิกัน เราสั่งทาโกเนื้อ 2ชิ้น ราคา 6ดอลล์ 



ดูเเลสุขภาพกายเเล้ว อย่าลืมดูเเลสุขภาพตากันด้วย ขอบคุณทุกท่านที่เเวะมาเยี่ยมบล็อกนะคะ

Create Date : 30 กันยายน 2565		0 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2565 0:19:33 น.
Counter : 493 Pageviews.
Share Tweet